ไม่ต้องมีสิ่งดีๆ ก็ได้ ขออย่าให้มีเรื่องร้ายๆ ก็พอ
แม่ฮ่องสอน...สอนให้รู้ว่า....ไม่ต้องมีสิ่งดีๆ ก็ได้ ขออย่าให้มีเรื่องร้ายๆ ก็พอ
อิม ดอง-ฮยอน เป็นนักกีฬายิงธนูชาวเกาหลีใต้ที่....ตาบอด เขามองเห็นชัดเจนน้อยกว่าคนทั่วไปถึง 10 เท่า ภาพที่เขาเห็นจึงออกแนวเบลอๆ ถึงเบลอมากๆ ปัจจุบันเขาครองตำแหน่งมือสองของกีฬายิงธนูระดับโลก แต่ที่น่าสนใจก็คือ โอลิมปิค 2012 นี้ เขาหวังจะมาทวงตำแหน่งอันดับหนึ่งกลับคืนสู่อ้อมกอดของตนเอง
หลายคนคงสงสัยว่า..เฮ้ย อันดับ 2 ของโลกเลยเหรอ? ในขณะที่อีกหลายๆ คนคงสงสัยว่า..เฮ้ย...เคยเป็นอันดับ 1 เลยง๊าาา... อืมมม ก็น่าแปลกใจอยู่ ...ก็เขาตาบอดนี่ แต่เดี๋ยวก่อน...เดี๋ยวเล่าเสร็จ ขอให้ทุกคนร้องเฮ้ยพร้อมๆ กันยาวๆ อีกที เพราะรัฐบาลเกาหลีใต้เสนอค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดตาของเขาให้กลับมาเห็นเป็นปกติ ทว่าข้อเสนอนี้กลับถูกเขาปฏิเสธ... อ่ะ... คราวนี้ร้องเฮ้ยยยยย พร้อมๆ กัน!!
ที่เขาปฏิเสธเพราะเขากลัวว่าหากเขากลับมาเห็นอะไรได้ชัดๆ ความสามารถด้านอื่นๆ ที่เขาได้ชดเชยมามันจะหายไป แล้วความหวังที่เขาจะได้กลับมาเป็นอันดับ 1 ของโลกก็จะหายตามไปด้วย
ถ้าการมองเห็นเป็นสิ่งดีๆ ...อิม ดอง-ฮยอน คนนี้ เป็นคนหนึ่งล่ะที่ขอปฏิเสธ ไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปกว่าการพลาดจากการเป็นที่ 1 ของโลกในกีฬายิงธนูของเขาอีกแล้ว
เป็นเรื่องเข้าใจยากนะ ถ้าอยู่ในสถานะที่เรามองเขา ในทางกลับกันถ้ามองในสถานะที่เราเป็นเขาดู คงไม่ยากเกินเข้าใจ
ไม่ต้องมีสิ่งดีๆ ก็ได้ ขออย่าให้มีเรื่องร้ายๆ ก็พอ มีน้องคนหนึ่งจั่วหัว status ใน facebook ...มีคนคิดอย่างนี้จริงๆ หรือ? มักน้อยจัง ฉันก็เป็นคนหนึ่งล่ะ ที่ขอเจอสิ่งดีๆ บ้าง ไม่ต้องมาบ่อยก็ได้ ถึงนานๆ มาทีก็ขอให้มีมาบ้าง ก็เป็นธรรมดาของมนุษย์นะที่มักจะต้องแสวงหาความสุขกันเป็นหลัก
สุขแสวง ..อันนี้ไม่ใช่ชื่อคนนะ แต่เป็นค่านิยมของคนที่นิยมวัตถุ นิยมแสวงหาสิ่งของหรือประสบการณ์ที่จะนำมาซึ่งความสุขให้กับตนเอง การมาแม่ฮ่องสอนในคราวนี้ของฉัน นอกจากมาเพื่อทำงานแล้วส่วนหนึ่งก็มาเพื่อภารกิจนี้เหมือนกัน..แสวงหาความสุข
แล้วแม่ฮ่องสอนก็สอนให้ฉันรู้ว่า ความสุขของคนเรามันมีเท่าเดิมนั่นล่ะ ไม่เคยมีมากขึ้นจริงๆ หรอก...ฉันถูกจิตใจของตัวเองหลอก มาหลอกกันเองได้ไง..สุดจะช้ำ!!
เพราะก่อนมาที่นี่ ฉันก็มีความสุขอยู่แล้วในระดับหนึ่ง ตอนอยู่ที่นี่ฉันกลับนึกว่ามีความสุขมากกว่าปกติ แต่จริงๆ แล้วทุกวันนี้ฉันก็มีความสุขอยู่เท่าเดิมนี่!!!
เป็นเรื่องเข้าใจยากนะ ถ้าอยู่ในสถานะที่เรามองเขา ในทางกลับกันถ้ามองในสถานะที่เราเป็นเขาดู คงไม่ยากเกินเข้าใจ...
ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเอง ก็เหมือนกับ อิม ดอง-ฮยอน
ถ้าให้เลือกเอาความเจริญเข้ามาเพื่อให้ชีวิตคนในแม่ฮ่องสอนดีขึ้น คนที่นี่ขอปฏิเสธ แม่ฮ่องสอนต้องการความเจริญแบบพอดีๆ เพราะหลายคนในชุมชนที่นี่รู้ดีว่าจุดแข็งของเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่คือ วัฒนธรรม (วัฒนธรรมไทใหญ่) หากรับเอาความเจริญและวัฒนธรรมจากที่อื่นเข้ามามากเกินไป จะทำให้เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาเสี่ยงต่อการถูกคุกคาม ฉะนั้นสิ่งที่เห็นได้จากที่นี่จึงเปลี่ยนไปตามกาลเวลาบ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อย ส่ิงที่เห็นส่วนใหญ่มันคือของจริง!! ชีวิตความเป็นอยู่จริงๆ ที่ยังคงมีรากเหง้า ไม่ใช่เอะอะ ก็ตลาดน้ำๆ ไม่เชื่อลองกลับไปอ่าน กินอยู่อย่างไทใหญ่ที่ตลาดสายหยุด อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ดู
ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ไม่ได้พูดขึ้นมาเองนะ แต่ผู้ดูแล พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ที่ตั้งอยู่ที่อาคารเก่า รสพ. ที่แม่ฮ่องสอนนี่ล่ะ เขาเล่าให้ฟัง ที่นี่เป็นอาคารโบราณที่ปัจจุบันได้ทำเป็นศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว เป็นที่ซ่องสุมของกลุ่มคนที่เป็นแนวร่วมในการอนุรักษ์วัฒนธรรมของแม่ฮ่องสอนเอาไว้ เมืองแม่ฮ่องสอนทั้งเมืองจึงเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีตจนถึงปัจจุบันไว้ด้วยตัวของมันเอง ผ่านผู้คนและชีวิตความเป็นอยู่ การอนุรักษ์ของที่นี่จึงยั่งยืนและกินได้....อันนี้หมายถึงคนในชุมชนเขาก็มีรายได้จากตรงนี้ด้วยนะ
พิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่อาคารรสพ.แม่ฮ่องสอน
และที่นี่นี่เองที่ฉันได้พบกับแผนที่กิน แผนที่เที่ยววัด และแผนที่บ้านโบราณ แล้วมันก็บันดาลใจให้ออกเดินไป พร้อมกับมีเสียงพี่เค้าส่งมาตามหลัง...
ทุกอย่างเป็นไปได้ในการเดินทาง...เป้าหมายในการเดินทาง อาจไม่สร้างความประทับใจเท่ากับประสบการณ์ระหว่างทางที่พบเจอ....
ที่ว่ามาทั้งหมดนี้คือที่มาของกางเกงที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ฉันเลือกเดินทั้งที่นักท่องเที่ยว (ที่ฉลาด) ส่วนใหญ่จะเช่าจักรยานขี่ไปเรื่อยๆ รอบเมือง เพียงเพราะอยากเจอกับรายละเอียดระหว่างทางที่พี่เขาว่า
การเดินทำให้เห็นอะไรมากกว่าและสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ที่มีชีวาได้เป็นอย่างดี
พี่จะไปไหน? ระหว่างเดินถ่ายรูปบ้านโบราณไปเรื่อยเปื่อย เด็กน้อยคนหนึ่งปั่นจักรยานคันเล็กเล่นอยู่หน้าบ้าน เห็นฉันแล้วคงอดสงสัยไม่ได้ ...ก็เห็นเดินอยู่แถวนี้มา 2 วันแล้วนี่ เมืองก็เล็กไม่ยากที่จะดูรู้ว่าใครเป็นคนแปลกถิ่นแปลกหน้า จะปั่นไปส่งรึเปล่าล่ะ? ฉันถามเผื่อฟลุ๊ค ทั้งที่รู้ว่าถ้าซ้อนท้ายไปคงกลายเป็นจักรยานวิบาก ไปไหนล่ะ? อืมมม ...อันนี้จริงๆ ฉันเองก็ยังไม่รู้ กะว่าจะเดินไปเรื่อยๆ หาข้าวกิน...ไปกินข้าวที่บ้านด้วยคนได้มั้ย? ฉันถามเผื่อฟลุ๊คอีกที แต่ไม่ได้กินหรอกค่ะ ...ฉันไม่โชคดีขนาดนั้น เด็กน้อยส่ายหัว พ่อแม่เขาคงสอนมาดี เล่นเอาเราฝันสลาย ลาภปากได้แต่ลอยเคว้งอยู่ในอากาศ บ้านอยู่ที่ไหน? บ้านจริงๆนะ เด็กน้อยอยากรู้จักบ้านฉันบ้าง ไม่อยากจะบอก...ถ้าไปบ้านฉัน ฉันจะให้กินข้าวด้วยนะเอ่อ กรุงเทพฯ รู้จักมั้ย? ฉันตอบ เด็กน้อยได้แต่ส่ายหัวอีกที เป็นการจบบทสนทนา เฉพาะละแวกบ้านกับจักรยานคันเล็กๆ นี่ก็คงกว้างเกินกว่าที่จะต้องรู้จักกรุงเทพฯในตอนนี้
ได้เวลาเคารพธงชาติพร้อมเชิญธงลงจากยอดเสา ฉันเดินมาถึงวัดจองคำ-จองกลางพอดี วัดที่นี่ดูเงียบสงบ มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเฉพาะตัว พระสงฆ์องค์เจ้าก็ดูน้อยรูป ฉันเลยหยุดพักการเดินเท้าชั่วครู่ เข้ากราบหลวงพ่อโตทางด้านใน ตามด้วยการลอยเทียนสะเดาะเคราะห์บูชาพระอุปคุตที่ไม่เคยเห็นในภาคกลาง แล้วจบด้วยการลาแสงสุดท้ายของวันด้วยการเวียนเทียนรอบพระธาตุ
ในเวลานี้ฉันกลับรู้สึกสงบใจอย่างประหลาด นึกถึงคำพระทั้งหลายที่เคยได้ยิน
...ความทุกข์นั้นไม่เที่ยง มีทุกข์ได้เดี๋ยวก็ไม่มี ความสุขก็เช่นกัน
เดินออกมาที่หน้าวัด ตลอดแนวถนนเรื่อยไปจนถึงหน้าที่ทำการไปรษณีย์แม่ฮ่องสอนตอนนี้กลายเป็นถนนคนเดินไปตลอดสาย ฉันมาหยุดแวะกินมื้อเย็นที่หน้าที่ทำการฯที่ตอนนี้กลายเป็นตลาดโต้รุ่ง แต่ไอ้จะให้เรียกตลาดโต้รุ่งเลยก็คงเรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะแม่ค้าบอกว่า 3 ทุ่มก็ปิดแล้ว งั้นก็คงต้องเรียก ตลาดดึก-วาย จะได้คล้องกับ ตลาดสายหยุด ที่เป็นตลาดเช้า ซึ่งอันนี้ก็ไม่รู้ว่าฉันจะตั้งชื่อไปทำไม? เพราะเมื่อหันไปดูป้ายชื่อซอย ซอยไปรษณีย์ ...อืม ก็ง่ายๆ ดูตรงตัว
กลับถึงที่พักอีกทีสองทุ่ม ฉันค่อยๆ ไขกุญแจเข้าที่พักเหมือนเมื่อวาน แต่วันนี้เริ่มคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้แล้ว เข้าห้องได้ก็ค่อยๆ ไต่ขึ้นเตียงไปอย่างช้าๆ กลัวร่างแหลกสลาย...เมื่อยมาก และอิ่มที่สุด โจ๊กญวน 1 ชาม ตามด้วยโรตีแม่ฮ่องสอน และสับปะรดปั่นอีกหนึ่งแก้วเย็นช่ืนใจ..หายใจเข้าแต่ละทีแน่นมาถึงอก กว่าจะเอาชนะความง่อยเปลี้ยย้ายมวลสารทั้งหมดไปชำระไคลเหงื่อได้ก็ปาเข้าไปเกือบ 4 ทุ่ม...อาบน้ำเสร็จสุดแสนจะสดช่ืน พอหัวถึงหมอนปั๊บก็ถึงกับต้องรำพึงใส่ตัวเอง
ชีวิตจะต้องการอะไรนักหนา...ไม่ต้องมีสิ่งดีๆ ก็ได้ ขออย่าให้มีเรื่องร้ายๆ ก็พอ
Create Date : 24 กรกฎาคม 2555 |
| |
|
Last Update : 26 สิงหาคม 2555 17:16:04 น. |
| |
Counter : 1071 Pageviews. |
| |
|
|