VUW - Victoria University of Wellington, New Zealand
Group Blog
 
All Blogs
 
ชีวิตนักเรียนนอกที่มหาวิทยาลัยวิคตอเรีย นิวซีแลนด์ ตอนที่ 3

อ่านชีวิตนักเรียนนอก ตอนที่ 1

อ่านชีวิตนักเรียนนอก ตอนที่ 2

ชีวิตนักเรียนนอก ตอนที่ 3


นักเรียนไทยที่ไปเรียนเมืองนอก สิ่งที่ต้องฟันฝ่าให้ได้ด่านแรก ....แน่นอนครับ .... ภาษาอังกฤษ

ต้องยอมรับเลยว่า ภาษาอังกฤษของผม .... ถั่วมากๆ .....

แม้ว่าจะเข้าเทอมที่สองของ bridging year แล้วก็ตาม การสื่อสารก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องกล้ำกลืนฝีนทน

พวกเรามีแบบทดสอบว่า พูดภาษาอังกฤษได้ขั้นไหนแล้ว ก็คือ ลองขับรถไปซื้อ Mcdonald แบบ drive thru ซึ่งก็คือ ขับรถไปจอดที่เครื่อง สั่งอาหารผ่านลำโพง มีเสียงพนักงานขาย โต้ตอบกับเรา พอสั่งเสร็จ ก็ขับรถไปรับอาหารที่ช่องส่งอาหาร

ถ้าได้อาหารถูกต้อง แสดงว่า การพูดภาษาอังกฤษ ผ่านด่าน academy fantasia แล้ว

แต่ถ้า สั่ง big Mc 2 อัน cheese burger 1 อัน french fried 1 ถุง แล้วได้ cheese burger 2 อัน big Mc 1 อัน french fried ไม่ได้ .... แบบนี้ถือว่า ต้องไปฝึกวิทยายุทธมาใหม่

ที่ต้องใช้วิธีการนี้ ก็เพราะ เวลาเราพูดกับฝรั่ง แบบเห็นหน้าเห็นตากัน มันมีภาษาใบ้ช่วย ชี้โน่น ชี้นี่ จะเอาซอสพริก ก็ทำท่าเผ็ดๆ โดยเอามือพัดที่ปาก ทำนองว่า hot.. hot.. พนักงานขายมันเดาได้ แม้จะเดาด้วยความสมเพช ปนความขบขันก็เหอะ

แต่สั่งทางไมโครโฟน ... จะออกท่า ออกทางยังไง ก็ไม่มีใครเห็น

ไอ้ครั้นจะพูดมาก ยืดยาว ก็เกรงใจรถฝรั่งคันที่มันต่อคิวข้างหลัง

สถานการณ์บังคับให้ปฏิวัติ ...เอ้ย...ไม่ใช่.. สถานการณ์บังคับให้พูดให้เร็ว พนักงานขาย มันทวนรายการอาหารกลับมา ฟังรู้เรื่องมั่ง ไม่รู้เรื่องมั่ง ตอบ เยสไปก่อน

ผลก็คือ ได้ของไม่เคยครบ ไม่เคยถูกสักที ..... นี่คือด่านทดสอบ

อีกด่านนึงคือ โทรศัพท์

เด็กไทยที่พักอยู่กับครอบครัวฝรั่ง ที่เรียกว่า homestay ... กลัวที่สุด คือ เวลามีโทรศัพท์ แล้วเราต้องไปรับ ... เพราะมันฟังไม่รู้เรื่อง .... ยิ่งภาษาอังกฤษสำเนียง กีวี ด้วย ยิ่งแล้วใหญ่ จับอะไรแทบไม่ได้

เด็กนักเรียนไทยบางคน นั่งทำงานอยู่กับ homestay ... พอโทรศัพท์ดัง ... รีบวิ่งเข้าห้องน้ำเลย ... อ้างว่า ปวดฉี่ ...

มันกลัวต้องไปรับโทรศัพท์ ...อเน็จอนาถมาก ...



เด็กไทยมีนิสัยอยู่อย่างหนึ่ง คือ ชอบ yes อย่างเดียว

รู้เรื่อง ... ไม่รู้เรื่อง ... ใช่... ไม่ใช่... เยสเอาไว้ก่อน

เพราะเข้าใจว่า เยส คือ ครับ .... เด็กไทยก็เลยใช้ เยส เป็นคำรับแบบที่อยู่เมืองไทย เวลาใครพูดอะไรก็ครับ ครับ .....ดันเป็นคนสุภาพมาแต่กำเนิด

ทั้งๆที่ เยส คือ ใช่

ตอนไปใหม่ๆ กลับมาจากมหาวิทยาลัยเสียเย็นย่ำ เพราะพลาดรถไฟขบวนปกติ หิวโซมาเลย กะว่ากินแกะได้เป็นตัวตัว ...

homestay เห็นว่าเย็นมากแล้ว เลยถามว่า ทานอาหารเย็นมาแล้วใช่มั้ย .... ไอ้เราได้ยินคำว่า ดินเนอร์ ดินเนอร์ จับอะไรไม่ถูก เลยตอบว่า เยส

คืนนั้น เลยต้องนอนหิวทั้งคืน เห็นแกะย่างนอนในจาน นอนไม่นอนเปล่า มันยังหัวเราะงอหายอยู่ข้างๆ มันบด ... ก็เพราะไอ้คำว่า เยส นี่แหละ .... บอกได้คำเดียว .... แค้นมาก ....ตั้งใจว่าต่อไปนี้จะไม่รับปากรับคำใครง่ายๆ ด้วยคำว่า เยส อีกต่อไป

ถิ่นที่นักเรียนไทย ชอบไปสิงสถิตย์ในเวลลิงตัน มีน้อยมาก เพราะที่นิวซีแลนด์ ร้านรวงไม่ได้เปิดจนถึงดีกดื่น แบบกรุงเทพ ที่ฝรั่งมันเรียก นครที่ไม่เคยหลับไหล

วันธรรมดา ร้านต่างๆ เปิดถึงหกโมงเย็นเท่านั้น จะมีก็วันพฤหัส กับศุกร์ ที่เปิดถึงสามทุ่ม ที่เรียกกันว่า Late night

ไปใหม่ๆ สองทุ่มจะออกไปหาอะไรกิน ร้านปิดเงียบทั้งแถบ เหลือแต่ซุปเปอร์มาร์เก็ต อย่าง New World เท่านั้น

พอถึง Late night มีหรือที่เด็กไทย ผู้หลงไหลแสง สี จากกรุงเทพ จะนอนคุดคู้อยู่กับบ้าน

ไอ้ครั้นจะเข้าผับ เข้าบาร์ ที่นี่ก็เฮี้ยบเหลือขนาด ตรวจบัตร หรือ ไอ ดี กันละเอียดยิบ อายุไม่ถึง หมดสิทธิ แถมการ์ด หรือคนตรวจบัตร ตัวยังกะยักษ์ ลำคอมันใหญ่เท่ากับหัวเป๊ะ แขนมันเกือบเท่าเอวผมพอดี .... ไปวุ่นวายกับมัน .... มีหวังโดนบี้เละติดถนนแน่ๆ

จะดูหนังเหรอ .... มารอุตส่าห์ตามมาผจญ มันมีการจัดเรทอีก ประเภท R 18 หรือ R 15 อายุไม่ถึง หมดสิทธิ

แล้วมันจะไปไหนดีล่ะ .... นี่เลย ย่านคิวบา มอลล์ Cuba mall ....



ย่าน Cuba Mall ของ Wellington


คิวบา มอลล์ หรือ คิวบา สตรีท เป็นย่านช๊อปปิ้ง ที่มีลานกว้างๆ อยู่เท่าที่เห็น แต่ในวันศุกร์ เด็กไทย ใช้เป็นที่รวมพล ไปนั่ง ไปจับกลุ่มคุยกัน

ใครพลัดพรากจากกันระหว่างที่อยู่ที่เวลลิงตัน

..ไปที่คิวบามอลล์ ค่ำวันศุกร์เถอะ ..... เป็นต้องได้เจอกัน

เจอกันแล้ว จุดหมายต่อไป ถ้าไม่ไปต่อที่ร้านเกมส์หยอดเหรียญ ที่อนุญาตให้เด็กเข้าได้ .... ก็ไปบ้านเพื่อนคนใดคนหนึ่ง ที่ Homestay ดันไปธุระต่างเมือง ไม่กลับบ้าน หรือที่หอพักของเพื่อนๆ

ผมเคยไปห้องพักเด็กไทยคนนึงในวันศุกร์ตอนกลางคืน

... เข้าไปตอนแรก นึกว่า ผับ....ทั้ง อับ ... ทีบ ... มืด .... อัดแน่นไปด้วยผู้คน

ห้องเล็กนิดเดียว อัดเข้าไปสิบกว่าคน .... บางคนเผื่อแผ่เพื่อนๆ ด้วยการสูบบุหรี่ .... ที่เหลือไม่ต้องสูบก็ได้ เพราะควันอบเต็มห้อง เหมือนห้องรมแก๊ส ...

มันเบียดขนาด นอนเอาขาเกยกัน ยังนอนได้ไม่ครบคนเลย ... บางคนเสียสละ ไปนอนใต้โต๊ะเขียนหนังสือ ... นอนงออย่างกับกุ้งลอบสเตอร์

บางคนนอนในห้องครัว ... กลางคืนตื่นมากินมาม่า สะดวกไปเลย

จะเดินไปเข้าห้องน้ำที ต้องเขย่งกองกอยไป ... ลงเต็มเท้าไม่ได้ มันจะเหยียบคนที่นอนอยู่กับพื้น ... ถ้าแน่นกว่านี้ คงต้องยืนหลับ ถึงจะมีพื้นที่พอ

เชื่อไหมครับว่า มันเบียดกันจนร้อนอบอ้าว ... ทั้งๆที่เป็นหน้าหนาว .... เวลลิงตันนั้นหนาวขนาดอุณหภูมิเลขตัวเดียว ประเภท 0 องศา หรือ 1 องศา

แต่ไอ้ห้องนี้ นอนกันเหงื่อไหล ดึกๆ เข้า มีไอ้ประเภทขี้ร้อน ดันไปเปิดหน้าต่าง กะเอาลมเข้า แบบอยู่เมืองไทย

... ผลนะเหรอ .... เช้ามา อากาศต่ำกว่าศูนย์ แต่หน้าต่างดันเปิด .... ป่วยกันระนาว จามกันสนั่น เพราะผ้าห่มไม่พอ... ไอ้คนที่ไปเปิดหน้าต่าง หวุดหวิดโดนยำเละ


ย่าน Cuba Mall กลางเมือง Wellington


ร้านเกมส์ เป็นอีกแห่งหนึ่งที่เด็กเอเชียชอบไปสิงสถิตย์ ร้านเกมส์ที่นี่ ไม่ใหญ่ แต่ของเล่นเยอะ หลอกเอาเงินเราได้คืนนึงไม่ต่ำกว่า 50 เหรียญ

ผมเคยไปเล่นเกมส์กัน กำลังเล่นมันๆ เด็กเมารีที่มาเล่นเกมส์ในร้านเดียวกัน มันต่อยกันอุตลุดเลย

วันนั้นเลยได้ทั้งเล่นเกมส์ แล้วก็ได้ดูมวยด้วย ... มวยเมารี....

นอกจากเรื่องภาษา กับสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ประเภทถูกใจเด็กแนว จะเป็นปัญหากับนักเรียนไทยมาก เนื่องจากมีน้อย .....แต่ถูกใจผู้ปกครองมาก

เพราะรู้ดีว่า เด็กนักเรียนจะหาที่เที่ยวลำบาก ยิ่งบุหรี่ เหล้า หาซื้อยากมาก เพราะคนขายตรวจ ไอ ดี ถี่ยิบ

เด็กๆ ที่คุ้นกับแสง สี จากกรุงเทพ แทบลงแดงตายเป็นรายๆ

เวลลิงตันว่าเงียบแล้ว ผู้ปกครองบางคนยังอุตส่าห์ส่งลูกไปอยู่เมืองเล็กๆ อย่าง Masterton ล้อมรอบไปด้วยทุ่งหญ้ากับฟาร์มแกะ กะเอาว่า ไม่ต้องให้เห็นแสง สีกันเลย เด็กกลับมาเที่ยวเมืองไทยทีนึง พ่อแม่ขอให้พูดภาษาอังกฤษให้อาม่า อากงฟังให้ชื่นใจหน่อย

ดันพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ร้องเสียงเหมือนแกะเปี๊ยบเลย ... อยู่กับแกะมากไปหน่อย ....

อาหาร... เป็นอีกหนึ่งปัญหาของเด็กไทย

โดยเฉพาะเด็กที่มาจากครอบครัวที่ไม่ทานเนื้อ .... homestay ปวดหัวมาก เพราะคนที่นี่ทานเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว เนื้อแกะ .... เนื้อหมูหาค่อนข้างยาก เด็กหลายคนปรับตัวได้ ก็สบายไป บางคนปรับตัวไม่ได้ ก็ลำบาก

อาหารที่เด็กไทยที่มาเวลลิงตัน เป็นต้องเจอ คือ Fish and chip



ภาพ Fish and Chip ปลาชุบแป้งทอดชิ้นโตกับมันฝรั่งทอด


ว่ากันว่า fish and chip เป็นอาหารพื้นเพของอังกฤษ แล้วนิวซีแลนด์รับเอามาเป็นอาหารหลัก ...หาง่าย .... มีทุกตรอก ซอก ซอย

มันเป็นปลาทอด ทานกับมันฝรั่งทอด หรือ french fried

ความแตกต่างทางภาษา ระหว่างอังกฤษ กับอเมริกา มีมาก อย่างอเมริกาเรียก french fried แต่อังกฤษเรียก chip

อเมริกาเรียกลูกอมว่า แคนดี้ หรือ candy อังกฤษเรียก ลอลลี่ หรือ lolly

อเมริกาเรียกร้านขายยาว่า ฟาร์มาซี หรือ Pharmacy อังกฤษเรียก เคมิสต์ หรือ Chemist

กลับมาดู fish and chip กันต่อ

ผมว่ามันเหมือนข้าวเหนี่ยวหมูปิ้งบ้านเรา ไปทางไหนก็เจอ แถมฝรั่งมันกินไม่เลือกมื้อ มื้อเช้า กลางวัน เย็น กิน fish and chip ได้หมด

แถวที่ผมพัก ที่ Lower hutt มีร้านขาย fish and chip ชื่อดังอยู่ร้านนึง ชื่อ blue island เจ้าของเป็นคนกรีซ ขายดีขนาดต้องโทรสั่งล่วงหน้า ไม่งั้นเข้าคิวนาน

เวลาเรานึกอะไรไม่ออก หิวจนตาลาย ก็สั่ง fish and chip มาทาน

เวลา homestay ขึ้เกียจทำอาหารให้เรา เขาก็ไปซื้อ fish and chip ให้ทาน

เด็กบางคน homestay ให้ทานแต่ fish and chip จนเกือบเป็นปลา ว่ายน้ำกลับเมืองไทยได้

บางคนมีทักษะเรื่องการทำอาหาร ก็มีโอกาสเหนือกว่าคนอื่น ได้ทานอาหารไทยบ่อยๆ แต่ก็มักถูกเพื่อนใช้ให้เป็นกุ๊กประจำกลุ่ม

ในเวลลิงตันมีร้าน Mr Chan ขายผัก ผลไม้ เครื่องครัวจากเอเขีย ประเภท มาม่า น้ำพริกเผา ทุเรียนกวน ฮานามิ บ๊วยเค็ม น้ำพริกสำเร็จรูป น้ำปลา ซีอิ้ว มีหมด แพงกว่าเมืองไทยก็ต้องยอม เพราะหายาก

... มันเป็นของนอก .... เดินทางมาไกลเป็นพันกิโล

อีกที่หนึ่งคือ ร้านของป้ามะลิวัลย์ ที่ upper hutt ร้านนี้อยู่เลย lower hutt ขึ้นไปทางเหนือหน่อยนึง ร้านนี้มีครบ ขนาดครกหินยังมีเลย... ป้าแกใจถึงในการสั่งของไปขายจริงๆ ....ครกไทยเลยมีโอกาสบินไปโชว์โฉมเมืองนอก ...

เด็กไทยหลายคน ไปทำอาหารเป็นที่นิวซีแลนด์นี่แหละ อยู่เมืองไทยไม่เคยจับตะหลิว ขนาดจะทานข้าว ยังแทบจะมีคนป้อนให้

มาที่นี่ อยากทานอาหารไทยจนตาลาย หาทานก็ยาก แพงก็แพง

ร้านแม่โขง (Mekong) กับร้านขะแมร์ (Khmer) ในเวลลิงตัน มีเจ้าของเป็นเขมรอพยพ ขายดิบขายดี เด็กไทยแน่นร้าน

...ไม่เชื่อไปถามมดดำดู .... สมัยเรียนที่เวลลิงตัน มดดำชอบไปทานร้านแม่โขงเป็นประจำ


เมือง Lower Hutt ที่ผมอยู่ อยู่ทางตอนเหนือของ Wellington


แต่มันก็ไม่ใช่อาหารไทยที่เราเคยทาน มันหนักไปทางอาหารเขมร กะเวียดนาม

เด็กไทยเลยรวมกันทำกับข้าวไทยกิน .... เอาประเภทส้มตำแซ่บๆ .... มีบางคนออกไอเดีย

อีกคนอยากทานแกงไตปลา... เอาเผ็ดๆ นะ

อีกคนอยากทานข้าวผัดกระเพรา .... คิดถึงมันมาก เสียใจและสำนึกผิดที่เคยตำหนิติเตียนมันว่า เป็นอาหารสิ้นคิด แต่วันนี้ ขอกระเพราไข่ดาวสักจานเถอะ .... จะไม่ลืมพระคุณเลย

บางคนอุตริอยากทานขนมจีนน้ำเงี้ยว .... เพื่อนบอกว่า อดทนอีกหน่อย รอกลับไปเมืองไทยตอนซัมเมอร์ แล้วฟาดให้เต็มคราบ ... แต่ที่นี่ ข้าไม่สามารถจัดตามคำขอของเอ็งได้ ... จนปัญญาจริงๆ

ที่เวลลิงตัน เรามีคติในการทำอาหารไทยคือ ..... ขอให้ดูมีลักษณะ รูปร่างเหมือน ... ก็ถือว่าใช้ได้

ไข่พะโล้ กับขาหมูพะโล้ ..... เป็นการทดลองอันดับต้นๆ

มีคนไทยที่ตั้งถิ่นฐานมานาน อย่างป้าแน็ท ลุงจอห์น ผู้เอื้ออารีย์แห่งเวลลิงตันแนะนำว่า ไปซื้อซีอิ๊วดำของจีน ยี่ห้อ A B C มาจากร้าน Mr Chan แล้วไปซื้อขาหมูจากซุปเปอร์มาร์เก็ตมา ต้มน้ำไฟอ่อนๆ พอน้ำเดือด เอาขาหมูใส่ลงไป ใส่ซีอิว A B C ลงไปเรื่อยๆ พอน้ำงวด ใส่น้ำกับซีอิ๊วดำลงไปอีก จากนั้นให้เคี่ยวไปด้วยไฟอ่อนๆ คอยทำแบบนี้อยู่บ่อยๆ

นานแค่ไหน.... เพื่อนอีกคนถาม

.. ทั้งคืน ... เพื่อนคนเดิมตอบ

จะบ้าเหรอ .... ใครมานั่งเฝ้าเตาทั้งคืน ....

อีกเสียงขู่ .... เอ็งอยากกินหมูพะโล้มั้ยวะ .... ไข่พะโล้กับหมูพะโล้ ที่ทุกคนโหยหามานานกว่าสามเดือน .... อยากกินมั้ย

พูดไม่พูดเปล่า ... มันทำตาละห้อย เหมือนกับชีวิตนี้ต้องจบสิ้นหากคืนนี้ไม่มีคนเฝ้าเตาต้มหมูพะโล้ของมัน

สรุป... จัดเวรกันเคี่ยวหมูพะโล้ทั้งคืน

เด็กไทยขึ้นชื่อเรื่องกลัวผี .... เวรใครตื่นมาเฝ้าเตาต้มพะโล้ ... มันเปิดไฟสว่างเป็นเพื่อนทั้งบ้าน

ฝรั่งข้างบ้านนึกว่า บ้านนี้มีงานปาร์ตี้ โผล่หน้ามาดูตลอด

จนเช้า ขาหมูที่ใส่ลงไปเปื่อยยุ่ย เหมือนขาหมูพะโล้ที่ขายตาม food court ในห้างที่เมืองไทย เพื่อนๆ ตื่นกันแต่เช้ามารุมดูเตาต้มพะโล้อย่างกับ รุมดูเกรดผลสอบ

เหลือไข่ เอาไงดี ...

ป้าแน็ทแนะนำมาว่า ต้มไข่ทีหลัง แล้วปอกเปลือก เอาไปลอยในน้ำต้มพะโล้สักพัก ก็ใช้ได้แล้ว ... เพื่อนเจ้ากี้เจ้าการออกความเห็นแกมสั่งการ

ทุกคนกระวีกระวาด ต้มไข่ ปอกเปลือก บางคนเกิดมาไม่เคยปอกเปลือกไข่ต้ม เปลือกไข่ติดเนื้อ กระบ่อนกระแบ่น ยังกับไข่เป็นโรคผิวหนัง เพื่อนต้องขอร้องให้ไปทำอย่างอื่น

... ไปล้างจานก็ได้ ...ไป๊ ...

ในที่สุด ข้าวขาหมู ไข่พะโล้ ก็เป็นความจริงขึ้นมาได้ ทุกคนเอร็ดอร่อยกันอย่างชนิด วิดน้ำพะโล้จนหมดหม้อเลย

ทานเสร็จ หงายท้องหลับเป็นแถว เพราะอยู่เวรเคี่ยวหมูพะโล้กันทั้งคืน

นี่เป็นตัวอย่างเล็กน้อย ของเด็กนักเรียนนอก ที่ต้องการทานอาหารไทย ... ผมว่า ทุกคนจำกันยันตายเลย ... สำหรับไข่พะโล้มื้อนี้

(โปรดติดตามตอนต่อไป)


อ่านบันทึกสงครามโลกครั้งที่สอง - //www.geocities.com/saniroj





Create Date : 17 ตุลาคม 2551
Last Update : 20 ตุลาคม 2551 7:08:44 น. 11 comments
Counter : 4749 Pageviews.

 
เข้ามาติดตามอ่านครับ คุณ unmoknight เขียนเรื่องได้น่าอ่านมากครับ ผมเคยไปนิวซีแลนด์สิบกว่าปีที่แล้ว ผมว่าเมืองเขาน่าอยู่ดีที่เดียว


โดย: JumboNanaimo วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:22:40:57 น.  

 
Hi คุณ unmoknight,

I lived in Wellington for two years and another good five years in Christchurch. I still remember having chicken noodle at Khmer restaurant. I always ask for a free bowl of chicken bone. It was so yummy!!

I used to go to Mr Chan for Thai food ingredients.

The sound of water being dump into the waterfall display @ the cuba mall always make me jump...

I miss Wellington...


โดย: Cookie IP: 91.125.150.163 วันที่: 18 ตุลาคม 2551 เวลา:4:42:26 น.  

 
เข้ามาตามอ่านครับ

ขอบคุณนะครับ ได้ความรู้และฮาดีครับ


โดย: nostoc IP: 58.9.209.179 วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:12:12:01 น.  

 


โดย: kanhompung วันที่: 23 ตุลาคม 2551 เวลา:19:54:18 น.  

 
มาชมค่ะ
haruthai68@gmail.com


โดย: เอ๋68 IP: 124.120.71.171 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:46:39 น.  

 
พออ่านจบก็รู้สึกอยากไปอยู่นั่นด้วยเล่าเรื่องได้สนุกดี


โดย: meow IP: 125.24.210.39 วันที่: 9 มีนาคม 2552 เวลา:17:15:11 น.  

 
ขอที่อยู่ ร้าน ป้ามะลิวัลย์ หน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ


โดย: ก้อย IP: 222.155.77.124 วันที่: 29 มีนาคม 2552 เวลา:14:37:30 น.  

 
555+


โดย: radiergummi วันที่: 13 สิงหาคม 2553 เวลา:19:10:58 น.  

 
เล่าเรื่องได้สนุกมาก สำนวนการเขียนดีมาก ทำให้อยากติดตามตอนต่อๆ ไป


โดย: ram IP: 192.168.22.148, 58.10.147.65 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:12:22 น.  

 
based on ur story teller, it makes me wana pursuit my master degree in new zealand seem like best choice.
tq bro!


โดย: rose IP: 113.210.230.125 วันที่: 28 พฤษภาคม 2554 เวลา:7:49:37 น.  

 
Thanks for sharing your stories! I've been finding information on master degree studies in NZ.



โดย: Kwan IP: 110.171.112.37 วันที่: 4 มกราคม 2555 เวลา:2:20:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unmoknight
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]




ฉันจะบิน ... บินไป ... ไกลแสนไกลไม่หวั่น
เก็บร้อยความฝันที่มันเรียงราย ...
ให้กลายมาเป็นความจริง ...
New Comments
Friends' blogs
[Add unmoknight's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.