Little drops of water, Little grains of sand Make the mighty Ocean, and the pleasant land. Little deeds of kindness, Little words of love Help to make Earth Happy, Like the Heven above.
Group Blog
 
All Blogs
 
Hansel and Grethel ฉบับเทพนิยาย Grimm

กาลครั่งหนึ่งนานมาแล้ว ที่ชายป่ามีครอบครัวของคนตัดไม้ผู้ยากจนอาศัยอยู่กับภรรยา ลูกชายและลูกสาวอย่างละ 1 คน ชื่อ Hansel และ Grethel

เมื่อถึงฤดูแล้ง ชายตัดฟื้นไม่สามารถหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวได้เพียงพอ ทำให้ต้องอดมื้อกินมื้อ และมีความเป็นอยู่อย่างแร้งแค้น

ในคืนหนึ่ง หลังจากที่เด็กๆเข้านอน ชายตัดไม้กับภรรยาก็คุยกันด้วยความเศร้า
“เราจะทำยังไงดี ฉันไม่สามารถหาเงินเพียงพอจะเลี้ยงพวกเราได้ พวกเราจะต้องอดตายแน่ๆ” ชายตัดไม้กล่าวพร้อมกับมองภรรยา แน่นอนเธอเป็นแม่เลี้ยงของเด็กๆ

“ฉันรู้ว่าเราควรจะทำยังไง”
“พรุ่งนี้ แต่เช้าเราจะพาเด็กๆเข้าไปในป่าลึก และทิ้งพวกเค้าเอาไว้ที่นั่น พวกเด็กจะหาทางกลับบ้านไมได้ แล้วพวกเราก็จะเป็นอิสระ จากนี้เราก็จะทำงานเพื่อเลี้ยงตัวเราเอง”

“ ไม่นะ ฉันไม่มีทางทำอย่างนั้นเด็ดขาด เราจะใจร้ายทิ้งพวกเด็กๆไว้ในป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายได้ยังไง” ชายตัดไม้กล่าว

“เจ้าโง่!!! ถ้าเธอยังลังเลที่จะทำ ไม่นานพวกเราก็คงจะอดตายกันหมด แล้วหลังจากนั้นเธอคงต้องไปตัดไม้มาทำโลงศพให้พวกเราแล้ว”

แม่เลี้ยงกล่าวพร้อมตึงตังจากไป ทิ้งให้ชายตัดไม้ครุ่นคิดด้วยความกลุ้มใจ

ในขณะนั้น เด็กน้อยทั้ง 2 คน ซึ่งหิวเกินกว่าจะหลับตาลงได้ ก็ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่แม่เลี้ยงกล่าวกับพ่อ
Grethel ร้องไห้สะอื้นกับพี่ชาย
“จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา Hansel ฮือๆ”
“ชู่....Grethal” Hansel กระซิบ “อย่าเศร้าไปเลย พี่รู้ว่าเราจะทำยังไง”

เมื่อทุกคนเข้านอน Hansel แอบลุกขึ้นมา สวมเสื้อโค้ด และออกไปนอกบ้าน เก็บก้อนหินที่สะท้อนกับแสงจันทร์สีขาวมาใส่ในกระเป๋าจนเต็ม แล้วกลับไปนอน



เช้าวันรุ่งขึ้น


“ตื่นได้แล้วเจ้าโครงกระดูจอมขี้เกียจทั้งหลาย เราต้องเข้าไปในป่าเก็บฟืนกัน” แม่เลี้ยงกล่าว

จากนั้นเธอก็ให้ขนมปังกับเด็กคนละ 1 ก้อน

“ขนมปังมีแค่นั้นหล่ะ พวกเธอต้องเก็บไว้กินจนถึงมื้อเย็น”

ทุกคนเริ่มออกเดินทางเข้าไปในป่า Hansel หันกลับมาดูบ้านหลายครั้งหลายหน จนแม่เลี้ยงสงสัย
“ทำไมแกถึงต้องมาอยู่ข้างหลังตลอด แล้วหันกลับไปบ่อยๆทำไมกัน
“โถ แม่ครับ ผมมองเห็นแมวสีขาวนั่งอยุ่บนหลังคาบ้าน และผมรู้สึกว่ามันกำลังร้องไห้ให้ผมอยู่” Hansel ตอบ
“ไร้สาระ! นั่นไม่ใช่แมวของแกซักหน่อย นั่นคือแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ต่างหาก”

จริงๆแล้ว Hansel ไม่ได้มองเห็นแมว แต่ที่เค้าอยู่ด้านหลังเสมอ ก็เพื่อแอบโปรยหินลงตามทางเดินต่างหาก

ในที่สุด ทั้งหมดก็เดินทางมาถึงในป่าลึก

“เด็กๆ ไปหากิ่งไม้มา เราจะก่อไฟกัน เพราะที่นี่หนาวมาก”
“นั่งรออยู่ที่นี่หล่ะ จนกว่าชั้นจะไปหาพ่อ ที่ตัดไม้อยู่ในป่าใกล้ๆนี้ เมื่อพวกเราเสร็จงานแล้วจะกลับมารับ” แม่เลี้ยงออกคำสั่ง

เด็กทั้งสอง นั่งผิงไฟรอเวลา และกินขนมปังที่แม่เลี้ยงให้ไว้ ทั้ง 2 คนยังคงรู้สึกปลอดภัย ตราบที่ยังได้ยินเสียงตัดไม้ของพ่ออยู่ แต่ไม่นานทั้ง 2 คน ก็ผลอยหลับไป

เด็กน้อยตื่นมาอีกทีกลางดึก Grethel ที่น่าสงสารเริ่มร้องไห้
“เราจะออกจากป่านี้ไปได้ยังไง ฮือๆๆ”
“ไม่ต้องห่วง Grethel รอเวลาจนพระจันทร์ขึ้น แล้วเราจะกลับบ้านกัน” Hansel ปลอบ

เมื่อพระจันทร์ขึ้น Hansel จับมือน้องสาว แล้วพากันเดินกลับบ้านตลอดคืน และถึงบ้านในรุ่งเช้าพอดี

เมื่อแม่เลี้ยงเปิดประตูออกมาเจอะเด็กทั้ง 2 คน
“เจ้าเด็กจอมซน ไปทำอะไรอยู่ในป่าตั้งนาน พวกเรานึกว่าจะไม่กลับมากันแล้ว”
แม่เลี้ยงเอ็ดตะโรเสียงดัง ในขณะที่พ่อกลับดีใจเป็นอันมากที่ได้พบลูกๆอีกครั้งหนึ่ง


เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ ช่วงเวลาแห่งการเสียงสละก็มาถึงอีกครั้ง
“ ตอนนี้ขนมปังเหลือแค่ครึ่งแถวเท่านั้น และเมื่อมันหมดไปก็จบสิ้นกันซะที”
“พวกเด็กๆจะต้องออกไป ครั้งนี้เราจะพาไปทิ้งในป่าที่ลึกกว่าเดิม เด็กๆจะต้องหาทางกลับบ้านไม่ได้แน่นอน นี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้เราไม่อดตาย” แม่เลี้ยงยื่นคำขาดกับชายตัดฟืน

และแน่นอนครั้งนี้เด็กๆก็ได้ยินอีกเช่นกัน
และเมื่อทุกคนหลับกันหมดแล้ว Hansel ก็รีบออกไปเก็บก้อนหิน แต่ทว่า..........
ประตูบ้านถูกล๊อค ด้วยฝีมือของแม่เลี้ยงนั่นเอง ทำให้ Hansel ไม่สามารถออกไปเก็บก้อนหินได้

เช้าวันรุ่งขึ้น แม่เลี้ยงก็ปลุกเด็กทั้ง 2 และให้ขนมปังคนละชิ้นและแน่นอนชิ้นเล็กลงกว่าครั้งที่แล้ว

จากนั้นก็พาเข้าไปในป่าเหมือนเดิม

ในระหว่างการเดินทาง Hansel หันกลับไปมองบ้าน และหยุดเดินบ่อยครั้ง เพราะแอบหักขนมปังที่ได้มาตลอดทางเดิน

“ Hansel ทำอะไรหน่ะ ทำไมถึงเดินชักช้า แล้วหันกลับไปบ่อยๆทำไม” แม่เลี้ยงเริ่มสงสัย
“ผมเห็นนกพิราบเกาะอยู่บนหลังคาบ้าน ผมรู้สึกว่ามันกำลังร้องไห้ให้ผมอยู่”
“ไร้สาระ ! นั่นไม่ใช่แมวของแกซักหน่อย นั่นคือแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ต่างหาก”

หลังจากนั้น Hanse ก็ไม่ได้หันหลังกลับไปอีก แต่ยังคงบิขนมปังโปรยไปตลอดทาง
ครั้งนี้ แม่เลี้ยงพา Hansel และ Grethel เข้าไปยังส่วนที่ลึกและมืดที่สุดของป่า ซึ้งแม้แต่ตัวแม่เลี้ยงเองก็ไม่เคยเข้าไปลึกขนาดนี้มาก่อน

และเหมือนกันครั้งก่อน แม่เลี้ยงสั่งให้เด็กๆไปหากิ่งไม้มาก่อไฟขนาดใหญ่พร้อมกับออกคำสั่งเช่นเคย

“รออยู่ที่นี่หล่ะ ชั้นจะไปช่วยพ่อตัดไม้ในป่า ถ้าเหนื่อยก็นอนพักซะ แล้วเมื่อพวกเราเสร็จงานก็จะกลับมารับในตอนเย็น”

เด็กๆนั่งรอจนถึงเที่ยงวัน Grethel แบ่งขนมปังของเธอให้กับพี่ชาย จากนั้นเด็กทั้งสองก็ผลอยหลับไป และตื่นขึ้นมาในตอนค่ำ และแน่นอน ไม่มีใครมารับพวกเค้า

เมื่อความมืดและความเงียบมาเยือน Grethel ก็เริ่มร้องไห้ด้วยความกลัว แต่ Hansel ก็ปลอบใจว่า “ไม่ต้องกังวลไปหรอก พี่ได้ทิ้งเศษขนมปังเอาไว้ตามทาง เดี๋ยวเรารอจนพระจันทร์ขึ้น แล้วเราจะเดินตามรอยขนมปังที่ทิ้งไว้ ก็จะถึงบ้านได้อย่างสบายๆ”


แต่ทว่า....เมื่อพระจันทร์ขึ่น ทั้ง 2 คนกลับไม่พบเศษขนมปังที่ทิ้งไว้ซักชิ้นเดียว

เนื่องจากว่าบรรดานกที่อาศัยอยู่ในป่ามาจิกกินเสียหมด

Hansel พยายามข่มความเศร้าและกลัว และปลอบใจน้องสาว “ไม่ต้องตกใจ Grethel พี่เชื่อว่าเราสามารถหาทางกลับบ้านได้ แม้จะไม่มีเศษขนมปังก็ตาม เรามาพยายามกันเถอะ”

ทั้งสองคนเริ่มออกเดินทางตลอดคืน จนถึงรุ่งเช้า....และจนค่ำ แต่แล้วก็ยังหาทางออกจากป่าไม่ได้ ทั้งสองคนต่างหิวกันมาก เพราะมีเพียงลูกไม้เล็กน้อยที่เก็บได้ในป่า

ในที่สุดขาเล้กๆของเด้กน้อยก้ไม่สามารถมีแรงเดินได้อีกต่อไป ทั้งสอนคนต่างล้มลงนอนหลับใต้ต้นไม้ และตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้าของวันที่ 3 ที่ถูกทิ้ง
ทั้ง 2 คน เริ่มเดินอีกครั้งเพื่อหาทางกลับบ้าน แต่ดูเหมือนว่า ยิ่งเดินก็เหมือนยิ่งหลงเข้าไปในป่าลึกยิ่งขึ้น

ในบ่ายวันนี้ เด็กทั้งสองได้พบกับนกสีขาวตัวหนึ่งเกาะอยู่บนกิ่งไม้ และกำลังร้องเพลงอันไพเราะ เด้กทั้งสองหยุดฟังจนนกน้อยร้องเพลงจบ

เมื่อนกน้อยร้องเพลงจนจบ มันก็กางปีก และถลาบินลงมาตรงหน้าเด็กทั้ง 2 คน
Hansel และ Grethel จึงเดินตามทางที่นกบินไป จนในที่สุดก็พบว่าเจ้านกน้อยไปบินเกาะอยู่บนหลังคาบ้านหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่กลางป่า

เมื่อทั้ง 2 คน เข้าไปใกล้ ก็พบว่า บ้านหลังนี้ทำจากขนมปังขิง ตกแต่งด้วยขนมเค้กและทาร์ท นอกจากนี้แล้ว หน้าต่างก็ยังทำจากน้ำตาลบาเลย์อีกด้วย!!!

“โอ เยี่ยมไปเลย Hansel เราพักที่นี่ และไปกินกันเถอะ ชั้นจะเริ่มกินชิ้นที่หลังคาก่อนเลย” Grethel กล่าวด้วยความดีใจ “ดูหน้าต่างนั่นสิ มันต้องอร่อยแน่ๆเลย”

เมื่อ Hansel ไปถึง ก็เริ่มกินตัวบ้านขนมปังขิงด้วยความหิวโหย
Grethel นั่งลงที่หน้าประตู และแกะเค้กที่ติดไว้มากิน


ในทันใดนั้น ก็มีเสียงดังออกมาจากบ้าน
“ใครกำลังกินบ้านของชั้น”
“ลม ลม แค่ลมเท่านั้น” เด็กๆตอบ และยังคงกินต่อไป เพราะไม่สามารถไปจากขนมแสนอร่อยนี้ได้ Hansel พบว่าเค้กบนหลังคานี้อรอ่ยสุดยอด และกำลังหักชิ้นต่อไป ในขณะที่ Grethel พึ่งแกะหน้าต่างน้ำตาลออกมากินทั้งบาน

เมื่อประตูบ้านเปิดขึ้น ทั้งสองก็พบกับ หญิงชราท่าทางแปลกประหลาดเดินออกมาพร้อมไม้เท้า

เด็กทั้งสองตกใจจนทำขนมที่อยู่ในมือตก

“โอ เด็กๆ ใครพาเธอมาที่นี่ มานี่สิ เข้ามาพักข้างในก่อน ชั้นไม่ทำอันตรายเธอหรอก” หญิงชรากล่าว พร้อมกันพาเด็กเข้าไปข้างใน

หญิงชรานำอาหารมากมายออกมาให้เด็กๆกิน ทั้งเครื่องดื่ม นม แพนเค้ก น้ำตาล รวมไปถึงถั่วและผลไม้

เมื่อค่ำลง หญิงชราก็พาเด็กๆไปยังห้องนอนที่มีเตียงอันแสนสวย และตกแต่งด้วยผ้าม่านสีขาว เด็กน้อยหลับอย่างเป็นสุข และพลางคิดในใจว่าตัวเองกำลังอยู่บนสวรรค์


แต่ใครจะรู้ว่า แท้จริงแล้วหญิงชราหาใช่คนใจดีไม่ แต่กลับเป็นแม่มดผู้ชั่วร้าย
ผู้ซึ่งสร้างบ้านหลังนี้ไว้เพื่อล่อจับเด็กๆ และขุนจนอ้วน จากนั้นก็นำเด็กๆมาเป็นมื้อค่ำ!!!


ในเช้าวันรุ่งขึ้นก่อนที่เด็กๆจะตื่น แม่มดใจร้าย ก็มาที่เตียงของเด็กๆและยืนดู พลางคิดในใจว่า “จะต้องอร่อยแน่ๆ หึหึ”

แม่มดใจร้าย ลาก Hansel ขึ้นมาจากเตียงและนำไปขังไว้ในกรงเล็กๆ และถูกปิดปาดHansle ตกใจมาก และพยายามตะโกนจนสุดเสียง แต่ก็เปล่าประโยชน์
แม่มดกลับมากหา Grethel และปลุกเธอขึ้นจากเตียง

“ตื่นได้แล้วเจ้าเด็กจอมขี้เกียจ ไปตักน้ำซะ ชั้นจะต้มของดีๆให้พี่ชายของเจ้าที่ตอนนี้ถูกขังอยู่ในกรงกิน และเมื่อพี่ของเจ้าอ้วน ชั้นก็จะเอามันมาทำเป็นอาหาร”

เมื่อ Grethel ได้ยินดังนั้นก็ร้องไห้ แต่เธอไม่มีทางเลือก จำต้องทำตามคำสั่งของแม่มด
อาหารเช้าสุดวิเศษสำหรับ Hansel ได้ถูกเตรียมขึ้น ในขณะที่ Grethel ได้กินเพียงแค่ดอกขิง

ทุกๆเช้า แม่มดจะไปที่กรงของ Hansel และกล่าวว่า
“ Hansel ยื่นนิ้วของเจ้าออกมาซิ ชั้นจะดูว่าเจ้าอ้วนพอจะกินได้หรือยัง”

แต่ Hansel ผู้เฉลียวฉลาด รู้ว่าแม่มดแก่แล้วสายตาไม่ดี จึงยื่นกระดูกออกไปแทนนิ้ว ซึ่งก็ทำให้แม่มดประหลาดใจมาก ว่าทำไม Hansel ถึงไม่อ้วนซักที

เมื่อเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ แม่มดก็หมดความอดทนที่จะรอ
“ไป Grethel เจ้าจงไปตักน้ำ ชั้นไม่สนใจแล้วว่า เจ้า Hansel จะอ้วนหรือผอม ชั้นก็จะกินมันในวันพรุ่งนี้เช้าแล้ว!!!”

Grethel ผู้น่าสงสารร้องไห้ พลางพูดว่า
“มันคงจะดีกว่าถ้าต้องถูกสัตว์ป่ากิน หรืออดตายในป่า เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ตายพร้อมกัน”

“หยุดร้องไห้ซะที ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้หรอก”

ในเมื่อไม่มีทางเลือก เช้าวันรุ่งขึ้น Grethel จึงเตรียมน้ำใส่หม้อ และตั้งไฟเอาไว้จนเดือด
“เราต้องอบขนมปังก่อน ชั้นนวดแป้งและ อุ่นเตาเอาไว้แล้ว” แม่มดออกคำสั่ง
“คลานเข้าไปดูซิว่าเตามันร้อนพอหรือยัง”

ถ้าเราเข้าไปในเตานั่น จะต้องถูกอบเป็นอาการเย็นแทน Hansel แน่ๆเลย เมื่อ Grethel คิดได้ดังนั้น จึงกล่าวกับแม่มดว่า

“หนูไม่รู้ว่าจะเข้าไปในประตูแคบๆนั่นได้ยังไง”
“เจ้าเด็กโง่!!!” แม่มดว่า
“ประตูนี่ใหญ่พอให้ชั้นเข้าไปด้วยซ้ำ ดูสิ” แม่มดพูดพลางยื่นหัวเข้าไปในเตาอบ

ทันใดนั้น Grethel ก็ผลักแม่มดเข้าไปในเตาอบ และปิดประตู


แม่มดผู้น่าสงสารถูกเผา และกรีดร้องอย่างโหยหวน ในขณะที่ Grethel วิ่งหนีไปหา Hansel และปล่อยออกมาจากกรง

“Hansel เราเป็นอิสระแล้ว แม่มดตายแล้ว”

เด็กทั้งสองคนกอดกันด้วยความดีใจ และกลับไปที่บ้านขนมปังขิงอีกครั้ง



เมื่อทั้งสองเข้าไปในห้องของแม่มด ก็พบหีบใบหนึ่ง เมื่อเปิดออกมาดูก็พบว่าเต็มไปด้วยไข่มุกและหินประหลาด

“ดีกว่าก้อนหินอีกเนอะ” Grethel ว่า “เราเอามันกลับบ้านไปด้วย แล้วรีบออกจากป่านี้กันเถอะ” Hansel กล่าวพร้อมกับโกยหินใส่กระเป๋าจนเต็ม
เด็กทั้งสองออกเดินทางกว่า 2 ชม แล้วก็ได้มาพบกับอ่างน้ำขนาดใหญ่

“เราจะข้ามไปยังไงกันดีหล่ะ ที่นี่ไม่มีสะพานหรืออะไรอื่นอีกเลย” Hansel กล่าว
“ดูนั่นสิๆ นั่นเรือนิ” Grethel ร้องอย่างดีใจ แต่ทว่า......

นั่นไม่ใช่เรือ แต่เป็นเพียงเป็ดสีขาวกำลังว่ายน้ำอยู่ และมันกำลังว่ายมาหาเด็กๆ
บางทีคุณเป็ดอาจจะช่วยให้เราข้ามไปได้นะ เด็กๆคิดในใจ

“คุณเป็ดคะ ที่นี่ไม่มีเรือหรือสะพานอะไรเลย ช่วยกรุณาพาเราข้ามไปหน่อยได้ไหมคะ”
“ไม่ไหวหรอก พวกเราสองคนตัวหนักเกินไป ให้คุณเป็ดพาเราไปทีละคนดีกว่า” Hansel กล่าว
และแล้วคุณเป็ดผู้ใจดี ก็ช่วยพาเด็กทั้งสองคนข้ามไปได้ โดยบรรทุก Grethel ไปก่อน จากนั้นจึงว่ายกลับมารับ Hansel


และในที่สุด เด็กทั้งสองก็พบว่าได้มาถึงป่าอันคุ้นเคยแล้ว และพบทางกลับบ้าน

เมื่อเห็นบ้าน ทั้งสองคนรีบวิ่งไปหาพ่อผู้น่าสงสารที่กำลังเศร้าสร้อยอยู่ในห้องเพราะ คิดถึงลูกๆที่ถูกทิ้งในป่า ตั้งแต่เด้กๆจากไป เค้าไม่เคยมีความสุขอีกเลย

ชายตัดไม้ประหลาดใจ และดีใจอย่างมากที่ได้พบเด็กๆอีกครั้ง ตอนนี้ทุกคนปลอดภัยแล้ว เพราะแม่เลี้ยงใจร้ายก็ได้เสียชีวิตไปแล้วเช่นกัน

นอกจากนี้ชายตัดไม้ยังต้องประหลาดใจเมื่อ เปิดกระเป๋าของ Grethel และพบไข่มุกกับหินประหลาดมากมายซึ่งส่องแสงเป้นประกายไปทั่วห้อง ในขณะที่ Hansel ก็ควักออกมาจากประเป๋าของเค้าเช่นกัน
และในที่สุด ทุกคนก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข




Hansel and Gretel ฉบับ Opera โดย Humperdinck คลิ๊กที่นี่



Create Date : 11 มีนาคม 2551
Last Update : 24 มกราคม 2554 19:28:41 น. 1 comments
Counter : 378 Pageviews.

 
เขียนได้น่าอ่านมากค่ะ
เคยได้อ่านฉบับนี้ เป็นภาษาเยอรมันเหมือนกันค่ะ (ต้องอ่านให้ลูกฟังก่อนนอน เลยจำได้ )
เคยอ่านอีก ฉบับ เนื้อเรื่องจะต่างกันเล็กน้อย


โดย: jibsi IP: 89.59.69.45 วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:23:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Vitamin_C
Location :
Pasadena United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




สวัสดีค่ะ อากาศดี ก็อารมณ์ดีเนอะ .......^-^

คิดถึงบ้านที่เมืองไทยเป็นที่สุด
ถ้าไม่นับห้องสมุดๆเจ๋งๆกับพิพิธภัณฑ์ดีๆ กับอาหารหลากหลายเชื้อชาติให้กินได้ไม่ซ้ำทุกวันแล้วหล่ะก็ เมืองไทยชนะขาดในทุกกรณี ว่าแต่เมื่อไหร่ ห้องสมุดกับพิพิธภัณฑ์ของบ้านเราจะพัฒนาซักทีน้อ....


ถึงแม้ว่าบล๊อกนี้จะไม่ค่อยมีสาระ แต่เนื้อหาและข้อความทั้งหมด
รวมไปถึงรูปภาพที่ข้าพเจ้าเป็นผู้ถ่ายเอง ถือเป็นลิขสิทธิ์ ของสำนักพิมพ์บางกอกสาส์น จำกัด
ห้ามผู้ใดนำไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาติจากเจ้าของบล๊อก หรือ จากกองบรรณาธิการ

หากมีข้อสงสัยใดๆ กรุณาติดต่อหลังไมค์
หรือ
กองบรรณาธิการ สำนักพิมพ์บางกอกสาส์น 966/10 ซ.พระราม6 19 ถ.เพชรบุรี เขตราชเทวี กทม 10400
โทร 02-6137140
Email vitavitac@gmail.com
Friends' blogs
[Add Vitamin_C's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.