บริหาร การจัดการ การตลาด พัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด กลยุทธ์ ธรรมะ จักรราศี ฯลฯ
จัดตั้งธุรกิจ ปรับปรุงกิจการ | ไขความลับสมองเงินล้าน | การเขียนแผนธุรกิจ | บริหารคน บริหารงาน | พัฒนาความคิด
พระไตรปิฎกฉบับหลวง | แด่องค์กรที่แสนรัก | สุขใจกับเด็กสมาธิสั้น
Group Blog
 
All Blogs
 
สร้างวัฒนธรรมองค์กร ลูกผสม ตะวันออก + ตะวันตก....

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)



เรื่องวัฒนธรรมองค์กรบางคนบอกว่าสร้างยาก บางคนบอกว่ามันเป็นสิ่งที่มีสำหรับองค์กร แต่สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าการสร้างวัฒนธรรมองค์กร มันสามารถทำได้ จะบอกว่ายากหรือไม่นั้น มันขึ้นกับคนทำว่าสามารถเปลี่ยน มีแรงที่จะทำ มีแนวความคิดเพื่อส่วนรวมจริงๆหรือไม่ และ หวังผลเพื่อองค์กรมากน้อยเพียงใด กล้าที่จะชนเพื่อองค์กรหรือไม่ นั่นเป็นกุญแจสำคัญในการปรับเปลี่ยนองค์กรเลยทีเดียว... คนที่ประเภทรู้ทั้งรู้ว่าการปรับเปลี่ยนบางครั้ง อาจจะทำให้เจ้านายบางคนไม่ชอบก็ต้องทำเพราะ สร้างวัฒนธรรมองค์กรเพื่อเป็นหนทางที่จะสร้างให้องค์กรประสบความสำเร็จ บางทีอาจจะโดนให้ออกแบบกลางอากาศ บางคนก็ยังกล้าที่จะทำ ที่เจอจังๆก็ประเภทยื่นเวลาให้ออกจากงาน แต่ก็ยังทำเพื่อองค์กรในระยะเวลาที่เหลืออยู่ คนไทยที่เป็นหัวหน้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแบบนี้ก็ยังมี และ หัวหน้างานที่พยายามเปลี่ยนแปลงองค์กรไปในทางที่ดีขึ้นก็มีนะครับ ผลลัพธ์ตอนแรกมันอาจจะยังไม่เด่นชัด แต่ในระยะยาวจะเห็นได้เลยว่า สิ่งที่ทำไปเพื่อองค์กร มันจะส่งผลให้องค์กรแข็งแรง คนที่ไม่ทำเพราะไม่กล้า แต่คนที่กล้าทำ ก็อยู่ไม่ได้ มีเยอะไป...

สุภาษิตคนทำงานคือ คนไม่ทำ ไม่ผิด (แต่ก็ไม่ถูก)


องค์กรของคนไทยที่เจอมาไม่ใช่ว่าจะเลวร้ายเสมอไป เท่าที่ผมผ่านเข้าไปวิเคราะห์ระบบงานให้กับบริษัทฯของคนไทย และ คนต่างชาติมากมาย ผมไม่ค่อยได้เจอบริษัทฯ ที่พนักงานไม่ทำงาน เกเร หรือ ลับหลังเจ้านายกลายเป็นอีกอย่างมากนัก อาจเป็นเพราะผมโชคดีก็ได้มั๊ง... ที่เจอจริงๆก็ประเภทไม่ทุ่มเท เพราะพนักงานทำงานแลกกับเงิน ไม่มีหัวใจของคนทำงานอยู่ในตัวเลย แต่ผมก็ค่อยๆแก้ด้วยวัฒนธรรมองค์กรใหม่ ค่อยๆสร้างให้เขา และปรับเปลียนโครงสร้างกันไป พวกเขาก็ทำงานกันแบบทุ่มสุดตัวเหมือนกัน สิ้นปีผลงานออกมาแบบต่างกันราวฟ้ากับดินเลยทีเดียว

องค์กรของคนไทย เป็นองค์กรแบบพี่น้อง โอบอ้อมอารี และ ทำอะไรไปเรื่อยๆ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยจะวางแผนงานสักเท่าไร ดังนั้น การเอารูปแบบของตะวันตก ผสม ตะวันออก เข้าไปผสมบ้างถึงจะดี แต่ต้องไม่ทำให้วัฒนธรรมทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไปในคราเดียว ต้องค่อยๆผสมผสาน ชี้ให้เห็นผลที่จะได้รับจากการกระทำ ไม่ใช่การสั่งการ


คนไทยชอบทำงานแบบสบายๆก็จริง แต่ผมว่าไม่ใช่เพียงคนไทย คนต่างชาติก็เป็น เขาก็เปิดงานสบายๆ หรือ ไม่ทำงานเลยมากกว่าเราเสียอีก แต่ไม่เห็นเขาเอามาบอกกล่าวเลย กลับเอาแต่คนที่ประสบความสำเร็จ คนที่ทำงานหนักมาบอกกล่าว เพื่อตอกย้ำให้คนในชาติ ทำงานลักษณะนี้ เมื่อพบเห็นลักษณะดีๆบ่อยๆ ก็จะซึมซับให้ทุกคนมีลักษณะที่ดีขึ้น คนชอบทำงานสบายๆ กินแรงงานของเขานะมีเยอะ ไม่อย่างนั้นเขาจะคิดเอาวิธีการต่างๆเข้ามาควบคุมการทำงานของพนักงานของเขาหรือ ประเภท KPI ที่เขาคิดนะก็เป็นการควบคุมคนไม่ได้คุณภาพของเขา เพื่อผลักดันให้มีคุณภาพมากขึ้น ผมเห็นว่า คนเราทุกคนไม่ว่าชาติใด ศาสนาใด ย่อมมีคนดี และ คนไม่ดี ปะปนกัน เราต้องส่งเสริมคนดี และ จำกัดขอบเขตของคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจจนสามารถมาทำร้ายคนดีได้ (พระราชดำรัส) แต่การที่เรายกเอาเรื่องของคนที่ไม่ดีในชาติเพียงบางส่วน แล้วบอกว่า ชาติเราไม่ดีนั้น ผมว่ามันอาจจะทำให้บ้างเมืองเราสูญเสียภาพลักษณ์ที่ดีได้... ส่วนหนึ่งในใจของผม คืออยากให้คนเราปรับเปรี่ยนความคิดให้ดีขึ้น และ คิดได้มากขึ้น แต่ความเป็นจริง คนที่สามารถคิดได้นั้นมีน้อย ผมจึงไม่เห็นด้วยกับการเอาสิ่งไม่ดีมาเป็นตัวอย่าง เราทำไมไม่เอาข้อดีของคนในชาติที่ดีๆ มายกย่อง ชมเชย และ เชิดชูให้สังคมเราได้รับรู้และชื่นชมกับคนไทยของเรา

บุ ค ค ล า ก ร
องค์กรที่มีพนักงานที่ทำงานไม่เต็มที่เพราะขาดการควบคุมดูแลอย่างทั่วถึง และ ระบบงานยังไม่สามารถคงรูปของมันเองได้ การปรับเปลี่ยนต้องเปลี่ยนตั้งแต่เจ้าของไล่ลงมาถึงหัวหน้างานกันเลยทีเดียว สิ่งที่แก้ไขยากคือเจ้าของธุรกิจ และ ผู้บริหารระดับสูง แต่หากเป็นผู้บริหารระดับกลางลงมา มันไม่ยากแต่ต้องให้เขาทั้งหลายเข้าใจ


เ จ้ า ข อ ง ธุ ร กิ จ
ที่ยอมรับการบริหารแนวใหม่ๆ สามารถปรับเปลี่ยนองค์กรไปตามทิศทางที่ควรจะเป็น ก็สามารถทำให้องค์กรไปได้ไกล แต่หากเจ้าของธุรกิจไม่ยอมรับใครเลย และยังเชื่อมั่นในตนเองมากๆ ก็อาจจะทำให้องค์กรของตนอ่อนแอขี้โรค เพราะทั้งระบบสร้างจากความคิดเดียว ลักษณะงานเก่าๆ ที่ขาดการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพ ดังนั้นเมื่ออ่อนแอขี้โรค หากโดนกระทบจากภายนอกเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะทำให้เป็นไข้ไม่สบายได้ง่ายๆ เจ้าของธรุกิจลัษณะนี้ก็มี และก็ล้มหายตายจากไปก็มี ดังนั้นองค์กรจะเป็นเช่นไร เจ้าของธุรกิจเป็นคนขับเคลื่อนความเป็นไป ดีหรือไม่ มันมีผลจากเจ้าของธุรกิจเป็นหลัก


ผู้ บ ริ ห า ร ร ะ ดั บ สู ง
ผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่มีวิสัยทัศน์ และ แนวทางการทำงาน แต่ บางท่านไม่มีวิสัยทัศน์แถมยังคงความเป็นไปของการทำงานให้แค่รอดๆไปวันๆก็มี ซึ่งต้องเข้าใจถึงพื้นฐานของผู้บริหารระดับสูงแต่ละท่านก่อนว่าขึ้นมาได้อย่างไร

การปรับตำแหน่งของพนักงาน
1. ประเภทขึ้นมาจากความสามารถส่วนใหญ่แล้วมีแนวความคิด และ หนทางในการทำงานที่ดี ยิ่งขึ้นถึงผู้บริหารระดับสูงได้ ก็คงต้องมีองค์ประกอบเหล่านี้เป็นส่วนเสริมคือ
1.1 มีลูกน้องดี มีความสามารถ สนับสนุนการทำงานทุกอย่าง
1.2. บริหารงานในทีมได้ดี ทำงานได้ตรงตามเป้าหมาย
1.3 เก่งจากความสามารถของตนเพียงผู้เดียว ประเภท ต้องการอะไรได้หมดทุกอย่าง

บางคนมีเพียงอย่างเดียว บางคนมีมากกว่าหนึ่งอย่างในตน แต่บางคนมีทั้งสามอย่าง ผสมกัน

2. ประเภทขึ้นมาจากอายุงานที่มากขึ้น ซึ่งอายุงานมากก็หมายถึงมีประสบการณ์มาก คนกลุ่มนี้บางคนจะคิดจะอ่านจะเข้าไปในกรอบที่ตัวเองเคยทำมาเท่านั้น

3. ประเภทขึ้นมาจากการเป็นญาติ หรือ การฝากฝังคนกลุ่มนี้ต้องเข้าไปสัมผัสกับเขาโดยตรงว่า แนวความคิด ของเขาอยู่ในระดับใดก่อนจะทำอะไรลงไป

ดังนั้นหากรู้พื้นฐานการขึ้นมาของผู้บริหารระดับสูง คุณก็จะพบว่า องค์กรที่มีพนักงานทำงานไม่เต็มที่ นั้นส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มผู้บริหารที่ขึ้นมาจากประเภทที่ 2 และ 3 คุณก็สามารถหาวิธีการบริหาร ผู้บริหารระดับสูงได้แล้วว่า คุณต้องทำอย่างไร


ผู้บริหารระดับกลาง(ผู้จัดการ) และ หัวหน้างาน
คนกลุ่มนี้ต้องเป็นคนที่ทำงานจริงจัง จึงจะส่งผลให้องค์กรก้าวหน้า การขาดประสบการณ์ ทำให้ขาดความมั่นใจ ดังนั้นการควบคุมลูกน้องจึงอาจจะขาดหายและไม่รู้ลึกซึ้งถึงงานบริหาร เพราะคนกลุ่มนี้ มักขึ้นจากความสามารถส่วนบุคคลเป็นหลัก แล้วจับมาอยู่ในสายบริหาร บางคนอาจจะไม่ถนัด ทำให้รู้สึกสับสนและใช้คนไม่เป็น การให้ความรู้กับคนกลุ่มนี้ จึงสำคัญมากที่สุดในการสร้างองค์กร และ วัฒนธรรมการทำงานให้ได้ผลงาน เพราะเป็นจุดที่เชื่อมต่อกับพนักงานมากที่สุด องค์กรส่วนใหญ่ที่มีพนักงานไม่เต็มที่กับงาน ต้องจัดการกับคนกลุ่มนี้ก่อนเลย การจัดการก็ไม่ยาก ก็เพียงหาเครื่องมือในการจัดการให้เขา สร้างระบบงานที่ดีให้ เครื่องมือต้องสามารถให้คุณ และ โทษกับลูกน้องได้ และ สามารถช่วยงานวิเคราะห์ หรือ บริหารในบางส่วนได้ อีกอย่าง การสอนให้กลุ่มคนกลุ่มนี้สามารถคิดเชิงกลยุทธ์ได้เอง จะช่วยส่งเสริมให้องค์กรมีพื้นฐานที่แข็งแรงในอนาคตอีกด้วย


พ นั ก ง า น
ที่ทำงานไม่เต็มที่นั้น หากไล่ออก หรือ ตัดเงินเดือน หรือ ลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น ก็เหมือนกับการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ จริงๆแล้วหากเข้าใจพวกเขาว่าต้องการอะไร ก็ให้ในสิ่งเหล่านั้น พร้อมกับการทำให้พนักงานยินดีในการทำงาน เช่น พนักงานทุกคน ต้องการเงินเดือน ต้องการความก้าวหน้าในอาชีพ ต้องการโปรโมท ต้องการความมั่นคงในหน้าที่การงาน ต้องการสังคมที่เป็นลักษณะของเขาเอง ต้องการพักผ่อน ต้องการสวัสดิการที่ดีต่อชีวิต การให้เขาได้รับสิ่งเหล่านั้น หรือ มีแนวทางที่จะให้เขาเหล่านั้นได้ในสิ่งที่เขาต้องการ จะส่งผลให้พนักงานทำงานอย่างทุ่มเทมากขึ้น แต่หากเราให้ แล้วไม่ได้รับตอบสิ ก็ต้อง ทำโทษเช่นกัน การใช้ KPI ในการควบคุมการทำงานของพนักงานนั้น ต้องให้เขาเข้าใจถึงสิ่งที่ทำทำเพื่อตัวเขาเอง เพราะ เป็นหนทางที่เป็นรูปธรรมสำหรับผลงานของเขา เมื่อมีผลงานที่เป็นรูปธรรม ความก้าวหน้าในอาชีพ การขึ้นเงินเดือน ความมั่นคงในหน้าที่การงาน ย่อมตามมา หากองค์กรสามารถส่งเสริมเรื่องสวัสดิการ และ สุขภาพของเขาเหล่านั้นด้วยจะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้เต็มที่ และ เต็มใจมากขึ้น พนักงานที่มีคุณภาพก็เก็บไว้ทำงานกับเรานานๆ สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราได้พนักงานที่มีคุณภาพ คงต้องย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นคือ การหาพนักงานเข้าทำงานขององค์กรว่ามีประสิทธิภาพมากเพียงใด ด้วย


ร ะ บ บ ง า น
พูดเรื่องคนไปมากแล้ว แต่อีกส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับองค์กรที่พนักงานทำงานไม่เต็มที่ก็คือ ระบบงาน ที่พนักงานทำงานกันอยู่
องค์กรส่วนใหญ่ที่พนักงานทำงานไม่เต็มที่ เพราะ งานมีน้อยกว่าพนักงาน คนทำงานแต่ละคนทำเพียงงานเล็กๆที่ไม่ครอบคลุมเวลางานทั้งหมด ทำให้ระบบงานใหญ่เกินความจำเป็น ผมมักเรียกองค์กรเหล่านี้ว่า เป็นคนที่อ้วนเกินไป ต้องบริหารร่างกายแล้ว... ก่อนจะบริหารร่างกาย ก็ต้องจัดระบบการทำงาน ไม่ว่า เรื่องเอกสารการติดต่อ เรื่องการทำงาน ลำดับการทำงานของแต่ละส่วน ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์และความสามารถของผู้ทำ เพื่อจัดโครงสร้างการทำงานให้เป็นรูปร่าง และ ได้สัดส่วนที่พอเหมาะ ไม่อ้วนไป ไม่ผอมไป และ ต้องแข็งแรงสมบูรณ์ ดังนั้น การมีตัวตายตัวแทน หรือ มีมือขวาย่อมหลีกเลี่ยงไม่พ้น ทำให้ระบบงานสามารถยืดหยุ่นได้ ในลักษณะที่ไม่อ้วนเกินไป งานมีพอดี หรือ น้อยกว่าจำนวนคนเพียงเล็กน้อย และ สร้างความรับผิดชอบให้กับพนักงานในองค์กร มีระบบอื่นๆมารองรับเช่น การวัดความพึงพอใจในการทำงานของพนักงาน ระบบการประเมิณผลในรูปแบบทุกทิศทาง และมีเป้าหมายที่เด่นชัดเพื่อให้องค์กรก้าวไปในทิศทางเดียวกัน อย่างเป็นรูปธรรม สิ่งเหล่านี้ขึ้นกับองค์กรว่า จะเห็นคุณค่าของมันมากน้อยเพียงใด เพราะนี่เป็นคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ มันมองไม่เห็นถึงสิ่งที่จะตอบกลับอย่างรวดเร็ว แต่ระยะยาวจะส่งผลให้ผลักดันธุรกิจไปได้ไกลมากขึ้น


โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)





Create Date : 27 กรกฎาคม 2548
Last Update : 24 สิงหาคม 2551 13:32:13 น. 3 comments
Counter : 2324 Pageviews.

 



จ๊ะเอ๋ ..
หนี่ฯมาแล้วค่ะ

ดูซิ!!
หัว ของหนี่ฯ โต๊ โต เลยค่ะ
ความรุ้เพียบ ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณ ค่ะ ..





โดย: หนี่หนีหนี้ วันที่: 27 กรกฎาคม 2548 เวลา:19:24:22 น.  

 
ขอบคุณค่ะ
เดี๋ยวนี้องค์กรไม่ค่อยมีความมั่นคงทางการงานให้กะลูกน้องเท่าไรอีกต่อไปแล้ววว เฮ้อ


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:6:54:50 น.  

 
สำหรับหนู การที่จะสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ได้สิ่งที่ต้องเปลี่ยนอย่างแรกคือ ทัศนคติของผู้บริหาร หรือเจ้าของค่ะ หากเค้ายังไม่ยอมรับว่าระบบที่เป็นอยู่ห่วยแตกทำให้ศักยภาพของบริษัทต่ำกว่าที่ควรจะเป็นก็คงไม่ยอมเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรน่ะค่ะ

หากเค้าให้ยอมรับในการเปลี่ยนแปลงตรงนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเปลี่ยนองค์กร

เพราะคนที่เป้นเจ้าของหรือผู้บริหารทีวิสัยทัศน์แคบๆก็เหมือนกับไม้แก่ที่ดัดยากน่ะค่ะ

มีส่วนถูกมั่งไหมคะเนี่ย(หัดวิเคราห์น่ะค่ะ)


โดย: คนฤดูเหงา IP: 58.147.54.127 วันที่: 5 ตุลาคม 2548 เวลา:0:20:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wbj
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [?]




ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544

วิทยากรเชิงกิจกรรม

วิทยากรกระบวนการ

ที่ปรึกษาธุรกิจ

ด้านการบริหารจัดการ

การตลาดและการประชาสัมพันธ์

การบริหารทรัพยากรมนุษย์

การวางแผนกลยุทธ์

วิจัยธุรกิจ

IT Dashboard



ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด



<< Main Menu >>



ดวงถาวร


ดวงตามวันเกิด



ดวงตามปีเกิด






;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'

ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong

ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และ การวางแผนกลยุทธ์ วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ Executive & Management Coach

ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
Friends' blogs
[Add wbj's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.