Group Blog
Penny Royal Tea Garden
mY favorite Thingzzzz!!! and your's?!??
chill เชียว=เรื่อยเปื่อย(ไม่งอก)
เม้นท์ iT!!ฝากตัวอักษร....
tongdigy ชวนชม
All Blogs
...........................
in My hEad. volume 2 (พิษร้ายจากโรงเรียนประจำหรือปล่าว?)
in My hEad!! volume one
เดินสะดุด...โลกลายจุดของคุณป้ายาโยย
ดอกไม้ไฟ....ดอกไม้...ใจ
ไม่คุ้มค่าเงิน แต่เพลิดเพลินหัวใจ...จ้ะ.
ข่าวด่วน!!!
in My hEad!! volume one
อยู่ๆก็คิดอยากรู้ว่า แต่ละปีที่ผ่านมาเราคิดถึงเรื่องราวต่างๆเปลี่ยนไปยังไงบ้าง ก็เลยไปคุ้ยข้อความที่เขียนไว้เก่าๆมาอ่าน ดังมีข้อความต่อไปนี้
"นานแค่ไหนแล้วหน๊อ ...ที่ผมไม่เคยกินมะม่วงสุกจากต้น คงนานพอๆกับช่วงเวลาที่ผมไม่ได้กลับบ้าน สามปี...ไม่สิมันน่าจะมากกว่านั้น ครับ....ผมไม่ได้กลับบ้านมานานมากแล้ว ไม่ใช่ว่าผมงานยุ่งมาก มีงานรัดตัวจนไม่ได้ไปไหนหรอกครับ ชีวิตนักศึกษาอย่างผมน่ะว่างจะตาย ไม่ใช่ว่าบ้านของผมจะอยู่ไกลมากมายอะไรหรอกนะครับ นั่งรถจากกรุงเทพชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว วันนึงไปกลับสองสามรอบยังไหวเลย นอกจากวันจันทร์-ศุกร์ซึ่งเป็นวันเรียนของพวกเรา นักศึกษาอย่างพวกเพื่อนผมพร้อมเสมอที่จะเดินทางระหกระเหินไปเที่ยวต่างจังหวัดเสมอในวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนผมน่ะไม่ค่อยชอบไปไหนกับเค้าหรอก ผมชอบอยู่กรุงเทพมากกว่า ผมชอบไปดูหนัง จิบกาแฟ เดินสวนจตุจักร เข้าร้านหนังสือ ไปสวนสัตว์ ไปสวนสาธารณะ เดินซื้อของฯลฯ คิดๆดูแล้วผมชอบอยู่ในเมืองครับ บ้านก็ไม่กลับ ไปต่างจังหวัดกะเค้าก็ไม่ไป อยู่แต่ในกรุงเทพฯเป็นหลัก ผมคงชอบความเจริญของเมืองใหญ่เมืองนี้ซะแล้ว ความเจริญนำมาซึ่งความสะดวกสบาย เมื่อเราสบายกายใจเราก้อคงสบายไปด้วย
วันเสาร์..เหงาเหงา(วันนี้เป็นวันแรกของเทศกาลปีใหม่) ผมตื่นมาตอนสายๆ แล้วพบว่าเหลือผมคนเดียวอยู่ในบ้าน หน้าตู้เย็นมีกระดาษโน๊ตแปะอยู่ ข้อความในกระดาษนั้นเขียนโดยพวกเพื่อนๆผมเอง พวกกูเพิ่งคิดกันว่าจะไปเยี่ยม อ.นิวัติ ที่พิจิตรกัน มึงกลับมาดึกพวกกูรอบอกไม่ไหว ถ้าจะตามไปก็ไปเจอกันที่บ้านอ.เลย เฮ้อ....อีกแล้ว....นิสัยคิดได้ทำเลย ผมล่ะเบื่อจริงๆ ผมคงไม่ตามพวกมันไปหรอก ขี้เกียจนั่งรถ ออกไปใช้เงินดีกว่า เมื่อวานได้ค่าจ้างถ่ายรูปมาเยอะ
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ออกจากบ้านกะว่าจะไปดูหนังซะหน่อย หยุดหลายวันอย่างนี้ โรงหนังมักจะไม่ค่อยมีคนดู จะได้นั่งดูกันสบายๆ แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ ผมจึงต้องเริ่มจากหาข้าวกินก่อน สะดวกที่สุดคงต้องตลาดหน้าปากซอยนี่แหละครับ สั่งอาหารเสร็จผมก้อมานั่งรอที่โต๊ะ วันนี้คนไม่ค่อยทำกับข้าวกันรึไง ศูนย์อาหารของตลาด คนจึงเยอะขนาดนี้ มีคนแทบทุกโต๊ะเลย ขณะที่ผมนั่งลอยลอย คอยอาหารอยู่ ผมทอดสายตาไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอายุน่าจะราวๆ สี่สิบเกือบห้าสิบ ผมเธอเริ่มเป็นสีดอกเลาแล้ว ผมเห็นเธอเดินไปพูดอะไรบางอย่างกับคนที่นั่งกินข้าวกันอยู่ตามโต๊ะต่างๆ บริเวณหน้าศูนย์อาหารของตลาดแถวโต๊ะที่อยู่ติดถนน พูดเสร็จเธอก็ทรุดตัวลงนั่งแล้วพนมมือพลางเอามือไปยื้อยุดให้เด็กที่เดินมากับเธอนั่งลงตาม
ขอทานอีกแล้ว เฮ้อ! ผมนึกในใจ ขอทานเป็นกลุ่มคนที่พบได้ทั่วไป ในเมืองใหญ่แห่งนี้ เค้าจะเข้ามาสร้างความรำคาญให้คุณด้วยการหยุดยืนนิ่งจ้องดูกิจกรรมของคุณ ในเวลาที่คุณกำลังเพลิดเพลินกับกิจกรรมที่ต้องนั่งบนโต๊ะ เช่น กินข้าว กินกาแฟ นั่งคุย กินเหล้า โทรศัพท์หรือนั่งรอรถเมลล์กับแฟนก็ตาม เพื่อแลกเศษเงินเล็กน้อยกับการจากไปของพวกเขา(ซึ่งหมายถึงเลิกตอแยเรา) เมืองที่เจริญทุกที่มีขอทาน
ผมนั่งมองตามหญิงคนนั้น เดินไปตามโต๊ะอาหารสี่-ห้าโต๊ะ ทุกโต๊ะแสดงท่าทางต่อเธอไม่ต่างกันนัก บ้างก้อทำเป็นไม่สนใจ บ้างก็โบกไม้โบกมือ บอกให้ไปที่อื่น ผมสงสัยจังว่าเธอพูดกับคนเหล่านั้นว่าอย่างไร จึงได้รับการสนองตอบอย่างนั้น แล้วจานข้าวหมูกรอบก็ถูกวางลงตรงหน้าผม คล้ายๆเจ้าข้าวหมูกรอบจะบอกว่า นี่คือสิ่งที่ผมจะต้องสนใจ มากกว่าหญิงขอทาน อืม.....น้ำราดหมูกรอบสีน้ำตาลทำให้มันดูน่าสนใจกว่าคำพูดของหญิงขอทานจริงๆด้วย
ผมนั่งละเลียดความหวานมันของข้าวหมูกรอบ อย่างเพลิดเพลิน ข้าวหมูกรอบร้านนี้นี่เยี่ยมยอดจริงๆ ข้าวก็ไม่แข็งจนเกินไป หมูกรอบก็ชิ้นใหญ่ทอดด้วยความชำนาญและใส่ใจ ข้างนอกกรอบข้างในนุ่ม ไม่มีกลิ่นไหม้ และไม่เค็มจนเกินไป ไหนจะน้ำราดอีกล่ะ ทำจากน้ำตาลที่เคี่ยวกับน้ำแป้งมันจนข้น รสชาติเค็มนิดๆหวานหน่อยๆ น้ำซุปกระดูกหมูที่เสิร์ฟมาด้วยก็สุดยอด อืม.....กินต้นหอมเป็นของแนมท่าทางจะไม่เลว
แล้วก็มีเสียงแหบๆเศร้าๆ ลอยมาเข้าหูผม ฟังจากสำเนียง เสียงนั้นน่าจะถูกส่งมาในภาษาอีสาน ซึ่งจากความเชี่ยวชาญจากการฟังเพื่อนร่วมรุ่นของผมคุยกัน ทำให้ผมถอดความได้ดังนี้ คุณผู้เจริญคะ อิชั้นมาจากอีสาน พาน้องหำน้อย(บักหำน้อย) เนี่ยมาตามหาแม่มัน แต่แม่(น้องหำน้อย)มันย้ายไปที่อื่นแล้ว กรุงเทพก็ใหญ่มาก ตามหาไม่เจอ จะนั่งรถไฟกลับบ้าน ตอนนี้ก็ไม่มีเงินแล้ว ขอเงินเป็นค่าข้าวให้หำน้อยมันได้ไหม อีกแล้ว มามุขนี้อีกแล้ว ค่าข้าวให้เด็ก ทั้งปี!! แล้วผมก็ได้ยินเสียงสะอื้นของเด็ก ตามด้วยเสียงโฮพูดอะไรก้อไม่รู้เรื่อง จับใจความไม่ได้ ฟังแต่เสียงแหบเศร้าปลอบโยนเด็กน้อยว่า นิ่งเสียเถอะลูก เดี๋ยวกินข้าวแล้วเรานั่งรถไฟกลับไปรอแม่ที่บ้านกัน เดี๋ยวแม่เอ็งก็ไปหาที่บ้าน เดี๋ยวเค้าต้องไปหาเราที่บ้านแน่ๆ แม่เอ็งจะซื้อของฝากเอ็งเยอะแยะ
ผมนึกสงสัยในใจ ว่ผมโดนหลอกหรือปล่าว แล้วทำไมแกจะต้องพาเด็กมาลำบากด้วยหนอ ผมหันไปดูทั้งสองคน ผมบังเอิญสบตากับน้องหำน้อยของป้าแกพอดี ว่ากันว่าแววตาของเด็กไม่เคยโกหก แล้วผมก้อพบคำตอบในสายตาเด็กน้อย ไม่พอใจ...หิว...กลัว...วิตก... เห็นแล้วความเคลือบแคลงต่อเรื่องนี้ของผมก็หายไป
นึกย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว เราเคยมีบทสนทนาในวงเหล้าว่าด้วยเรื่องของความเจริญ บทสนทนานี้เริ่มขึ้นและจบยังไงผมก็จำไม่ได้ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งของการสนทนาที่เราพยายามพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจากความเจริญ คนอื่นๆรวมทั้งผม ต่างหยิบยกเรื่องต่างๆมาเสนอกันเช่น รถไฟฟ้ากับการประหยัดเวลาขึ้น ลิฟท์ อินเตอร์เน็ต ไมโครซอฟท์ฯลฯ ในวงเหล้าของเราเมื่อก่อนมักจะมีอาจารย์คนหนึ่งเป็นสมาชิกเสมอๆ ก่อนที่แกจะลาออกกลับไปดูแลแม่ที่ต่างจังหวัด วันนั้นแกเสนอความคิดของแกว่า จริงๆแล้วความเจริญนั้น สร้างโอกาสให้คนเราสามารถแบ่งปันกันได้มากขึ้นและด้วยความเต็มใจ เพราะในความหมายแบบกว้างนั้น ที่ๆเจริญกว่า หมายถึงที่ๆมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากกว่าที่อีกที่หนึ่งมี
ผมหันมาดูยายหลาน อีกครั้งก่อนจะหยิบแบ๊งค์ใบละร้อย สามใบจากในกระเป๋าตังค์ของผม ยื่นให้คุณยายของน้องหำน้อย บอกให้แกซื้อข้าวละเอาเงินที่เหลือช่วยเป็นค่ารถไฟกลับบ้าน แล้วผมก็เดินจากมา ข้าวหมูกรอบมันไม่น่าสนใจเสียแล้วล่ะวันนี้
คุณผู้เจริญ คำๆนี้ทำให้ผมนึกถึง อ.นิวัติกับสิ่งที่แกพูดในวงเหล้าเรื่องสิ่งที่มากับความเจริญ ขึ้นมา และพาลสงสัยต่ออีกว่าเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเจริญที่สุดของประเทศ แหล่งรวมของความเจริญหลายๆอย่าง จะมี ผู้เจริญ อยู่ในเมืองนี้มากน้อยเพียงใด ผมว่าผมเอาคำถามนี้ไปถาม อ.นิวัติดีกว่า
......ไอ้เรื่องที่ถามเนี่ยนะ คำตอบน่าจะมาจากตัวผู้ถามเอง มากกว่าเพราะเราไม่สามารถมองสิ่งเดียวกันให้เหมือนกัน จากจุดที่อยู่คนละมุมได้....ผมพยักหน้า ก่อนจะยกแก้วกระดกอีกครั้งแก้งง ในคำตอบของแก เมื่อผมถามคำถามที่ผมอุตส่าห์หอบปุเลงปุเลง มาฝากแกจากกรุงเทพ
.......ผมส่งมะม่วงสุกชิ้นสุดท้ายเข้าปาก มะม่วงที่อ.นิวัติแกเอาใส่กล่องยกมาให้พวกเราก่อนกลับ กำชับนักกำชับหนาว่าให้รีบกิน เพราะมันเป็นมะม่วงสุกจากต้น เก็บไว้นานมันจะงอม(สุกเกินไป) ก่อนแกจะหันมาทำพยักเพยิดใส่ผม คำตอบอยู่ในกล่องแน่ะ แต่อย่าเอาไปค้นหาคนเดียวนะ เดี๋ยวคนอื่นจะอด แล้วแกก็ยิ้มให้พวกเราอีกครั้ง ก่อนจะขับรถพาเราไปขึ้นรถในตัวเมือง นั่นคือที่มาของมะม่วง ซึ่งเราได้รับคนละลูกเมื่อทำการแบ่งกัน กล่องเหล้าทั้งใบมีมะม่วงอยู่ สี่ลูก ที่เหลือเป็นกระดาษหนังสือพิมพ์ยัดมากันกระแทก มะม่วงอร่อยทำไมมีน้อยจัง...เฮ้อ
เออ...แล้วคำตอบมันเกี่ยวอะไรกลับมะม่วงหว่า.....
ก่อนที่ผมจะกลืนมะม่วงสุก...หอม...หวาน...ที่มาจากบ้าน อ.นิวัติลงคอ ผมแอบคิดว่า หรืออาจารย์ไม่ต้องการจะให้ผมสนใจกับเรื่องของจำนวน แต่ให้สนใจสิ่งที่เป็น เพราะมะม่วงสุกจากต้นที่แกแบ่งให้เพียงลูกเดียว ยังสร้างความอร่อยได้มากมายขนาดนี้ ถ้าผมมีมะม่วงที่ออกลูกอร่อยอย่างงี้ที่ผมจะให้ทั่วทั้งหมู่บ้านเลย................
แบ่ง....ให้ทั่ว....หมู่บ้าน......อ๋อ!!! ผมว่าผมได้คำตอบจากแกแล้วล่ะครับ"
Create Date : 08 ธันวาคม 2548
Last Update : 12 ธันวาคม 2548 2:03:06 น.
13 comments
Counter : 284 Pageviews.
Share
Tweet
แหม..จะบอกว่าชอบไปขุดไดฯเก่าๆมาอ่านบ่อยๆเหมือนกันค่ะ บางทีอ่านไปก็ขำตัวเอง มันคิดได้ไงเนี่ย บ้าบอจริงชั้นนี่
โดย:
@opal@
วันที่: 8 ธันวาคม 2548 เวลา:23:03:26 น.
แวะมาทักแบบ งง
โดย:
jaa_aey
วันที่: 9 ธันวาคม 2548 เวลา:0:51:26 น.
เพิ่งเขียนไดค่ะ
แต่เจอปัญหาถ้อยคำหลั่งไหลก่อนความคิด
โดย:
Thebrightestsunisthepurestgun
วันที่: 9 ธันวาคม 2548 เวลา:1:20:35 น.
แวะมาอ่านค่า
สุขสันต์วันศุกร์ค่ะ
โดย:
Batgirl 2001
วันที่: 9 ธันวาคม 2548 เวลา:8:29:41 น.
ไดเก่าๆ บันทึกความรู้สึกได้หลายอย่างเลยค่ะ ^^
โดย: khim (
ขิม เมธาวี
) วันที่: 9 ธันวาคม 2548 เวลา:8:34:47 น.
เออ...แต่ละคนก็มีเรื่องราวหลายรส..
จากการซ้อนทับกันในของ "วงเล่า" ใน "วงเหล้า" ..น่าประทับใจกันทั้งนั้นเนาะ..
พูดแล้วคิดถึงอาจารย์นิวัติ..ว่ะ..
คืนวันงาน 50 ปี ก็เจอแก..ผอมลงไปเยอะเลยย..
ป.ล.มีไรให้ดูว่ะไอ้น้อง
พวก สามก้าว...ลงมาอยู่ในบลอก.แล้ว
ไปดูกัน..เหอ เหอ
Click
ดู ความประพฤติพวกโบราณคดี สามก้าว
โดย:
กุมภีน
วันที่: 9 ธันวาคม 2548 เวลา:11:46:39 น.
เข้าใจคิดนะคะ
โดย: ju (
กระจ้อน
) วันที่: 10 ธันวาคม 2548 เวลา:16:39:55 น.
ไดอารี่เก่าๆ...บางทีก็ทำให้เราย้อนนึกถึงเรื่องราวทั้งดีและไม่ดีได้ค่ะ
ขอบคุณที่แวะไปทักทาย
โดย:
Peachy Punch
วันที่: 10 ธันวาคม 2548 เวลา:19:35:24 น.
เขียนไดอารี่ได้ยาวและลึกซึ้งดีจังค่ะ
ลป. อ่านแล้วอยากทานข้าวหมูกรอบ
โดย:
sommie
วันที่: 11 ธันวาคม 2548 เวลา:18:01:15 น.
แวะมาหวัดดีอีกครั้งนะคะ
โดย:
Batgirl 2001
วันที่: 11 ธันวาคม 2548 เวลา:22:47:54 น.
มาทักทายครับ
ขอบคุณที่ไปทักทายครับ
โดย:
VinKaBees
วันที่: 16 ธันวาคม 2548 เวลา:13:03:41 น.
โอ้ววววว
น้องฉัน...
ไม่อยากนึกถึงตัวจริงแกเล้ย
โดย:
เจ้าสายเทวดา
วันที่: 17 ธันวาคม 2548 เวลา:0:32:26 น.
ปลื้มใจครับ ที่เข้าไปทักทาย
โดย:
VinKaBees
วันที่: 17 ธันวาคม 2548 เวลา:11:45:34 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
tongdigy
Location :
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
เฮ่ยยยยย++GooD sometimes BaD:BaD sometimes GooD++
Friends' blogs
T_Ang
เจ้าสายเทวดา
Rastaman
patsypacky
กุมภีน
bigwores
พ่อน้องโจ
Qooma
VinKaBees
กระจ้อน
J'aime l'amour...
jaa_aey
P a s t e l T o n e
Thebrightestsunisthepurestgun
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
I will see U in the next life.
BAYROCKU
อ้ายจัน
Without me
sutida_jeaw
steviej
สาวไกด์ใจซื่อ
Freedom world
BBwindy
Shelling Ford`
gutofmadness
SevenDaffodils
I am just fine^^
tongdigy
อันปังแนน
Webmaster - BlogGang
[Add tongdigy's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.