เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 7 เที่ยวนอกโตเกียว...มุ่งหน้าสู่เซนได


12 เม.ย. 2559 เวลาไม่ทราบ 555

วันนี้เราจะมูฟออกไปเที่ยวนอกโตเกียวกันค่ะ หลังจากที่เมื่อคืนเราทิ้งทวนฟรีเดย์ที่โตเกียวกันจนดึกแล้ว วันนี้เราก็ตื่นกันสายๆ เช่นเคยเพราะรถเที่ยวที่จองไว้ออกตอนเที่ยงค่ะ ประกอบกับเราเก็บของเตรียมไว้แล้วพอสมควร พร้อมกันแล้วก็ลงไปเช็คเอาท์ออกจากที่พัก บ๊ายบายซากุระโตเกียว

จากอาซากุสะถึงอุเอโนะใช้เวลาไม่นานชาวคณะเลยมีเวลาไปเลือกซื้อ "ข้าวกล่องรถไฟ" กันค่ะ ขอบอกว่าละลานตาจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว ราวๆ เที่ยงครึ่งเราก็ได้ขึ้นรถค่ะ



ขบวนนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ช.ม. พอขึ้นรถปุ้บอีนี่ก็บรรเลงข้าวกล่องเลยจ้า Smiley




ข้าวกล่องคุณปูวววว


พลาดตรงไม่น่าใส่ไอ้ที่มันเหมือนไชโป้วเลย แต่ก็อร่อยไปอีกแบบ

ระหว่างทางอีนี่ก็นั่งชมวิวเรื่อยเปื่อยค่ะ มีไวไฟพร้อมก็นั่งอัพอะไรเล่นกันเรื่อยเปื่อย หลังจากนั้นก็ตบของหวานตามไปอีก อิอิ ชอบโคโรโระมากเลยค่ะ อร่อยมากกก คือนอกจากรามุเนะแล้วก็มาติดใจไอ้เจ้านี่เนี่ยแหละ มีหลายรสมากกก อร่อยทุกรสเลยด้วย หาซื้อได้ตามร้านแฟมิลี่มาร์ทในราคาซองละ 100 เยนโดยประมาณค่า


ขนมเยลลี่น้ำผลไม้โคโรโระ กินเพลินมว๊ากกก



พอมาถึงเซนได ความรู้สึกแรกหลังออกมาจากรถคือ "หนาวเหรี้ยยยยยยย" หนาวมากอ่ะสงสัยจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้มรสุมเข้าก็ไม่รู้นะ แต่หนาวจริงแถมลมแรงด้วยพวกเรานี่รีบเดินไปที่พักเลยค่ะ พวกเราเลือกพักที่ ANA Holiday Inn Sendai มีอาหารเช้าให้บริการพร้อม

ออกจากสถานีมาทางฝั่งสี่แยกที่ฝั่งตรงข้ามเป็นโยโดบาชิ ข้ามถนนไปฝั่งโยโดบาชิแล้วเดินไปทางขวาเรื่อยๆ เรื่อยๆ เลยนะคะ ตรงอย่างเดียวไม่เลี้ยวไหนเลย ช่วงนั้นนี่ได้แต่อดทนว่าเมื่อไหร่จะถึงซะทีหนาว!! 555

หลังจากมาถึงที่พักแล้วก็พักผ่อนตามอัธยาศัยค่ะ เดินสำรวจในห้องมีตู้เย็นเล็ก ทีวี กาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า สายLAN ในตู้เสื้อผ้ามีน้ำหอมดับกลิ่นด้วยแบบว่าหอมมากกก ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำด้วย ตู้วหูวววววว ถ้าได้แช่คงฟิน // จัดไปอย่ารอ!!

ช่วงเย็นนัดเจอกันที่ล็อบบี้เพื่อเดินเล่นในตัวเมืองและหาอะไรกิน เราเลือกไปฝากท้องกันที่ร้าน Saizeriaya Restuarant ชั้น 2 ของห้าง BiVi ค่ะ ห้างตั้งอยู่ติดกับสถานีJR Sendaiค่ะ ของกินเพียบบบ

ร้าน Saizeriaya เป็นร้านแนวFamily Restuarantได้มั้งคะ มีแยกโซนสูบบุหรี่ด้วย ส่วนเครื่องดื่มเป็นแบบบริการตัวเองค่ะ เอาละๆ มาดูซิว่าสั่งอะไรไปบ้าง Smiley ออ...แฮมเบิร์กที่ญี่ปุ่นเป็นเนื้อนะคะ เผื่อใครไม่กินเนื้อจะได้ระวัง


แฮมเบิร์กชีสไข่ดาว ของอีนี่เองคร่า


โดเรีย จานนี้เป็นเหมือนข้าวอบชีสค่ะ


พิซซ่า บางกรอบอร่อยมากก


แฮมเบิร์กชีส


สปาเก็ตตี้ซีฟู้ดกับสลัดเย็น


สเต๊กเนื้อ

ชาวคณะเราใช้เวลากันอย่างเต็มที่ค่ะเพราะทั้งเหนื่อยทั้งหิว หลังจากจ่ายค่าเสียหายเรียบร้อยก็เดินเล่นดูของเรื่อยเปื่อยสุดๆ แต่พอเดินออกมานอกห้างเท่านั้นแหละ... ด้วยความที่ลมแรงพวกเราตัดสินใจเดินไปยูนิโคลกะว่าจะไปซื้อพวกถุงมือ ฮีทเทค แต่มันปิดตั้งกะ 2 ทุ่มละอ่ะ เป้าหมายสุดท้ายอยู่ที่ H&M ค่ะ กำลังลดราคาอยู่ด้วยเลยสอยกันแบบไม่เกรงใจค่าเงินเยน 555 พอใจกันแล้วก็เดินกลับที่พักค่ะ เพราะวันต่อไปเราจะเดินกันอีกเยอะต้องพักขาไว้ก่อน อิอิ


อีกฝั่งคือแหล่งช็อปค่า

หลังจากนัดแนะเวลากันเรียบร้อยก็แยกย้ายห้องใครห้องมัน สลบกันไปตามระเบียบบบบ

สำหรับตอนหน้าจะพาไปชมซากุระเซนไดค่ะ แต่จะเป็นส่วนไหนของเซนไดอย่าลืมรออ่านกันน้า...

เช่นเคยฝากบล็อกของขุ่นเพื่อนด้วยนะคะ

Japan Trip 2016 by Nana



Create Date : 19 มิถุนายน 2559
Last Update : 19 มิถุนายน 2559 20:57:42 น.
Counter : 1183 Pageviews.

0 comment
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 6 ภารกิจติ่งๆ ภาคเต็มสตรีม Part II


กลับมาแล้วจ้าาาา หลังจากที่เอ็นทรี่ก่อนแวะไปเขียนเรื่องหนังมา วันนี้ก็ขอเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นต่อจากตอนก่อนนู้นกันเลยนะคะ

ความเดิมของต่อนที่แล้วอีนี่ยังอยู่ที่โอไดบะ ขาออกจากออนเซ็นตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 5 โมงเย็นได้แล้วค่ะ ซึ่ง ณ ตอนนั้นกำลังคิดว่าจะไปรวมตัวกับเพื่อนร่วมทริปแล้วไปกินปิ้งย่างแถวอาซากุสะกัน ปรากฏว่าช็อปกันเพลิดเพลินเลยติดต่อกันไม่ได้ค่ะ เอาไงเหรอคะ นัดล่มคร่าาาาา

แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วมาถึงโอไดบะทั้งทีก็ต้องแวะไปถ่ายรูปกับกันดั้มยักษ์หน้าห้าง Divercity ค่ะ จากสถานีTelecom ให้เรานั่งยูริคาโมเมะย้อนกลับมาลงที่สถานีDaiba แต่ๆๆๆ อีนี่ลงก่อนสถานีนึงค่ะเพราะเห็นว่าสถานีนี้ดูแล้วเดินใกล้กว่า ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใกล้เท่าไหร่ค่ะ สถานีที่ลงเหมือนๆ เ็นลานจอดรถทัวร์ค่ะ โห่ยยยย นึกว่าจะหาทางเข้าไม่ได้แล้วววว


หามุมที่ไม่มีคนยากมากค่ะ


ดีงามมมม


ถ่ายช้อนขึ้นมั่งดิ๊


ข้างหลังก็เท่

หลังจากชื่นชมสมใจเราก็เดินอ้อมมาทางด้านขวามือของหุ่นค่ะ เพื่อไปขึ้นยูริคาโมเมะกลับเข้าฝั่งโตเกียว จริงๆ ตั้งใจว่าอยากถ่ายเทพีเสรีภาพแต่กลัวกลับดึกเพราะ .... เราจะไปแวะที่ต่อไปค่ะ อิอิ


แชะตึกฟูจิเทเลบิซักนิด

เอาล่ะ กลับมาถึงสถานียูริคาโมเมะปุ๊บ เราก็กลับไปที่ Shimbashi แล้วต่อรถJRไปที่สถานี Higashi-Shinjuku ค่ะ เป้าหมายของอีนี่คือ......!!

Cafe Artnia ของค่ายเกม Square Enix นั่นเอง..เงง...เงง... เป็นสถานที่ในฝันของอีนี่ที่ทำให้อยากไปญี่ปุ่นมากกกก // ถ้าไม่นับโตเกียววันพีซ ซึ่งCafe Artniaเปิดมานานมากๆ แล้ว ตั้งแต่ตอนที่ยังมีเจ๊เซฟี่ตั้งโชว์อยู่ // ตอนนี้นางโดนหิ้วไปเก็บแหล่วว


แวบแรกที่มาถึงคือ...กรีดร้องโหยหวนในใจ Smiley

วิธีการมาไม่ยากเลยค่ะเพราะมีคนมาเยอะละ 555 แต่อีนี่ลองเข้าไปดูจากหน้าออฟฟิเซียลเว็บไซต์ว่าสามารถไปทางไหนได้บ้าง สรุปว่าเราลงJR Higashi-Shinjukuแล้วออกทางออกA3ได้ค่ะ พอเดินออกมาจากสถานีมันจะเป็นคล้ายๆ ตึกสำนักงานค่ะ ที่นี่มีสำนักงานของSquare Enixด้วยนะคะแต่ย้ายแล้ว เอาละสิไปไงต่อ ให้เราดูจากบอร์ดแถวๆ นั้นได้นะคะ ร้านอยู่ที่ชั้น B1F ค่ะขึ้นบันไดเลื่อนไปโลด

เดินออกจากตึกเลี้ยวซ้ายเดินมาตามทางแปปเดียวก็เจอแล้วแหละค่ะ มาไม่ยากเลย อิอิ


หนาวก็หนาวแต่บ่ยั่นค่ะ!!

ป่ะ...เข้าไปสำรวจด้านในกันดีกว่า ร้านไม่ใหญ่นะคะโซนขายของและคาเฟ่อยู่โซนเดียวกันค่ะ


คุ้นๆ เจ้าตัวฟ้ากันมั้ยน้า...



ต่อไป เดินเข้าไปด้านในจะเป็นโซนจัดแสดงค่ะ เข้าไปเจอมาทีเรียยักษ์สีแดงโดดเด่นเป็นสง่าเลย สวยมากกกก






โง่ยยยยย เก๊าอยากอยู่ที่นี่ Smiley

หนำใจแล้วกลับมาโซนคาเฟ่ต่อ คือเดินวนๆ ดูนู่นนี่หลายรอบมาก อารมณ์แบบ...เฮ้ยยย มันใช่อ่ะ ชั้นชอบ มันโดน มันปังมากกกกก ดีใจ ตื่นเต้นสุดๆ เลย


ซ้ายมือคือมินิฟิกเกอร์ค่ะ ขวามือคือTrading Rubber Strap


เล็งเซ็ตกลางไว้ล้าวว

เดินดูร้านจนสะใจแล้วก็มาหาอะไรกินค่ะ วันนี้คงไม่ได้กินปิ้งย่างแล้วแหละงั้นกินที่นี่เลยแล้วกันเนาะ แถมช่วงเดือนเมษาที่ไปมีเมนูพิเศษด้วยแหละ โดยอาหารทุกเมนูเอาธีมของเกมของทางค่ายมาตั้งชื่อเมนูค่ะ ว้าวๆๆๆๆ




ถ้าสั่งเมนูดราก้อนเควสเค้าจะแถมแก้วให้เราด้วย โว้ววว



เลือกไม่ถูกเล้ยย อยากกินทุกอันเลยแชร์กันกับเพื่อนค่ะจะได้ชิมหลายๆ อย่าง รอไม่นานเครื่องดื่มก็มาเสิร์ฟ และนี่คือครั้งแรกในชีวิตที่ได้ซด Potion ค่ะ!! // อนึ่ง Potion คือไอเท็มเพิ่ม HP ในเกมของซีรี่ส์Final Fantasyและอีกหลายๆ เกมค่ะ

Potion ส่วนผสมน่าจะเป็นโซดา เลม่อน ตกแต่งด้วยใบมิ้น รสชาติเปรี้ยวๆ ซ่าๆ กินไปละแบบ...จะเพิ่มรึจะลดเลือดกรู 555



อีกอันที่สั่งมาลองคือ Hi-Potion ค่ะ คล้ายอันบนเลยแต่เปลี่ยนเลม่อนเป็นมะนาวและใส่จิงเจอร์เอลลงไป ว่าแต่มันคืออะไรน้อ รสชาติก็เหมือนๆ กันแต่ออกขมเล็กๆ รสชาติเป็นผู้ใหญ่ดีค่ะ



นั่งรอไปก็เดินเล่นดูของไป ได้ติดไม้ติดมือมาด้วยแต่ว่าขอเอาไปแกะที่ห้อง รอเซอร์ไพรส์...แอบๆ ลุ้นว่าจะได้ป๋าวินเซนต์ Smiley

อาหารมาแล้วว....

จานแรก สลัดแซลม่อนรมควัน แลดูคลีนเนาะ...ไม่ใช่อะไร เมนูหลักๆ ไม่มีไรมาก จริงๆ อยากกินติมพี่คล้าวนะแต่อากาศมันหนาวมากกก ไม่ไหวอ่ะ อ่ะ...รสชาติก็ดีค่ะ เค้าใส่น้ำสลัดมาน้อย // อีนี่ชอบน้ำสลัดเยอะๆ แต่ผักไม่เหม็นเขียวค่ะ พอไหว


คิดว่าไม่อิ่มสินะ อิ่มสิ...มาจานอย่างใหญ่

อีกเมนูที่สั่งคือข้าวหน้ากุ้ง อันนี้อร่อยดีอ่ะ เหมือนข้าวกับกุ้งผัดกับซอสอะไรซักอย่าง สามผ่านค่ะ!!



อาหาร 4 อย่างกับค่าเสียหายสองพันกว่าเยน ถือว่าไม่แพงสำหรับอีนี่ค่ะเพราะไปนี่กินบรรยากาศล้วนๆ เลย จ่ายตังเสร็จก่อนกลับขอแชะซักนิดดด




บ๊ายบายยย

กลับมาถึงที่พักก็แกะกล่องค่ะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ได้ป๋าวินเซนต์จริงๆ โอ๊ยยยย อีนี่เลิฟมากกก ถูกใจที่สุดเลยยย ว่าแล้ววันนี้ก็ขอลาไปก่อนแล้วพบกันใหม่เอ็นทรี่หน้านะคะ จุ๊บๆ


ท่านโฮได้มาจากตู้ไข่ข้างซอยร้านอนิเมทที่อากิบะ

ป.ล. อย่าลืมติดตามEnd Creditด้านล่างกันด้วยนะเธอออ

Japan Trip 2016 by Nana



Create Date : 12 มิถุนายน 2559
Last Update : 12 มิถุนายน 2559 19:43:02 น.
Counter : 910 Pageviews.

0 comment
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 5 ภารกิจติ่งๆ ภาคเต็มสตรีม Part I


เห่ลโหลววว มาต่อกันกับภารกิจติ่งๆ ต่อจากเอ็นทรี่ที่แล้วกันเลยดีกว่า ตอนนี้ขอแบ่งเป็น 2 พาร์ทเนื่องจากรูปเยอะมากกกก

11 เม.ย. 2559 เวลา 7.00 น. โดยประมาณ

วันนี้โดนท่านหัวหน้าแก๊งเทค่ะ ใช่ค่ะ...เพราะนางมีภารกิจส่วนตัว โดยในวันนี้เราตกลงกันว่าจะเป็นวันฟรีเดย์ แหะๆๆ เดอะแก๊งที่เหลือเลยมีโอกาสตื่นสายกันได้

ตอนแรกอีนี่แพลนว่าจะออกจากที่พักเพื่อภารกิจติ่งๆ แบบเต็มเหนี่ยวแต่กลายเป็นว่าทุกคนกว่าจะอาบน้ำ แต่งหน้า แต่งตัว พร้อมเดินออกจากที่พักก็ปาไปเกือบๆ จะ 9 โมงเช้าเราจึงตัดสินใจว่าไหนๆ ก็สายแล้วเดินเล่นแถวที่พักกันซักนิดแล้วก็หาอะไรกินด้วยเลย

เดินวนไปวนมา เข้าร้านนู้น ออกซอยนี้สรุปว่าเราเดินมาที่ตีกดองกี้กะจะมาแวะซื้อไม้เซลฟี่ค่ะเมื่อคืนไม้หัก 555 ใกล้ๆ ดองกี้สาขาอาซากุสะมีร้านข้าวเยอะมากแต่พวกเราเลือกมาลงเอยที่ โยชิโนยะ ค่ะ ไม่รอช้าตรงดิ่งเข้าไปกันเลย ร้านนี้นอกจากราคาสบายกระเป๋าแล้วยังเร็วด้วยค่ะ


จัดหนักด้วยข้าวหน้าปลาไหลเพิ่มพลัง

หลังจากจบมื้อเช้าก็ปาไป 10 โมงกว่าแล้วค่ะ ซึ่ง...!! แพลนอีนี่เลื่อนหมดคร่าาาาาาาา โอ๊ยยยยยยยยย 5555 เฮ้อ....ไม่รู้ยังไงดี คือเพื่อนจะชวนไปช็อปแต่ก็ต้องขอตัว ไหนๆ ก็วันฟรีแล้วก็อยากไปที่ที่อยากไป

มาถึงอากิบะก็เดินวนหาโยโดฯ เลยค่ะ รีบจ้ำๆ แบบสุดชีวิตไปถามพนง.ว่า "Monopod dokodesuka?" เค้างงๆ เราก็ทำท่าถ่ายรูปให้เค้าดูไรงี้ เค้าถึงออออ..."Selfie Stick desuka?" แล้วก็ชี้มือบอกทาง อีนี่ขำตัวเองอ่ะก็ขอบคุณเค้าค่ะ ไปเลือกๆ เอาอันที่ถูกสุดพร้อมหยิบเดินไปจะจ่ายตังก็ถามอีกว่าขอลองได้มั้ย แต่พนง.บอกว่าใช้ได้ๆ จ่ายไป 1,380 เยน ขุ่นพระ!! 400 กว่าบาท Smiley จ่ายตังเดินออกมานั่งJRไปสถานีต่อไปเถอะ

วันนี้ตั้งใจว่าจะติ่งให้สุดๆ ไปเลยค่ะ สถานที่ติ่งที่แรกที่จะไปคือ ศาลเจ้าคันดะ หรือที่บรรดาโอตาคุรู้จักกันในชื่อ ศาลเจ้าLove Live นั่นเอง!! ตอนแรกจำสถานีผิดลงสถานีคันดะค่า ต๊ายยยถ้าเดินนี่ขาลากแหงมๆ สรุปต้องนั่งไปอีกสถานีค่ะ JR Ochanomizu 

พอเดินออกจากสถานีให้เลี้ยวซ้ายมาค่ะ



เดินมาตามทางเรื่อยๆ


พอผ่านตึกที่เป็นวิทยาลัยแพทย์เราจะเจอสี่แยกค่ะ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นโรงแรมOchanomizu Inn ฝั่งขวามือจะเป็นเหมือนสวนสาธารณะ ตอนนี้อีนี่ใช้Google Mapเอานะคะ มันพาไปอ้อมค่าท่านผู้ชม 555 จากการเดินตามอากู๋...อีนี่ข้ามถนนเดินเลียบโรงแรมไปในซอยค่ะ เดินไปเรื่อยๆๆๆ // ซึ่งที่จริงข้ามไปแล้วเลี้ยวขวาก็จะถึงหน้าศาลเจ้า โฮฮฮฮ....

เจอภาพนี้ค่ะ!!


เค้ามาถึงแล้วนะนนจัง!!

ตรงนี้เป็นทางเข้าด้านหลังแหละค่ะ เอาล่ะ....มาดูในศาลเจ้ากัน






หนาวค่ะ...กินไม่ไหว 555


ฮรี่ๆๆ




ภายในศาลเจ้าค่ะ




Love Live เต็มไปหมดเบยยย



เอาล่ะ อยู่ถ่ายรูปจนเต็มอิ่ม... มูฟๆ ไปต่อค่ะ สถานีต่อไป โอไดบะ อะ...อะ...อะ...

จาก JR Ochanomizu เราจะนั่งไปลงที่สถานี Shimbashi ค่ะ ที่นี่เราจะต้องต่อรถไฟรางสายYurikamomeค่ะ ความพิเศษของมันก็คือเป็นรถไฟรางที่ไม่มีคนขับค่ะ ง่อววววว เป็นไงล่า

ออกจากสถานีเราก็เดินตามป้ายไปยังสถานีรถรางYurikamomeค่ะ





นิดนึงๆ จะบอกว่าที่สถานีที่ 2 ของYurikamomeเนี่ยมันจะมีกระจกกั้นแบบตามภาพด้านบน ซึ่ง...!! มันเหมือนฉากลอบสังหารองค์หญิงเฮนชินในAldnoah Zeroมากๆ แต่เสียดายไม่ได้ลงไปถ่ายค่ะ ได้มาแต่ภาพตรงทางไปสถานี

เดินขึ้นไปชั้นบนจะเจอตู้ซื้อบัตรนะคะ มีทั้งแบบรายเที่ยวและแบบOne-Day Passค่ะ เลือกแบบหลังจะอยู่ที่ราคา 820 เยนใช้ได้ทั้งวันนะคะคุ้มมาก



สถานีที่จะลงคือสถานีTelecomค่ะ ที่นี่มีอะไรเหรอ...ที่ นี่ มี....

จ่างจ๊างงงงงงงงงง...Oedo Onzen Monogatari ค่ะ!!



จากสถานีเราก็เดินย้อนกลับมาจะเจอป้ายโอเอโดะออนเซ็นค่ะ ตรงนี้ทัวร์ลงเยอะเหมือนกันส่วนมากจะเป็นทัวร์จีนค่ะ



// หลังจากนี้ไม่มีรูปด้านในนะคะ ไม่ได้เอามือถือเข้าไป

เข้ามาด้านในจะมีล็อกเกอร์ฝากรองเท้า ถุงเท้า เข้าไปเช็คอินที่เค้าท์เตอร์แล้วพนง.จะให้กุญแจสำหรับล็อกเกอร์ใส่ของด้านในมาค่ะ มีแถบเอาไว้ให้ร้านขายของขายอาหารด้านในยิงบาร์โค้ดด้วยนะคะ สนนราคาเข้าใช้งานตกอยู่ที่คนละ 2,000 กว่าเยนค่ะ เปลี่ยนเสื้อไรเสร็จก็เข้าไปด้านใน โซนแรกที่เจอจะเป็นโซนอาหารค่ะ นอกจากอาหารก็จะมีร้านของเล่น ร้านขายเครื่องดื่มด้วย

นอกจากออนเซ็นแล้วที่นี่มีนวดสปาไรด้วยนะคะ แถมด้านนอกก็มีสปาปลาค่ะ มีบ่อหินให้เดินเหยียบแก้ปวดเมื่อย // แต่ส่วนมากจะเจ็บมากกว่านะ 555

จากบ่อแช่เท้าด้านนอกก็เดินไปลงบ่อค่ะ ตรงส่วนนี้จะมีล็อกเกอร์อีกนะคะและจะมีขายพวกสบู่ แชมพูสปาด้วย มีบริการตู้กดน้ำ นม ไปจนถึงชุดชั้นในด้วยค่ะ มีกระจก ไดร์เป่าผม โลชั่นพร้อม!!

ก่อนลงลางตัวก่อนนะคะ ขอบอกเลยว่าสบายมากๆๆๆๆๆ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ มีหลายบ่อให้เลือกแช่นะคะ น้ำร้อนที่อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 30 กว่าองศาแต่แนะนำว่า 40 องศากำลังดีค่ะ ส่วนใครที่ปวดเมื่อยขอแนะนำบ่อน้ำวนนะคะ มันจะเป็นบ่อน้ำที่พุ่งแรงพอสมควรเลยแหละ แต่สบายตัวสุดๆ เลย แช่วนทุกบ่อเลยค่ะ แช่ไป 30 นาทีเดินออกมาตัวเบาหวิววว เริ่มหิวละใช่ม้า....ออกไปกินข้าวต่อเลยค่ะ

เช็คเอ้าท์ไปแล้ว รวมๆ ราคาในใบเสร็จก็เกือบๆ 4,000 เยนได้ จากนั้นก็พร้อมเดินต่อแล้วค่ะ แต่จะไปไหนต่อรออ่านตอนหน้านะคะ

End Credit ฝากแปะๆ บล็อกของขุ่นเพื่อนตามเคย เข้าไปอ่านกันได้จะได้หายมึนนะคะ วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีคร่าาา

Japan Trip 2016 by Nana



Create Date : 21 พฤษภาคม 2559
Last Update : 21 พฤษภาคม 2559 23:28:25 น.
Counter : 933 Pageviews.

0 comment
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 4 ภารกิจติ่งๆ ภาคโหมโรง






10 เม.ย. 14.00 น.

ต่อจากเอ็นทรี่ก่อนหน้า หลังจากแยกตัวมาแล้วอีนี่ก็ต่อรถไฟJRมาลงที่สถานี Hamamatsucho เพื่อเดินทางมายังโตเกียวทาวเวอร์ค่ะ ออกจากสถานีตรงทางออก North Exit แล้วหันมาทางซ้ายก็เจอกับโตเกียวทาวเวอร์ตั้งตระหง่านรออยู่ลิบๆ ให้เราเดินมาตามทางเลยค่ะ



หลังจากผ่านซุ้มประตูด้านบนมาซักแปปนึงจะเจอสามแยกที่มีประตูใหญ่ๆ ไม่แน่ใจว่าตรงนั้นคืออะไรนะคะ เดินข้ามถนนแล้วเดินต่อมาทางขวามือเลี้ยวซ้ายเลยค่ะโตเกียวทาวเวอร์รออยู่!!




แวะถ่ายรูปแปป


ตรงนี้เหมือนจะเป็นศาลเจ้า มีร้านดังโงะและห้องน้ำด้วยค่ะ

เดินตรงดิ่งดุ่มๆ มาเลยค่ะ เห็นภาพนี้นี่นึกถึงการ์ดแคปเตอร์ซากุระเลย Smiley



และสิ่งที่ทำให้ต้องดั้นด้นมาถึงที่นี่จนถึงกับต้องยอมแยกกับเพื่อนก็คือที่นี่นั่นเอง!! โตเกียววันพีซทาวเวอร์ค่า!!



สาเหตุที่ต้องมาวันนี้ก็เพราะโตเกียววันพีซจะปิดปรับปรุงส่วนการแสดงไลฟ์แอคชั่นตั้งแต่วันที่ 11 - 22 เม.ย. 2016 ค่ะ โถถถถถถถถถถ อีนี่แทบปล่อยโฮเพราะแพลนว่าจะไปอีกวัน หลังจากที่ปรึกษากันแล้วเลยขอแยกตัวค่ะ!! เพื่อโซโลเราทำได้!!

อะแฮ่ม...ในส่วนของบัตรเข้าชมที่นี่นั้นนน สามารถจองผ่านเว็บไซต์ได้ตามลิ้งนี้ค่ะ //onepiecetower.tokyo/en/ticket/ ง่ายๆ แค่เลือกวันที่ที่ต้องการ ระบุจำนวนคน เลขพาสปอร์ตและอีเมล์ แค่นี้เอง!! สนนราคาซื้อผ่านเว็บไซต์อยู่ที่ 3,000 เยนค่ะ เข้าได้ทั้งวันเล้ยยย วู้วฮู้ววว

เอาล่ะๆ ก่อนจะขึ้นไปแลกตั๋วนะคะ ที่ชั้น 1 จะมีร้านขายของของวันพีซให้เลือกซื้อกันละลานตามากกกก มาดูกันเลอออ








แม่บอกว่าน่าจะซื้อเรือให้ซักลำ พอถามว่าชอบอันไหนแม่ชี้โมบี้ดิ๊กคร่าาา

อ่ะๆๆ พอหอมปากหอมคอ แค่นี้ก็เดินหลงในดงของมานานละ นอกจากมีร้านขายของยังมีร้านอาหารค่ะ ได้แก่ Sanji's Oresama Restuarant ส่วนนี้เป็นบุฟนะคะ หัวละ 2,000 เยนน่าจะทานได้ประมาณ 90 นาที กับอีกส่วนนึง Cafe Mugiwara เป็นร้านธรรมดาค่ะ เน้นขายอาหารเซ็ต




ไม่น่าไหวขอผ่าน 555

ชั้นแรกผ่านไปละ ชั้น 2 จะเป็นโซนขายของเบ็ดเตล็ดขอข้ามเลยนะคะ มาต่อที่ชั้น 3 ซึ่งอีนี่จะต้องเอาตั๋วมาแลกค่ะ หลักฐานในการแลกคือพาสปอร์ตกับเลขบุ๊คกิ้งนะคะ ยื่นที่เค้าท์เตอร์ด้านหน้าจะมีสาวโจรสลัดน่ารักๆ คอยให้บริการค่ะ


มุ่งหน้าส่นิวเวิลด์กัน!!

ชั้นนี้เป็นโซนจัดแสดงเกี่ยวกับวันพีซค่ะ จัดได้ตื่นตาตื่นใจดีค่ะเหมือนเราอยู่ในโลกของวันพีซเลย


ซันนี่เท่มากกก




ปาร์ตี้โจรสลัด!!


แอร๊ยยยย


โรบินโนตมมากค่ะ 555

อยู่ที่ชั้น 3 นานมากกกกก สมควรแก่เวลาไหนดูนาฬิกาดิ๊ อ้าวเฮ้ย จะสี่โมงแล้ว ไหนๆๆๆ หันไปมองตารางไลฟ์แอคชั่น ป่ะๆๆ ไปหาสามี เอ๊ย โซโล!!



ขอข้ามชั้น 4 ไปเลยนะคะ คนค่อนข้างเยอะเพราะเป็นโซนเครื่องเล่นค่ะ ไปกดตั๋วที่ชั้น 5 กันและเท่าที่เห็นเนี่ยเค้ามารอกันเยอะมาก พอกดตั๋วแล้วพนักงานบอกว่า ทางนี้ครับๆ อีนี่ถึงบางอ้อเลยค่ะ เพราะที่เค้ามายืนรอๆ กันเนี่ยเค้าเป็นแฟนคลับนักแสดงไลฟ์ มายก็อดดด!! ด้านหน้าจะมีแจกแท่งไฟด้วยค่ะ เอาไว้ใช้ด้านใน 555 น่ารักอ่ะมีของเล่นให้เล่นด้วย เออๆๆ เก๋ๆๆ


ยินดีต้อนรับสู่เกาะทงการิ

การแสดงกินเวลาทั้งหมดประมาณ 15-20 นาทีค่ะ ขอบอกว่าอีนี่ได้แต่กรี๊ดค่ะ ฟังไม่ออกเท่าไหร่จับใจความก็ไม่ได้ สรุปคือไปกรี๊ดคนนี้ค่ะ...


โอ๊ยยยยยยยยยยย เอาใจหนูไปค่ะพี่!!


งานเค้าดีจริงไรจริง!! Smiley

แหมๆๆ ของดีมีคุณภาพอ่ะนะก็ต้องเข้าใจแหละ เสียตัง 3,000 เยนเพื่อมาดูผู้ชาย 15 นาทีคุ้มมั่กๆ 555 จบการแสดงก็เดินเล่นเรื่อยๆ แล้วค่ะ ฟินนนนนน


เก้าอี้สามนายพล


เขินจริงไม่ได้ดัดจริตนะพี่พูดเลย

กลับมาที่ชั้น 4 โซนสวนสนุก ก็มีให้เล่นหลายๆ อย่างเลยค่ะแต่ไม่มีเวลาเล่นแล้ว เริ่มหิวละแหละเลยได้เข้าไปแค่เรือซันนี่ของช็อปเปอร์อย่างเดียว ก่อนจะกลับขอฝากรูปนึง



เดินกลับลงมาก็โดนดักที่ชั้น 3 อีกอ่ะ อะไรว้าาาา




อย่าตีกันๆ








แล้วจะมาใหม่นะ!!





กลับลงมาที่ชั้น 1 อีนี่เลือกกินที่ Cafe Mugiwara ค่ะเนื่องจากไม่น่ากินบุฟไหวละแหละ ช่วงที่ไปนี่มีเมนูพิเศษด้วยนะ อยากกินหมดนี่เลยอ่ะ ฮือออออ


นี่แหละค่ะหน้าตา





หลังจากสั่งอาหารแล้วก็ถ่ายรูปเล็กๆ น้อยๆ เก็บภาพบรรยากาศไว้ดู อื้ออออ อยากมาอีก



อาหารรอไม่นานค่ะ มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง


ซิตรัสดริ้งโซโลเพลงดาบพรสามประการ ชื่ออลังการล้านแปดมาก


ทราฟาลก้าโคล่าโฟลท

เอ่อ....ขอบอกว่าตัวโคล่านี่ตอนแรกอ่านเป็นโกโก้ค่ะ พนักงานบอกว่าทิ่มหลอดช้าๆ นะ ก็ว่าทำไม แหม่...พอทิ่มหลอดปุ๊บ ฟู่วววววว ล้นค่ะ!! โคล่ามันล้นเปื้อนโต๊ะเลย 555 ส่วนซิตรัสดริ๊งออกหวานๆ เปรี้ยวๆ ดีค่ะ

เครื่องดื่มมาละ อาหารหลักมา!! แน่นอนค่ะ...อีนี่เป็นติ่งหัวมอสนี่ค่ะ ก็ต้องสั่งอาหารธีมสามีอยู่แล้นน


โซโลมินิเบอร์เกอร์เซ็ต เขียวแบบมีความหัวมอส

ตัวเบอร์เกอร์เป็นแป้งนุ่มๆ ไม่ใช่แบบขนมปังนะคะ มันฟูๆ คล้ายๆ แป้งซาลาเปาเซเว่นบ้านเราแต่เนื้อเบาๆ กว่า มี 2 แบบ แบบแรกกัดไปเออ....แฮมเบิร์กธรรมดาแต่อีกอันเป็นแบบทอดค่ะ เอ๊อออ


อาหารเซ็ตกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง

หนึ่งในเมนูพิเศษของช่วงนั้นค่ะ ประกอบด้วยข้าวผัด มีทบอล ไก่อทอดโรยผงเผ็ดๆ และที่ขาดไม่ได้ก็ต้องเป็นเนื้อติดกระดูกของกัปตันของเราค่ะ อารมณ์เหมือนเอาเนื้อมาพันๆ โปะๆ กระดูกนะคะ


กังฟูจูกอน


บ๊ายบาย

อ่า.......อิ่มมากกกกกกกก ว่าแล้วก็ได้เวลากลับจริงๆ แล้วแหละค่ะ ก่อนกลับเดินย่อยซื้อของที่ระทึกจากร้านนิดนึง พอเดินออกมาก็เป็นเวลาซักทุ่มนึง โตเกียวทาวเวอร์เปิดไฟแล้วค่ะ สวยมากๆ


จบภารกิจความติ่งวันแรกในทริป...แล้วพบกันใหม่เอ็นทรี่หน้ากับความติ่งแบบเต็มๆ วันค่า

ป.ล. เนื่องจากว่าวันก่อนเห็นคุณหัวหน้าแก๊งเอาลิ้งไปแปะ รอบนี้เลยขอแปะกลับแบบไม่โกงบ้าง ใครที่อ่านแล้วงงๆ ก็ตามที่ไปอ่านของเจ้าตัวได้เลยจ้า รับรองข้อมูลแน่นปึ๊กไม่มีความมึนผสม 555

Japan Trip 2016 by Nana



Create Date : 15 พฤษภาคม 2559
Last Update : 15 พฤษภาคม 2559 8:32:22 น.
Counter : 911 Pageviews.

0 comment
เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 3 ดูวิวฟูจิ ณ เจดีย์ห้าชั้น






สวัสดีค่า...!! ก่อนจะพูดถึงภารกิจในตอนนี้ จะขอพูดถึงการแลกบัตรพาสตัวใหม่ซักนิดตามความเข้าใจอันแสนจะมึนของอีนี่นะคะ

เดิมทีบัตร JR East Pass นั้นตัวเก่าจะเป็นแบบที่ต้องใช้ติดต่อกัน 5 วันค่ะ ราคาจะอยู่ที่ 22,000 เยน แต่ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2016 เป็นต้นไปมีการเปลี่ยนเป็น JR Tohoku Pass Flexible ซึ่งหลังจากที่แลกมาแล้วจะมีระยะเวลาการใช้งานไม่เกิน 14 วันหลังจากเปิดใช้บัตรวันแรก แต่ว่าในระยะเวลาดังกล่าวเราไม่ต้องใช้ติดต่อกัน 5 วันก็ได้ค่ะ ราคาอยู่ที่ 20,000 เยนแต่ถ้าซื้อจากนอกญี่ปุ่นจะลดเหลือ 19,000 เยนค่ะ ในไทยสามารถติดต่อซื้อได้ที่ H.I.S โดยเตรียมพาสปอร์ตและแจ้งวันที่เราจะเปิดใช้บัตรเจ้าหน้าที่ก็จะจัดการให้ค่ะ เราจะได้เป็นe-ticketมา

อ่ะ...ได้e-ticketมาละ พอเราเดินทางถึงญี่ปุ่นเราก็เอาไอ้นี่แหละพร้อมพาสปอร์ตยื่นที่ช่องหน้าต่างตามสถานีหลักๆ ค่ะ จะมีเอกสารให้กรอกยื่นเจ้าหน้าที่แล้วเราจะได้บัตรมาหน้าตาแบบนี้


เวลาใช้ก็แค่เดินเข้าช่องซ้ายสุดที่มีเจ้าหน้าที่แล้วยื่นให้ดูค่ะ ใช้ได้กับ JR ทุกสายและชินคังเซ็นบางขบวนค่ะ บางขบวนเช่น สายโนโซมิ อันนี้ใช้ไม่ได้นะคะ ส่วนขั้นตอนการจองที่นั่งเราต้องเดินไปจองที่สนง.ใกล้ๆ กันค่ะ เตรียมข้อมูลขบวนรถ เวลาและต้นทาง-ปลายทางให้พร้อมแค่นี้เองค่ะ

เกริ่นมานาน....กลับเข้าเรื่องกันดีกว่าเนาะ

10 เม.ย. 59 ตื่นกันแต่เช้า

ภารกิจเช้าวันนี้เราจะไปชมวิวฟุจิซังค่ะเลยต้องตื่นกันแต่เช้า เดินแถวกันออกมาเพื่อไปขึ้นรถเมโทรไปสถานีชินจุกุค่ะ ออกมาหน้าวัดก็แชะๆๆ กันซะหน่อย



จากสถานีชินจุกุเราจะต่อรถไปที่สถานี Otsuki ค่ะ เพื่อไปต่อรถฟุจิคิวอีกทีโดยจากสถานี Otsuki เราจะลงที่สถานี Shimoyoshida เพื่อเดินไปเจดีย์ห้าชั้นกันค่า


วิวฟุจิซังจากหน้าต่างรถไฟ


ตกใจมาก มีภาษาไทยด้วยอ่ะ

ถึงสถานี Shimoyoshida เราก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ ตามทางจะมีป้ายบอกนะคะไม่ต้องห่วง ก็ชมวิวข้างทางไปไรไป แถวนั้นนี่วิถีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์กันมาก



ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเราก็มาถึงแล้วค่ะ




ลุยๆๆ



การเดินขึ้นบันไดกว่า 500 ขั้นนี่ไม่ง่ายเลย อากาศวันนั้นนี่น่าจะประมาณ 20 องศาแต่เหงื่อแตกค่ะ เหนื่อยมากกกกกก ก.ไก่ล้านตัว เดินไปครึ่งทางจะเจอลานกว้างๆ มีศาลเจ้าเล็กๆ และมีขายของกินค่ะ ก็หยุดพักชมวิวตรงนี้กันแปปนึงก่อน


อีกนิดเดียวจะถึงวิวยอดฮิตละ


ทางขวามีบันไดไปต่อค่ะ ไปเลย!!



เอาละ ขึ้นมาถึงเจดีย์แล้วค่า ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเหงื่อแตกได้ขนาดนั้น 555


หายหนาว 555

จากตรงนี้เราสามารถขึ้นไปต่อได้อีกนะคะ มาค่ะ...ไหนๆ ก็มาขนาดนี้แล้ว จัดไปอย่าให้เสีย!!




มุมนี้คนมาถ่ายกันเยอะมากค่ะ เห็นแต่หัวคนอ่า



สาแก่ใจแล้วค่ะ เช้านี้ใช้เวลาที่เจดีย์กันนานอยู่ เริ่มหิวละค่ะ...เดอะแก๊งก็พากันเดินกลับไปจุดพักกลางทางแต่คราวนี้เราลงทางที่เป็นเนินกันค่ะ มีความรู้สึกว่าน่าจะมาทางเนินแต่แรกดูแล้วเดินสบายกว่าเยอะเลย


ต่อแถวกันเต็มเลย




ปลาหมึกร้านนี้อร่อยมากค่ะ ขอแนะนำว่าเบิ้ลเลย


รามุเนะในตำนาน!! อร่อยค่ะฟินมาก

หลังจากพักกินอะไรกันแล้วเดอะแก๊งก็พากันเดินกลับสถานีค่ะ จาก Shimoyoshida ก็มาลงที่ Otsuki ขอแนะนำว่าที่นี่ก็มีของขายเยอะนะคะ มีร้านโซบะตู้กดด้วย ถ้าใครยังไม่อิ่มมาต่อที่นี่ได้เลย





เดินทางกลับมาถึงชินจุกุ คุณเพื่อนจะเดินทางไปต่อที่จุดหมายต่อไป....มาถึงตรงนี้อีนี่ขอแยกตัวไปทำภารกิจส่วนตัวค่า!! โดยจากชินจุกุอีนี่นั่งมาลงที่ JR Hamamatsucho ค่ะ ออกมาทางออกเหนือก็จะโผล่มาเจอวิวนี้!!



อะแฮ่ม....โตเกียวทาวเวอร์นั่นเอง ขออุบไว้เฉลยในตอนหน้าแล้วกันนะคะว่าจะไปทำอะไร อิอิ

To be continue...



Create Date : 08 พฤษภาคม 2559
Last Update : 8 พฤษภาคม 2559 19:25:49 น.
Counter : 970 Pageviews.

0 comment
1  2  3  

สมาชิกหมายเลข 1092413
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



OL who love Visual-Kei / Manga / Anime and also Cooking ^ ^
New Comments
All Blog