Group Blog
 
All blogs
 
ฮ่องกง-มาเก๊า *ทริปทดลอง :2






ฮ่องกงกับตัวฉัน ...




เช้าวันถัดมา ตื่นแบบสายๆ งงๆ ไม่มีแพลนอะไรแน่นอน
แปลกใจที่พี่ชายไม่มาเคาะประตูเรียก
โอเค! ไปเคาะประตูเรียกเองก็ได้


...

ได้บทสรุปว่า วันนี้ผู้ร่วมชะตากรรมเหลือแค่ 3 คน
คุณพี่หมอบคาเตียงไปแล้ว ด้วยที่เมื่อวานตากฝนตากแดดกันแบบไม่ตั้งใจ





มันคือวันชิลๆ ธรรมดาวันหนึ่ง ที่เริ่มต้นจากการเดินออกไปหาร้านติ่มซำร้านดัง
เหมือนเดิมคือเดินหานานมาก จนแทบจะถอดใจ
และสุดท้าย เข้าใจในความโง่ของตัวเอง...เราเดินผ่านมันมาเกือบ 3 รอบถ้วน


สิ่งที่ยากของการมาต่างประเทศ คือเมนูอาหารที่เป็นภาษาถิ่น
ไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาไม่ใจดีเหมือนเมืองไทย ที่ทำเมนูเป็นภาษาปะกิด

กว่าจะสั่งกันรู้เรื่อง ก็ย๊ากยากๆๆ มันไม่มีรูป มีแค่ตัวหนังสือจีน
พอขอเมนูอังกฤษ ก็ไม่ช่วยอะไร เพราะไม่รู้ว่าหน้าตามันเป็นยังไงอยู่ดี

แอบชำเลืองมองคนร่วมโต๊ะ (คือแชร์โต๊ะกัน 3 กลุ่ม) เขาติ๊กอะไรเราติ๊กมั่ง
พอเขาเอามาเสิร์ฟ ก็งงๆ ว่า อ้าววว ของเราหรอว๊ะ
กินกันงงๆ สั่งอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ ก็อร่อยนะ ในแบบของฮ่องกง
แต่ไม่พ้นว่า อาหารจีนความมันไม่แพ้ใครจริงๆ




กินเสร็จก็เริ่มต้นการใช้พลังงาน นั่ง mtr ไปโผล่ย่านเซ็นทรัล
คนละฝั่งเมืองกับที่อยู่ ส่วนใหญ่แถบนั้นที่มองเห็นคือพนังงานออฟฟิตที่เดินควักไขว่
กับห้างหรูหราที่เดินเชื่อมถึงกัน ทำให้นึกถึงย่านสยามของกรุงเทพ
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกันคืออากาศ

ใครว่าเมื่องไทยร้อน ฉันก็ไม่เถียง แต่ฮ่องกงจุดที่ฉันยืนอยู่มันคือร้อนกว่า!
มันร้อนแบบอบอ้าว เหมือนอยู่ในหุบเขาของตึกสูง แทบไม่มีลม
จากที่คิดว่าจะนั่งรถรางดูเมือง เป็นอันพับเก็บค่ะ ไปเดินตากแอร์ดีกว่า




เดินไปได้พักนึง ตัดสินใจกลับไปแถวที่พักดีกว่า
วันนี้ต้องจัดการซื้อของฝากให้ครบ เพราะพรุ่งนี้จะบ๊ายบายกันแล้ว
พอกลับมาถึงจิมซาจุ่ย  หนุ่มหล่อคนเดียวขอกลับไปนอน
เลยเหลือฉันกับน้องที่ยังคงต้องเดินกันต่อ



บอกได้คำเดียวว่าโคตรเมื่อย เมื่อยแบบที่ว่าไม่อยากจะลุกเดินไปไหน
จนคิดว่าครบแล้ว ก็กลับไปตั้งหลักที่ที่พักก่อน ต้องไปสำรวจสมาชิกด้วย

กลับไปถึง กำลังจะนอน คุณพี่กับคุณน้องก็มาเคาะห้อง
เขาชาร์ตแบตกันมาแล้วเนอะ ก็มาลากเราที่เพิ่งเข้ามาให้ออกไปตะเวนอีกรอบ




รอบนี้เรียกว่าตะเวนจริงๆ
มันเริ่มจากเดินวนถนนล็อกโรดอยู่ 2 รอบ แล้วก็ตัดสินใจกินข้าวที่ร้านหนึ่ง
อาหารแบบเดิมๆ เป็นแนวอีซี่ ที่คิดว่าจะสั่งง่ายที่สุดแล้ว
แต่ด้วยความที่เบลอหรืออะไรไม่รู้ ก็ชี้นิ้วไป แล้วบอกว่า สองเซ็ต
พนักงานรับออเดอร์ก็ถึงกับเอ๋อไปเลย อะไรคือสอง?
นั่นสิ่ สั่งเสร็จร้อง เฮ้ย! ไม่ใช่ค่ะ ทูเซ็ต ,, น๊านนนนน ยังอุส่าห์ไปพูดไทยกะเค้าอีก
อาการหนักแล้วจริงๆ นะ 5 5 55




พอกินอิ่มก็มาจับจองพื้นที่ ส่องแถวๆ หอนาฬิกา มันมีชื่อว่าอะไรไม่รู้
ดูเสร็จ ก็ไปยืนริมน้ำ มันจะมีที่ให้ยืน ซึ่งคนเยอะมาก
ประมาณ 2ทุ่ม (เวลาที่นั่น) การแสดงแสงสีก็เริ่ม


แบบตอนอ่านรีวิวมา มันดูอลังการป่ะ แต่พอดูจริง ก็แบบ..นี่หรอ? เอาจริงดิ?
คือเขาทำให้เหมือนกับตึกรอบเกาะฮ่องกงกำลังคุยกันอยู่
โชคดีที่คือวันนั้นเป็นการบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ก็เข้าใจบ้าง
แต่คำถามคือ...แค่นี้จริงดิ?  แต่ก็อยู่ดูจนจบ ด้วยความเข้าใจว่า มันจะมีอะไรมากกว่านี้


...แต่มันก็มีเท่านี้จริงๆ พอคนเริ่มสลายตัว เราก็เดินแยกกันออกมาบ้าง
เดินถ่ายรูปรอบๆ บริเวณนั้น แล้วก็เดินลอดใต้ subway เพื่อที่จะข้ามฝากกลับไป


เดินไปได้พักเดียว สายตาเหลือบไปเห็นคนนั่งอยู่ที่พื้น
ตอนแรกมองไม่ชัด เลยมองใหม่

"ว๊ายยย" ร้องเสร็จก็หลับตา กอดแขนน้องแน่นมาก แล้วก็เดินตัวแข็งๆ ผ่านมา

สิ่งที่สายตามองเห็นคือขอทานตัวดำๆ คนหนึ่ง นั่งอยู่กลางซับเวย์
มันก็ไม่ได้น่ากลัวมาก เพียงแค่ไม่คิดว่าที่นี่จะมีอะไรแบบนี้
เพราะตั้งแต่อยู่มา 2 วันกว่า ไม่เคยเห็นขอทาน คนจรจัด หรือหมาข้างถนนอะไรแบบนี้เลย





ผ่านซับเวย์มาได้ ก็หาทางไปเดอะพีค เนื่องจากดูแผนที่แล้ว
"เฮ้ย เนี่ยไม่ไกลมาก เดินละกันเนอะ"
หนึ่งเสียงว่าเดิน สามเสียงที่เหลือทำได้แค่เดินตาม
จนสุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ...วิ่งขึ้นเขา!


เฮ้ยยยย ทำไปได้จริงๆ
ไปถึงก็ซื้อบัตร นั่งรถไฟที่เป็นรางขึ้นไปบนเขา
เขาเรียกว่า Peak Tram


ตอนที่ไปถึงก็ 3-4ทุ่มแล้วอ่ะ แต่คนยังเยอะอยู่
ด้วยความเฟี้ยวของพี่ชาย มันบอกว่าซื้อตั๋วเที่ยวเดียว ขากลับนั่งรถเปิดประทุนกัน
โอเค จัดตามนั้น!!!


ขึ้นไปถึง ยังต้องต่อบันไดเลื่อนอีก 7 ชั้นกว่าๆ
แรกๆ ก็ไม่อะไร ไม่ได้กลัวมากมาย แต่ว่าชั้นสุดท้ายนี่ บันไดอยู่ตรงกลางเลยและสูงมาก
สิ่งเดียวที่ทำได้คือ ยืนตัวแข็งๆ และไม่ทำปากดีใส่พี่ชาย
เพราะหากมันแกล้งขึ้นมา ได้ยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นแน่ๆ 5 55 55





บนนั้น เป็นที่แรกที่ให้ความรู้สึกว่า "เฮ้ยยยย ฮ่องกงก็มีลมหว่ะ"
แต่ลมบนเขาสูงๆ แบบนั้น กลับไม่เย็นและไม่แรงเท่ากับดาดฟ้าซักตึกของบ้านเรา
ก็ไม่เข้าใจทิศทางลมเท่าไหร่ แต่จากที่ตาเห็น ตรงที่เขาแสดง SOL เมื่อกี้
มองลงไปจากมุมนี้ มันสวยกว่ามากๆ เลย



พอลงมาถึงจุดที่ต้องต่อรถ ด้วยความที่ไม่ได้ซื้อบัตรนั่งพีคแทรมกลับ
ก็ต้องอ้อมไปอีกฝั่ง เพื่อรอรถบัสกลับลงเขา...


แต่เหตุการณ์มันแปลกๆ อยู่ เมื่อลงมาแล้วมี 3 แถวยาวๆ ที่คนยืนรออยู่
มันก็ไม่มีป้ายบอกว่า จะไปไหนต้องเข้าแถวไหน หรือแถวไหนคือรถแบบไหน
อาศัยมองเอาจากที่เห็น และเนื่องจากแถวแรกที่ใกล้ที่สุด มันดูจะเร็วที่สุด


แต่รถไม่ได้มาเรื่อยเหมือนแท็กซี่ นานๆ ทีมันจะมาซะที
สุดท้าย อันไหนเร็วสุด ไปอันนั้นเหอะ ง่วงมาแล้ว...





จากความคิดที่จะนั่งรถเปิดประทุนท้าทายความหวาดเสียวในการลงเขา
กลายเป็นนั่งรถตู้เก่าๆ กลับลงมา แต่ความเสียวไม่ต่างกันเลยจริงๆ

ทางขึ้น-ลงเขาที่รถสวนกัน เวลากลางคืน กับรถที่ขับเร็ว
มาถึงปลายทางอย่างปลอดภัย ทุกคนแทบจะลงที่เดียวกันหมด
จากจุดที่ลงรถ เดินประมาณ 5 นาทีก็ถึงที่พัก
แต่กลายเป็นว่า ต้องไปเดินหาซื้อฝาปิดเลนส์กล้องก่อน มันหายไปแล้ว...






สวัสดีคืนสุดท้าย บ๊ายบายฮ่องกง เปิดไอแพดอ่านนิยาย เม้าท์มอยกับชุและมม.
แล้วก็หลับแบบที่คิดว่า...ขอตื่นสายได้ไหมพรุ่งนี้หน่ะ!









Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2556 13:06:54 น. 0 comments
Counter : 1156 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

น้ำชา สีเบจ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




언제나 더 많은 걸 해주고 싶은 내 맘
Friends' blogs
[Add น้ำชา สีเบจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.