Group Blog
 
All Blogs
 
in My hEad!! volume one

อยู่ๆก็คิดอยากรู้ว่า แต่ละปีที่ผ่านมาเราคิดถึงเรื่องราวต่างๆเปลี่ยนไปยังไงบ้าง ก็เลยไปคุ้ยข้อความที่เขียนไว้เก่าๆมาอ่าน ดังมีข้อความต่อไปนี้

"นานแค่ไหนแล้วหน๊อ…...ที่ผมไม่เคยกินมะม่วงสุกจากต้น คงนานพอๆกับช่วงเวลาที่ผมไม่ได้กลับบ้าน สามปี...ไม่สิมันน่าจะมากกว่านั้น ครับ....ผมไม่ได้กลับบ้านมานานมากแล้ว ไม่ใช่ว่าผมงานยุ่งมาก มีงานรัดตัวจนไม่ได้ไปไหนหรอกครับ ชีวิตนักศึกษาอย่างผมน่ะว่างจะตาย ไม่ใช่ว่าบ้านของผมจะอยู่ไกลมากมายอะไรหรอกนะครับ นั่งรถจากกรุงเทพชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว วันนึงไปกลับสองสามรอบยังไหวเลย นอกจากวันจันทร์-ศุกร์ซึ่งเป็นวันเรียนของพวกเรา นักศึกษาอย่างพวกเพื่อนผมพร้อมเสมอที่จะเดินทางระหกระเหินไปเที่ยวต่างจังหวัดเสมอในวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนผมน่ะไม่ค่อยชอบไปไหนกับเค้าหรอก ผมชอบอยู่กรุงเทพมากกว่า ผมชอบไปดูหนัง จิบกาแฟ เดินสวนจตุจักร เข้าร้านหนังสือ ไปสวนสัตว์ ไปสวนสาธารณะ เดินซื้อของฯลฯ คิดๆดูแล้วผมชอบอยู่ในเมืองครับ บ้านก็ไม่กลับ ไปต่างจังหวัดกะเค้าก็ไม่ไป อยู่แต่ในกรุงเทพฯเป็นหลัก ผมคงชอบความเจริญของเมืองใหญ่เมืองนี้ซะแล้ว ความเจริญนำมาซึ่งความสะดวกสบาย เมื่อเราสบายกายใจเราก้อคงสบายไปด้วย

วันเสาร์..เหงาเหงา(วันนี้เป็นวันแรกของเทศกาลปีใหม่) ผมตื่นมาตอนสายๆ แล้วพบว่าเหลือผมคนเดียวอยู่ในบ้าน หน้าตู้เย็นมีกระดาษโน๊ตแปะอยู่ ข้อความในกระดาษนั้นเขียนโดยพวกเพื่อนๆผมเอง “พวกกูเพิ่งคิดกันว่าจะไปเยี่ยม อ.นิวัติ ที่พิจิตรกัน มึงกลับมาดึกพวกกูรอบอกไม่ไหว ถ้าจะตามไปก็ไปเจอกันที่บ้านอ.เลย” เฮ้อ....อีกแล้ว....นิสัยคิดได้ทำเลย ผมล่ะเบื่อจริงๆ ผมคงไม่ตามพวกมันไปหรอก ขี้เกียจนั่งรถ ออกไปใช้เงินดีกว่า เมื่อวานได้ค่าจ้างถ่ายรูปมาเยอะ
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ออกจากบ้านกะว่าจะไปดูหนังซะหน่อย หยุดหลายวันอย่างนี้ โรงหนังมักจะไม่ค่อยมีคนดู จะได้นั่งดูกันสบายๆ แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ ผมจึงต้องเริ่มจากหาข้าวกินก่อน สะดวกที่สุดคงต้องตลาดหน้าปากซอยนี่แหละครับ สั่งอาหารเสร็จผมก้อมานั่งรอที่โต๊ะ วันนี้คนไม่ค่อยทำกับข้าวกันรึไง ศูนย์อาหารของตลาด คนจึงเยอะขนาดนี้ มีคนแทบทุกโต๊ะเลย ขณะที่ผมนั่งลอยลอย คอยอาหารอยู่ ผมทอดสายตาไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอายุน่าจะราวๆ สี่สิบเกือบห้าสิบ ผมเธอเริ่มเป็นสีดอกเลาแล้ว ผมเห็นเธอเดินไปพูดอะไรบางอย่างกับคนที่นั่งกินข้าวกันอยู่ตามโต๊ะต่างๆ บริเวณหน้าศูนย์อาหารของตลาดแถวโต๊ะที่อยู่ติดถนน พูดเสร็จเธอก็ทรุดตัวลงนั่งแล้วพนมมือพลางเอามือไปยื้อยุดให้เด็กที่เดินมากับเธอนั่งลงตาม
ขอทานอีกแล้ว เฮ้อ! ผมนึกในใจ ขอทานเป็นกลุ่มคนที่พบได้ทั่วไป ในเมืองใหญ่แห่งนี้ เค้าจะเข้ามาสร้างความรำคาญให้คุณด้วยการหยุดยืนนิ่งจ้องดูกิจกรรมของคุณ ในเวลาที่คุณกำลังเพลิดเพลินกับกิจกรรมที่ต้องนั่งบนโต๊ะ เช่น กินข้าว กินกาแฟ นั่งคุย กินเหล้า โทรศัพท์หรือนั่งรอรถเมลล์กับแฟนก็ตาม เพื่อแลกเศษเงินเล็กน้อยกับการจากไปของพวกเขา(ซึ่งหมายถึงเลิกตอแยเรา) เมืองที่เจริญทุกที่มีขอทาน
ผมนั่งมองตามหญิงคนนั้น เดินไปตามโต๊ะอาหารสี่-ห้าโต๊ะ ทุกโต๊ะแสดงท่าทางต่อเธอไม่ต่างกันนัก บ้างก้อทำเป็นไม่สนใจ บ้างก็โบกไม้โบกมือ บอกให้ไปที่อื่น ผมสงสัยจังว่าเธอพูดกับคนเหล่านั้นว่าอย่างไร จึงได้รับการสนองตอบอย่างนั้น แล้วจานข้าวหมูกรอบก็ถูกวางลงตรงหน้าผม คล้ายๆเจ้าข้าวหมูกรอบจะบอกว่า นี่คือสิ่งที่ผมจะต้องสนใจ มากกว่าหญิงขอทาน อืม.....น้ำราดหมูกรอบสีน้ำตาลทำให้มันดูน่าสนใจกว่าคำพูดของหญิงขอทานจริงๆด้วย
ผมนั่งละเลียดความหวานมันของข้าวหมูกรอบ อย่างเพลิดเพลิน ข้าวหมูกรอบร้านนี้นี่เยี่ยมยอดจริงๆ ข้าวก็ไม่แข็งจนเกินไป หมูกรอบก็ชิ้นใหญ่ทอดด้วยความชำนาญและใส่ใจ ข้างนอกกรอบข้างในนุ่ม ไม่มีกลิ่นไหม้ และไม่เค็มจนเกินไป ไหนจะน้ำราดอีกล่ะ ทำจากน้ำตาลที่เคี่ยวกับน้ำแป้งมันจนข้น รสชาติเค็มนิดๆหวานหน่อยๆ น้ำซุปกระดูกหมูที่เสิร์ฟมาด้วยก็สุดยอด อืม.....กินต้นหอมเป็นของแนมท่าทางจะไม่เลว
แล้วก็มีเสียงแหบๆเศร้าๆ ลอยมาเข้าหูผม ฟังจากสำเนียง เสียงนั้นน่าจะถูกส่งมาในภาษาอีสาน ซึ่งจากความเชี่ยวชาญจากการฟังเพื่อนร่วมรุ่นของผมคุยกัน ทำให้ผมถอดความได้ดังนี้ “คุณผู้เจริญคะ อิชั้นมาจากอีสาน พาน้องหำน้อย(บักหำน้อย) เนี่ยมาตามหาแม่มัน แต่แม่(น้องหำน้อย)มันย้ายไปที่อื่นแล้ว กรุงเทพก็ใหญ่มาก ตามหาไม่เจอ จะนั่งรถไฟกลับบ้าน ตอนนี้ก็ไม่มีเงินแล้ว ขอเงินเป็นค่าข้าวให้หำน้อยมันได้ไหม” อีกแล้ว มามุขนี้อีกแล้ว ค่าข้าวให้เด็ก ทั้งปี!! แล้วผมก็ได้ยินเสียงสะอื้นของเด็ก ตามด้วยเสียงโฮพูดอะไรก้อไม่รู้เรื่อง จับใจความไม่ได้ ฟังแต่เสียงแหบเศร้าปลอบโยนเด็กน้อยว่า “นิ่งเสียเถอะลูก เดี๋ยวกินข้าวแล้วเรานั่งรถไฟกลับไปรอแม่ที่บ้านกัน เดี๋ยวแม่เอ็งก็ไปหาที่บ้าน เดี๋ยวเค้าต้องไปหาเราที่บ้านแน่ๆ แม่เอ็งจะซื้อของฝากเอ็งเยอะแยะ ”
ผมนึกสงสัยในใจ ว่ผมโดนหลอกหรือปล่าว แล้วทำไมแกจะต้องพาเด็กมาลำบากด้วยหนอ ผมหันไปดูทั้งสองคน ผมบังเอิญสบตากับน้องหำน้อยของป้าแกพอดี ว่ากันว่าแววตาของเด็กไม่เคยโกหก แล้วผมก้อพบคำตอบในสายตาเด็กน้อย ไม่พอใจ...หิว...กลัว...วิตก... เห็นแล้วความเคลือบแคลงต่อเรื่องนี้ของผมก็หายไป

นึกย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว เราเคยมีบทสนทนาในวงเหล้าว่าด้วยเรื่องของความเจริญ บทสนทนานี้เริ่มขึ้นและจบยังไงผมก็จำไม่ได้ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งของการสนทนาที่เราพยายามพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจากความเจริญ คนอื่นๆรวมทั้งผม ต่างหยิบยกเรื่องต่างๆมาเสนอกันเช่น รถไฟฟ้ากับการประหยัดเวลาขึ้น ลิฟท์ อินเตอร์เน็ต ไมโครซอฟท์ฯลฯ ในวงเหล้าของเราเมื่อก่อนมักจะมีอาจารย์คนหนึ่งเป็นสมาชิกเสมอๆ ก่อนที่แกจะลาออกกลับไปดูแลแม่ที่ต่างจังหวัด วันนั้นแกเสนอความคิดของแกว่า จริงๆแล้วความเจริญนั้น สร้างโอกาสให้คนเราสามารถแบ่งปันกันได้มากขึ้นและด้วยความเต็มใจ เพราะในความหมายแบบกว้างนั้น ที่ๆเจริญกว่า หมายถึงที่ๆมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากกว่าที่อีกที่หนึ่งมี


ผมหันมาดูยายหลาน อีกครั้งก่อนจะหยิบแบ๊งค์ใบละร้อย สามใบจากในกระเป๋าตังค์ของผม ยื่นให้คุณยายของน้องหำน้อย บอกให้แกซื้อข้าวละเอาเงินที่เหลือช่วยเป็นค่ารถไฟกลับบ้าน แล้วผมก็เดินจากมา ข้าวหมูกรอบมันไม่น่าสนใจเสียแล้วล่ะวันนี้

“คุณผู้เจริญ” คำๆนี้ทำให้ผมนึกถึง อ.นิวัติกับสิ่งที่แกพูดในวงเหล้าเรื่องสิ่งที่มากับความเจริญ ขึ้นมา และพาลสงสัยต่ออีกว่าเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเจริญที่สุดของประเทศ แหล่งรวมของความเจริญหลายๆอย่าง จะมี ผู้เจริญ อยู่ในเมืองนี้มากน้อยเพียงใด ผมว่าผมเอาคำถามนี้ไปถาม อ.นิวัติดีกว่า
......ไอ้เรื่องที่ถามเนี่ยนะ คำตอบน่าจะมาจากตัวผู้ถามเอง มากกว่าเพราะเราไม่สามารถมองสิ่งเดียวกันให้เหมือนกัน จากจุดที่อยู่คนละมุมได้....ผมพยักหน้า ก่อนจะยกแก้วกระดกอีกครั้งแก้งง ในคำตอบของแก เมื่อผมถามคำถามที่ผมอุตส่าห์หอบปุเลงปุเลง มาฝากแกจากกรุงเทพ


.......ผมส่งมะม่วงสุกชิ้นสุดท้ายเข้าปาก มะม่วงที่อ.นิวัติแกเอาใส่กล่องยกมาให้พวกเราก่อนกลับ กำชับนักกำชับหนาว่าให้รีบกิน เพราะมันเป็นมะม่วงสุกจากต้น เก็บไว้นานมันจะงอม(สุกเกินไป) ก่อนแกจะหันมาทำพยักเพยิดใส่ผม “คำตอบอยู่ในกล่องแน่ะ แต่อย่าเอาไปค้นหาคนเดียวนะ เดี๋ยวคนอื่นจะอด” แล้วแกก็ยิ้มให้พวกเราอีกครั้ง ก่อนจะขับรถพาเราไปขึ้นรถในตัวเมือง นั่นคือที่มาของมะม่วง ซึ่งเราได้รับคนละลูกเมื่อทำการแบ่งกัน กล่องเหล้าทั้งใบมีมะม่วงอยู่ สี่ลูก ที่เหลือเป็นกระดาษหนังสือพิมพ์ยัดมากันกระแทก มะม่วงอร่อยทำไมมีน้อยจัง...เฮ้อ
เออ...แล้วคำตอบมันเกี่ยวอะไรกลับมะม่วงหว่า.....

ก่อนที่ผมจะกลืนมะม่วงสุก...หอม...หวาน...ที่มาจากบ้าน อ.นิวัติลงคอ ผมแอบคิดว่า หรืออาจารย์ไม่ต้องการจะให้ผมสนใจกับเรื่องของจำนวน แต่ให้สนใจสิ่งที่เป็น เพราะมะม่วงสุกจากต้นที่แกแบ่งให้เพียงลูกเดียว ยังสร้างความอร่อยได้มากมายขนาดนี้ ถ้าผมมีมะม่วงที่ออกลูกอร่อยอย่างงี้ที่ผมจะให้ทั่วทั้งหมู่บ้านเลย................
แบ่ง....ให้ทั่ว....หมู่บ้าน......อ๋อ!!! ผมว่าผมได้คำตอบจากแกแล้วล่ะครับ"





Create Date : 08 ธันวาคม 2548
Last Update : 12 ธันวาคม 2548 2:03:06 น. 13 comments
Counter : 284 Pageviews.

 
แหม..จะบอกว่าชอบไปขุดไดฯเก่าๆมาอ่านบ่อยๆเหมือนกันค่ะ บางทีอ่านไปก็ขำตัวเอง มันคิดได้ไงเนี่ย บ้าบอจริงชั้นนี่


โดย: @opal@ วันที่: 8 ธันวาคม 2548 เวลา:23:03:26 น.  

 
แวะมาทักแบบ งง


โดย: jaa_aey วันที่: 9 ธันวาคม 2548 เวลา:0:51:26 น.  

 
เพิ่งเขียนไดค่ะ
แต่เจอปัญหาถ้อยคำหลั่งไหลก่อนความคิด


โดย: Thebrightestsunisthepurestgun วันที่: 9 ธันวาคม 2548 เวลา:1:20:35 น.  

 
แวะมาอ่านค่า

สุขสันต์วันศุกร์ค่ะ

Image hosted by Photobucket.com


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 9 ธันวาคม 2548 เวลา:8:29:41 น.  

 
ไดเก่าๆ บันทึกความรู้สึกได้หลายอย่างเลยค่ะ ^^


โดย: khim (ขิม เมธาวี ) วันที่: 9 ธันวาคม 2548 เวลา:8:34:47 น.  

 
เออ...แต่ละคนก็มีเรื่องราวหลายรส..
จากการซ้อนทับกันในของ "วงเล่า" ใน "วงเหล้า" ..น่าประทับใจกันทั้งนั้นเนาะ..

พูดแล้วคิดถึงอาจารย์นิวัติ..ว่ะ..
คืนวันงาน 50 ปี ก็เจอแก..ผอมลงไปเยอะเลยย..

ป.ล.มีไรให้ดูว่ะไอ้น้อง
พวก สามก้าว...ลงมาอยู่ในบลอก.แล้ว
ไปดูกัน..เหอ เหอ

Click ดู ความประพฤติพวกโบราณคดี สามก้าว


โดย: กุมภีน วันที่: 9 ธันวาคม 2548 เวลา:11:46:39 น.  

 
เข้าใจคิดนะคะ


โดย: ju (กระจ้อน ) วันที่: 10 ธันวาคม 2548 เวลา:16:39:55 น.  

 
ไดอารี่เก่าๆ...บางทีก็ทำให้เราย้อนนึกถึงเรื่องราวทั้งดีและไม่ดีได้ค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปทักทาย


โดย: Peachy Punch วันที่: 10 ธันวาคม 2548 เวลา:19:35:24 น.  

 
เขียนไดอารี่ได้ยาวและลึกซึ้งดีจังค่ะ

ลป. อ่านแล้วอยากทานข้าวหมูกรอบ


โดย: sommie วันที่: 11 ธันวาคม 2548 เวลา:18:01:15 น.  

 
แวะมาหวัดดีอีกครั้งนะคะ


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 11 ธันวาคม 2548 เวลา:22:47:54 น.  

 
มาทักทายครับ

ขอบคุณที่ไปทักทายครับ


โดย: VinKaBees วันที่: 16 ธันวาคม 2548 เวลา:13:03:41 น.  

 
โอ้ววววว

น้องฉัน...

ไม่อยากนึกถึงตัวจริงแกเล้ย


โดย: เจ้าสายเทวดา วันที่: 17 ธันวาคม 2548 เวลา:0:32:26 น.  

 
ปลื้มใจครับ ที่เข้าไปทักทาย


โดย: VinKaBees วันที่: 17 ธันวาคม 2548 เวลา:11:45:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongdigy
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เฮ่ยยยยย++GooD sometimes BaD:BaD sometimes GooD++








Friends' blogs
[Add tongdigy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.