Little drops of water, Little grains of sand Make the mighty Ocean, and the pleasant land. Little deeds of kindness, Little words of love Help to make Earth Happy, Like the Heven above.
Group Blog
 
All Blogs
 
13-15 ก.ค. ไป Singapore กับ แม่ (ตอนที่ 3)

ออกจาก museum ก้มมามองนาฬิกา แล้วมองฟ้าแบบงงๆ
นี่มันทุ่มแล้วนะ ทำไมฟ้ามันสว่างอย่างนี้หล่ะ เลยเดินเล่นต่อ รอบสนามบอล
ไปทางหน้าตึกcity hall มีเจ้าสาวกับบัณฑิตรับปริญญาแต่งตัวมาถ่ายรูปกันด้วย แต่ในความเห็นของเรานะ ไม่เห็นมันจะสวยตรงไหนเลย พระที่นั่งอนันบ้านเรายังงามกว่าเป็นไหนๆ อิอิ

เดินไปเรื่อยๆจนถึงโบสถ์ แวะเข้าไปถ่ายรูปหน่อย ข้างในร่มรื่นมากๆ ต้นไม้ใหญ่ครึ้ม มีคนเข้าไปนั่งพักผ่อนกันเยอะเชียว



ข้างในโบสถ์ เปิดหนังสือมาดู ก็เหมือนๆบ้านเรา มีสมุดร้องเพลง แต่มีฉบับภาษาจีนด้วย



ออกจากโบสถ์ แม่เริ่มบ่นหิวข้าวแล้ว ก็เลยเดินตัดสนามกลับไป Esplanade เพื่อไปร้าน no sign board
จริงๆแล้ว ก็แอบมองหาร้านนี้ตั้งแต่ตอนมาเดินเล่นเมื่อบ่ายแต่ไม่เจอะ
พอมาตอนนี้เดินไปหาอีกรอบ ก็ไม่เจอะอีก!!! มันอยู่ไหนหล่ะเนี่ย

เลยไปหาอ่านที่ป้าย information จำเลขที่ห้อง แล้วไล่หา เอา ในสุดก็เจอะ
โถ .....เดินผ่านตั้งหลายรอบ ร้านออกจะใหญ่ ทำไมเรามองไม่เห็นหว่า


เข้าไปถึงร้านคนเยอะเชียว และตามฟอร์ม เราไปกันแค่ 2 คน โต๊ะหายากอีกแล้ว มีแต่โต๊ะใหญ่ๆ แล้วเราก็ได้โต๊ะ สำหรับ 4 คน โต๊ะนึงตรงมุมของร้าน

ก่อนเดินมาถึงโต๊ะก็แอบสำรวจเมนูบนโต๊ะอื่นๆ เค้าสั่งอะไรกันมั่ง มองไปเห็นอยู่ 2 อย่างที่มีแทบทุกโต๊ะ คือกุ้งมังกรฟูอะไรซักอย่าง แล้วก็ปู


พอมาถึงโต๊ะ เห็นอุปกรณ์บนโต๊ะนี่พร้อมเลย ถ้าไม่กินปู คงเหมือนไม่ได้มากินร้านนี้ เอิ้กๆ

นั่งปุ๊บ แม่สั่งก่อนเลย โค้ก 2 แก้ว
ไม่รุ้จักตายจริงๆ มากินโค้กร้านแบบนี้ แพงๆๆๆๆ แต่ก็เพราะเดินจนเหนื่อยมาก ดื่มโค้กเข้าไปชื่นใจมากเลยค่ะ

เมนูวันนี้ Chili Crab 1 ตัว ตอนสั่งเหลือบไปแอบดูโต๊ะข้างๆ อาหารแต่ละอย่างจานมหึมา แล้วเราจะกินหมดได้ไงเนี่ย มากันแค่ 2 คน
เลยตกลงกับแม่ว่า เดี๋ยวสั่งซุปอีกซักอย่างนึง ให้คล่องคอ เหนื่อยๆแบบนี้คงทานอะไรหนักๆไม่ลงเนอะ

แต่หลังจากพลิกเมนูอยู่หลายรอบ ไม่เจอะหัวข้อซุปซักที มีแต่บะหมี่ ซึ่งอ่านดูแล้วก็ไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นบะหมี่น้ำ เราว่าน่าจะเป็นพวกบะหมี่ผัดมากกว่า ขืนสั่งมาคงกินไม่หมดแน่ๆ.....

สุดท้าย เราก็ไปจบที่หน้า Shark Fin หรือ หูฉลามนั่นเอง เพราะดูแล้วเป็นหน้าเดียวที่มีคำว่า ซุปอยู่ ถ้าไม่นับเมนูพระกระโดดกำแพง
หลังจากคำนวนราคาแล้ว 38 SGD ต่อ 1 ถ้วยซุป พอๆกับภัตรคารจีนบ้านเราทั่วไป นานๆกินที ลองซะหน่อย เลยสั่งมา 1 ถ้วยแล้วแบ่งกันค่ะ


เมื่อหูฉลามมาถึงเปิดมาหน้าตาประหลาดมากๆ
น้ำข้นๆเหมือนซุปฟักทอง เรากะแม่ก็อึ้งไปตามๆกัน ไม่เคยเจอะซุปหูฉลามหน้าตาแบบนี้มาก่อน นึกว่ามันน่าจะเป็นน้ำใส ไม่ก็น้ำแดง พึ่งเคยเจอะน้ำเหลืองๆแบบนี้ มันจะอร่อยเหรอเนี่ย



ตักขึ้นมาดู หืม...ชิ้นหูฉลามมี 2 ชิ้น แต่ขนาดใหญ่มากสมราคาจริงๆ ที่กรุงเทพราคานี้ยังไม่ได้ชิ้นเท่านี้เลย
หลังจากทดลองชิม ปรากฏว่าอร่อยมากๆๆๆ น้ำซุปที่ดูว่าข้นๆกลับใส และกลิ่นหอมรสชาติกลมกล่อม แตกต่างกะหน้าตาของมันโดยสิ้นเชิง ติดใจมากเลยค่ะ

ไม่นั้นนัก แล้วปูผัดพริกก็ยกมาค่ะ จานเบ่อเร่มเลย



ปูตัวใหญ่มากๆ อร่อยชาติก็เยี่ยมยอด กว่าจะทานหมด เล่นเอาเหนื่อยเลยค่ะ เสียดายน้ำราดปูมากๆ ถ้าอยู่ที่ไทยคงห่อกลับไปคลุกข้าวกินที่บ้านแล้ว

หลังจากอิ่มหนำ รวมเบ็ดเสร็จมื้อนี้ เลขที่ออกสวยมากๆ 111 SGD ค่ะ
และตามฟอร์มเดิมอีกแล้ว แม่บอกว่า ไว้มากินอีกนะ แม่ชอบ
(มากินได้นะ สนับสนุนเต็มที่เพราะชอบเหมือนกัน ขออย่างเดียวห้ามสั่งโค้ก plz)

ออกมานอกร้านมืดพอดี คิดอยู่ว่าจะเอาไงดีนะ เดินไปถ่ายรูปที่ลาน merlion ดีไหม แต่จากตรงร้านมองไป ไกลนะเนี่ยต้องข้ามสะพานด้วย เลยเดินโต๋เต๋ หามุมถ่ายรูปหน้า esplanade แปบนึง แต่เพราะคนเยอะมาก เค้ามาดูดนตรี Jazz กัน แทบจะไม่มีที่ยืน มุดไปมุดมา หันไปมองนาฬิกา นึกได้ อ๊ะ... เรามีนัดกับโชว์น้ำพุที่ suntec นินา นี่มันจะ 2 ทุ่มแล้ว ดูรอบแรกไม่ทัน ต้องรีบเดินไปให้ทันรอบ 2 ทุ่มครึ่งซะแล้ว

ว่าแล้วก็เริ่มเดินจาก esplanade ตัดเข้า marina square ผ่านร้านค้าแบรนด์เนมน่าชอปปิ้งมากมาย กำลังลดราคาอยู่ด้วย แถมคนเยอะมากๆ บรรยากาศยั่วกิเลสเป็นที่สุด แต่ต้องอดใจ รีบไปดูน้ำพุก่อน
ในที่สุด หลังจากฝึกความอดทนเดินผ่านไปได้ ไปถึงน้ำพุก่อนเวลาแสดงแค่ 5 นาที มีคนมารอชมกันเยอะเชียว



สิ่งแรกที่ทำเมื่อไปถึงน้ำพุคือสำรวจทิศทางลมค่ะ อิอิ เพราะดูจากรอยน้ำบนพื้นแล้ว เลือกยืนผิดที่ต้องเปียกแน่ๆเรย เดินวนรอบน้ำพุ 1 รอบ แล้วก็ได้มุมเหมาะๆ ถอยห่างมาหน่อย แต่ได้ดูตรงกลางพอดี
การแสดงแสงสีของน้ำพุ suntec แม้จะแค่แปบเดียว ซัก 15 นาทีได้มั้ง แต่ก็น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ เล่นแสงสีประกอบดนตรีอย่างสนุกสนาน แม่ก็ชอบมากๆ
ไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงโชว์เรื่อยๆหรือเปล่า คงต้องรอพิสูจน์ตอนไปเที่ยวใหม่รอบหน้า อิอิ



หลังจากดูน้ำพุเสร็จ ดูนาฬิกาแล้ว ไปขึ้น Flyer ดีกว่า เพราะรอบสุดท้ายมัน 4 ทุ่ม ตอนนี้มันจะ 3 ทุ่มแล้ว เดี๋ยวจะดึกเกินไป ว่าแล้วก็เริ่มมองหาป้ายรถเมล์ เพราะมีข้อมูลมาว่า Flyer มีรถรับส่งที่หน้า suntec แต่............
ตรงนี้มันเป็นวงเวียนอ่ะ แล้วตรงไหนคือป้าย suntec ที่รถจะมาจอดหล่ะ แง้ว!!!

เพราะมันมืดแล้ว ทิศทางก็หายากขึ้น แถมจอแจทั้งรถทั้งคน ไม่รู้เอาไงดี ดูในแผนที่ มันก็ไม่ไกลนา.....
สรุปว่าเดินแระกัน คงไม่เท่าไหร่หรอก

เดินไปซักพัก คนก็น้อยลงเรื่อยๆ แถมมาเจอะกับสถานีสุดสายของรถเมล์ มีแต่รถเปล่าจอดเรียงกันเป็นแถวยาวเลย ถึงจะมองเห็น Flyer อยู่ไม่ไกล แต่ถนนตรงนี้เงียบและดูเปลี่ยวมากๆ ฟุตบาทก็ไม่มี รถก็ผ่านน้อย มืดด้วย แงๆๆๆกลัวจังเลย

เรากับแม่ไม่ได้คุยไรกันเลย เอาแต่เร่งฝีเท้าเดินๆๆ เดาว่าแม่คงจะกลัวเหมือนกัน จริงๆเราว่าระยะทางมันไม่ไกลมาก แต่สงสัยเพราะกลัวจัดเลยรู้สึกว่ามันไกลจริงๆ แถมเป็นกลางคืนด้วย ถ้าเป็นกลางวันนะเท่าไหร่เท่ากัน

พอเดินไปซักพักก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวโผล่มาร่วมทางจากไหนไม่รู้ เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ทั้งฝรั่ง และคนท้องถื่น ทั้งๆที่ตอนเราเดินมามันก็ไม่เห็นจะมีถนนหรือซอยไหนเลย เออแปลกดี แต่ก็โล่งใจขึ้นเยอะ แหะๆ ทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือไปขึ้น Flyer ค่ะ


ไปถึงช่องขายตั๋ว แม่ติดใจถามว่า ผู้สูงอายุได้ราคาพิเศษไหม 555
ปรากฏว่าได้จริงๆค่ะ ของเราตั๋วผู้ใหญ่แบบธรรมดา 29.50 SGD ส่วนของแม่ได้ตั๋วผู้สูงอายุ 23.60 SGD ค่ะ แม่ดีใจใหญ่เลย

ไปถึงก็ต่อคิวรอขึ้นกระเช้าแปบนึง คนไม่เยอะมาก ในข้อมูลบอกว่า กระเช้าจุได้ 28 คนต่อ 1 กระเช้า แต่พอไปจริงๆ กระเช้านึง เข้าไปไม่ถึง 10 คนเลยค่ะ มีเก้าอี้ให้นั่งแบบหลวมๆสบายๆ แถมมีทีวีให้ดูด้วย
แต่แหมใครจะไปดูหล่ะเนี่ย อุตส่าห์เสียตังค์ขึ้นมาตั้งแพง ก็ต้องดูวิวจิ ที่สำคัญ แสงสะท้อนจากทีวีเนี่ย ทำให้ถ่ายรูปยากมากๆ ติดเงามาทุกรูปเลย

นั่งซักพัก พอกระเช้าเริ่มสูง ก็เริ่มนั่งไม่ติดที่ เพราะที่นั่งมันมีขอบให้เกาะ แต่ดันบังวิวพอดีระดับสายตา ทุกคนในกระเช้าก็เลยต้องยืนแล้วไปจับจองพื้นที่รอบๆกระจกแทน ยกเว้น แม่เราค่ะ ยึดเก้าอี้ไม่ยอมปล่อย บอก เดี๋ยวก้มดูเอาก็ได้ ม๊าเมื่อย

วิวบน Flyer สามารถมองได้มุม 360 องศา ที่เค้าโฆษณาไว้ว่าสูง ก็สูงจริงๆค่ะ มอง Merlion อยู่ไกลลิบเหลือตัวติ๊ดเดียว เห็นคนตัวเท่ามด มองลงไปได้เห็นแสงสีของ Esplanade สวยมากๆเลยค่ะ



แม่ดูวิวบอกว่ามาครั้งหน้ามาพักโรงแรมนี้ได้ไหมวิวสวยดี แถมใกล้ของกินอีกต่างหาก Mandarin oriental เนี่ยดีเลย
เหอๆ อยากจะบอกว่า ตอนหาที่พัก มาดูโซนนี้เป็นอันดับแรกเลย แต่สู้ราคาไม่ไหวแพงเหลือเกิ๊น ไอ้ราคาที่พอจะจะพักได้ มันเต็มกันหมด เหลือแต่ห้องใหญ่ๆราคาโหดๆ


อีกมุมจากบน Flyer ค่ะ


เราใช่เวลานั่ง Flyer ประมาณครึ่งชม. เพราะเราหลงใหลในแสงสียามค่ำคืนอยู่แล้ว ถึงแม้จะถ่ายรูปออกมาไม่ค่อยสวยก็เถอะ แต่โดยรวมๆประทับใจมากค่ะ

จริงๆที่นี่เป็นอะไรที่เหมาะจะมาสวีทกะแฟน ตอนขึ้นมาแอบเห็นฝรั่งคู่นึง เค้าเหมา capsule ด้วยอ่ะ อิจฉาตาร้อนนนนน

ส่วนแม่เรา หลังจากลงมาก็บอกว่า คราวหน้ามานั่งอีกนะ แม่ชอบ(อีกแล้ว)


ลงจาก Flyer ว่าจะกลับไป Esplanade ไปถ่ายรูป แล้วก็เดินไปหา Merlion ซะหน่อย แต่มองไปเห็นคิว taxi ยาวเหยียด เอาไงดีหว่า จะเดินรื อย่าว่าแต่แม่จะเดินไม่ไหวเลย เราเองก็ไม่ไหวเหมือนกัน สุดท้ายเลยตัดสินใจลองนั่งรถเมล์ดีกว่า อิอิ

และแล้ว การขึ้นรถเมล์ครั้งแรกที่สิงคโปร์ ก็เริ่มขึ้น ....

เรายืนส่องๆศึกษาสายรถเมล์อยู่นาน ท่ามกลางประชากรล้านแปดที่ป้ายรถ มีแต่คนมุงป้ายและยืนปรึกษากัน เพราะแถวนี้มีแต่นักท่องเที่ยวซะเป็นส่วนใหญ่

หลังจากอ่านอยู่นาน เราจึงสรุปเอาเองว่าอันไหนเขียนว่าไป MRT City Hall อันนั้นก็น่าจะผ่าน Esplanade เพราะมันมีถนนเส้นเดียวไปทางเดียวกัน

นั่งรถเมล์ไม่ทันได้สนุก ผ่านไปแค่ 2 ป้าย ก็ถึง Esplanade แล้ว ลงไปถึงก็ตรงรี่เดินเข้าไปในซุ้มอาหาร
แงๆ เค้าปิดหมดแล้ว อดกิน Satay เลย

เดินต่อไปที่ลานหน้า Esplanade คอนเสิร์ตเลิกแล้ว คนน้อยลงไปเยอะ แต่หามุมไม่ค่อยได้ เพราะก่อสร้างอยู่ แถมตอนนี้ร่างกายรู้สึกเพลียมากๆ ดีว่าอากาศตอนนี้กำลังเย็นสบาย
แม่บอกว่าไม่ต้องเดินไปหรอก ถ่ายจากตรงนี้แล้วกันนะ แล้วแม่ก็นั่งยืดเก้าอี้ ไม่ลุกอีกเลย ปล่อยเราหามุมถ่ายรูป ซึ่งมันยากเหลือเกิน.....
ก็มันไกลหง่ะ เลนส์มันดึงมาไม่ถึงงงงง แล้วหนูจะเอารูปไหนไปส่งงานหล่ะเนี่ยยยย

หลังจากกางขาตั้งกล้องกดไป 2-3 รูป ตอนนี้ตัวเองชักขี้เกียจเอง พับเก็บดีกว่า เอิ้กๆ
นั่งเล่นริมน้ำถ่ายอะไรมั่วๆไปเรื่อยแระกัน Merlion จ๋า คงต้องขอชมแค่ระยะไกล เพราะเดินไม่ไหวแล้ว



พอเริ่มหายเหนื่อย มองดูนาฬิกา 3 ทุ่มกว่าแระ กลับโรงแรมนอนเลยดีไหมนะ เปิดสมุดบันทึกมาดู อ๊ะ Kinokuniya ปิด 5 ทุ่มนินา แวะไปดูหน่อยดีกว่า
มาเที่ยงทั้งที จะรีบนอนไปทำไม อิอิ

แต่เพราะไม่ค่อยรู้จักทาง เลยเดินกลับไปป้ายรถเมล์เดิม นั่งรถเมล์ไปต่อ MRTที่สถานี city hall แล้วนั่งไป ไป Orchard
(มารู้ตอนหลังว่าใต้ Esplanade มีทางเชื่อมไป MRT ได้ เฮ้อ.....ทำการบ้านเก่งจริงๆเลยเรา)

มาถึง Orchard โผล่มาก็เป็นห้าง และเจอะกับประชากรล้านแปด ตามคำแนะนำของหลายๆท่านใน BP เมื่อใดก็ตามที่โผล่ MRT ขึ้นมาเป็นห้าง ให้จดจำให้ดีว่าทางเข้า MRT อยู่ตรงไหน มิฉะนั้นอาจจะหลงได้ ซึ่งเราก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่หลงเลยค่ะ
(แต่ไปหลงที่อื่นแทน เดี๋ยวจะบอกว่าหลงที่ไหน)

หลังจากจดจำทิศแล้วเรียบร้อยแล้ว ก็รีบเดินไปห้าง Takashima เพื่อไปร้าน Kinokuniya ที่อยู่ชั้น 2
ไปถึงโหย ร้านใหญ่จริงๆ เหมาหมดทั้งชั้นเลย สวรรค์มากๆ
เดินไปยังมุมโน๊ตดนตรี หืม มีเป็นชั้นใหญ่หลายแถวเลย แบ่งตามรายชื่อ composer ด้วย ว่าแล้วก็หยิบ list หนังสือที่ต้องการมาดู เจอะแค่เล่มเดียว แถมแพงอีกต่างหาก เลยดูหนังสืออย่างอื่นแทน วนรอบโซนนี้หลายรอบ สรุปได้ว่า กลับไปซื้อบ้านเราดีกว่า โน๊ตเปียและ text ดนตรี ที่นี่ราคาแพงมากๆๆๆๆ

แต่ไม่ทันไร ยังไม่ทันจะไปดูหนังสือโซนอื่นๆ ทางร้านก็ประกาศว่า อีก 10 นาทีจะปิดร้าน อ้าว.......
มองนาฬิกา อีก 10 นาที 4 ทุ่ม ไหนว่าปิด 5 ทุ่มไง แงๆๆๆ
สุดท้ายก็ไม่ได้หนังสือซักเล่มกลับมาเลยค่ะ

ออกจากร้านมา ดูห้างอื่นๆก็ปิดกันแล้ว ในที่สุดก็ได้เวลากลับที่พักจริงๆซะที โชคดีที่ MRT จาก Orchard เป็นสายตรงลง Clark Quay เลย

เดินต่ออีกนิด ถึงโรงแรมสบายๆ ระหว่างทางเจอะสาวหม๋วยใส่สายเดี่ยวเดินไปทางChina town ด้วย แม่เรากระซิบชมบอก บ้านเค้าดีเนอะ ดึกๆสาวๆออกมาเดินแต่งตัวแบบนี้ก็ยังปลอดภัย

ส่วนเราหน่ะคิดในใจ ที่มาเดินนี่สาวปกติหรือสาวอย่างอื่นริเปล่าเนี่ย แต่แถวนี้ดูๆก็ไม่มี pub หรือ bar อะไรนะ คิดอีกที อ๊ะ หรือว่าเค้ากำลังจะเดินไป Clark Quay หว่า

และแล้วก็มาถึงเตียงซะที นาฬิกาบอกเวลา 5 ทุ่มครึ่ง เรา 2 แม่ลูก หมดแรงทั้งคู่ ก่อนนอนก็แช่ขาในอ่างอาบน้ำ ฮือๆๆ ร้องเท้ามันกัด คู่นี้ก็ใส่มาตั้งนานแล้ว ไม่น่าทรยศกันเลย อย่างแรกที่คิดไว้เลย พรุ่งนี้ช๊าน จะไปซื้อรองเท้าใหม่ ฮึ
.
.
.
ไชโย จบวันแรกซะที ขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาอ่านจนจบนะคะ เอิ้กๆ สงสารคนอ่านจังเลย




Kalau Ke Singapura - R Azmi





Create Date : 26 กรกฎาคม 2551
Last Update : 26 กรกฎาคม 2551 21:58:20 น. 4 comments
Counter : 773 Pageviews.

 
ขอบคุณมากๆนะคะ สำหรับคำตอบ รุ้งลืมนึกถึงเรื่องอายุของคุณพ่อคุณแม่ไปเลย จริงๆถ้าไปสิงคโปร์คงได้ตั๋วผู้สูงอายุเหมือนกัน

ถ่ายรูปสวยมากเลยค่ะ โดยเฉพาะรูปวิวนี่ ดูตระการตามากเลย อาหารก็น่ากิน เห็นด้วยเลยว่า ถ้าอยู่บ้านเราคงให้หิ้วกลับแน่ๆ


แปะไว้ก่อนนะคะ ไว้สอบเสร็จละจะมาตามอ่าน จขบ ใช้เวลาเที่ยวคุ้มค่ามากๆเลยค่า ^ ^


โดย: :: Not Really :: ลืมล็อคอิน IP: 222.123.132.77 วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:21:20 น.  

 
เช็คหลังไมค์หน่อยนะคะ ^^


โดย: ออม IP: 58.8.202.17 วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:59:30 น.  

 
อยากกินพระกระโดดกำแพงครับ


โดย: นักไวโอลีนท้องร้อง IP: 125.25.82.194 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:0:13:18 น.  

 
แวะมาชมภาพสวยๆ ครับ ค่าครองชีพที่โน่นคงแพงน่าดูเลยนะ


โดย: Johann sebastian Bach วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:58:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Vitamin_C
Location :
Pasadena United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




สวัสดีค่ะ อากาศดี ก็อารมณ์ดีเนอะ .......^-^

คิดถึงบ้านที่เมืองไทยเป็นที่สุด
ถ้าไม่นับห้องสมุดๆเจ๋งๆกับพิพิธภัณฑ์ดีๆ กับอาหารหลากหลายเชื้อชาติให้กินได้ไม่ซ้ำทุกวันแล้วหล่ะก็ เมืองไทยชนะขาดในทุกกรณี ว่าแต่เมื่อไหร่ ห้องสมุดกับพิพิธภัณฑ์ของบ้านเราจะพัฒนาซักทีน้อ....


ถึงแม้ว่าบล๊อกนี้จะไม่ค่อยมีสาระ แต่เนื้อหาและข้อความทั้งหมด
รวมไปถึงรูปภาพที่ข้าพเจ้าเป็นผู้ถ่ายเอง ถือเป็นลิขสิทธิ์ ของสำนักพิมพ์บางกอกสาส์น จำกัด
ห้ามผู้ใดนำไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาติจากเจ้าของบล๊อก หรือ จากกองบรรณาธิการ

หากมีข้อสงสัยใดๆ กรุณาติดต่อหลังไมค์
หรือ
กองบรรณาธิการ สำนักพิมพ์บางกอกสาส์น 966/10 ซ.พระราม6 19 ถ.เพชรบุรี เขตราชเทวี กทม 10400
โทร 02-6137140
Email vitavitac@gmail.com
Friends' blogs
[Add Vitamin_C's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.