หันมามองฉันสักหน่อยสิเธอ...
 
บ้านเราเอง สร้างเองอยู่เอง....ตอน: หลวงพระบาง ความเงียบ และความเงียบ....

...
...
...แม่เรียกตื่นแต่เช้า เพราะว่าคุยกันไว้แต่เมื่อวานว่าจะไปใส่บาตร

มาหลวงพระบาง ถ้าไม่ได้ใส่บาตรเหมือนไม่ได้มา...ว่างั้น

กำลังแต่งตัวอยู่ฝนก็เทลงมา...

เซ็งบะก๊องด้องไปตามๆ กัน......

แปลเป็นไทยว่า เซ็งคอดๆ.....

ผมอาบน้ำ(ด้วยความทุลักทุเลเป็นมื้อที่ 2 เปียกทั่วห้องเช่นเคยครับทั่น) แต่งตัวเสร็จก็ขึ้นไปชั้นบนสุดของโรงแรม เป็นชั้นดาดฟ้าน่ะครับ

เขาทำเป็นร้านอาหาร เอาไว้ให้แขกของโรงแรมทานอาหารเช้ากัน ไปนั่งกินข้าวกับสาวน้อยคนนี้ครับ สาวน้อยแสนซนคนนี้ เป็นหลานคนล่าสุดของตระกูลชื่อ แพรวา (ก่อนจะโดนทุบสถิติล่าสุดกว่าโดยน้องเฌอแตม 1 เดือนหลังจากนั้น)




ใครเคยดูแลเด็กประมาณขวบกว่าๆ จะรู้ดีว่า..เราจะทำอย่างอื่นไม่ได้เลย

ฉะนั้น เรื่องข้าวเช้าผมจำเป็นต้องพักชั่วคราว เพราะว่าทุกๆ 1 วินาทีผมจะต้องคอยจับ คอยวิ่งไล่ตาม เหนื่อยขนาดเจ้า....

สอบถามพี่สาวก็ได้ความว่าทั้งเขาและสามีก็มีความกังวลใจไม่น้อยเหมือนกันกับเรื่องนี้ เกรงว่าลูกสาวจะเป็นไฮเปอร์

ฮ่าๆๆ

ก็เอาแม่มันมาเต็มๆ เลยสิเนี่ย...T_T...เฮ้อ หลานผม

บรรยากาศยามเช้าหลังฝนตกในหลวงพระบางช่างเงียบเหงายิ่งนัก มองไปทางไหนก็เงียบ เอ..หรือนี่เป็นเสน่ห์ของเมืองนี้จริงๆ ผู้คนมุ่งหน้ามาที่นี่ก็เพราะความเงียบแบบนี้ไม่ใช่รึ ..




ผมละสายตาจากการเฝ้ามองหลานสาว(ได้บ้าง) มองไกลออกไปด้านล่างถนนยังที่ยังว่างเปล่า ไร้ผู้คน มองออกไปไกลด้านหน้าเป็นวัดพระธาตุภูสี เป็นจุดชมวิวจุดหนึ่งของเมืองหลวงพระบาง

คล้ายๆ กับทางขึ้นดอยสุเทพของเชียงใหม่ อยู่ข้างบนมองลงมาเห็นเมืองแบบพานอรามาเหมือนกันเด๊ะ



ตึกชั้นเดียวที่เห็นอยู่ตรงนั้นเป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว ตั้งอยู่มาตั้งแต่สมัยหลวงพระบางยังเป็นเมืองหลวง แม้ตอนนี้จะเป็นแขวงหลวงพระบางตึกนี้ก็ยังใช้งานได้ดีอยู่ครับ



จะว่าไปเมืองนี้ส่วนใหญ่ก็ฟังเพลงไทย ดูทีวีก็ทีวีไทย ผมไปอยู่ที่นั่นยังไม่ได้ยินวิทยุภาษาลาว หรือทีวีลาวเลยครับ ไม่รู้ว่าจะเป็นเฉพาะที่โรงแรมนี้หรือเปล่านะ

แต่ร้านเทปข้างล่างก็เปิดเพลงไทยซะเป็นส่วนใหญ่...ไปตอนนั้นได้ยินบ่อยสุดน่าจะเป็น บิ๊กแอ้ดส

ทานข้าวเช้าเสร็จลงไปข้างล่างของโรงแรม ก็เป็นร้านอาหารน่ะครับ พบว่ามีญาติหลายๆ คนรวมตัวกันอยู่ที่นั่นเพื่อรอไปวัดพร้อมๆ กัน

ผมแอบไปนั่งหลบอยู่ห่างๆ ให้ญาติสนิทเขาได้คุยกันเต็มที่ มีบ้างที่เขาหันมาคุยกับผม ซึ่งผมก็ทำได้เพียงยิ้มให้แล้วตอบเล็กน้อย ทำทีเป็นฟังภาษาลาวไม่รู้เรื่อง แถมยังพูดไม่ได้ ...



แล้วก็นั่งเหม่อมองออกไปนอกโรงแรม...



..



กาแฟของที่นี่ใช้ของ Boncafe คุ้นๆ นะครับ คล้ายๆ ว่าเคยเห็นที่ไหนหนอ... ราคากาแฟสดที่นี่แก้วละ 15000-17000 กีบ ก็ประมาณ 60-70 บาท แต่รสชาดผมว่าสู้กาแฟสดแก้วละ 25 บาทแถวๆ หลังมอชอยังไม่ได้เลยครับ

ซึ่งกาแฟที่นี่จะมีรสชาดและราคาประมาณนี้ทั้งนั้น อืมมมม..

เชียงใหม่บ้านผมน่าจะเข้าท่ากว่านะเนี่ยนะ

....

วันที่สองของผมในหลวงพระบางใช้ชีวิตอยู่ที่วัดทั้งวันครับ อันที่จริงก็พอมีเวลาแว๊บไปไหนมาไหนได้ แต่ด้วยเหตุที่กลัวเหงา อีกอย่างไม่มีเงินติดตัวเลยสักกีบ(ใช้เงินบาทไม่ได้ ขาดทุนบานนนน) เลยเดินเล่นอยู่แถววัดนั่นแหละครับ





เดินไปเดินมาแถววัด มีหลายอย่างน่าสนใจครับ ร้านกาแฟมีพอสมควร แต่ก็คนละแบบกับที่เชียงใหม่ น่าสงสัยอยู่เหมือนกันว่า ถ้าร้านกาแฟในรูปแบบที่เราๆ เห็นกันอยู่ที่เชียงใหม่ อย่างวาวี หรืออะไรก็แล้วแต่มาเปิดที่นี่ จะมีลูกค้าเข้าร้านหรือเปล่านะ...



หรือว่าเขาคัดโดยธรรมชาติแล้วว่าร้านของที่นี่ต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น....

ปล.ผมพูดเปรียบกับเชียงใหม่ เพียงเพราะว่าผมอาศัยอยู่เชียงใหม่นะครับ เท่านั้นเอง..

แต่ผมรู้อย่างหนึ่งว่า อันเนื่องจากหลวงพระบางเป็นเมืองมรดกโลก การจะทำอะไรๆ กับสถานที่ต่างๆ นั้นไม่ง่ายเลย มีหลายอย่างที่ทำไม่ได้ ด้วยข้อบังคับร้อยแปดขององค์การยูเนสโก้

ก็ไม่น่าสงสัยเลยที่คนเชียงแสน(บ้านเกิดผม จ.เชียงราย)จะต่อต้านการเข้าเป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลก..

ต่อต้านแรงถึงขนาดบอกว่าถ้าเมืองเชียงแสนได้เป็นจะร่วมกันเรียกว่าเมือง "ม้อหน้าฮกโลก"....

(แปลเป็นไทยว่า เมืองนรกโลก...ประมาณนั้น งึมๆๆๆ)...

ที่หลวงพระบางร้านอาหารจะเยอะมาก เดินไปที่ไหนก็เจอ และฝรั่งจะเป็นแขกประจำ ผมเดินดูเมืองหลวงเก่าแก่เมื่องนี้ได้สักพักก็มาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง


......บ้านหลังหนึ่ง............




......

บ้านหลังนี้เป็นของปู่ผมครับ.....

สภาพเปลี่ยนไปจนผมจำแทบไม่ได้ มาคราวที่แล้วยังเป็นบ้านเก่าๆ ที่ได้รับการอนุรักษ์โดยรัฐบาลลาวให้เป็นของเก่าแก่คู่เมือง

มาคราวนี้กลายสภาพเป็นโรงแรมที่พักและร้านอาหารไปซะแล้ว....

ใช่ครับสวยขึ้น..แต่ผมชอบแบบเก่ามากว่า น่าเสียดาย ภายในของบ้านคงถูกทำให้เปลี่ยนไปจนหมดสิ้นสภาพเดิม ลานโล่งๆ ที่ผมเคยไปเดินเล่นคราวที่มาเยี่ยมครั้งแรก ก็คงไม่มีแล้ว ..

แต่อย่างไรก็ตาม หลังคาที่เห็นนั้นก็เก่าแต่ดั้งแต่เดิม ยังไม่ไปไหนครับ

เดินไปเดินมาก็ถึงเวลาสวดเย็นก็เลยกลับไปที่วัด คืนนี้สวดคืนสุดท้าย...

เป็นมหาสวด.....

ข่าวว่าพระสงฆ์หลายร้อยรูป มาร่วมสวดในคืนนี้ และประธานของสงฆ์เป็นท่านสังฆราชของประเทศลาว ท่านเดินทางมาจากเวียงจันทร์พร้อมๆ กับพระรูปต่างๆ ที่เดินทางมาจากหลายแขวงของประเทศลาว

ผู้คนเบียดเสียดยัดเยียดกันเข้าไปเพื่อดูศพเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะบรรจุศพไว้ในโลงขาวแล้วปิดทับด้วยโกศสี่เหลี่ยม...

เห็นแบบนั้นแล้วก็แอบถอนใจในโชคชะตา

..ผมเคยเจอหลวงปู่ไม่กี่ครั้ง ท่านเคยไปจำวัดที่บ้านผมหลายครั้ง แต่ผมมักไม่มีโอกาสกลับไปกลาบท่านเท่าไหร่ เจอท่านครั้งสุดท้ายก่อนที่ผมจะบวช ตอนนั้นท่านมาร่วมงานสวดที่วัดมหาธาตุที่กรุงเทพฯ (ถ้าจำไม่ผิด)

และครั้งนี้ ก็เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ที่ผมจะได้เจอท่าน

กว่าเที่ยงคืนผู้คนยังเต็มวัด มารอดูพิธียกโกศ เขาพูดกันว่าหลังจากพระราชพิธีเผาพระศพของเจ้าชีวิตองค์สุดท้ายเมื่อหลายปีก่อนก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นพิธีแบบนี้อีก ..

ผมนั่งอยู่ห่างๆ ในมุมหนึ่งของวัดแสนสุขาราม นั่งคุยกับคุณลุงคนหนึ่งเรื่องตำนานพระโกศ เขาเป็นลุงแก่ๆ คนหนึ่งที่ท่าทางมีความรู้ ผมถามเรื่องนี้เพราะผมอยากรู้ว่าเหตุใดจึงต้องบรรจุโกศ




คุณเขาบอกว่าโกศมีหลายระดับ ระดับเจ้าชีวิตคือพระเจ้าแผ่นดิน เป็นพระโกศทรงกลม รองลงมาพระบรมวงศานุวงศ์เป็นพระโกศแปดเหลี่ยม และรองลงมาเป็นระดับพระโกศที่ประทานให้บรรดาผู้สูงศักดิ์ เป็นโกศสี่เหลี่ยมดังที่เห็นนี้..

ลุงเขาเล่าเป็นภาษาลาวแบบนี้ ถูกผิดไว้มีเวลาผมจะลองค้นข้อมูลเหล่านี้ดูว่าจริงๆ เป็นอย่างไร..

ตีหนึ่งผมก็กลับถึงที่พักด้วยความง่วง..พรุ่งนี้คงตื่นแต่เช้าอีกวัน

มีอะไรให้ทำเยอะแยะเลย...หลวงพระบาง

สบายดี....
....
...




Create Date : 06 ธันวาคม 2550
Last Update : 6 ธันวาคม 2550 17:55:36 น. 20 comments
Counter : 4546 Pageviews.  
 
 
 
 
สวัสดีเจ้า

ที่นี่...สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศลาว



ตระการตาขนาดเลย เห็นภาพสุดท้าย

(อ้ายปิ๊กมาฮับน้องโตยเจ้า ใคร่ไปผ่อเมืองลาว สักเตื้อ)
 
 

โดย: คิตตี้..เหมียว วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:18:31:05 น.  

 
 
 
สบายดี๋ค่ะ.....

...ตามมา (ติดๆ) แอ๋วหลวงพระบางด้วยคนค่ะ
ขอบใจหลายเด้อ
 
 

โดย: ม๊ามี๊@มะหมี่ IP: 203.156.177.171 วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:19:59:53 น.  

 
 
 
โอ้ว!ดูแล้วนึกถึงตอนไปเที่ยวลาวเลย แต่เราไม่ได้ไปที่หลวงพระบางไปถึงแค่เวียงจันทน์อย่างเดียวอ่ะ
 
 

โดย: PriYa วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:20:17:38 น.  

 
 
 
ชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับหลวงพระบางค่ะ เพราะเคยไปแล้วประทับใจมาก อยากจะกลับไปใส่บาตรข้าวเหนียว และใช้เงินเป็นแสนๆกีบอีก เหมือนจะรวยเลย
 
 

โดย: เอสเจ~* วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:20:23:41 น.  

 
 
 
ภาษาลาวถ้าเล็งดีๆก็อ่านออกนะคะ
จะคล้ายๆภาษาไทย

^ ^
 
 

โดย: หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:20:30:05 น.  

 
 
 
ว้าว หลวงพระบาง เมืองมรดกโลก อยากไปมานานแล้วครับ แต่หาโอกาสไม่ได้สักทีเลย ชอบที่ผู้คนยังไม่มีวัตถุนิยมเข้าไปมาก ชอบคนนุ่งผ้าซิ่นครับ เวลาเห็นตามทีวีแล้วประทับใจมากเลยครับ
 
 

โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:21:32:22 น.  

 
 
 
วันนี้อ่านแล้วก็เหงาๆเศร้าๆตามอารมณ์เจ้าของบล็อกจริงๆ
ดีค่ะนอกจากอ่านเพลินแล้วยังได้ความรู้ไปด้วย แถมยังแฝงอัตถชีวประวัติต้นตระกูลเจ้าของบล็อกเลย....

เวลาอ่านบล็อกอ้ายฤทัยทำให้นึกถึงครูไพลิน กาญจนภานุพันธ์(รร.จักรคำคณาทร ลำพูน) เวลาท่านไปต่างประเทศ ท่านชอบเขียนหนังสือเล่าได้สนุกมาก เห็นภาพ ยังกะได้ไปเที่ยวตามและได้ความรู้จริงๆ และจำหน่ายเพื่อหารายได้เข้าโรงเรียนด้วยค่ะ ...(เล่าให้ฟังเพราะเห็นว่าอ้ายฤทัยน่าจะรวบรวมทำพ็อคเก็ตบุคได้ ...จะตามมาเป็นแฟนคลับพ็อกเก็ตบุคเน้อ อิอิ)
 
 

โดย: kanni_m (bigwat ) วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:21:50:20 น.  

 
 
 
 
 

โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 7 ธันวาคม 2550 เวลา:7:54:42 น.  

 
 
 
ประเทศลาว เหมือนจะเงียบๆ และยังคงความเป็นลาวได้อย่างดีเยี่ยมนะคะ ไม่มีวัฒนธรรมจากประเทศอื่นเข้ามาเหมือนบ้านเรา ส่วนตัวแล้วว่าอย่างนี้แหละดีคะ ได้เห็นถึงตัวตนจริงๆของประเทศนั้นๆ ซึ่งเค้ายังคงความเป็นตัวเองอยู่จนถึงทุกวันนี้ และภูมิใจที่เป็นอย่างนี้ ธรรมชาติดีคะ
แต่ จขบ.ดูจะเงียบๆเหงาๆ สงสัยจะคิดถึงใครอยู่รึเปล่าคะ
อิอิอิอิ ล้อเล่นจ้า ยังงัยก็มีความสุขมาก ๆ นะ
 
 

โดย: เจ้าเตี้ย วันที่: 7 ธันวาคม 2550 เวลา:9:13:15 น.  

 
 
 
สวัสดีครับ ทุกท่าน

บทนี้ก็อาจดูเงียบเหงาไปบ้าง...

บางทีตัวหนังสือก็อาจเป็นตัวแทนของความรู้สึกของคนเขียนในช่วงนั้นได้เหมือนกัน..

จนบางครั้ง เราอาจจับความรู้สึกของคนเขียนได้มากกว่าเนื้อหาของบทความที่เขียนซะอีก...


งึมๆๆๆ

ผมอาจเขียนยาวไปหน่อยนะครับ อย่าเบื่อไปซะก่อนเน่อ

.
..

ปล.ผมไปหลวงพระบาง 2 ครั้ง ทั้งสองครั้งแม้ว่าดูจะแตกต่างกัน แต่ยังคงรักษาความเงียบไว้ได้เป็นอย่างดี และผมก็ยังคงรักเมืองนี้เช่นเคยครับ
 
 

โดย: ฤทัยนาวา วันที่: 7 ธันวาคม 2550 เวลา:9:58:45 น.  

 
 
 
ยังไม่เคยไปแต่ก็หลงรักเมืองนี้เข้าเสียแล้ว
 
 

โดย: manachanok วันที่: 7 ธันวาคม 2550 เวลา:11:09:14 น.  

 
 
 
ชอบโต๊ะกับเก้าอี้ไม้ที่นั่งกินกาแฟหน้าโรงแรมจัง สวยถูกใจ แบกกลับมาเป็นของฝากหน่อยได้มั้ยครับ
 
 

โดย: ปุลากง วันที่: 7 ธันวาคม 2550 เวลา:19:55:17 น.  

 
 
 
อยากไปเหมือนกันค่ะ
ความจริงตอนนี้ควรจะอยู่เสียมเรียบ
แต่คณะติดขัดบางประการ
เลยชวนกันปล่อยผ่านไปก่อน

โกศ เห็นในภาพก็ยังเฉยๆ
เคยได้เห็นของจริง
เห็นแล้วขนลุกยังไงก็ไม่ทราบ
 
 

โดย: นางไม้หน้า3 วันที่: 8 ธันวาคม 2550 เวลา:15:16:40 น.  

 
 
 
อื๋ม.........คุณมีอะไรๆในอดีตที่นั่นเยอะเลยเนอะ เสียดายที่ตอนนี้เรายังไม่มีโอกาสกลับไปหาอดีตแบบคุณเท่าไหร่

-----------------------------------------------------------------------------------------
นี่ก็ลุ้นๆอยู่ ถ้างานที่เมืองไทย ยัง ศก. เป็นแบบนี้ จะขอไปทำงานที่ลาวน่ะ ลูกน้องที่เป็นกรรมกรบางส่วนเขาขอไปลาวได้แล้ว ไปทำที่เขื่อน้ำเทินน่ะคุณ แต่เรายังไม่มีวี่แววเลย ว่าจะขอไปลาวได้มั่ง
-----------------------------------------------------------------------------------------

คุณสบายดีนะคะ ไม่ได้มาเยี่ยมตั้งนาน ที่นู่นคงหนาวเต็มทีแล้วสิ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
 
 

โดย: nattabe วันที่: 8 ธันวาคม 2550 เวลา:16:27:03 น.  

 
 
 

 
 

โดย: โสมรัศมี วันที่: 9 ธันวาคม 2550 เวลา:20:48:19 น.  

 
 
 
วันหยุดไปเที่ยวไหนอีก คราวนี้?

เที่ยวเผื่อกันด้วยนา วันหยุดยังต้องทำงานเลย ไปชดเชยใส่ปีใหม่ 5555
 
 

โดย: nattabe วันที่: 10 ธันวาคม 2550 เวลา:10:05:28 น.  

 
 
 
วันหยุดไม่ได้ไปเที่ยวไหนครับนายช่าง

เพราะผมถือคติที่ว่าท่องเที่ยววันธรรมดา คุ้มค่าที่สุด

ส่วนวันหยุด เราควรอยู่บ้าน...

..แต่จะว่าไป ก็ไม่ได้ค่อยได้ไปไหนอยู่แล้วล่ะครับ

ช่วงนี้งานเยอะเหรอ..ดูท่าทางยุ่งๆ (เดาเอา )

...
..
 
 

โดย: ฤทัยนาวา IP: 202.28.27.3 วันที่: 11 ธันวาคม 2550 เวลา:9:21:17 น.  

 
 
 
บล็อกดูเหงาๆจังเลย...

วันนี้หนูก็ซึมๆ(อย่างที่เล่าให้ฟังไปแล้ว)...

แต่เอาเหอะ - - ชีวิตต้องดำเนินต่อไปแหละ...

 
 

โดย: น้องลิล (VoDkA_sHoT ) วันที่: 11 ธันวาคม 2550 เวลา:17:13:00 น.  

 
 
 
รู้สึก เจ้าของบ๊อก จะเหงาเกินไปหรือเปล่า
อะไรก็เลยดูเศร้าสร้อยไปหมด แต่ขอติอยู่นิดหนื่งก็คือการเอาหลวงพระบางไปเปียบเทียบกับเชียงใหม่ในหลายๆช่วง
ทุกสิ่งย่อมมีความเป็นตัวของตัวเองเพราะมันไม่มีอะไรเหมือนกันในโลกหรอกค่ะ และไม่มีอะไรแทนกันได้ . ขอฝากถึง เจ้าของบ๊อกค่ะ จาก คนลาวคนหนื่ง
 
 

โดย: หญิงลาว IP: 61.7.149.93 วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:11:52:57 น.  

 
 
 
 
 

โดย: ฤทัยนาวา วันที่: 18 ธันวาคม 2550 เวลา:20:09:49 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ฤทัยนาวา
 
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




บางครั้งสุข บางทีเศร้า....

บางวันเหงา บางคืนหงอย......

บางเวลา...ก็ใจลอย

แต่บางคนที่เฝ้าคอย...ตอนนี้อาจกำลังมา



web counter

online Online Blackjack Locations of visitors to this page
[Add ฤทัยนาวา's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com