Group Blog
 
All Blogs
 
- ถ้วยรางวัล World Cup 2.

ความเป็นมาของถ้วยฟุตบอลโลกที่นับเป็นแรงบันดาลใจให้นักเตะทีมต่างๆ ต่อสู้เพื่อพิสูจน์ฝีมือและศักดิ์ศรีของประเทศนั้น มีด้วยกันสองรุ่น โดยใบแรกชื่อ "จูลส์ ริเมต์" ซึ่งใช้ตั้งแต่ฟุตบอลโลกครั้งที่ 1 ค.ศ. 1930 ที่ประเทศอุรุกวัย จนถึงครั้งที่ 9 ปี 1970 ซึ่งประเทศเม็กซิโก เป็นเจ้าภาพและถ้วย "จูลส์ ริเมต์" ได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศบราซิล เพราะมีการตั้งกฎไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากชาติใดสามารถครองแชมป์ได้ถึง 3 สมัยเมื่อไหร่ ก็จะได้ถ้วยไปครอบครอง

ถ้วย "จูลส์ ริเมต์" ใบเล็กและอ่อนช้อยกว่าถ้วยใบปัจจุบัน โดย "จูลส์ ริเมต์" เป็นชื่อที่ถูกตั้งให้เป็นเกียรติ โดยใช้ชื่อของประธานฟีฟ่าชาวฝรั่งเศส ทำจากเงินและทองหนัก 3.8 กิโลกรัม สูง 38 เซนติเมตร ฐานทำด้วยหินล้ำค่าสีฟ้าหรือไพฑูรย์ (Lapislazule) เป็นรูปเทพธิดาแห่งชัยชนะ (Goddess of Victory) ตรงเหลี่ยม 4 ด้านของฐาน สลักชื่อประเทศที่ได้แชมป์ที่ 9 รายชื่อนับตั้งแต่ปี 1930-1970 ในอดีตถ้วย "จูลส์ ริเมต์" หายไปถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี ค.ศ.1966 ช่วงที่อังกฤษได้แชมป์ โดยพวกเขาเองเป็นเจ้าภาพ เหตุเกิดขึ้นระหว่างจัดการแข่งขัน ถ้วยถูกมือดีฉกไปกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก แต่ภายหลังโชคดีมีคนมาพบว่าถูกฝังอยู่ที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง โดยมีฝีมือการดมหาของเจ้าสุนัขตัวเล็กชื่อ
" พิกกิ้ลส์"

ต่อมาถ้วย "จูลส์ ริเมต์" มาหายไปจริงๆ ในปีค.ศ.1983 ช่วงที่ประเทศบราซิลได้สิทธิ์ครอบครองถ้วยนี้ อย่างถาวรไปแล้วหลังจากคว้าแชมป์ 3 สมัยได้สำเร็จ โดยขโมยมือดีฉกจากพิพิธภัณฑ์ในนครริโอเดอ จาเนโร และภายหลังถูกสืบพบว่าถูกนำไปหลอม เพื่อเอาทองมาขาย สร้างความเสียดายให้กับบราซิล ฟีฟ่า และแฟนฟุตบอลเป็นอย่างยิ่ง



หลังจากนั้นฟีฟ่า จึงต้องมีการสร้างโทรฟีขึ้นมาใหม่ ใบที่สองก็คือ "ฟีฟ่า เวิล์ดคัพ" เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 1974 เยอรมันตะวันตกเป็นเจ้าภาพจนถึงปัจจุบัน โดยนักฟุตบอลคนแรกที่ได้ชูถ้วยใบนี้ก็คือ ฟรานซ์ เบ็คเค่นบาวร์ กัปตัน "อินทรีเหล็ก" ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นประธานสโมสรบาเยิร์น มิวนิค และประธานจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกหนล่าสุดที่ประเทศเยอรมนี ผู้ออกแบบได้กล่าวถึงความหมายของถ้วยใบนี้ว่า "เส้นต่างๆ ที่ทะยานขึ้นพันเกลียวมาจากฐาน เพื่อรองรับลูกโลก แสดงออกถึงช่วงเวลาแห่งชัยชนะของนักฟุตบอลสองคนที่เหยียดแขนทั้งสองข้างสุดตัว เพื่อรับลูกโลกนี้ไว้"

ถ้วยเวิลด์คัพใบนี้เริ่มใช้ครั้งแรกในการแข่งขันปี ค.ศ.1974 ที่ประเทศเยอรมนีเป็นเจ้าภาพ และทีม "อินทรีเหล็ก" สมัยนั้นซึ่งยังแยกเป็นฝั่งเยอรมันตะวันตกอยู่ก็คว้าถ้วยใบนี้สำเร็จครอบครองไว้นาน 4 ปี จากนั้นจึงลงไปอยู่อเมริกาใต้ แล้วกลับขึ้นมายุโรปสลับกัน 2 ทวีปอย่างนี้ในทุก 4 ปี เพราะประเทศที่ได้แชมป์จากเยอรมนีก็คือ อาร์เจนตินา (1978) อิตาลี (1982) เยอรมนี (1990) แล้วย้อนกลับมาบราซิล (1994) ต่อด้วย ฝรั่งเศส (1998) และล่าสุดบราซิล (2002)

ถ้วยฟีฟ่าใบนี้ไม่เหมือนใบแรกเพราะไม่มีการกำหนดว่าแชมป์กี่สมัยถึงจะได้ไป แต่ฟีฟ่าหรือสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ถือว่าถ้วยนี้จะต้องอยู่ถาวรกับฟีฟ่า ผู้ชนะจะได้รับถ้วยจำลองที่ทำจากทองผสม ส่วนที่ฐานซึ่งมีแหวนคาดสองเส้น มีพื้นที่ไว้สลักชื่อผู้ชนะ 17 ช่อง ซึ่งเมื่อถึงปี ค.ศ. 2038 ชื่อก็จะเต็มช่องเหล่านี้ จากนั้นจะทำอย่างไร ฟีฟ่าก็คงต้องปรึกษากันต่อไป ...




Create Date : 29 มิถุนายน 2549
Last Update : 29 มิถุนายน 2549 13:03:24 น. 0 comments
Counter : 496 Pageviews.

vr1428
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add vr1428's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.