Little drops of water, Little grains of sand Make the mighty Ocean, and the pleasant land. Little deeds of kindness, Little words of love Help to make Earth Happy, Like the Heven above.
Group Blog
 
All Blogs
 
Romeo and Juliet, music by Prokofiev

Romeo and Juiet, บัลเล่ต์ 3 องค์
โดยคณะ เซี่ยงไฮ้ บัลเลห์ จากสาธารณรัฐประชาชนจีน
วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2552 เวลา 19.30 น.
ณ หอใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติ


วันนี้เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้ไปชมบัลเล่ห์เรื่องโรมิโอ แอน จูเจียต ซึ่งการแสดงในครั้งนี้ ดนตรีที่ใช้บรรเลงประกอบการแสดง เป็นฝีมือของนักประพันธ์เพลงชาวรัสเซียที่มีนามว่า Sergei Prokofiev

สำหรับนิยายเรื่อง Romeo and Juliet ของ Shakespeare เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าชื่นชอบเป็นอันดับ 1 เสมอมา ในขณะที่ Prokofiev นั้น เป็นหนึ่งในคีตกวี ที่ข้าพเจ้าค่อนข้างจะมีอคติกับดนตรีของเขาอยู่พอสมควร

เนื่องจากสำเนียงดนตรีแปลกประหลาด ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ อีกทั้งยังมีประสพการณ์ในวัยเด็กถึงงานเปียโนสุดหินของคีตกวีท่านนี้ที่เคยได้เรียนมาด้วยความยากลำบาก ทำให้ฝังใจมาจนบัดนี้ เมื่อไหร่เห็นชื่อ Prokofiev เป็นต้องร้องยี้เอาไว้ก่อนเลย


แต่เนื่องจาก นี่คือ Romeo and Juliet ดังนั้นจึงถือเป็นข้อยกเว้น พอเห็นโปรแกรมงาน ICP ปีนี้ มีเล่นบัลเล่ต์เรื่องนี้ ก็รีบไปจองตั้งแต่เริ่มเปิดนกขยัน ไม่ได้สนจดูเลยว่าคณะไหนมาเต้น หรือวงไหนมาเต้น กว่าจะมารู้ตัวว่า เป็นคณะบัลเล่ต์จากจีน แถมเต้นแห้งๆกับแผ่น ไม่มีวงมาเล่นอีกต่างหาก ก็แอบเสียใจอยู่นิดๆ แต่ไม่เป็นไร เพราะยังไงนี่ก็คือ Romeo and Juliet



ที่นั่งของข้าพเจ้าในคืนนี้ อยู่ชั้น 2 บริเวณตรงกลางด้านหลังของพระที่นั่งพอดี แม้จะรู้สึกว่าไกลไปซักหน่อย แต่ก็อยู่ตรงกลาง และเห็นภาพรวมของเวทีได้ทั้งหมด


การแสดงในคืนนี้เริ่มต้นด้วย เพลงบรรเลงเปิดฉากก่อนการเต้น แต่ทว่าเมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น......ปรากฏว่า.......


พระเจ้าช่วย.....ทำไมเสียงดนตรีมันอู้อี้แบบนี้ เปิดแผ่น mono หรือยังไงกันเนี่ย
คุณภาพเสียงดนตรีในคืนนี้นรกแตกมากๆ จนฝรั่งที่นั่งข้างอยู่ข้างๆอดไม่ได้ หันมาบ่นกับข้าพเจ้าว่า เมื่อวันก่อนเขาพาลูกมาดู ซินเดอเรลล่า ก็เปิดแผ่นเหมือนกัน เสียงยังดีกว่านี้เลย ไม่รู้ว่าวันนี้ใช้เทปคาสเซต์หรือยังไงกัน


ส่วนตัวข้าพเจ้าเอง แม้จะเตรียมใจไว้แต่แรกแล้ว่า บัลเล่ต์ในคืนนี้เป็นการเต้นกับแผ่น แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายอย่างนี้ แม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่ใช่นักฟังหูทองแต่อย่างใด แต่สำหรับคืนนี้ ต้องบอกเลยว่าเสียงมันห่วยจริงๆ และแอบรู้สึกพอใจกับคุณภาพของเครื่องเสียงกระแป๋งที่บ้านขึ้นมาทันที


ฉากแรกของคืนนี้เป็นฉากในตลาด คู่อาฆาตของทั้ง 2 ฝ่ายมาเจอะกัน แล้วเกิดการเขม่นกัน เดาว่าสาเหตุเกิดจากฝ่ายของพี่ชายจูเลียต เกิดอาการอิจฉาที่ฝ่ายโรมิโอมีหญิงงามเมืองมาให้ควงเยอะเกินหน้าเกินตา เลยหาเรื่องดวลดาปกัน โชะๆ ท่ามกลางกองเชียรของคนในตลาด กับบรรยาหญิงงามเมือง

พอเด็กๆตีกันซักพัก รุ่นพ่อ รุ่นแม่ ก็ออกโรง แต่แทนที่จะมาห้ามเด็กๆตีกัน ปรากฏว่าบรรดาแก่ๆเนี่ยหล่ะ มาโช้งเช้งกันต่อ โดยมีเด็กๆล้อมรอบเป็นกองเชียร์


ในฉากนี้เนื่องจากข้าพเจ้ากำลังหงุดหงิดกับเสียงดนตรีที่อู้ๆอี้ๆ ดูแล้วเลยรมณ์บ่จอย ดนตรีมันไม่เร้า เลยตีกันไม่ค่อยสนุก
(จริงๆแอบคาดหวังไว้ด้วยว่า คณะจีนมาเล่นฉากดวลดาป น่าจะฟันกันโชะๆเช้งๆ แต่ก็ไม่แฮะ ดูแล้วไม่มันส์เท่าที่ควร)

หลังจากผู้แก่ทั้งหลายดวลกันอยู่พักนึง เจ้าชายผู้ปกครองเมืองก็ออกมาห้ามทัพ แยกทั้ง 2 ฝ่ายออกจากกัน แล้วไตร่สวนดูว่า ใครหาเรื่องใคร แต่ต่างฝ่ายต่างกล่าวโทษซึ่งกันและกัน สรุปสุดท้ายก็ไม่ได้ลงโทษใคร แค่ยึดอาวุธทั้งหมดไปแล้วแยกย้าย


จากนั้นจูเลียตก็ออกโรง....

อาหม๋วยจูเลียตในวันนี้ ออกแนวสาวน้อยวัยแรกแย้ม แนวใสๆ ออกจะแก่นๆไปซักหน่อย แต่ก็น่ารักดี มาในชุดขาวสะอาดแบบเรียบๆ

ข้าพเจ้าชอบฉากที่พ่อแม่ของจูเลียต พาปารีส คู่หมายของเธอมาแนะนำให้รู้จัก จูเลียตแสดงได้น่ารักดูเป็นธรรมชาติมาก เพียงแค่ปารีสจับมือ เธอก็สะดุ้งโหยงด้วยควมตกใจ รีบซอยเท้าถอยหนีไปหาแม่นม และไม่ว่าพ่อกับแม่ และปารีส จะพยายามเข้าหาอย่างไร จูเลียตซึ่งดูอ่อนน้อมดี แต่แล้วจู่ๆก็สะดุ้งเผ่นไปกอดแม่นมทุกที




ฉากนี้ใครเวอร์ชั่นในคลิป จูเลียตดูเรียบร้อย และออกจะผู้ดีกว่า แต่ชอบตอนจบมากๆ การแสดงของแม่นม บอกให้จูเลียตรู้ว่า เนี่ยเธอไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ไอเดียดีๆ

จบครึ่งแรก พัก 20 นาที


องค์ 2 มาพร้อมกับบทเพลงที่ดังที่สุด ในงานชิ้นนี้ของ prokofiev ซึ่งข้าพเจ้าก็ชื่นชอบเพลงนี้เช่นกัน

ฉากนี้คือฉากงานเต้นรำที่บ้านของจูเลียต คืนนี้ก็ทำได้สวยงามและอลังการดี แถมภาพฉากของบ้านจูเลียต ยังเป็นภาพใน set " the lady and the Unicorn" ด้วย สวยคลาสสิกมากๆ ชอบๆ






ชอบเพลงนี้มากๆ ชอบฉากนี้ด้วยอลังการๆ


ในระหว่างที่ใครๆกำลังเต้นรำกัน จูเลียต ซึ่งหลบจากปารีสมาได้ ก็เจ๊อะกับโรมิโอ ในลักษณะ ณ จังงัง คือ หยุดจ้องหน้ากันกลางเวที

แต่สำหรับ คืนนี้ไม่ค่อยจังงังเท่าไหร่ ดูงงจังซะมากกว่า action น้อยไปนิด

หลังจากใครๆเต้นรำกันเสร็จ ก็ถึงฉากที่ดนตรีสุดแสนจะน่ารัก คือ ฉากจูเลียตดีด lute

พึ่งรู้ว่า Prokofiev แต่งให้เสียง Lute แทนด้วยจูเลียต และเสียง Vioin แทนด้วยโรมิโอ ข้าพเจ้าประทับใจดนตรีในฉากนี้ที่สุด เพราะมีทำนองที่อ่อนหวานน่ารัก melody ที่ล้อกันไปมาระหว่างเครื่องดนตรี 2 ชิ้น เหมือนคน 2 คนกำลังจีบกันกระหนุงกระหนิง

จริงอยู่ว่าเรื่องนี้ จูเลียตเป็นตัวเอง แต่สำหรับฉากนี้ ต้องถือว่า โรมิโอเด่นที่สุด เพราะเป็นฉากที่ต้องเต้นอวดตนต่อหน้าจูเลียต ประหนึ่ง สัตว์เพศผู้แสดงอวดตนเพื่อชนะใจเพศเมีย แต่แบบว่า โรมิโอในค่ำคืนนี้ เต้นไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย น่าเสียดายจริงๆ


หลังจากงานเลี้ยงเลิกใครๆ ก็ต่างพากันกลับบ้าน แล้วก็มาถึงฉากที่ทุกคนรอคอย(หรือเปล่า) นั่นคือฉากจีบกันบนระเบียง

สำหรับข้าพเจ้าฉากนี้เป็นฉากที่ชอบที่สุด และตั้งตารอดูทุกครั้งเวลาดูหนังเรื่องนี้ แต่สำหรับการเต้นบัลเล่ต์แล้ว ไม่ใช่ฉากที่คาดหวังซักเท่าไหร่ เพราะคิดว่า เสน่ห์ของฉากนี้อยู่ที่คำพูดหวานซึ้งของทั้ง 2 คนมากกว่า


จูเลียตกำลังครำครวญ

Oh, Romeo, Romeo,
why do you have to be Romeo?
Forget about your father and change your name.
Or else, if you won’t change your name,
just swear you love me and I’ll stop being a Capulet.


โรมิโอกำลังแอบฟัง เลยส่งเสียงเป็นพรายกระซิบ
Should I listen for more, or should I speak now?


จูเลียตยังไม่รู้ตัว เลยพร่ำเพ้อต่อไป

It’s only your name that’s my enemy.
You’d still be yourself even if you stopped being a Montague. What’s a Montague anyway?
It isn’t a hand, a foot, an arm, a face, or any other part of a man. Oh, be some other name!
What does a name mean?
The thing we call a rose would smell just as sweet if we called it by any other name.
Romeo would be just as perfect even if he wasn’t called Romeo. Romeo, lose your name.
Trade in your name—which really has nothing to do with you—and take all of me in exchange.


แต่ๆๆๆๆ
คำพูดทั้งหมดนี้ บัลเล่ต์แสดงไม่ได้ มีแต่เพียงท่าทาง ซึ่งส่วนตัวข้าพเจ้าว่าต่อให้เต้นอ่อนหวานยังไง ก็สู้ท่าทางเคลิ้มฝันประกอบคำพูดแบบที่ดูในหนังไม่ได้ ดังนั้น ฉากในสำหรับบัลเล่ต์เป็นกันตกไป


หลังจากโรมิโอกลับไป ก็พร่ำเพ้อ เลิกยุ่งเกี่ยวกับหญิงงามเมืองทั้งหลายแหล่ จนเพื่อนๆแซว แต่ทว่าตั้งใจแน่วแน่ได้อยู่ไม่เท่าไหร่ สุดท้ายก็ควงสาวๆ 2 ข้าง นอนแผ่อยู่กลางเวที


ซักพักแม่นมซึ่งถือจดหมายจากจูเลียตไปตามหาโรมิโอ เที่ยวไล่ถามคนโน่นคนนี้ในตลาด แล้วก็โดนกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ แต่แล้วในที่สุดก็ได้เจอะ โรมิโอนอนแผ่ 2 ข้างกอดอยู่กะหญิงงามเมือง
(ถ้าดิฉันเป็นแม่นม คงไม่มีวันให้ จม ของจูเลียตสุดที่รักกับอีกตานี่แน่ๆ)

ใน จม บอกว่าเราไปแต่งงานกันนะ ที่นั่นที่นี่เวลานี้ แล้วทั้ง 2 คน ก็นัดเจอกับบาทหลวงแต่งงานกันเป็นที่เรียบร้อย

แต่วันรุ่งปรากฏ พรรคพวกของโรมิโอดันไปมีเรื่องกับพี่ชายจูเลียต และ โช้งเช้งกันอีก จนทำเอา Mercutio เพื่อนของโรมิโอ โดนพี่ชายจูเลียตแทง ซึ่งกว่านาย Mercutio จะตาย พี่ท่านโซซัด โซเซ ไปรอบเวทีไม่รู้กี่รอบ เรียกว่า สั่งเสียก็แล้ว กระอักเลือดก็แล้ว ก็ยังไม่ยอมตายซักที ทำเอาลุ้นจนเหนื่อย จนคิดในใจว่า ไม่รู้ Prokofiev ตั้งใจแต่งให้ตายยากแบบนี้ หรือเพราะนี่เป็นคณะบัลเล่ต์ของจีนหรือเปล่า เวลาจะตายทีเลยต้องลีลามาก ตามแบบฉบับหนังจีนกำลังภายใน


พอเพื่อนรักตาย โรมิโอก็เลือดขึ้นหน้า หยิบดาปขึ้นมาฟันโชะๆๆๆๆ งวดนี้หล่ะค่อยดวลกันมันส์หน่อย ดนตรีก็ตื่นเต้นมากๆ สรุปสุดท้าย พี่ชายนางเอกก็โดนโรมิโอเสียบตายคาที แบร่....แล้วโรมิโอก็ต้องหนีไปตามระเบียบ


แต่หนีไปได้ไม่ไกลหรอกค่ะ ที่ๆอันตรายที่สุด คือที่ๆปลอดภัยที่สุด นั่นคือบ้านของจูเลียตนั่นเอง

ฉากนี้เปิดมาด้วยฉากห้องนอนของจูเลียต ทั้ง 2 คนกำลังนอนหลับเคียงข้างกันอยู่ แต่ซักพักโรมิโอก็รู้สึกตัวตื่น เพราะรู้ดีว่าย่องเข้าห้องนอนลูกสาวเขาแบบนี้ จะอยู่นานไม่ได้ ต้องรีบเผ่นแล้ว ขณะที่กำลังจะไป อ้าว....จูเลียตตื่นพอดี เลยมีการคร่ำครวญกันยกใหญ่ ฉากนี้ จูเลียตของเรา เต้นท่าทางดูคลายคนจะเป็นลม ออดอ้อน ไม่อยากให้โรมิโอจากไป ต่างฝ่ายต่างอาลัยซึ่งกันละกัน



"ฮือ......โรมิโอ อย่าจากฉันไปเลย"
คลิปนี้เป็นฉากอำลา ในตอนเช้าของค่ำคืนอันแสนหวาน คู่นี้ออกจะดูฟูมฟายไปหน่อย แต่ได้อารมณ์เศร้าตามดี นางเอกเต้นได้พริ้วๆ



แต่แล้วจูเลียตก็โดนพ่อแม่ยื่นคำขาด เจ้าต้องแต่งงานกับปารีส

อะไรนะ....จูเลียตไม่ยอมแต่งรึ อย่างนี้ต้องโดน 1 เพียะ ว่าแล้วพ่อก็ตบจูเลียตลงไปกองกับพื้นเข้าไป 1 ฉาด แล้วทุกคนก็ออกจากห้องไป ปล่อยให้จูเลียตงอแงอยู่บนพื้นโดยลำพัง
ฮือ.....น่าฉงฉาน


แม่นมก็โดนกันออกไปแล้ว จูเลียตไม่รู้จะทำอย่างไร เลยไปหาบาทหลวง ไปกอดขาขอให้บาทหลวงช่วย บาทหลวงเลยยื่นยาให้ขวดนึง

"เอ้า เอายานี่ไป นี่เป็นยานอนหลับ..."
"อ๊ายๆๆๆ ยานอนหลับรื หลวงพ่อจะทำอะไรข้า ให้ข้าหลับจะได้จับไปขายหรือไง" แล้วจูเลียตก็เต้นไปรอบเวที

"เฮ้ยๆ ไม่ใช่ๆ นี่เป็นยาพิษ..."
"อ๊ายๆๆๆ ยาพิษ ท่านจะฆ่าข้าหรือไง แงๆๆๆๆ" แล้วจูเลียตก็เต้นไปรอบเวที

"ป๊าดโถ...พอได้แล้ว นี่เป็นยาแกล้งตาย กินแล้วจะนอนหลับเหมือนคนตาย เอากลับไปกิน แล้วรีบไปได้แล้วชิ่วๆๆๆ"



(อันนี้แต่งเติมเองตามจิตนาการนะคะ เพราะเห็บาทหลวงยื่นให้ตั้งหลายที เจ๊จูเลียตก็ดิ้นๆๆไปรอบเวที แตกตื่นตกใจ อยู่นั่นหล่ะ ไม่รับยามาเสียที เอิ้กๆ)


แล้วก็มาถึงฉากสุดท้ายอันน่าประทับใจ คือ ฉากการตายของโรมิโอในสุสาน พอโรมิโอไปถึงสุสานปุ๊บ ก็จัดการแทงฉีกๆ ใส่ปารีส คู่หมั้นของจูเลียต จนตายคาที จากนั้น ก็ไปร่ำไห้กะศพของจูเลียต อุ้มมาลากไปลากมา จูเลียตก็ไม่ฟื้นซักที ในฉากนี้ข้าพเจ้าประทับใจอาหม๋วยจูเลียตมากๆ ตัวอ่อนสุดๆ เล่นฉากเป็นคนตายนี้ โค้งได้เจ๋งมากๆ ชอบๆ

หลังจากโรมิโอร่ำไห้จนพอใจแล้ว ก็อุ้มจูเลียตกลับไปนอนที่แท่นวางศพ จากนั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบยาพิษออกจากระเป๋าปุ๊บ ก็ไม่ลีลาอะไรแล้ว ซดยาแล้วตายสลบคาอกจูเลียตไปอย่างรวดเร็ว

ซักพักสาวน้อยจูเลียตก็ลืมตา สะดุ้งตกใจ เฮ้ย...ใครมานอนข้างฉัน...แล้วตกเตียงไป เจอะศพ ปารีส กริ๊ด....มีคนตาย
เต้นไปเต้นมา ซักพักตั้งสติได้ อ้าว........ที่นอนข้างๆเราตะกี้ โรมิโอนินา แล้วก็รีบเข้าไปหา คุ้ยเอาขวดยาพิษมาดูแล้ววร้องไห้ไปรองเวที

จากนั้นกลับไปใหม่ คุ้ยได้มีดสั้นมา 1 เล่ม เอาหล่ะๆ ฉันจะใช้นี่หล่ะตามเธอไป แต่ก่อนอื่นขอเต้นรอบเวที 2 รอบนะ


หลังจากเต้นเตรียมใจอยู่นาน ก็........


อ๊า......แทงไปแล้ว......


แต่......จูเลียตลืมไปว่าต้องไปนอนตายข้างโรมิโอ เลยต้องตายตามแบบฉบับหนังจีน(ตายยาก) คือค่อยๆกระเสือกกระสนคลานดึบๆกลับไปตายบนเตียงข้างๆโรมิโอที่รัก เป็นอันจบบริบูรณ์.......เฮ้......




Create Date : 08 ตุลาคม 2552
Last Update : 8 ตุลาคม 2552 15:00:12 น. 0 comments
Counter : 1032 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Vitamin_C
Location :
Pasadena United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




สวัสดีค่ะ อากาศดี ก็อารมณ์ดีเนอะ .......^-^

คิดถึงบ้านที่เมืองไทยเป็นที่สุด
ถ้าไม่นับห้องสมุดๆเจ๋งๆกับพิพิธภัณฑ์ดีๆ กับอาหารหลากหลายเชื้อชาติให้กินได้ไม่ซ้ำทุกวันแล้วหล่ะก็ เมืองไทยชนะขาดในทุกกรณี ว่าแต่เมื่อไหร่ ห้องสมุดกับพิพิธภัณฑ์ของบ้านเราจะพัฒนาซักทีน้อ....


ถึงแม้ว่าบล๊อกนี้จะไม่ค่อยมีสาระ แต่เนื้อหาและข้อความทั้งหมด
รวมไปถึงรูปภาพที่ข้าพเจ้าเป็นผู้ถ่ายเอง ถือเป็นลิขสิทธิ์ ของสำนักพิมพ์บางกอกสาส์น จำกัด
ห้ามผู้ใดนำไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาติจากเจ้าของบล๊อก หรือ จากกองบรรณาธิการ

หากมีข้อสงสัยใดๆ กรุณาติดต่อหลังไมค์
หรือ
กองบรรณาธิการ สำนักพิมพ์บางกอกสาส์น 966/10 ซ.พระราม6 19 ถ.เพชรบุรี เขตราชเทวี กทม 10400
โทร 02-6137140
Email vitavitac@gmail.com
Friends' blogs
[Add Vitamin_C's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.