Group Blog
 
All Blogs
 
เนมิราชชาดก - อธิษฐานบารมี



เมื่อพระบรมศาสดาประทับอยู่ ณ อัมพวันอุทยาน (สวนมะม่วง) กรุงมิถิลา เย็นวันหนึ่งเสด็จจาริกพร้อมด้วยพระสาวก ทอดพระเนตรรมณียสถานในอุทยานแห่งนั้น ทรงใคร่จะตรัสเรื่องในอดีตชาติของพระองค์ จึงทรงแย้มพระโอษฐ์ พระอานนท์กราบทูลถามถึงเหตุที่ทรงแย้มพระโอษฐ์ จึงมีพุทธดำรัสว่า “ดูก่อนอานนท์ ภูมิประเทศนี้เราเคยอาศัยอยู่ เจริญฌานในกาลเมื่อเราเสวยพระชาติเป็นมฆเทวราชา ตรัสเพียงนี้แล้วก็ทรงดุษณีภาพนิ่งอยู่” ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลขอให้ทรงแสดงอดีตนิทาน พระพุทธองค์จึงตรัสเรื่องเนมิราชชาดก ความโดยย่อมีดังนี้

ในกาลอันไกลโพ้น พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระราชานามว่ามฆเทวราชเป็นบรมกษัตริย์ครองพระนครมิถิลา แคว้นวิเทหะ วันหนึ่งทรงสังเกตุเห็นพระเกศาเส้นหนึ่งหงอกขาว ทรงปลงธรรมสังเวชในความไม่เที่ยงของสังขาร จึงมอบราชสมบัติให้พระราชโอรสแล้วพระองค์ก็ออกผนวชเป็นฤาษี ครั้นดับสังขารก็ได้ไปบังเกิดในพรหมโลก กษัตริย์ที่สืบราชสมบัติต่อๆ มาก็ทรงประพฤติเช่นเดียวกับพระองค์สืบมาเกือบถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ หย่อนอยู่ ๒ องค์ (คือ ๘๓,๙๙๘ องค์) พระเจ้ามฑเทวราชซึ่งทรงไปบังเกิดในพรหมโลกนั้น เมื่อสิ้นอายุขัยก็ลงมาอุบัติในพระครรภ์ของพระอัครมเหสีแห่งกรุงมิถิลาอีก พระราชบิดาทรงตั้งพระนามพระราชโอรสว่า “เนมิกุมาร”

พระโพธิสัตว์ทรงยินดีในการบำเพ็ญทานรักษาศีลตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ตราบจนพระราชบิดาทอดพระเนตรเห็นพระเกศาเส้นหนึ่งหงอกก็ทรงมอบราชสมบัติให้พระราชโอรสแล้วออกผนวชบำเพ็ญเพียรอยู่ในพระราชอุทยาน เมื่อเนมิราชกุมารได้ครองพระนครมิถิลาแล้ว ทรงแสดงธรรมสั่งสอนชาวพระนครให้ตั้งอยู่ในการบำเพ็ญทานรักษาศีล ครั้นชาวพระนครเหล่านั้นสิ้นชีวิต ก็ได้ไปบังเกิดในสวรรค์ “เทพโลกเต็มไปด้วยเทพยเจ้า นรกปรากฏดุจว่างเปล่า” ครั้งนั้นเทพยดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้ประชุมกันสรรเสริญพระคุณของพระเจ้าเนมิราชว่า “เป็นอาจารย์ของพวกเรา เราทั้งหลายอาศัยพระองค์จึงได้เสวยทิพยสมบัติ” จึงเทพยดาเหล่านั้นพากันไปทูลท้าวสักกเทวราชว่าปรารถนาจะได้เห็นพระเจ้าเนมิราชและสดับธรรมจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ท้าวสักกเทวราชจึงมีเทวบัญชาให้พระมาตลีเทพบุตรนำเวชยันตรถไปทูลเชิญเสด็จพระเจ้าเนมิราชมายังดาวดึงส์พิภพ



(ท้าวสักกเทวราชให้พระมาตลีเทพบุตรนำเวชยันตรถทูลเชิญเสด็จพระเจ้าเนมิราชไปยังดาวดึงส์พิภพ)

ขณะที่พระเจ้าเนมิราชทรงรักษาอุโบสถศีลท่ามกลางเหล่าข้าราชบริพารในคืนเดือนเพ็ญ ทรงเปิดสีหบัญชรด้านตะวันออก พระมาตลีเทวบุตรก็นำเวชยันตรถอันมีรัศมีโชติช่วงปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสีหบัญชรทูลเชิญให้เสด็จไปโปรดเทพยาดา ความในนิบาตชาดกว่า

ตโต ราชา ตรมาโน
เวเทโห มิถิลคฺคโห
อาสนา วุฏฺฐหิตวาน
ปมุโข รถามารุหิ
อภรุฬฺหํ รถ ทิพฺพํ
มาตลิ เอตฺถ พฺรวิ
เกน ตํ เนมิ มคฺเคน
ราชเสฏฺฐ ทิสมฺปติ
เยน วา ปาปกมฺมนฺตา
ปุญฺญกมฺมา จ เยน วา ฯ


ความว่า แต่นั้นพระราชามิถิลานาถวิเทหรัฐประมุข ด่วนเสด็จลุกจากราชอาสน์ขึ้นสู่เวชยันตทิพยรถ มาตลีเทพสารถีได้ทูลถามพระองค์ผู้ขึ้นสู่ทิพยรถว่า ข้าแต่พระราชาผู้ประเสริฐ ผู้ทิสัมบดี ทางไปสถานที่อยู่ของเหล่าสัตว์ผู้ทำบาปทางหนึ่ง ทางไปสถานที่อยู่ของเหล่าสัตว์ผู้ทำบุญทางหนึ่ง จะโปรดให้ข้าพระเจ้านำเสด็จไปทางไหน ฯ



(พระเจ้าเนมิราชตรัสให้พระมาตลีเทพบุตรนำพระองค์ไปทางภูมินรกก่อน)

พระเจ้าเนมิราชทรงขอให้พระมาตลีเทพบุตรนำพระองค์ผ่านไปทางแดนอันเป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์ผู้ทำบาปก่อน ได้แก่นรกขุมต่างๆ เมื่อทอดพระเนตรก็ตรัสถามถึงบุพกรรมที่สัตว์เหล่านั้นเคยกระทำไว้ในชาติปางก่อน

ขณะนั้นท้าวสักกเทวราชรออยู่ ณ สุธรรมเทวสภาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เห็นว่าเวลาล่วงไปนานแล้วจึงตรัสใช้เทพบุตรองค์หนึ่งไปเตือนพระมาตลีให้เร่งนำพระโพธิสัตว์ไปยังเทวโลก



(พระเจ้าเนมิราชเสด็จถึงเทวโลก)

พระมาตลีขับเวชยันตรถผ่านทิพยวิมานต่างๆ อันบังเกิดด้วยอำนาจกุศลกรรมของเทพยดาผู้เป็นเจ้าของ เทพยาดาทั้งหลายต่างชื่นชมยินดี บูชาพระโพธิสัตว์ด้วยดอกไม้ทิพย์ พระเจ้าเนมิราชเสด็จถึงสุธรรมเทวสภาประทับบนทิพยบัลลังก์ ทรงแสดงธรรมประทานแก่เหล่าทวยเทพสิ้นเวลา ๗ วันในแดนมนุษย์ พระมาตลีเทวบุตรก็เชิญเสด็จกลับคืนยังพระนครมิถิลา

เมื่อพระบรมศาสดาตรัสเรื่องเนมิราชจบแล้ว ทรงประชุมชาดกกล่าวถึงการกลับชาติของบุคคลในครั้งนั้น ได้แก่ “ท้าวสักกเทวราชเป็นพระอนุรุทธ มาตลีเทวบุตรเป็นพระอานนท์ พระเจ้าเนมิราชคือองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

ที่มา ภาพและเรื่องสำเนาและคัดลอกจากหนังสือชาดกและพุทธประวัติจากตู้ลายรดน้ำ จัดพิมพ์เป็นหนังสือที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙
โดย คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙
พิมพ์ที่ บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗) จำกัด

หมายเหตุ สำเนาภาพและบทความในเรื่อง ได้ถูกคัดลอกมาเผยแพร่ด้วยเจตนาจะมุ่งให้เห็นความประณีต วิจิตรบรรจง อันเกิดจากแรงศรัทธาในพระศาสนาของจิตรกรรุ่นบรรพชนผู้สร้าง ซึ่งสร้างตู้ลายพระธรรมรดน้ำเป็นพุทธบูชา เพื่อเก็บรักษาคัมภีร์ทางพุทธศาสนา ผู้ประสงค์จะนำภาพหรือบทความไปใช้เชิงพาณิชย์ กรุณาตรวจสอบและขออนุญาตกับเจ้าของภาพและเรื่องด้วย



Create Date : 23 พฤษภาคม 2553
Last Update : 23 พฤษภาคม 2553 6:27:29 น. 6 comments
Counter : 3050 Pageviews.

 


โดย: Tonkra49 วันที่: 23 พฤษภาคม 2553 เวลา:8:18:06 น.  

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 23 พฤษภาคม 2553 เวลา:8:44:46 น.  

 
จจจจจจจจจจจจจจจจจ


โดย: jack IP: 180.183.78.189 วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:16:21:31 น.  

 
good


โดย: jack IP: 180.183.78.189 วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:16:22:44 น.  

 
123


โดย: รัษฎา IP: 180.183.78.189 วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:16:23:56 น.  

 
123456789


โดย: รัษฎา IP: 180.183.78.189 วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:16:24:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sirivajj
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




บทความในกลุ่ม ข้อคิด-ธรรมะ ได้ถูกเรียบเรียงขึ้น โดยบางบทความได้คัดลอกและสำเนาภาพมาถ่ายทอดจากหนังสือธรรมะต่างๆ หรือหนังสืออื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ด้วยเจตนาประสงค์จะให้ธรรมะอันเป็นสัจจะและมงคลของพระพุทธศาสนาได้รับการเผยแพร่และเข้าถึงพุทธศาสนิกชนหรือผู้ที่สนใจให้ได้มากที่สุด รวมทั้งให้บทความธรรมะได้ถูกรวบรวมไว้ในรูปแบบที่จะสะดวกแก่การสืบค้นและเข้าถึงในภายหลัง

ผู้ที่ประสงค์จะคัดลอกไปเพื่อประโยชน์ทางพาณิชย์ กรุณาตรวจสอบกับต้นฉบับหรือเจ้าของลิขสิทธิ์ ด้วยครับ
Friends' blogs
[Add sirivajj's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.