Little drops of water, Little grains of sand Make the mighty Ocean, and the pleasant land. Little deeds of kindness, Little words of love Help to make Earth Happy, Like the Heven above.
Group Blog
 
All Blogs
 
13-15 ก.ค. ไป Singapore กับ แม่ (ตอนที่ 1)

หลังจากได้รับข่าวดีว่าพ่อจะไปเที่ยวเกาะไหหลำกับเพื่อนๆ เรากับแม่ เลยได้แอบวางแผนการลับๆ จะหนีไปเที่ยวกันมั่ง
คิดอยู่หลายที่ตั้งแต่ ฮ่องกง มาเก๊า มาเลเซีย ภูเก็ต กระบี่....จนในที่สุดก็มาจบที่ สิงคโปร

เมื่อตกลงใจได้แล้ว ก็รีบทำการหาข้อมูลทั้งจากในบอร์ด bp และ hiflight นอกจากนี้ ก่อนไป มีพี่คนนึงแนะนำว่าให้เข้าไปในเวปการท่องเที่ยวสิงคโปร์ กรอกรายละเอียด แล้วเค้าจะส่งข้อมูลมาให้ที่บ้าน หลังจากส่งคำขอผ่านเวปไป 2-3 วัน ก็ได้จดหมายซองใหญ่ บรรจุแผ่นพับมากมาย พร้อมด้วยแผนที่ ได้รับมาก่อนออกเดินทางเพียงแค่ 3 วัน แต่ก็ได้มาอ่านจนเยินก่อนจะไปซะอีก ขอบคุณมากนะค๊า.....

ในที่สุด วันอาทิตย์ที่ 13 ก.ค.ซึ่งเป็นวันเดินทางของเราก็มาถึง....
เพราะบ้านอยู่ไกลสนามบินมากเลยต้องตื่นออกจากบ้านตั้งแต่ ตี 4 Taxi เหยียบขึ้นทางด่วนเร็วจี๋ ถึงสุวรรณภูมิ เกือบๆตี 5
ไปแบบสบายๆ check in แล้ว มีเวลาเดินเล่น duty free ก่อนเครื่องออกตอน 7.05 โมง

ลำนี้หล่ะที่จะพาเราบินไป



หลังจากนั่งไปซักพัก แอร์ก็เริ่มยกอาหารมาขาย แม่ก็อยากกินเหลือเกิน ไอ้แซนวิชไก่อบเนี่ย ต้องห้ามกันอยู่นาน เชื่อเถอะว่ามันไม่อร่อยหรอก อีกอย่างไปถึงสิงคโปรก็คงเที่ยงพอดี เดี๋ยวก็ได้ได้กินของอร่อยๆแล้ว อดใจไว้ก่อนเถอะนะแม่นะ


10.30 น. ถึงสนามบิน Changi ตามเวลาท้องถิ่น airasia ทำเวลาตรงเป๊ะ ลง Terminal 1 ไปถึงก็เดินหา Tourist Information สีแดงๆ ที่ใครๆแนะนำไว้ว่าให้แวะหยิบแผนที่และแผ่นพับต่างๆ หยิบมาแทบทุกแบบเลยค่ะ เอิ้กๆ

เสร็จแล้วก็ไปตามหากระเป๋า งงมากๆเลยเพราะต้องผ่าน ตม ก่อนถึงไปเอากระเป๋าได้ แต่ว่าระยะมันไกลมาก เดินจนนึกว่าเดินหลงทางซะแล้ว ดีว่าไปถามเจ้าหน้าที่ เค้าก็อธิบายอย่างดี

รับกระเป๋าเสร็จ ก็นั่ง Skytrain ไป Terminal 2 เพื่อไปขึ้น MRT เข้าเมือง ถึงสถานนี ก็แวะซื้อบัตร Ezylink ซึ่งเป็นบัตรไว้ขึ้นรถเมล์ กับ MRT นอกจากนี้ยังใช้ซื้อของใน 7-11 ได้อีกด้วย เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองจะขึ้นรถมากขนาดไหน เราจึงเลือกซื้อราคาใบละ 15 SGD มาทดลองใช้ก่อน

จากสนามบินนั่ง MRTไป 2 สถานี แล้วต้องไปต่อรถขึ้น MRT สาย East West สีเขียว ที่สถานี Tanah Merah แล้วนั่งยาว......ไปลงสถานี Outram จากนั้นเปลี่ยนสาย MRT อีกรอบเป็นสาย North East สีม่วง นั่งต่อไปอีก 2 สถานี ลงยังจุดหมายที่สถานี Clark Quay อันนี้ต้องขอบคุณ รีวิวของชาว BP เก่าๆ หลายท่านเลย อธิบายไว้อย่างละเอียดไม่หลงเลยค่ะ





ถึงสถานี Clark Quay ก็เกือบๆเที่ยง
ขึ้นจากสถานีมา งงๆหลงทิศ อยู่พักใหญ่ กางแผนที่เดินๆไปแปบนึง ก็มองเห็นตึกโรงแรมอยู่ข้างหน้า ไชโย
แต่...................
โอ้โห..........ทำมันเก่าอย่างนี้เนี่ย เป็นตึกสีน้ำตาลดูโทรมๆ แถมทางเข้าหายากมาก เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ เพราะมัวแต่อึ้ง เอิ้กๆ

ไปถึงหน้าโรงแรม แต่หาทางเข้าไม่เจอะซะที ทางเข้าโรงแรมฝั่งที่อยู่ติดถนน Eu Thong เขียนว่า staff only ทั้งๆที่เป็นถนนใหญ่
มองไปมองมา มีอีกประตูจิ๋วหลิ๋วมองไปข้างในมืดๆ ลองเสี่ยงเข้าไปดู เพราะนอกจากเราแล้ว ยังมีเพื่อนตามมาหลงด้วย ดูเหมือนจะเป็นชาวญี่ปุ่น หาทางเข้าโรงแรมเหมือนกัน เอิ้กๆ
ในที่สุดก็พบว่า Lobby อยู่ชั้น 2 แต่ว่าภายในกำลังปรับปรุงอยู่หลายส่วน ขึงผ้าใบเขียวๆเต็มไปหมดเลย Lobby ก็เล็กนิดเดียว มืดๆทึมๆ ไม่สวยเลยค่ะ รู้สึกไม่คุ้มค่า 4 ดาวที่เราคาดไว้ จะว่าไป 3 ดาวแบบ โรงแรมตะวันนา บ้านเรายังดูดีซะกว่า


เมื่อไปถึงก็รีบติดต่อ Front พนักงานก็ยิ้มแย้มทักทายดี check in ผ่านไปด้วยดีไม่มีปัญหา มี bell boy เป็นแขกตัวดำปิ๊ดปี๋ จะมาช่วยยกกระเป๋า แม่เราเห็นถึงกะสะดุ้งโหยง เพราะตัวใหญ่น่ากลัวมาก เราเห็นท่าทางไม่ดี เลยไม่ได้ใช้บริการ แถมเรามีกระเป๋าแค่ใบเดียวเอง เลยขอลากไปเองแระกัน

ห้องพักของเราอยู่ชั้น 12 สูงกำลังดี แต่มองไม่เห็นแม่น้ำ ตอนแรกดูในรูปนึกว่าอยู่ริมน้ำ ตอนนี้กลับมาคิดได้ว่า ตึกมันสูง เค้าตั้งใจถ่ายให้เห็นตึกตรง Clark Quay เป็นฉากหน้า แล้วโรงแรมเราเป็นฉากหลัง นี่เราโง่ หรือ โรงแรมเค้าฉลาดเนี่ย

ขึ้นไปถึงในห้อง อย่างแรกที่ทำคือรี่ไปที่หน้าต่าง แล้วดูวิวข้างนอก
ตอนเลือกโรงแรม จำได้ว่าใกล้ๆโรงแรมมี park อยู่ แต่มองไปมองมาไม่เห็นมี park ซักอัน ทำให้นึกถึงคำพูดของรุ่นพี่ที่บ่นไว้ก่อนไปว่า “ไปสิงคโปร์ยังคิดจะไปเดินเล่นในสวนอีกเหรอ park ที่นั่นหน่ะ จิ๋วหลิวเองนะ”

มาดูวิวจากห้องพักเรากันเถอะ เมื่อมองตรงไปข้างหน้าจะเห็นตึกในรูปทางขวา อยู่ตรงพอดีกะห้องของเราเลย เดาว่าน่าจะเป็น apartment แล้วเมื่อมองลงไปข้างล่าง ก็จะเจอะกับโรงแรม 81 ที่ใครๆชอบไปพักกัน



มาดูกันในห้องกันดีกว่า



ชนาดของห้องก็กว้างพอประมาณ ส่วนความสะอาดก็นับว่าดีมากเลยค่ะ เตียง king size ใหญ่สบายดี มีทีวี ตู้เย็น(แต่ไม่มีอะไรในนั้นเลย แม้แต่น้ำซักขวด)
มีชุดชา กาแฟ ทานได้ฟรี เอกสารแนะนำในห้องส่วนใหญ่เป็นภาษาญี่ปุ่น ดูๆแล้วไม่ค่อยมีอะไร อ่านไม่ออก
ส่วนห้องน้ำลืมถ่ายรูปมา แหะๆ แต่ขนาดกว้างมาก มีทั้งอ่างอาบน้ำ (ซึ่งเราเอาไว้แช่ขาทุกวัน) และฝักบัวแยกกัน มีอุปกรณ์อาบน้ำ แชมพู สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ไดร์เป่าผม ครบถ้วน แถมในตู้เสื้อผ้ายังมีเสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้าแตะ เตารีด และตู้เซฟด้วย


หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งตรงไป China town ตามแผนที่วางไว้คือไปทานติ๋มซำที่ร้าน Yumcha
เดินจากโรงแรมไปแต่อึดใจ ข้ามสะพานและเริ่มต้นจาก Pagoda Street ก่อน กะว่าจะสำรวจราคาของฝาก
ไปถึง โอ้โห้ คนเยอะมากๆ ของแต่ละร้านก็คล้ายๆกัน ดูไปดูมา รู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่สำเพ็งปนมาบุณครองยังไงอย่างนั้นเลย ของก็เหมือนๆบ้านเรา ต่างกันก็แต่เพียงมีบรรดาแม่เหล็กติดตู้เย็น และ พวงกุญแจของที่ระลึกสิงคโปร์เพิ่มขึ้นมา

ลงสะพานมาปุ๊บ


ก็จะเจอะกับประชากรมากมาย ทั้งจีนทั้งแขก


เดินๆๆไปจนสุดถนน ไม่เจอะร้านYumcha แต่เจอะวัดแขกแทน
วัดนี้ชื่อ Sri Mariamman



แฮ่...มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเยอะเชียว
แต่นัดกันไว้ก่อน เพราะหิวข้าวแล้ว ต้องรีบหาร้าน Yumcha ก่อน
เดินๆไปตาม Smith street เจอะร้านขายอาหารเอาโต๊ะออกมากางเต็มถนน คงจะเตรียมไว้คืนนี้ เพราะในวันนี้มีเทศกาล Food Festival ที่ Chinatown



เดินอยู่นานแต่ร้านYumchaที่ตามหา ก็ยังหาไม่เจอะ เลยหยิบโพยมาดู เพราะจดบ้านเลขที่เอาไว้ หลงไปหลงมา จาก Smith street เลี้ยวเข้าซอยจะตัดไป Pagoda street อีกที มองไปมองมา อ้าวเจอะป้ายพอดี ไชโย ............



ใครไปไม่ถูก ดูรูปทางซ้าย ให้เดินหาถนนที่มองตรงไปเจอะตึกใหญ่ๆแบบนี้ แล้วมองที่ป้ายทางซ้ายมือนะคะ รับรองไม่หลงแน่นอน อิอิ

พอเจอะป้ายก็รี่เข้าไป และพบว่า โห....ร้านอยู่ชั้น 2 นี่ถ้าไม่มองป้ายสูงๆ คงหาไม่เจอะแล้ว
สรุปถึงร้าน Yumcha ประมาณ บ่ายนิดๆ ปีนขึ้นไปบนร้าน
ไม่น่าเชื่อว่า บ่ายแล้วแต่คนยังแน่นขนัด ไม่มีที่นั่ง ต้องเข้าแถวรอเรียก
ประมาณ 10 นาที เราก็ได้นั่งโต๊ะเล็กๆอยู่ริมทางเดิน เพราะไปกันแค่ 2 คน

นั่งรออยู่นาน ซดน้ำชาไปครึ่งกาแล้ว คนเข็นก็ยังไม่มาโต๊ะเราซะที ไม่สนใจเราเลย ฮือๆๆ
หลังจากชะเง้อคอยอยู่นาน ในที่สุดก็มาค่ะ พนักงานพ่นภาษาจีนสำเนียงประหลาด รัวใส่เราเป็นชุด แนะนำอาหารบนรถเข็น เราก็ได้แต่อึ้ง เค้าเลยเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษแทน แต่พอแม่เราตอบภาษาจีนกลับไป เค้าก็เปลี่ยนกลับมาพูดจีนรัวใส่เราเหมือนเดิม

มื้อนี้ เราหยิบมา 3 เข่ง ฟองเต้าหู้ทอด ซี่โครงหมูเต้าซี่ แล้วก็อะไรไม่รู้ ข้างในเป็นเห็ด



ชิมแล้ว ว้าว.... อร่อยมากๆเลยค่ะ
ไม่รู้ว่าหิวหรือยังไง แต่รสชาติอร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ แม่ชอบมากๆ แต่ติงว่าซี่โครงหมูเต้าซี่ รสอ่อนไปนิดนึง
ทานหมด 3 เข่ง อย่างรวดเร็ว เหลืออีกอย่างเดียว รอ ร๊อ รอ อยู่นาน เสี่ยวหลงเปา ที่สั่งไว้ก็ไม่มาซักที เลยเรียกพนักงานมาสั่งใหม่ ในที่สุดก็ได้ทาน อร่อยจริงๆด้วย เย้
แต่เพราะรอนานเกินไป มาถึงก็กินเลยไม่ทันได้ถ่ายรูป แหะๆ

ทานเสร็จหยิบบิลมาดู แล้วถึงมาถึงบางอ้อแบบเดาๆว่า ในใบติ๊กชื่ออาหาร ถ้าเป็นสีน้ำเงิน คือมีเข็นทั่วไป แต่เสี่ยวหลงเปาของเรา เป็นสีแดง น่าจะหมายถึงว่าต้องสั่งพิเศษ....
สรุปมื้อนี้ ค่าเสียหายประมาณ 13 SGD และประทับใจในความอร่อยมากค่ะ


ออกจากร้านประมาณเกือบบ่าย 2 แต่คิวเข้าแถวยาวไปถึงบรรไดชั้นล่าง ยาวกว่าตอนเรามาอีกค่ะ เค้ากินกันทั้งวันเลยเหรอเนี่ย งงจริงๆ

หลังจากออกจากร้านแม่บอกว่า ก่อนกลับมากินอีกรอบได้ไหม 555.....ได้สิคะ หนูเห็นด้วย......แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้มา เอิ้กๆ




หลังจากอิ่มแล้ว ตามแผนเดิมคือเดินตะลุยไหว้เจ้า
แต่พอเดินไปถึงวัดพระเขี้ยวแก้ว(Buddha tooth relic)



โห.....คนเยอะมากๆ ไม่ไหวแฮะ เลยเปลี่ยนแผนเดินไปดู Merlion แทน เพราะมีนัดที่ Esplanade ตอนบ่าย 3

เนื่องจาก MRT อยู่ไกล(จริงๆแล้วมันใกล้นิดเดียว แต่ตอนนั้นคิดว่าไกล) และไม่อยากเดินย้อน แถมมันต้องต่อสายด้วย ดูแผนที่แล้วยุ่งยากไปครั้งแรกก็กลัวหลง เลยเดินเอาแระกันจะได้ไปตามวัดที่เราวางแผนไว้แถมใครๆเค้าก็บอกว่าที่นี่ อะไรๆ มันก็ใกล้ๆกันนิ

ที่ไหนได้.........

เดินกันเมื่อย หอบไปเลยหล่ะค่ะ หาวัดไม่เจอะด้วย แง่งๆ
(จริงๆคือไม่ได้หา มัวแต่หลงตึกสวยๆกับร้านค้าน่ารักๆ ไม่ได้ดูทางเลย เอิ้กๆ )

เดินหลงไปหลงมา ตัดสวนเล็กๆ ผ่านหลังบ้านคนเยอะแยะ เงียบๆเปลี่ยวๆ ตอนแรกก็กลัวๆ แต่มองไปเห็นป้ายบอกว่าบริเวณนี้มีกล้องวงจรปิด ก็อุ่นใจค่ะ บ้านเค้าดีจังเลยเน้อออ

ตึกแถวๆที่เดินผ่าน ส่วนใหญ่เป็นร้านขายเสื้อผ้า ตกแต่งร้านหรูเหมือนห้องเสื้อแถวๆสุขุมวิทเลย แต่ไม่เปิด ได้แต่มอง

เดินไปซักพัก อ๊ะ เจอะวัด Thien hong kien ที่แผนวางไว้จะไปเที่ยว เย้

แต่.....มันมาโผล่หลังวัด จะเข้าไปยังไงหล่ะเนี่ย หลังวัดไม่มีประตูเลยซักบ้าน เดินเลยไปหาทางตัดไปอีกถนนเพื่อไปเข้าหน้าวัด เจอะสวนสาธารณะเล็กๆ ต้นไม้ร่มรื่น เลยนั่งพักหน่อยดีกว่า หมดแรง
ที่สวนนี้ มีรูปปั้นน่ารักๆ หลายตัว พึ่งเห็นครั้งแรกก็ตื่นเต้นๆ วู้....ไม่เคยเห็น ถ่ายมาหมดทุกตัวเลย



แต่หลังจากนี้ ไม่ว่าเดินไปสวนไหน ก็เจอะตุ๊กตาแบบนี้เต็มไปหมด เลยชักชินไม่ค่อยบ้าถ่ายแระ เอิ้กๆ

หลังจากพักเอาแรงแปบนึงก็เริ่มเดินต่อค่ะ ตอนนี้คิดถึงแต่ Esplanade เพราะบ่าย 2 กว่าแล้ว เลยรีบเดิน ลืมเข้าวัดไปเลย ทั้งๆที่จริงๆเดินย้อนไปแค่นิดเดียว ศรัทธาแก่กล้ามากกกกกกกก


ในแผนที่ เราเดินไปตามถนนRaffles Quay ซึ่งจะเมื่อเดินตรงไปเรื่อยๆจะเจอะ Esplanade พอดี ในตอนแรกก็นึกว่า อยู่ริมอ่าว คงจะสวยเนอะ
ที่ไหนได้ มีแต่ ตึก....ตึก... และ ตึก สูงระฟ้าเลย

แถมเงียบฉี่ ไม่มีผู้คนเลย(เราไปวันอาทิตย์) จะถามทางใครก็ไม่ได้ เจอะแต่คนงานก่อสร้างเป็นแขกตัวดำๆ กำลังขุดถนนอยู่ เลยต้องก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป หวั่นๆอยู่ในใจว่าหลงหรือเปล่าเนี่ย

เดินไปซักพัก ก็ค่อยๆมีนักท่องเที่ยวมาเดินร่วมทางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วในที่สุด เราก็ได้เห็นตึกทุเรียนอยู่ไกลๆดีใจมากๆ ไม่หลงแล้ว 555
เดินไปอีกนิดก่อนจะถึงตึกทุเรียน จะเจอะ สวน Merlion
ตอนบ่าย 2 แก่ๆ แดดร้อนๆแบบนี้ คนยังแน่นขนัด มองไปเห็นแต่หัวดำๆ คิดแล้วไม่ลงไปดีกว่า เลยเดินข้ามสะพานมาพอถึงกลางสะพานหันกลับไปถ่ายรูป แต่เมื่อมองกลับไป



อ้าว....คนหายไปไหนหมด เมื่อกี้ยังเต็มได้แต่ถ่ายรูปบนสะพาน สงสัยทัวร์จะลง
โถ...รู้งี้ลงไปถ่ายเลยดีกว่า เสียดายๆ ว่าแล้วก็รีบกดๆรูประยะไกล แล้วรีบจ้ำไป Esplanade

เดินๆๆๆๆๆ






นัดของเราที่ Esplanade คือ Free concert ค่ะ ตรงตามแผนเป๊ะ เดินมาเหนื่อยๆแบบนี้ เข้าไปเจอะแอร์เย็นฉ่ำใน Concert Hall ชื่นใจมากเลย

เพราะไปถึงก่อนแค่ 10 นาที เลยได้นั่งชั้น 2 แต่ก็ดีค่ะ ได้มีโอกาศได้สำรวจภายใน
ข้างใน Concert Hall ตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่ดูหรูทีเดียว นับดูแล้วน่าจะมีทั้งหมด 4 ชั้น แต่เรื่องปริมาณคนเราว่าหอใหญ่ของศูนย์วัฒนธรรมน่าจะจุได้เยอะกว่า
เก้าอี้ในชั้นบน จะเป็นแถวโค้งรอบ Hall และมีแค่แถวเดียว ยกเว้นตรงกลาง จะมีหลายแถว แต่ก็กว้างขวางและเอนหลังได้ นั่งสบายมากๆ

จริงๆเค้าห้ามถ่ายรูปนะเนี่ย แต่เค้ามาห้ามตอนเราถ่ายไปแล้ว แหะๆ



เมื่อเข็มนาฬิกาถึงบ่าย 3 นักดนตรีก็เริ่มเดินออกมาในชุดแต่งกายแบบจีน ตรงเวลามากๆ ผู้ชมในHall ก็แน่นขนัด ปรบมือต้อนรับกันเกรียว
แต่อ้าว เครื่องดนตรีที่เค้าถือมา หน้าตาแปลกๆ !!!

นี่มันเครื่องดนตรีจีนนินา มีทั้ง ขลุ่ม เอ้อหู ผีผา เอ๋า.....

มิน่าหล่ะ ตอนเราเดินมา นอกจากเจอะครอบครัวที่พาเด็กเล็กๆมาเยอะแยะ แล้วยังเจอะ อากง อาม่า ถือไม้เท้า นั่งรถเข็นมากันเยอะเชียว

ตกลงว่าการแสดงในวันนี้ เป็นวง Orchestra แบบจีนค่ะ แต่มีการใช้เครื่องดนตรีฝรั่งมาผสมผสานด้วย ได้แก่ cello, double bass, xylophone และ timpani

วงที่มาแสดงชื่อว่า Keat Hong Chinese Orchestra เป็นวงของสิงคโปร์ conductor ในงานนี้คือ Sim Boon Yew
ชื่อรายการแสดงวันนี้คือ Asian Medley โดยมีทั้งเพลงจาก มาเลเซีย อินโดนิเซีย และสิงคโปร์ แต่เราฟังแล้วก็ว่ามันสำเนียงคล้ายๆกันหมดคือ จีนปนแขก และมีจังหวะทำนองแบบแปลกๆ แต่ก็เพราะมากเลยค่ะ
conductor คุมเสียงได้ดีมาก 60 นาทีของการแสดง ผ่านไปไวเหมือนโกหก คุณภาพเสียงเยี่ยมยอด ฟังแล้วยังกะใช้เครื่องเสียงดีๆ ผู้ชมใน hall ปรบมือกันเกรียวรวมทั้งเราด้วย ประทับใจมากเลยค่ะ จบการแสดง เล่นไปตั้งหลายเพลง รู้จักอยู่เพลงเดียวคือ เทียนหมีมี่ แถมอยู่ในเพลง medley ซะอีก เอิ้กๆ

ออกมาจาก hall ว่าจะอุดหนุนแผ่น ซักหน่อย ปรากฏว่าไม่มีขาย ถามหารายชื่อเพลงที่แสดงวันนี้ก็ไม่มี
โถ....อดได้ตังค์เราเลย



เพลงประกอบ blog นี้ ชื่อเพลง Singapura suite ได้ฟังในconcert ด้วยค่ะ อิอิ ทำนองฟังแล้วคุ้นหูเนอะ

Singapura Suite - Singapore Wind Symphony & Youth Winds



Create Date : 25 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 22:41:29 น. 9 comments
Counter : 797 Pageviews.

 
แอบมาเก็บข้อมูลค่ะ อ่านแล้วอยากไปเที่ยวบ้างจังเลย

ขออนุญาตถามนิดนึงได้มั๊ยคะ ว่า ทำไมถึงตัดสินใจไปสิงคโปร์ เพราะว่า ตั้งใจไว้ว่าเรียนจบจะพาครอบครัวไปเที่ยวแบบนี้เหมือนกัน แต่กำลัง ลังเล ระหว่าง ฮ่องกง กับสิงคโปร์อ่ะค่ะ



โดย: :: Not Really :: วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:28:32 น.  

 
:)


โดย: nobra IP: 125.24.130.51 วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:06:43 น.  

 
เพื่อนเราขยันเที่ยวจริงๆๆ


น่าอิจฉา**************

^^*


โดย: Little Boy ^^* IP: 124.120.108.79 วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:13:47 น.  

 
คิดถึงตอนไปสิงคโปร์ ได้ชมแฟนท่อมออฟดิโอเปร่าใน Esplanade ยังประทับใจจนทุกวันนี้เลยครับ


โดย: BlueWhiteRed วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:09:39 น.  

 
โดดสอนเด็กไปเที่ยวอีกแล้วหรอ!


โดย: นักไวโอลีนฝึกหัดตลอดกาล IP: 125.25.82.194 วันที่: 28 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:52:33 น.  

 
กำลังวางแผนไปเที่ยวสิงคโปร์อยู่เหมือนกันคะ อยากถามว่าโรงแรมที่ไปพักคือโรงแรมอะไรหรอคะ


โดย: SmileTeppe วันที่: 1 สิงหาคม 2551 เวลา:9:18:32 น.  

 
ขอบคุณนะคะ เป็นโรงแรมเดียวกับที่เล็งไว้ว่าจะไปพักพอดีเลยคะ


โดย: SmileTeppe วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:20:39:06 น.  

 
ว้าวไปต้นเดือนหน้าเลยดีก่า ผ่านมาเห็นแล้วอยากไปมากเลยคะกำลังเล็งโรงแรม อยู่ ช่วยบอกได้ไหมอ่ะคะโรงแรมไรเอ่ย


โดย: khwan IP: 125.24.140.254 วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:3:28:14 น.  

 
ว้ายลืมเมล khwanthi@hotmail.com ขอบคุนคะ


โดย: khwan IP: 125.24.140.254 วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:3:30:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Vitamin_C
Location :
Pasadena United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




สวัสดีค่ะ อากาศดี ก็อารมณ์ดีเนอะ .......^-^

คิดถึงบ้านที่เมืองไทยเป็นที่สุด
ถ้าไม่นับห้องสมุดๆเจ๋งๆกับพิพิธภัณฑ์ดีๆ กับอาหารหลากหลายเชื้อชาติให้กินได้ไม่ซ้ำทุกวันแล้วหล่ะก็ เมืองไทยชนะขาดในทุกกรณี ว่าแต่เมื่อไหร่ ห้องสมุดกับพิพิธภัณฑ์ของบ้านเราจะพัฒนาซักทีน้อ....


ถึงแม้ว่าบล๊อกนี้จะไม่ค่อยมีสาระ แต่เนื้อหาและข้อความทั้งหมด
รวมไปถึงรูปภาพที่ข้าพเจ้าเป็นผู้ถ่ายเอง ถือเป็นลิขสิทธิ์ ของสำนักพิมพ์บางกอกสาส์น จำกัด
ห้ามผู้ใดนำไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาติจากเจ้าของบล๊อก หรือ จากกองบรรณาธิการ

หากมีข้อสงสัยใดๆ กรุณาติดต่อหลังไมค์
หรือ
กองบรรณาธิการ สำนักพิมพ์บางกอกสาส์น 966/10 ซ.พระราม6 19 ถ.เพชรบุรี เขตราชเทวี กทม 10400
โทร 02-6137140
Email vitavitac@gmail.com
Friends' blogs
[Add Vitamin_C's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.