ฮ่องกงกับตัวฉัน ...เช้าวันถัดมา ตื่นแบบสายๆ งงๆ ไม่มีแพลนอะไรแน่นอนแปลกใจที่พี่ชายไม่มาเคาะประตูเรียกโอเค! ไปเคาะประตูเรียกเองก็ได้...ได้บทสรุปว่า วันนี้ผู้ร่วมชะตากรรมเหลือแค่ 3 คนคุณพี่หมอบคาเตียงไปแล้ว ด้วยที่เมื่อวานตากฝนตากแดดกันแบบไม่ตั้งใจมันคือวันชิลๆ ธรรมดาวันหนึ่ง ที่เริ่มต้นจากการเดินออกไปหาร้านติ่มซำร้านดังเหมือนเดิมคือเดินหานานมาก จนแทบจะถอดใจและสุดท้าย เข้าใจในความโง่ของตัวเอง...เราเดินผ่านมันมาเกือบ 3 รอบถ้วนสิ่งที่ยากของการมาต่างประเทศ คือเมนูอาหารที่เป็นภาษาถิ่นไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาไม่ใจดีเหมือนเมืองไทย ที่ทำเมนูเป็นภาษาปะกิดกว่าจะสั่งกันรู้เรื่อง ก็ย๊ากยากๆๆ มันไม่มีรูป มีแค่ตัวหนังสือจีนพอขอเมนูอังกฤษ ก็ไม่ช่วยอะไร เพราะไม่รู้ว่าหน้าตามันเป็นยังไงอยู่ดีแอบชำเลืองมองคนร่วมโต๊ะ (คือแชร์โต๊ะกัน 3 กลุ่ม) เขาติ๊กอะไรเราติ๊กมั่งพอเขาเอามาเสิร์ฟ ก็งงๆ ว่า อ้าววว ของเราหรอว๊ะกินกันงงๆ สั่งอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ ก็อร่อยนะ ในแบบของฮ่องกงแต่ไม่พ้นว่า อาหารจีนความมันไม่แพ้ใครจริงๆกินเสร็จก็เริ่มต้นการใช้พลังงาน นั่ง mtr ไปโผล่ย่านเซ็นทรัลคนละฝั่งเมืองกับที่อยู่ ส่วนใหญ่แถบนั้นที่มองเห็นคือพนังงานออฟฟิตที่เดินควักไขว่กับห้างหรูหราที่เดินเชื่อมถึงกัน ทำให้นึกถึงย่านสยามของกรุงเทพแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกันคืออากาศใครว่าเมื่องไทยร้อน ฉันก็ไม่เถียง แต่ฮ่องกงจุดที่ฉันยืนอยู่มันคือร้อนกว่า!มันร้อนแบบอบอ้าว เหมือนอยู่ในหุบเขาของตึกสูง แทบไม่มีลมจากที่คิดว่าจะนั่งรถรางดูเมือง เป็นอันพับเก็บค่ะ ไปเดินตากแอร์ดีกว่าเดินไปได้พักนึง ตัดสินใจกลับไปแถวที่พักดีกว่าวันนี้ต้องจัดการซื้อของฝากให้ครบ เพราะพรุ่งนี้จะบ๊ายบายกันแล้วพอกลับมาถึงจิมซาจุ่ย หนุ่มหล่อคนเดียวขอกลับไปนอนเลยเหลือฉันกับน้องที่ยังคงต้องเดินกันต่อบอกได้คำเดียวว่าโคตรเมื่อย เมื่อยแบบที่ว่าไม่อยากจะลุกเดินไปไหนจนคิดว่าครบแล้ว ก็กลับไปตั้งหลักที่ที่พักก่อน ต้องไปสำรวจสมาชิกด้วยกลับไปถึง กำลังจะนอน คุณพี่กับคุณน้องก็มาเคาะห้องเขาชาร์ตแบตกันมาแล้วเนอะ ก็มาลากเราที่เพิ่งเข้ามาให้ออกไปตะเวนอีกรอบรอบนี้เรียกว่าตะเวนจริงๆมันเริ่มจากเดินวนถนนล็อกโรดอยู่ 2 รอบ แล้วก็ตัดสินใจกินข้าวที่ร้านหนึ่งอาหารแบบเดิมๆ เป็นแนวอีซี่ ที่คิดว่าจะสั่งง่ายที่สุดแล้วแต่ด้วยความที่เบลอหรืออะไรไม่รู้ ก็ชี้นิ้วไป แล้วบอกว่า สองเซ็ตพนักงานรับออเดอร์ก็ถึงกับเอ๋อไปเลย อะไรคือสอง?นั่นสิ่ สั่งเสร็จร้อง เฮ้ย! ไม่ใช่ค่ะ ทูเซ็ต ,, น๊านนนนน ยังอุส่าห์ไปพูดไทยกะเค้าอีกอาการหนักแล้วจริงๆ นะ 5 5 55พอกินอิ่มก็มาจับจองพื้นที่ ส่องแถวๆ หอนาฬิกา มันมีชื่อว่าอะไรไม่รู้ดูเสร็จ ก็ไปยืนริมน้ำ มันจะมีที่ให้ยืน ซึ่งคนเยอะมากประมาณ 2ทุ่ม (เวลาที่นั่น) การแสดงแสงสีก็เริ่มแบบตอนอ่านรีวิวมา มันดูอลังการป่ะ แต่พอดูจริง ก็แบบ..นี่หรอ? เอาจริงดิ?คือเขาทำให้เหมือนกับตึกรอบเกาะฮ่องกงกำลังคุยกันอยู่โชคดีที่คือวันนั้นเป็นการบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ก็เข้าใจบ้างแต่คำถามคือ...แค่นี้จริงดิ? แต่ก็อยู่ดูจนจบ ด้วยความเข้าใจว่า มันจะมีอะไรมากกว่านี้...แต่มันก็มีเท่านี้จริงๆ พอคนเริ่มสลายตัว เราก็เดินแยกกันออกมาบ้างเดินถ่ายรูปรอบๆ บริเวณนั้น แล้วก็เดินลอดใต้ subway เพื่อที่จะข้ามฝากกลับไปเดินไปได้พักเดียว สายตาเหลือบไปเห็นคนนั่งอยู่ที่พื้นตอนแรกมองไม่ชัด เลยมองใหม่"ว๊ายยย" ร้องเสร็จก็หลับตา กอดแขนน้องแน่นมาก แล้วก็เดินตัวแข็งๆ ผ่านมาสิ่งที่สายตามองเห็นคือขอทานตัวดำๆ คนหนึ่ง นั่งอยู่กลางซับเวย์มันก็ไม่ได้น่ากลัวมาก เพียงแค่ไม่คิดว่าที่นี่จะมีอะไรแบบนี้เพราะตั้งแต่อยู่มา 2 วันกว่า ไม่เคยเห็นขอทาน คนจรจัด หรือหมาข้างถนนอะไรแบบนี้เลยผ่านซับเวย์มาได้ ก็หาทางไปเดอะพีค เนื่องจากดูแผนที่แล้ว"เฮ้ย เนี่ยไม่ไกลมาก เดินละกันเนอะ"หนึ่งเสียงว่าเดิน สามเสียงที่เหลือทำได้แค่เดินตามจนสุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ...วิ่งขึ้นเขา!เฮ้ยยยย ทำไปได้จริงๆไปถึงก็ซื้อบัตร นั่งรถไฟที่เป็นรางขึ้นไปบนเขาเขาเรียกว่า Peak Tramตอนที่ไปถึงก็ 3-4ทุ่มแล้วอ่ะ แต่คนยังเยอะอยู่ด้วยความเฟี้ยวของพี่ชาย มันบอกว่าซื้อตั๋วเที่ยวเดียว ขากลับนั่งรถเปิดประทุนกันโอเค จัดตามนั้น!!!ขึ้นไปถึง ยังต้องต่อบันไดเลื่อนอีก 7 ชั้นกว่าๆแรกๆ ก็ไม่อะไร ไม่ได้กลัวมากมาย แต่ว่าชั้นสุดท้ายนี่ บันไดอยู่ตรงกลางเลยและสูงมากสิ่งเดียวที่ทำได้คือ ยืนตัวแข็งๆ และไม่ทำปากดีใส่พี่ชายเพราะหากมันแกล้งขึ้นมา ได้ยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นแน่ๆ 5 55 55บนนั้น เป็นที่แรกที่ให้ความรู้สึกว่า "เฮ้ยยยย ฮ่องกงก็มีลมหว่ะ"แต่ลมบนเขาสูงๆ แบบนั้น กลับไม่เย็นและไม่แรงเท่ากับดาดฟ้าซักตึกของบ้านเราก็ไม่เข้าใจทิศทางลมเท่าไหร่ แต่จากที่ตาเห็น ตรงที่เขาแสดง SOL เมื่อกี้มองลงไปจากมุมนี้ มันสวยกว่ามากๆ เลยพอลงมาถึงจุดที่ต้องต่อรถ ด้วยความที่ไม่ได้ซื้อบัตรนั่งพีคแทรมกลับก็ต้องอ้อมไปอีกฝั่ง เพื่อรอรถบัสกลับลงเขา...แต่เหตุการณ์มันแปลกๆ อยู่ เมื่อลงมาแล้วมี 3 แถวยาวๆ ที่คนยืนรออยู่มันก็ไม่มีป้ายบอกว่า จะไปไหนต้องเข้าแถวไหน หรือแถวไหนคือรถแบบไหนอาศัยมองเอาจากที่เห็น และเนื่องจากแถวแรกที่ใกล้ที่สุด มันดูจะเร็วที่สุดแต่รถไม่ได้มาเรื่อยเหมือนแท็กซี่ นานๆ ทีมันจะมาซะทีสุดท้าย อันไหนเร็วสุด ไปอันนั้นเหอะ ง่วงมาแล้ว...จากความคิดที่จะนั่งรถเปิดประทุนท้าทายความหวาดเสียวในการลงเขากลายเป็นนั่งรถตู้เก่าๆ กลับลงมา แต่ความเสียวไม่ต่างกันเลยจริงๆทางขึ้น-ลงเขาที่รถสวนกัน เวลากลางคืน กับรถที่ขับเร็วมาถึงปลายทางอย่างปลอดภัย ทุกคนแทบจะลงที่เดียวกันหมดจากจุดที่ลงรถ เดินประมาณ 5 นาทีก็ถึงที่พักแต่กลายเป็นว่า ต้องไปเดินหาซื้อฝาปิดเลนส์กล้องก่อน มันหายไปแล้ว...สวัสดีคืนสุดท้าย บ๊ายบายฮ่องกง เปิดไอแพดอ่านนิยาย เม้าท์มอยกับชุและมม.แล้วก็หลับแบบที่คิดว่า...ขอตื่นสายได้ไหมพรุ่งนี้หน่ะ!