บ้านเดชา Story ตอนที่ 2
ขออภัยที่ให้รอนะครับต่อจาก... "บ้านเดชา Story" เลยละกันนะครับ ก็หลังจากสรุปเรื่องราว ได้คร่าว ๆ ว่าจะทำอะไรยังไงตรงไหน ราคาเท่าไหร่ เสร็จสรรพ ผู้รับเหมาก็หาได้แล้ว ก็ลุยกันเลยครับรื้อพื้น กับห้องน้ำทิ้งก่อนเลยครับก็ช่วงรื้อ ๆ ทุบ ๆ ก็เลยมีแต่ภาพขยะเต็มบ้านเลยครับอันนี้ภาพรวม ๆ ครับ ทำไปเยอะเหมือนกันแฮะ จะบอกว่าหลังคาก็เปลี่ยนสีด้วยนะจะบอกให้อันนี้ภูมิใจนำเสนอมากครับ ตู้เก็บของในครัวครับ รูปขณะติดตั้งก่อนลงสีตอนเสร็จแล้วครับ งานออกมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจมากด้วยครับ สูงติดเพดานจะได้เก็บของให้สะใจไปเลยครับ อันนี้ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนครับ กำแพงระหว่างห้องโดนรื้อไปหมดแล้วครับ อันนี้ตอนเสร็จแล้วครับมีกระจกเงาสูงติดเพดาน กับบานสไลด์กั้นห้องนั่งเล่นด้วยครับเดี๋ยวจะเปลืองแอร์ เตียงในห้องนอนผมเองครับพอดีหาราคาที่มันไม่แพงมากมาได้เลยต้องเอาไว้ครับ หมดนี้ให้ทายว่าเท่าไหร่ (เตียง 1 + โต๊ะหัวเตียง 2+ ตู้ใส่ของ 1 + ชุดโต๊ะกินข้าว) จริง ๆ แล้วมันก็แพงอยู่เหมือนกันนะ อันนี้ ตี่ จู้ เอี่ย ครับไม่มีไม่ได้ด้วย (บ้านคนจีนอ่ะนะ) เลยต้องไปเลือกเอง แล้วก็ได้อย่างที่ถูกใจจริง ๆ ครับ ติดโคมไฟตรงบันไดซะหน่อย อันนี้ก็ชอบ ๆ
บ้านเดชา Story ตอนที่ 1
ตั้งแต่ปี 2005 ครับ หลังจากที่มีโครงการจะหาบ้านเป็นของตัวเองแค่มีโครงการเฉย ๆ นะครับ ยังไม่ได้ไปดูบ้านที่ไหนเลย ญาติ ๆ ก็รวมตัวกัน ณ วันเช้งเม้งพอดี โละบ้านของอาอี๊ (เรียกน้าละกันนะ น้องแม่) ที่ไม่มีคนอยู่มา 3-5 ปี มาให้หลังหนึ่ง ย่านถ.สุขาภิบาล 3 (ถ.รามคำแหง) เนื้อที่ประมาณ 52 ตร.ว. 2 ชั้น 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องทำงาน 2 ครัว (ต่อเติมหลังบ้านเพิ่มอีก 1 ครัว) 1 ห้องซักรีด ซึ่งราคาตลาดตอนนั้นมันประมาณ 3-4 ล้าน อากู๋กับอาอี๊คนอื่น ๆ ก็ล็อคคอมาขายผมในราคา 2.5 ล้าน ไม่รู้ใครล็อคคอใครนะ เพราะตอนนั้นผมก็ยังลอย ๆ อยู่อยากได้คอนโดฯ ติดรถไฟฟ้ามากกว่า สะดวก สบายดี แล้วก็ได้ห้องใหม่ ๆ ด้วย แต่ตอนนั้นยังไม่มีเงินเก็บและก็ยังผ่อนรถอยู่เลย ก็เลยยังไม่ได้ไป Survey ที่ไหนเลยมาโดนล๊อคคอซะก่อนดูรูปไปพลาง ๆ นะหน้าบ้านครับ (โทรมเชียว)พอดีตอนเด็ก ๆ เคยแวะมาเยี่ยมน้ากับน้อง(ลูก ๆ น้า) อยู่บ่อย ๆ ก็เลยจะค่อนข้างคุ้นเคยกับบ้านและถนนหนทางแถว ๆ นั้นอยู่พอสมควร ตอนหลังน้าคนนี้เค้าไปปลูกบ้านใหม่ แล้วก็ย้ายออกไป สมบัติพัสถานต่าง ๆ ก็เอาติดตัวไปบ้างแต่ส่วนใหญ่แกจะไปซื้อใหม่ทั้งหมดที่บ้านใหม่ของแกนะ สภาพบ้าน ณ ช่วงที่ไปถ่ายรูปเอาไว้ก็เลยจะมีข้าวของ ที่แกยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาไว้ดีหรือไม่เอาไว้ดีเต็มไปหมดอันนี้ห้องโถงกับครัวที่ติดกับห้องโถงครับ (แกยังตัดสินใจอยู่ว่าจะเอาอะไรออกไปที่บ้านแกอีก)ผมก็เห็นว่าตัวเองยังไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ เลยปล่อยเวลาให้ล่วงเลยผ่านไป ผ่านมา ผ่านมา ผ่านไป ประมาณ 1 ปีเห็นจะได้มาถึงช่วงที่ผ่อนรถกำลังจะหมดแล้ว แล้วก็มีเงินเก็บอยู่แสนกว่าบาท ก็เลยหาเวลาเข้ามาเคลียร์ข้าวของในบ้านครับ เพราะกะว่าจะตกแต่งกันซะหน่อย พอหอมปากหอมคอตั้งงบไว้ไม่เกิน 5 แสน เฟอร์นิเจอร์อีกไม่เกิน 2 แสน ก็อยู่ได้แล้ว พอดี 3 ห้องนี้มันติดกันจากซ้ายไปขวาเลยครับ ยืนถ่ายจากจุดเดียวกันเลย ซ้ายสุดเป็นห้องซักรีด, ห้องน้ำเล็ก และห้องครัวตามลำดับเลยครับผมก็เริ่มหาข้อมูลครับ แต่ไม่รู้จะเริ่มจากอะไรดีก็เลยหารูปก่อน ก็ Search ใน Net บ้าง ซื้อนิตยสารมาดูบ้าง แล้วก็ได้มารู้จักกับห้องชายคาเนี่ยแหละครับ แต่ผมเข้ามาดูข้อมูลอย่างเดียวนะครับ ไม่ได้มีโอกาสที่จะตั้งกระทู้หรือตอบกระทู้ใด ๆ เลย ได้ประโยชน์จากที่นี่ค่อนข้างเยอะมาก ได้ Idea ไปตกแต่งบ้านหลาย ๆ อย่างจากที่นี่แหละครับ รวม ๆ กับที่ไปค้นหามาเองด้วยก็เอามารวม ๆ โป๊ะ ๆ แปะ ๆ ไว้แต่ก็ไม่รู้จะเอายังงั้ยดีอันนี้ห้องน้ำตรงบันได กับบันไดทางขึ้นชั้น 2 ครับห้องทำงานอยู่ชั้น 2 ครับเปิดประตูไปก็เจอบันไดพอดี ช่วงนั้นพอดีพี่ชายไปทำงานหาของทำพิธีต่าง ๆ ให้กับหมอดูฮ้วงจุ้ยคนนึงอยู่ ก็เลยปิ๊ง Idea ครับ เริ่มจากให้หมอดูมาดูฮ้องจุ้ยเนี่ยแหละครับ จะได้รื้อทีเดียวเลยไม่ต้องมาแก้โน้นแก้นี่อีก ก็ถามราคาไปก็ได้คำตอบมาว่า 10,000 บาท โอ้… ทำไมมันแพงจัง ก็เลยปฏิเสธไป อาอี๊กับอากู๋ก็เลยแนะนำอีกคนนึงมาให้เพราะ อาอี๊กับอากู๋แกก็เป็นลูกค้าอยู่อันนี้ลดลงมาเหลือ 5,000 บาท โอ้… ก็ยังแพงอยู่ดี แต่สุดท้ายก็ต้องให้สินแซ้คนนี้เข้ามาดูให้ก็นัดวันเวลาต่าง ๆเข้ามาดูกันเป็นห้องนอนซ้าย(มีห้องน้ำในตัว) กับห้องนอนขวาครับ พอถึงวันนัดสินแซ้แกก็เข้ามาดูให้ครับ ก็มีอุปกรณ์อะไรของแกนิดหน่อยเป็นเข็มทิศอะไรซักอย่าง แกก็เดินวัดองศาบ้าน วัดหน้าบ้าน หลังบ้าน เสร็จก็เข้ามาคุยเรื่องดวงของผมกับของแฟนผมว่าจะเข้ากับบ้านหลังนี้ได้ไหม ก็ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แกก็แนะนำให้กั้นห้องนอนใหม่ โดยเอาห้องนอนซ้ายกับขวาในรูปเนี่ยครับรวมกันเป็นห้องเดียวกัน เพราะห้องซ้ายเดิมจะเป็นห้องเจ้าบ้านแล้วมันมีห้องน้ำอยู่ แล้วก็ให้ทำตู้เสื้อผ้ากั้นเอาไว้ให้เจ้าบ้านมานอนฝั่งขวาของบ้าน แล้วก็เอาประตูออกกั้นผนังขึ้นมาแทนครับ พื้นที่ตรงนั้นก็ทำเป็นห้องพระซะ บลา ๆ ๆ ยังไม่จบครับห้องน้ำข้างล่างที่อยู่ตรงกลางระหว่างห้องซักรีด กับห้องครัวก็ต้องรื้อทิ้งด้วยเพราะมันอยู่กลางบ้านมันไม่ดี (อ่ะจัดไป) ที่หนักสุดคือประตูรั้วครับ เค้าให้ย้ายข้างจากรูปแรกเลยครับ จากซ้ายไปขวา แล้วก็มีรายละเอียดอื่นอีกพอสมควรแต่หลัก ๆ คือ 3 อันนี้แหละครับ ก็ Ok ตามนั้นเดียวผมไปร่าง ๆ แบบแล้วหาผู้รับเหมาแล้วจะติดต่อกลับไปใหม่อันนี้ชั้น 1 ผังเดิม(ซ้าย) ผังใหม่(ขวา)อันนี้ชั้น 2 ผังเดิม(ซ้าย) ผังใหม่(ขวา) ขั้นตอนถัดมาก็เลยต้องหาผู้รับเหมาครับ อันนี้ยาวหน่อยนะครับ ก็ใช้เวลาหลายเดือนเหมือนกันครับ ระหว่างนั้นก็ร่างแบบครับว่าจะให้ทำอะไรที่ต้องไหนบ้าน รวบรัดตัดความได้ผู้รับเหมามา 2 เจ้า สรุปว่าได้เจ้าแรกที่ติดต่อเลยเพราะว่าคุยรู้เรื่องกว่า อีกเจ้านึงขนาดเขียนไปให้ชัดเจนนะครับว่าจะทำอะไรบ้าง พอให้มาคุยหน้างานยังลืมนั้นลืมนี่ อ๋ะอันนั้นยังไม่ได้คิด อ่ะอันนี้ยังไม่รวม ซึ่งราคาที่คิดมาก็แพงกว่าเจ้าแรกแล้ว แถมยังไม่รวมอันนั้นอันนี้อีก ก็เลยสรุปว่าเอาเจ้าแรกเนี่ยแหละครับ ก็เลยเอาใบเสนอราคาไปให้ญาติ ๆ ที่เป็นผู้รับเหมาเหมือนกันดู (คือเค้าบอกว่างานบ้านผมมันเล็กไปเค้าทำแล้วไม่คุ้มแต่ช่วยดูให้ได้) ก็ต่อราคากันเสร็จสรรพ มาที่เกือบ ๆ 6.7 แสน เอาละครับอย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่าตอนนั้นมีเงินอยู่ 1 แสนกว่าจะดูฮ้วงจุ้ย กว่าจะหาผู้รับเหมาได้ ก็หลายเดือนอยู่ก็เลยหามาได้รวมกันเป็น 2 แสนบาท อีกประมาณ 5 แสนต้องหาผู้มีอุปการะคุณมาช่วยโป๊ะให้ก่อน ซึ่งเคยบอกกล่าวกันเอาไว้แล้ว ปรากฎว่าท่านผู้มีอุปการะคุณเกิดมีปัญหาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอีก คือฝากเงินไว้ต่างประเทศถ้าเอาออกมา 5 แสนเนี่ย ขาดทุนประมาณแสนนึงเค้าเลยไม่อยากให้ อ้าว ๆ ๆ งานเข้าสิครับเนี่ย ก็เลยไม่รู้จะทำยังงั้ยก็โทรไปยกเลิกผู้รับเหมาเลยไม่อยากให้เค้ารอนานแล้วไม่ทำจะยิ่งเสียอารมณ์ไปอีก ช่วงนั้นเครียดอยู่เกือบอาทิตย์เลยครับ ปรากฎว่ามีผู้มีอุปการะคุณอีกท่านหนึ่งเสนอตัวมาให้ยืม 2 แสน แต่ยังไม่พออยู่ดี เลยโทรไปขอแบ่งงานผู้รับเหมาเป็น 2 ส่วน ผู้รับเหมาก็วัยรุ่นจริง ๆ บอกขี้เกียจทำหลายทีเอางี้ลดให้เหลือ 6 แสนไม่ต้องต่อแล้ว ส่วนที่ยังไม่มีให้เดี๋ยวออกให้ก่อน (แต่มีขอเวลาไปปรึกษา ผบ.ทบ.ที่บ้านก่อนด้วยนะ) เมื่อโดนล็อคคอขนาดนี้ก็เลยต้องให้แกทำครับ (แกบอกว่าอยากครับ เห็นผมคุยง่ายดี)รอ "บ้านเดชา Story 2" แป๊บนะครับ