My life is walking....

พาไปเที่ยวฮอกไกโดตอนหนาวๆ ภาค 2

หลังจากคืนแรกที่เราได้อาบน้ำออนเซ็นและพักผ่อนกันแล้ว เราก็พร้อมเเดินทางกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น ใกล้ๆจากที่พักของเรามีฟาร์มหมีสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสถานที่อนุรักษ์หมีสีน้ำตาลที่เป็นสัตว์หายากในปัจจุบัน ตามข้อมูลที่เราได้มา ที่นี่มีหมีเกือบ 200 ตัวให้เชยชม และมีการแสดงของหมีให้ดูด้วย เราเห็นว่าไม่ไกลมากก็เลยจะแวะไปดูซะหน่อย



แต่แล้วโชคชะตาไม่เป็นใจ เส้นทางที่ต้องใช้เดินทางไปเกิดปิดเนื่องจากมีหิมะตกหนัก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่าจะมีอุบัติเหตุเลยไม่ให้ผ่านเข้าไป เศร้าเลย พวกเราก็ไม่รู้ทำไง ก็เลยสรุปว่าเดินทางต่อละกัน

การเดินทางของเราจะไม่ค่อยมีเป้าหมายที่แน่นอน แบบว่าไปมันเรื่อยๆเลยครับ เห็นที่ไหนน่าสนใจก็แวะ แต่ไม่ว่าจะไปเถลไถลที่ไหนมา สุดท้ายต้องไปโรงแรมที่จองเอาไว้ เพราะเสียค่ามัดจำไปแล้ว

เราไปกันจนมาถึงที่โอตารุ ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศเล็กๆติดชายฝั่งทะเลตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น ใกล้ๆกับเมืองซัปโปโร ที่นี่มีคลองโอตารุซึ่งเป็นที่ที่คนส่วนใหญ่จะมาถ่ายรูปเล่นกัน



อุณหภูมิขณะนั้น -2 องศาครับ


เราไปยืนถ่ายรูปอยู่บริเวณนี้ได้ไม่นานก็มีทัวร์มาลง หลากหลายเชื้อชาติทั้งคนจีน เกาหลี และอื่นๆ
โอ..พระเจ้า ทำไมต้องมาพร้อมๆกันด้วย คนมากมายเบียดเสียดกันเข้ามาเหมือนมารับของแจก ยืนกันแออัดไปหมด รูปที่ถ่ายออกมาส่วนใหญ่มีใครไม่รู้ติดมาในภาพด้วย ดีนะที่เป็นกลางวัน ถ้าเป็นกลางคืน อาจจะเข้าใจว่าเป็นชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ แถมเกิดไฟไหม้ที่ไหนไม่รู้ รถดับเพลิงวิ่งกันเสียงดัง...



บรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดี เราก็เลยออกเดินต่อไปอีกหน่อย มาถึงแหล่งชอปปิ้งครับ มีร้านค้าอยู่ตลอดสองข้างทางยาวประมาณหนึ่งกิโลเมตร



ร้านค้าในถนนแถบนี้ มีหลากหลายชนิด ทั้งร้านขายซูชิ ร้านขายเครื่องแก้วเครื่องประดับ ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายเหล้า ร้านขายขนมมากมาย และที่สำคัญ มีให้ชิมฟรีด้วย...



บริเวณนี้น่าจะถูกใจสาวๆไม่ใช่น้อย เพราะมีร้านค้าเล็กๆ มีของน่ารัก ให้ดูเพลิน ๆ และมีเค้กอร่อยๆ ให้กิน แต่สำหรับพวกผมแล้ว การได้มาเดินดูสาวๆที่มาเดินก็สุขพอแล้ว



พอเราเดินไปจนสุด ก็เห็นร้านๆนึงมีคนมากมายยืนกันอยู่หน้าร้าน พอไปดูใกล้ เรารู้ว่ามันคือร้าน Music Box ขนาดใหญ่ ขายหีบเพลง ขายกล่องดนตรีหลากหลายแบบ แต่ราคาแพงไปหน่อย พวกเราเลยได้แต่เดินดู



เราเดินกันไปเรื่อย แวะเกือบทุกร้าน เข้าร้านนู้นออกร้านนี้ ไม่ใช่สนใจของในร้านหรอก แต่เพราะอากาศข้างนอกมันเย็นเลยต้องเข้าไปในร้านเพื่อหลบหนาวและรับไออุ่น



ที่ฮอกไกโดนี่ นมเขาขึ้นชื่อนะครับ พวกเราก็ไปลองมาแล้ว มันเข้มข้น กลมกล่อมมากทีเดียว โดยครั้งนี้เราได้มีโอกาสพบกับคุณวัวฮอกไกโดด้วย



นอกจากนมแล้ว ฮอกไกโดมีชื่อเสียงมากเรื่องอาหารทะเล เช่นกุ้ง หอย และปลาชนิดต่างๆ เราก็ไม่เคยพลาดที่จะลองครับ.....

แต่สิ่งถูกกล่าวขานมากก็คือปูครับ มีปูหลากหลายชนิด ทั้งปูขน ปูหิมะ ปูยักษ์ปูทาราบะ และอื่นๆ แต่เห็นราคาแล้วไม่ค่อยอยากลองเท่าไหร่ กลับไปกินปูนาบ้านเราก็ได้



ยังไงก็ตามโอกาสจะได้กินมันไม่ได้มีบ่อยๆ จะได้มาอีกรึป่าวก็ไม่รู้ เอาวะ ครั้งหนึ่งในชีวิต สุดท้ายเราก็ได้กินปูที่ราคาไม่แพงมากนัก….



กินแล้วรู้สึกได้ทันทีครับว่าไม่ธรรมดา นี่หรือคือปูเมืองหนาว เนื้อปูที่มีรถหวาน คลุกเคล้ากับซอสรสเปรี๊ยว ตามด้วยสาเกร้อนๆ..มีฟามสุขจริงๆ

จบตรงก่อนนะครับ พิมพ์มากๆชักมึน เจอกันตอนต่อไปครับ....




 

Create Date : 11 มีนาคม 2551    
Last Update : 11 มีนาคม 2551 20:04:13 น.
Counter : 1520 Pageviews.  

พาไปเที่ยวฮอกไกโดตอนหนาวๆ

บ้านเราอากาศไม่แน่นอน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นเดี๋ยวฝนตก สังคมการเมืองก็ไม่ค่อยแน่นอน เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี งานการก็ไม่ค่อยมีจะทำ ตั้งแต่ปีที่แล้วจนปีใหม่มาก็ยังไม่ดีขึ้น ผมเองไม่สบายแล้วไม่สบายอีก แถมเครียดเพราะไม่มีงานอีก ด้วยเหตุนี้จึงคุยกับเพื่อนๆ ตกลงกันว่าจะไปคลายเครียดกันซักหน่อย หนีไปสูดอากาศเย็นๆดับร้อนในกายและในใจกันเสียหน่อย และจุดหมายของเราก็คือเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นนี่เอง

ฮอกไกโดเป็นเกาะทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น อยู่ใกล้ๆกับประเทศรัสเซีย เหตุผลที่พวกเราเลือกไปที่นี่ก็เพราะได้รับคำแนะนำจากหลายๆคนว่าเกาะออกไกโดมีสวยงามมาก บรรยากาศดี อาหารก็อร่อย และที่สำคัญที่สุดคือ ผู้หญิงที่นี่สวยๆเพียบ…

การเดินทางครั้งนี้ เราแอบไปกันอย่างเงียบๆเพราะกลัวคนรู้เยอะแล้วจะฝากซื้อของกัน เดี๋ยวกลายเป็นว่าต้องมากังวลเรื่องของฝากจนเที่ยวกันไม่สนุก ทุกอย่างถูกดำเนินการอย่างเงียบๆ ตั้งแต่ขอวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม และค้นหาที่เที่ยว

ช่วงที่ไปอากาศหนาวกว่าที่คิดเล็กน้อย อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณศูนย์องศาถึงติดลบสิบสององศาเซลเซียส หิมะก็ตกเกือบตลอด แถมมีลมพัดดอีก ทำให้เสื้อผ้าที่เตรียมไปไม่ค่อยเพียงพอที่จะเอามาปกป้องความหนาวเหน็บได้เท่าใดนัก แต่ก็ช่วยไม่ได้ มาแล้วก็ทนเอา



เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯตอนเกือบเที่ยงคืน เครื่องบินไปถึงฮอกไกโดประมาณเกือบเที่ยงวัน สนามบินเต็มไปด้วยหิมะมากมาย ถนนบนรันเวย์ก็ลื่นด้วย รู้สึกอย่างนั้นนะ

วันแรกนี้เราอยู่ที่เมืองโนโบริเบทซึ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องบ่อน้ำร้อน รอบล้อมไปด้วยภูเขาและธรรมชาติ ที่แรกที่เราแวะไปคือ ภูเขาโชวะชินซัง ซึ่งเป็นภูเขาลูกใหม่ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยโชวะ ถ่ายรูปภูเขามานิดหน่อย ก่อนออกเดินทางต่อ



เรามาต่อกันที่ทะเลสาบโทยะ ซึ่งเป็นหนึ่งในทะเลสาบชื่อดังของญี่ปุ่น มีลักษณะกลม เส้นรอบวงประมาณ 40 กิโลเมตรซึ่งตามข้อมูลที่เราทราบมาคือทะเลสาบแห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับตกปลาและตั้งแคมป์ แต่ไปถึงไม่เห็นมีใครตกปลาหรือตั้งแคมป์เลย สงสัยจะหนาวกัน




เผลอแป๊บเดียวก็เย็นซะแล้ว เราเข้าพักโรงแรมแบบเรียงกัง เพื่อให้ดูบรรยากาศเป็นญี่ปุ่นกันหน่อย และก็ได้มีโอกาสได้ลองอาบน้ำออนเซ็นอย่างคนอื่นเขาเสียที


การอาบออนเซ็นนี่เราต้องแก้ผ้าอาบน้ำด้วย ต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมดแล้วก็เดินโทงเทงไปลงบ่อ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่พอเข้าไปแล้วทรมานจริงๆ ผู้คนมากมายตั้งแต่วัยรุ่นจนแก่เดินแก้ผ้าโชว์ของลับกันแบบไม่รู้สึกอะไร บางคนก็นั่งแก้ผ้าอ่านหนังสือพิมพ์ ทรมานจริงๆครับ รู้สึกเหมือนตัวเองเข้าไปอยู่ในยุคหินโบราณยังไงยังงั้น เห็นของลับผู้ชายด้วยกันแล้วทรมานจริงๆ...




ไอ้พวกเราคนไทยก็ไม่ค่อยชินกับการเอาน้องชายออกมาอวดกันซักเท่าไหร่ ก็เลยใช้ผ้าเช็ดตัวใส่ไว้ป้องกันไว้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ มีป้าแก่ๆคนนึงวิ่งเข้ามาหาพวกผมแล้วดึงผ้าเช็ดตัวออก พวกผมก็บอกป้า "อย่าครับป้า ไม่ดีนะครับ" ป้าก็ก็พูดตอบมาด้วยภาษาญี่ปุ่นที่พวกเราไม่รู้เรื่องแต่พอจะตีความได้ว่าไม่ให้นุ่งผ้าเช็ดตัว แล้วจะให้พวกผมทำยังไงเล่า จะไม่ให้โอกาสเราปรับตัวกันเลยเหรอ ป้าแกไม่เข้าใจที่เราพูดหรอกแต่ดูเหมือนแกจะเข้าใจความต้องการของพวกเราจากสายตาและท่าทางที่เราพยายามสื่อให้แกรู้ แกจึงมอบสิ่งของสิ่งหนึ่งให้พวกเรา เป็นสิ่งที่สามารถนำมาปกปิดร่างกายของเราได้ มันก็คือผ้าผืนเล็กๆผืนหนึ่งขนาดเท่าผ้าเย็นตามร้านอาหารทั่วไป เราพยายามใช้มันเป็นประโยชน์ที่สุด ถึงแม้จะเล็ก แต่ผ้าเย็นผืนเท่านี้ก็คงเพียงพอสำหรับห่อไข่ชาวเอเซียอย่างพวกเรา... แล้วพวกเราก้ได้ลงแช่น้ำในบ่ออย่างมีความสุข
แต่มีอีกสิ่งที่ยังค้างคาใจพวกเราอยู่คือ ทำไมต้องเขาต้องแบ่งห้องอาบน้ำชายหญิงด้วย ทำไมไม่มีอาบรวม?



ขอจบไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ ไว้ต่อคราวหน้ามาว่ากันต่อ...





 

Create Date : 10 มีนาคม 2551    
Last Update : 11 มีนาคม 2551 19:54:13 น.
Counter : 451 Pageviews.  

1  2  

UmeTaro
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้ชายธรรมดา หน้าตาสบายใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส จริงใจกับทุกคน....
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add UmeTaro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.