Vince of Oz
Group Blog
 
All Blogs
 

เป็นเกย์เลือกได้หรือไม่ มุมมองทางชีววิทยา (ตอนที่ ๒)

เมื่อตอนที่แล้ว คุยกันไปถึงแนวคิดต่างๆ ที่พยายามอธิบายว่า ทำไมบางคนถึงรักเพศเดียวกันและบางคนรักต่างเพศ ทฤษฎีในยุคแรกๆ ก็มักให้ความสำคัญกับพัฒนาการของเด็ก หรือปัจจัยทางสังคม

แต่ไปๆมาๆ ก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องความโน้มเอียงทางเพศได้ทั้งหมด เพราะมีปัจจัยทางชีววิทยาเข้ามาเอี่ยวด้วย เช่น พันธุกรรม และฮอร์โมน

นักวิทยาศาสตร์สังเกตเห็นว่าบางครอบครัว มีโอกาสมีสมาชิกเกย์ได้สูงกว่าครอบครัวอื่น แต่ก็ยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นเพราะพันธุกรรม หรือเพราะการเลี้ยงดู เลยต้องเอาการศึกษาอีกแบบมาเปรียบเทียบกัน

คือ การศึกษาฝาแฝดนั่นเอง



ใครๆก็รู้ว่าฝาแฝดแท้นั้น มีพันธุกรรมร่วมกัน ในขณะที่พี่น้องที่ไม่ใช่ฝาแฝดนั้น ถึงแม้จะมีพ่อแม่เดียวกัน แต่ก็ไม่ได้รับพันธุกรรมมาเหมือนกันเป๊ะ พี่น้องจึงแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ไปตามตัวบุคคล

เพราะฉะนั้นถ้าจะเดากันง่ายๆ ก็ต้องว่า ตราบใดที่พันธุกรรมที่กำหนดให้คนเป็นเกย์มีอยู่จริง คู่ฝาแฝดแท้ก็น่าจะเป็นเกย์หรือไม่เป็นเกย์เหมือนกัน คิดว่าจริงไหมครับ



คำตอบคือ จริงเป็นส่วนใหญ่ครับ

ผลการศึกษาส่วนใหญ่ พบว่าหากแฝดแท้คนนึงเป็นเกย์ อีกคนก็มักเป็นเกย์ด้วย โดยมีโอกาสอยู่ระหว่าง 30% ถึง 70% ซึ่งสูงกว่าคู่แฝดไม่แท้ และคู่พี่น้องผู้ชายธรรมดา ในผลการศึกษารายงานนึง ก็พบว่าคู่แฝดแท้ที่ถูกแยกกันเลี้ยง ก็ยังโตมาเป็นเกย์ได้เหมือนกันด้วย

ถ้าถามง่ายๆ ว่าทำไมผลไม่ออกมา 100% ก็ต้องตอบง่ายๆว่า การเป็นเกย์ไม่ได้เป็นผลจากพันธุกรรมอย่างเดียว แต่เป็นผลรวมจากปัจจัยอื่นๆอีกหลายด้านครับ เปรียบเทียบกับการสอบเอ็นทรานซ์ การสอบติดไม่ติด ไม่ได้ขึ้นกับคะแนนวิชาใดวิชาหนึ่งอย่างเดียว แต่ขึ้นกับวิชาอื่นๆด้วย

คำถามต่อไป ก็คือ ถ้าการโน้มเอียงทางเพศถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม แล้ว "ยีนเกย์" อยู่ที่ไหน

จากที่เล่าไปตอนที่แล้วว่า มีการสังเกตกันว่าการโน้มเอียงทางเพศในผู้ชาย น่าจะมาจากพันธุกรรมจากสายแม่ นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนึงก็เลยมุ่งวิเคราะห์โครโมโซม X ของกลุ่มตัวอย่างชายรักเพศเดียว และพบตำแหน่งที่คาดว่าเป็นตำแหน่งของ "ยีนเกย์" คือตำแหน่ง Xq28 ในโครโมโซม X



นักวิทยาศาสตร์อีกกลุ่มนึง ก็ค้นพบว่าชายรักเพศเดียวกัน จะมีลักษณะเหมือนกันในตำแหน่งต่างๆ สามแห่ง ในโครโมโซมที่ 7 โครโมโซมที่ 8 และ โครโมโซมที่ 10

ในส่วนหญิงรักเพศเดียวกัน ยังไม่มีผลการศึกษาทางพันธุกรรมที่ชัดเจนเท่าไรครับ นักวิชาการบางคนก็เห็นว่า พันธุกรรมมีบทบาทต่อความโน้มเอียงทางเพศของผู้หญิง น้อยกว่าในผู้ชาย

สังเกตกันง่ายๆว่าถ้าไปสัมภาษณ์ชายรักเพศเดียวกัน ว่าชอบเพศเดียวกันได้ยังไง ส่วนใหญ่มักจะตอบว่า ก็เป็นมายังนี้อยู่แล้ว หรือ born to be ในขณะที่หญิงรักเพศเดียวกันจะไม่ค่อยตอบแบบ born to be เท่าไร แต่จะใช้เหตุผลอื่นๆมากกว่า

คุยกันเรื่องพันธุกรรมแล้ว ตอนหน้ามาต่อกันกับปัจจัยตัวต่อไปครับ คือ ฮอร์โมนของทารกในครรภ์

(เล่าต่อในตอนที่ ๓ ครับ)




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2549    
Last Update : 3 ตุลาคม 2549 3:25:57 น.
Counter : 2181 Pageviews.  

เป็นเกย์เลือกได้หรือไม่ มุมมองทางชีววิทยา (ตอนที่ ๑)

วันนี้ผมไปฟังบรรยายจากนักชีววิทยาชื่อดังท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ชำนาญด้านสาขาประสาทวิทยา แกมาเล่าให้ฟังว่า นักวิทยาศาสตร์สมัยนี้ศึกษาเรื่องการโน้มเอียงทางเพศ (sexual orientation) กันไปถึงไหน แล้วค้นพบอะไรกันบ้าง ที่สำคัญคือ ที่คนชอบพูดๆกัน ว่าเป็นเกย์ ไม่เป็นเกย์ เลือกกันได้หรือไม่ หรือเป็นมาแต่กำเนิด ทางชีววิทยาเขามีมุมมองอย่างไร

ขอเก็บประเด็นมาเล่ากันให้ฟังครับ

ก่อนอื่น ก็ต้องเกริ่นว่าการศึกษาเรื่องการรักเพศเดียวกัน ไม่ใช่ของใหม่เลยนะครับ นักจิตวิทยา นักชีววิทยา และนักวิชาการสาขาอื่นๆ ก็ได้ถกเถียงกันมาจะเป็นร้อยปีแล้ว เริ่มตั้งแต่ซิกมันด์ ฟรอยด์ ที่ตั้งทฤษฎีมาอธิบายว่า การรักเพศเดียวกันเป็นขั้นตอนการพัฒนาขั้นหนึ่งของเด็กอยู่แล้ว แต่เด็กชายบางคนไม่สามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้ เพราะใกล้ชิดแม่เกิดไป หรือเกลียดกลัวพ่อมากเกิดไป


ซิกมันด์ ฟรอยด์ ใครหนอจะไม่เคยได้ยินชื่อตาลุงคนนี้


ทฤษฎีแบบซิกมันด์ ฟรอยด์ เคยเป็นทฤษฎียอดฮิตมาเป็นสิบๆปี ยกกันมาอธิบายเกย์เป็นตุเป็นตะ แต่ไปๆมาๆ ก็ปรากฎว่า พิสูจน์กันได้ยาก และฟังดูเป็นเรื่องเพ้อฝันของตาซิกมันด์ มากกว่าจะเป็นทฤษฎีแบบวิทยาศาสตร์ (ใครเคยอ่านทฤษฎีแก คงจำกันได้ เรื่องเด็กชายจะอยากฆ่าพ่อเพื่อแย่งแม่ หรือเด็กหญิงจะน้อยใจ อยากมีจู๋เหมือนเด็กชาย)

นักวิชาการรุ่นถัดมาบางคน ก็พยายามอธิบายว่า การเป็นเกย์หรือไม่เป็นเกย์ ขึ้นกับการที่เด็กได้เลียนแบบบทบาทของพ่อและแม่หรือไม่ นักวิชาการบางคนก็ว่า ประสบการณ์ทางเพศในวัยเด็ก จะส่งผลต่อความโน้มเอียงทางเพศเมื่อเด็กโตเป็นผู้ใหญ่ บางคนก็เห็นว่า ความโน้มเอียงทางเพศเกิดจากปัจจัยระดับสังคมมากกว่าจะเป็นระดับครอบครัว เช่น ถ้าสังคมยอมรับการรักเพศเดียวกัน ก็จะมีคนรักเพศเดียวกันมากกว่า สังคมที่ไม่ยอมรับ

แนวคิดต่างๆที่เล่ามานี้ ในปัจจุบันก็ยังเชื่อกันอยู่ครับ แต่นักวิชาการก็ยอมรับกันว่า ไม่สามารถอธิบายเรื่องการโน้มเอียงทางเพศได้ทั้งหมด เพราะยังมีปัจจัยอื่นที่นอกเหนือไปจากปัจจัยทางจิตวิทยาหรือทางสังคม

ปัจจัยที่ว่านั้น คือปัจจัยทางชีววิทยาครับ ซึ่งก็สามารถแบ่งย่อยไปได้เป็นเรื่องพันธุกรรม และเรื่องฮอร์โมน

ตั้งแต่นักวิทยาศาสตร์เริ่มศึกษาพันธุกรรมมนุษย์ ก็มีการสังเกตกันแล้วว่า ครอบครัวบางครอบครัวมีความโน้มเอียงที่สมาชิกจะรักเพศเดียวกัน ได้มากกว่าครอบครัวอื่นๆ

ที่เห็นกันชัดคือ พี่น้องผู้ชายในครอบครัวเดียวกัน วัดกันตามสถิติ ถ้าพี่ชายหรือน้องชายคนนึงเป็นเกย์ พี่ชายน้องชายคนอื่นก็มีโอกาสเป็นเกย์ด้วยถึง 22% ในขณะพี่สาวกับน้องสาวก็พบสหสัมพันธ์ในลักษณะเดียวกัน


พี่ชายน้องชาย ถ้าคนนึงเป็นเกย์ อีกคนก็มีโอกาสเป็นได้ 22%


อีกคู่ที่น่าสนใจ คือ แม่กับลูกชายครับ ถ้าแม่คนไหนมีลูกชายคนนึงเป็นเกย์ แล้วก็สามารถพยากรณ์ได้ว่า ถ้าแม่คนนั้นมีลูกชายอีก ลูกชายก็จะมีโอกาสเป็นเกย์ได้มากกว่าแม่คนอื่น

ที่น่าสังเกตคือ คู่อื่นๆคือ แม่กับลูกสาว หรือพ่อกับลูกชาย หรือพ่อกับลูกสาวนั้น ไม่แสดงความแตกต่างทางสถิติ นักวิทยาศาสตร์ก็เริ่มสามารถเดาได้แล้วว่า "ยีนเกย์" หรือพันธุกรรมในผู้ชายที่สามารถกำหนดว่าจะชอบเพศไหน น่าจะถ่ายทอดกันมาในสายแม่ครับ ไม่เกี่ยวกับพันธุกรรมสายพ่อ (ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็เชื่อว่ายีนที่ว่าน่าจะอยู่ในโครโมโซม X ในสายแม่นั้นเอง)


"ยีนเกย์" อยู่หน่ายยยย......


แต่แล้ว นักวิทยาศาสตร์สมัยนั้น ก็ยังไม่เชื่อสนิทใจ ยังสงสัยกันว่าแนวโน้มแบบนี้เป็นเรื่องสภาพแวดล้อมการเลี้ยงดูในครอบครัวหรือเปล่า คือแม่แบบนึงอาจจะเลี้ยงลูกชายให้ออกมาเป็นเกย์ได้ง่ายกว่าแม่คนอื่น

จะพิสจน์กันได้อย่างไรว่า การเป็นเกย์ เป็นเรื่องพันธุกรรม หรือเป็นแต่เรื่องการสภาพแวดล้อมการเลี้ยงดู นักวิทยาศาสตร์สมัยนั้น ก็เอาวิธีศึกษาอีกแบบ มาเปรียบเทียบกัน

นั่นคือ การศึกษาฝาแฝดครับ

(เล่าต่อในตอนที่ ๒ ครับ)




 

Create Date : 30 กันยายน 2549    
Last Update : 2 ตุลาคม 2549 7:46:47 น.
Counter : 1191 Pageviews.  

ว่าด้วยสาขาวิชาเกย์ศึกษา เลสเบี้ยนศึกษา

และแล้วมหาวิทยาลัยที่ผมกำลังเรียนอยู่ ก็ได้ฤกษ์ประกาศเปิดตัวสาขาวิชาใหม่อย่างเป็นทางการ สาขาวิชาที่ว่านี้ คือ Lesbian, Gay, Bisexual, and Transgender Studies หรือที่นิยมเรียกกันย่อๆว่า LGBT Studies

แปลเป็นภาษาไทยออกจะลำบากหน่อย แปลตามตัวคงได้ประมาณว่า สาขาวิชา "เลสเบี้ยน เกย์ รักสองเพศ และแปลงเพศ ศึกษา" ฟังดูแปล่งๆชอบกล เอาเป็นว่าเรียกย่อๆว่า เกย์ศึกษา แล้วกันครับ


LGBT Studies สาขาวิชาเปิดใหม่ที่มหาวิทยาลัยผม


เราคนไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับเกย์ศึกษา ออกจะเห็นว่าประหลาดไปนิดที่มีการเรียนการสอนด้านนี้กันด้วย หลายคนอาจจะสงสัยว่าจะมีอะไรมาให้เรียนกัน

ตัวอย่างวิชา เอามาให้ดูครับ

Queer Histories, Communities, and Politics
ประวัติศาสตร์ กลุ่มชน และการเมืองของเพศที่สาม

Sexualities, Genders, Bodies
เพศ เพศวิถี และร่างกาย

LGBT Studies in Sociology
สังคมวิทยาเกย์ศึกษา

Theories of Gender and Sexuality
ทฤษฎีทางเพศและเพศวิถี

โดยรวมแล้ว เกย์ศึกษามีลักษณะเป็นสหวิชา คือเน้นการประยุกต์ใช้ทฤษฎีและแนวคิดจากหลายๆศาสตร์ อาจารย์ผู้สอนส่วนใหญ่ก็เป็นตัวแทนมาจากแผนกวิชาต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น สังคมวิทยา ประวัติศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ นิเทศศาสตร์ สตรีศึกษา และวรรณคดี

ที่มหาวิทยาลัยของผม เกย์ศึกษาเปิดสอนในระดับปริญญาตรีเป็นวิชาโทครับ คือใครจะมาเรียนได้ ไม่จำกัดว่ามาจากคณะไหนวิชาเอกอะไร แต่ถ้าลงเรียนครบอย่างน้อย 6 วิชาตามหลักสูตร ก็ถือว่าสำเร็จวิชาโทเกย์ศึกษาไป

มหาวิทยาลัยอื่นๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา ก็มีการสอนเกย์ศึกษามากน้อยต่างไป บางที่เปิดสอนเป็นวิชาเอก บางที่เป็นวิชาโทหรือประกาศนียบัตร บางที่ก็เปิดสอนแค่สองสามวิชา หรือไปรวมอยู่กับสาขาวิชาอื่นไป

แต่มหาวิทยาลัยใหญ่ๆดังๆแทบทุกแห่ง จะมีการเปิดวิชาด้านนี้ให้ลงเรียนกัน โดยเฉพาะในสองสามปีที่ผ่านมา มีการเปิดสอนกันเป็นดอกเห็ด

ไหนๆก็ไหนแล้ว ขอยกตัวอย่างมหาวิทยาลัยอเมริกัน ที่มีการสอนเกย์ศึกษาเป็นสาขาวิชาอย่างจริงๆจังๆ


มหาวิทยาลัยในอเมริกาที่เปิดสอน เกย์ศึกษา เลสเบี้ยนศึกษา เป็นสาขาวิชา


ตัวอย่างมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนเป็นวิชาเอก

University of Chicago
Brown University
Wesleyan University
Hobart and William Smith Colleges

ตัวอย่างมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนเป็นวิชาโท

Ohio State University
San Francisco State University
Stanford University
UC Berkeley
UCLA
UC Riverside
Cornell University
SUNY, Purchase
Syracuse University
Western Washington University
Humboldt State University
University of Minnesota
Kent State University
University of North Carolin-Chapel Hill

ตัวอย่างมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนเป็นประกาศนียบัตร หรือเป็นรายวิชาเลือก

Arizona State University
University of Iowa
Yale University
Brandeis University
Duke University
University of Wisconsin-Madison
University of Wisconsin-Milwaukee
University of Maryland
University of Colorado at Boulder

ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ตามลิ้งก์นี้ครับ
//www.people.ku.edu/%7Ejyounger/lgbtqprogs.html
//www.humnet.ucla.edu/humnet/lgbts/resources.html#studies




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2549 9:50:22 น.
Counter : 945 Pageviews.  

การเมืองฝรั่ง คนแปลงเพศ และห้องน้ำรวม

แหะ แหะ โดนจิกมา ว่าขี้เกียจ ไม่ค่อยมาอัพบล็อกเลย ขอแก้ตัวว่าไม่จริงนะครับ ยังอัพบล็อกอยู่เรื่อยๆ แต่ไปเป็นส่วนไดอารี่มากกว่า

เอาเถอะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว วันนี้ผมขอคุยกันเรื่องปัญหาของคนแปลงเพศ เพราะวันก่อนผมได้ไปการประชุมของกลุ่มการเมืองระดับท้องถิ่น ซึ่งพยายามเสนอให้เมืองออกกฎหมายคุ้มครองคนแปลงเพศ หรือคนที่กำลังอยู่ในกระบวนการแปลงเพศ ซึ่งประเด็นของเขาคือ ในขณะนี้ทั้งรัฐและเมืองที่ผมอยู่ ได้มีกฎหมายห้ามเลือกปฏิบัติโดยเอาความชอบทางเพศเป็นเกณฑ์ (Sexual Orientation) แต่กฎหมายที่ว่านี้ไม่ได้ห้ามการเลือกปฎิบัติโดยใช้การแสดงออกทางเพศเป็นเกณฑ์ (Sexual Expression)


หนุ่มที่อยากเป็นสาว สาวที่อยากเป็นหนุ่ม เรซี่ ลูคัส ทีเจ และ แกบบี้ จากรายการทีวี Transgeneration


ฟังดูออกจะงงๆ หลายคนคงจะไม่เห็นว่าความชอบทางเพศ กับการแสดงออกทางเพศ ต่างกันยังไง

ลองยกตัวอย่างเอา อาจจะเห็นภาพง่ายขึ้นนะครับ

ชายเกย์ทั่วไป (นึกภาพ Brokeback Mountain)
เพศโดยกำเนิด - ชาย
ความชอบทางเพศ - ชอบชาย
การแสดงออกทางเพศ - แสดงเป็นชาย

สาวประเภทสอง (นึกภาพน้องตุ้ม ปริญญา)
เพศโดยกำเนิด - ชาย
ความชอบทางเพศ - ชอบชาย
การแสดงออกทางเพศ - แสดงเป็นหญิง

สาวเลสเบี้ยนสุดเซ็กซี่
เพศโดยกำเนิด - หญิง
ความชอบทางเพศ - ชอบหญิง
การแสดงออกทางเพศ - แสดงเป็นหญิง

ทอมแบบแมนสุดๆ
เพศโดยกำเนิด - หญิง
ความชอบทางเพศ - ชอบหญิง
การแสดงออกทางเพศ - แสดงเป็นชาย

สิ่งหลักที่ต่างกันระหว่างชายเกย์ทั่วไปกับสาวประเภทสอง หรือสาวเลสกับทอมหล่อ คือ การแสดงออกทางเพศ ครับ ซึ่งกฎหมายที่นี่ในปัจจุบันยังไม่คุ้มครองตรงนี้

บริษัทห้างร้าน หรือแม้แต่หน่วยงานราขการที่นี่ ไม่สามารถไล่คนออกเพียงเพราะว่าเขาชอบเพศเดียวกัน ชายเกย์และสาวเลสทั่วไปจึงมีกฎหมายคุ้มหัว แต่องค์กรสามารถไล่คนออกได้ ถ้าแสดงออกผิดเพศกำเนิด เพราะฉะนั้นบรรดาสาวประเภทสองและหนุ่มประเภทสอง (ทั้งแปลงเพศแล้วหรือยังไม่แปลง) จึงคับแค้นใจเอามากๆ เพราะต้องเก็บกดแต่งตัวทำท่าทางเป็นเพศที่เขาไม่อยากเป็น เพื่อไม่ให้โดนไล่ออก

อีกประเด็นที่ไม่น่าจะมาเป็นประเด็นได้ แต่ก็เป็นปัญหาไปแล้ว คือเรื่องห้องน้ำครับ ห้องน้ำที่แบ่งชายแบ่งหญิงนี่แหละ เป็นที่กระอักกระอ่วนใจของคนกลุ่มนี้เอาไม่น้อย ถ้าเป็นเมืองไทย สาวประเภทสองก็เข้าไปใช้ห้องน้ำหญิงกันได้ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ที่นี่ทำไม่ได้ครับ เพราะบางที่ดันมีกฎหมายห้ามเข้าไปใช้ห้องน้ำรวมหรือห้องอาบน้ำรวมของอีกเพศนึงโดยเด็ดขาด



แต่บางตึกบางองค์กรก็พยายามแก้ปัญหากันเท่าที่ทำได้ บางหน่วยงานถึงกับสร้างห้องน้ำเดี่ยวห้องเล็กๆ มีโถส้วมเดี่ยว (แทนที่จะเป็นห้องน้ำรวม หลายโถส้วม) และกำหนดให้เป็นห้อง Unisex คือใครจะใช้ก็ได้ ไม่จำกัดเพศ

ซึ่งก็สมเหตุสมผลดีครับ ห้องน้ำเดี่ยว เข้าไปใช้ทีละคน จะไปแบ่งเพศทำไมให้วุ่นวาย




 

Create Date : 17 มกราคม 2549    
Last Update : 18 มกราคม 2549 3:11:48 น.
Counter : 849 Pageviews.  

เรื่อง ๗ เรื่อง ในปาร์ตี้ฮาโลวีนแบบ เกย์ เกย์

วันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับงานฮาโลวีนแบบ เกย์ ๆ และเลสเบี้ยน ที่ผมไปมาเมื่อคืน (๒๘ ตุลาคม)


จอห์นเดวิด
John David



จอห์นเดวิด เป็นผู้ชายเงียบและหงิม สมกับเป็นนักศึกษาทุนปริญญาโทสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ จอห์นเดวิดไม่ชอบงานสังสรรค์ใดๆทั้งสิ้น ถ้าไม่ใช่ว่ากำลังติดผู้ชายที่พึ่งเริ่มกุ๊กกิ๊กกัน คงไม่โทรมาชวนผมไปออกเที่ยวงานฮาโลวีนเมื่อคืนเป็นแน่ๆ แต่ถึงจะยังงั้นก็เถอะ จอห์นเดวิดก็เป็นคนขี้อายเกินกว่าจะมาแต่งตัวฮาโลวีนเหมือนชาวบ้าน ผมกับเพื่อนเอาเครื่องแต่งตัวไปให้เลือกใส่ตามใจชอบ ก็ยังไม่ยอมตัดสินใจเลือกใส่อะไรเลย เสียเวลาว่านล้อมสารพัดเป็นชั่วโมงๆ ในสุดก็ยอมใส่หน้ากากดำเล็กๆอันนึง แล้วก็เลยได้ฤกษ์พากันเดินไปปาร์ตี้บ้านเพื่อนที่ชื่อไบรอันตอนราวๆ ห้าทุ่มกว่า


ไบรอัน
Brian



ไบรอัน เป็นเกย์หล่อที่ฮอตสุดจะฮอต ว่ากันว่าทั้งมหาวิทยาลัยคงไม่มีหนุ่มคนไหนเซ็กซี่เท่าไบรอัน แล้วก็ว่ากันว่าหนุ่มคนที่เซ็กซี่รองๆไบรอันก็ “เสร็จ” ไบรอันไปหมดแล้ว ไบรอันมีนิสัยอย่างนึงที่เป็นเอกลักษณ์มาก คือ จะทำทุกอย่างเพื่อรักษาตำแหน่งความป๊อบปูล่าร์ของตัวเอง พอเข้าช่วงฮาโลวีน ไบรอันนั้นก็ถือเอาจังหวะนี้เป็นโอกาสอันดี ที่จะจัดงานปาร์ตี้ที่บ้านตัวเองเรียกคะแนนนิยมจากประชากรเกย์และเลสเบี้ยนในมหาวิทยาลัย แต่ด้วยผีบ้าที่ไหนมาดลใจก็ไม่ทราบได้ ทำให้ไบรอันเลือกวันที่จะจัดปาร์ตี้วันเดียวกับอีกปาร์ตี้นึงของสาวห้าวเจนนิเฟอร์ ทำเอาชาวบ้านชาวช่องลำบากใจกันไปหมด เพราะทุกคนก็รู้ว่าไบรอันกับเจนนิเฟอร์นั้นเกลียดกันเข้ากระดูกดำ ใครโดนเชิญไปทั้งสองงานต้องถือว่าซวยเป็นที่สุด เพราะถ้าไปเลือกไปงานคนนึงแล้วก็คงผิดใจกับอีกคนเป็นแน่ๆ ผมกับจอห์นเดวิดก็วางแผนอันแยบคาย ว่าจะโผล่ไปงานไบรอันก่อนซักพัก แล้วค่อยหาทางหลบไปงานเจนนิเฟอร์


เจนนิเฟอร์
Jennifer



ถ้าเจนนิเฟอร์อยู่เมืองไทย คนไทยคงเรียกเธอว่าเป็นทอม แต่ที่นี่เจนนิเฟอร์เรียกตัวเองว่า “มาเฟียเลสเบี้ยน” เจนนิเฟอร์เป็นที่รู้จักของคนทั้งมหาวิทยาลัย เพราะเธอสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นประธานองค์กรนักศึกษาเกย์และเลสเบี้ยน และเป็นตัวตั้งตัวตีจัดกิจกรรมต่างๆตลอดทั้งปี ในคืนเดียวกับปาร์ตี้ฮาโลวีนบ้านไบรอัน เจนนิเฟอร์ก็จัดปาร์ตี้ฮาโลวีนที่บ้านตัวเองเหมือนกัน แต่ปาร์ตี้ของเธอกินขาดกว่าของไบรอัน เพราะเธอลงทุนทุ่มเงินซื้อเครื่องดื่มชั้นดีมาล่อคน ผมกับจอห์นเดวิดอยู่ปาร์ตี้บ้านไบรอันได้ซักพัก ก็เริ่มรู้สึกว่าคนไม่มาเยอะเท่าที่ควร เดาได้ไม่ยากว่าเลือกไปบ้านเจนนิเฟอร์กันหมด จนในที่สุดเราสองคนก็หาโอกาสหลบออกไปบ้านเจนนิเฟอร์กันบ้าง เดินไปได้ซักหน่อย ก็เห็นไบรอันขับรถตามมา ประมาณว่ายอมรับว่าปาร์ตี้บ้านตัวเองกร่อยจนทนไม่ได้ เลยขอหนีปาร์ตี้ตัวเองไปบ้านเจนนิเฟอร์บ้าง แล้วไบรอันก็ใจดีอาสาขับรถพาผมกับจอห์นเดวิดไปบ้านเจนนิเฟอร์ แต่พวกผมพอไปถึง ก็เห็นได้ทันทีว่าทุกคนในงานพากันอึ้ง ตะลึงว่าเสือสองตัวมาอยู่ถ้ำเดียวกัน และวันนั้นใครที่ไม่เคยดูละครน้ำเน่า ก็ได้ดูกับตา เพราะไบรอันเหยียบบ้านเจนนิเฟอร์ได้ไม่ถึงนาที ก็เอาคดีเก่าขึ้นมาฉะกับเจ้าของบ้านจนทะเลาะกัน แล้วไบรอันก็ขับรถกลับบ้านตัวเองไปทันที


มาร์กาเร็ต แองจี้ คริสตีน กับคอนนี่
Margaret, Angie, Kristine, and Connie



เมื่อตอนเปิดเทอม มีน้องใหม่ปริญญาตรีปีหนึ่งหลายคนเข้ามาแวะเวียนศูนย์เกย์และเลสเบี้ยนที่มหาวิทยาลัย น้องใหม่พวกนี้ส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักใคร แต่ได้ข่าวว่าที่ศูนย์มีจัดกิจกรรมต่างๆทั้งปี ก็อยากเข้ามาร่วมด้วยจะได้รู้จักเพื่อน มาถึงตอนนี้ บางคนก็สาบสูญหายไปแล้วจากสังคมชาวสีรุ้ง บางคนก็กล้าเปิดตัวเองมากขึ้น เข้ามาร่วมกิจกรรมต่างๆจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป แต่ที่เห็นบ่อยที่สุด ยังมาอยู่ทุกงาน คงไม่พ้นแก๊งสี่สาวเอเชีย มาร์กาเร็ต แองจี้ คริสตีน กับคอนนี่ ตอนผมเข้าไปในงานฮาโลวีนบ้านเจนนิเฟอร์ ก็เห็นหมวยเกาหลีมาร์กาเร็ตเป็นคนแรก มาร์กาเร็ตเป็นคนหุ่นดีบุคลิกดี แถมหน้าตาสวยคมในระดับดาราเกาหลีเลยทีเดียว เจ้าตัวก็รู้ตัวเองดีด้วย เลยแต่งตัวเอ็กซ์ไม่อายใคร นุ่งกางเกงรุ่นเอวต่ำสุดๆ ใส่บราจิ๋วสีดำปิดเต้าแทบไม่มิด มาร์กาเร็ตเห็นผมในงาน ก็เข้ามาเต้นเอาตัวมาถูๆไถๆซักพัก แล้วพอเห็นว่าผมไม่เกิดปฏิกิริยาตอบสนองเท่าไร เธอก็ออกไปเต้นอยู่คนเดียวกลางห้องไม่สนใจใคร ซักพักแองจี้วิ่งมาเกือบชนผม ที่น่าตกใจมาก คือเธอนุ่งแค่บรากับกางเกงชั้นในสีเนื้อบางจิ๋วยิ่งกว่ามาร์กาเร็ต โชว์หุ่นล่ำๆป้อมๆ ให้เห็นติดตา ถามไปถามมา แองจี้บอกว่าเมาแล้วโดนเพื่อนจับแก้ผ้าครับ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจจะหาเสื้อผ้าตัวเองคืนเท่าไร ไม่นานก็เห็นออกไปเดินโทงๆอยู่นอกบ้านแล้ว ที่เมายิ่งกว่าแองจี้คือคริสตีน คนนี้ผมเอ็นดูเป็นพิเศษเพราะเธอเป็นลูกครึ่งลาว เป็นคนตัวเล็กยังกับเด็กม.ต้น เมื่อคืนคริสตีนเมาบัดซบ คลานออกนอกบ้านไปอ้วกบนสนามหญ้าเป็นที่น่าเวทนา หมวยคนที่สี่ชื่อคอนนี่ เห็นผอมๆใส่แว่นดูเงียบๆ ผมก็นึกว่าคงเป็นประเภทเด็กเรียนไม่สุงสิงกับใคร ที่ไหนได้คอนนี่เป็นคนพูดเก่ง พูดมากจนคนเดินหนี เมื่อคืนคอนนี่ออกไปคุยโทรศัพท์นอกบ้านแทบทั้งคืน งานจะเลิกแล้วถึงค่อยเข้ามาในบ้าน ปรากฎว่าที่คุยเมื่อกี้คือทะเลาะกับแฟน อยู่กันคนละเมือง ก็รักกันลำบากหน่อย ผมก็เลยนั่งคุยเป็นเพื่อนเสียนาน


โรเบิร์ต
Robert



โรเบิร์ตเป็นหนุ่มละอ่อน อายุยี่สิบเอ็ดปี ผมสีทองตาสีฟ้า หุ่นดีตัวสูงโปร่ง ในสายตาผมแล้ว ผมถือว่าโรเบิร์ตเป็นคนหล่อที่สุดที่เคยรู้จักมา ตั้งแต่มาอยู่เมืองนอก วันนั้นเมื่อหนึ่งปีมาแล้ว ผมยืนต่อแถวตักอาหารเที่ยงที่งานสัมมนาแห่งนึง เหลือบตาแวบนึงไปเห็นหนุ่มผมทองที่ยืนต่อผม ผมก็ปิ๊งเขาในทันที แต่แล้วก็ไม่กล้าสบตาครับ หันกลับมาตักอาหารต่อ แต่โรเบิร์ตตอนนั้นคงเห็นว่าผมแอบมองเขา เลยรีบชวนคุยแนะนำตัวเอง แล้วก็ถามชื่อผม ทำเอาผมปลื้มไปหลายอาทิตย์ ตอนนั้นหาได้รู้ไม่ว่า กว่านายโรเบิร์ตจะจำชื่อผมได้ ก็ใช้เวลาอีกเกือบครึ่งปี เมื่อครั้งที่ผมไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนฝรั่งใหม่ๆ ยังมียางอายอยู่มาก ไม่กล้าเต้นอะไรกับใครทั้งสิ้น จะรักษาระยะห่างสองฟุตอย่างน้อย ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายยิ่งเกร็งเข้าไปใหญ่ จนกระทั้งครั้งนึงนายโรเบิร์ตดึงผมเข้าไปเต้นกับเขา ตัวแนบตัว หน้าแนบหน้า จนถึงทุกวันนี้ ผมยังจำกลิ่นเขาได้เลยว่าหอมยังไง ยังจำได้ว่าแก้มเขานุ่มแค่ไหน เต้นไปซักพักเกิดไฟดับ โรเบิร์ตดึงตัวผมเข้าไปกอด แล้วก็กระซิบข้างหู เป็นคำพูดที่ทำให้ผมได้เพ้อละเม้อฝันต่อไปอีกเป็นเดือน หลังจากนั้นเราก็เคยเต้นด้วยกันอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีอะไรมากกว่านั้น เพราะผมได้รู้ว่าโรเบิร์ตเป็นคนเจ้าชู้มาก เป็นพวกที่ “ไปทั่ว” ซึ่งผมขอไม่ยุ่งด้วย เมื่อคืนโรเบิร์ตก็มาปาร์ตี้บ้านเจนนิเฟอร์ เขาก็ทำมาเป็นเล่นหยอกไก่ ดึงผมไปเต้นแนบตัวตามสไตล์ ทำเอาเคลิ้มไปพักนึง แต่ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วครับ นานๆทีขอแอบเคลิ้มคงไม่เป็นไร


ซูล
Zul



ซูลเป็นผู้ชายตัวผอมๆเล็กๆเหมือนเด็กอดอาหาร ชื่อจริงของซูลยาวมากจนไม่มีใครจำได้ ทุกคนก็เลยเรียกแต่พยางค์แรกว่าซูล มีคนเคยบอกผมว่าซูลเป็นเชื้อราชวงศ์สุลต่านมาเลย์เซีย ผมก็ฟังหูไว้หู จนมาวันก่อน ผมถามเขาว่าเคยขึ้นไปตึกแฝดเปโตรนาสที่กัวลาลัมเปอร์ไหม (ตึกที่เคยสูงที่สุดในโลกน่ะครับ พึ่งเสียตำแหน่งไปให้ตึกที่ไต้หวันเมื่อปีนี้เอง) เขาก็บอกว่า อ๋อ เคยขึ้นซิ เพราะ “เพนเฮ้าส์” พ่อเขาอยู่บนตึกเปโตรนาส ฟังแล้วก็อึ้ง ส่วนทางแม่เขาก็มีบ้านอยู่กันตามประเทศต่างๆในยุโรป ซูลกับผมนานๆเจอกันที แต่เราก็ซี้กัน เพราะคุยถูกคอตามประสาคนประเทศใกล้กัน แล้วเราทั้งสองคนก็ยังเป็นพวกโสดตลอดกาล สาเหตุอาจจะต่างกัน แต่เราสองคนลงเอยเหมือนกัน คือไม่ค่อยมีผู้ชายดีๆมาเหลียวแล แต่ซูลก็ไม่เคยย่อท้อ เขาพูดแทบทุกครั้งที่เจอผม ว่าซักวันนึงเขาจะหาผู้ชายดีๆให้ได้ แล้วเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว เขาก็หาได้จริงๆครับ ไม่ใช่ใครอื่นไกล คือเพื่อนผมจอห์นเดวิดนั่นเอง เมื่อคืนก็เป็นซูลเองเองที่อยากไปงานฮาโลวีน จนจอห์นเดวิดต้องตามใจยอมไปกับเขา ไม่อย่างนั้นตานี่ก็คงนั่งอืดเล่นคอมอยู่บ้านตามฟอร์ม ซูลอยากไปงานฮาโลวีนเต็มที่ ถึงกับลงทุนซื้อชุดนางพยาบาล แต่งตัวออกมาเซอร์ไพส์ทุกคน จริงๆน่าจะเรียกว่าชุด “บิกินี่นางพยาบาล” มากกว่า เพราะเป็นบิกินี่มากกว่าเครื่องแบบนางพยาบาล กระโปรงนี่สั้นติ้ว โชว์ขาอ่อนอันผอมเรียวของซูลให้ผู้หญิงให้อิจฉากันไปทั่ว แต่ถึงรูปร่างซูลจะให้เพราะผอมบาง ยังไงก็ต้องมีการโกนขนหน้าแข้งออกก่อนด้วยครับ ซูลบอกมาว่าใช้เวลาสามชั่วโมงแน่ะ กว่าจะโกนหมด


โจซี่
Josie



โจซี่เป็นผู้หญิง และมีแฟนเป็นผู้ชาย ตอนแรกโจซี่มาเข้าทำกิจกรรมกับที่ศูนย์เกย์และเลสเบี้ยนของมหาวิทยาลัย เพราะเธอคิดว่าตัวเองเป็นเลสเบี้ยน ไปๆมาๆ ได้จูบกับผู้หญิงไปครั้งนึง เธอก็เริ่มไม่แน่ใจ จนมาตอนนี้ไปมีแฟนเป็นผู้ชายเรียบร้อยเสียแล้ว แต่ถึงอย่างไรโจซี่ก็ยังเป็นขาประจำคนนึง ที่จะพบตัวได้ที่ศูนย์ฯ และตามแหล่งซ่องสุมเกย์ทั้งหลาย โจซี่บอกว่าอยู่กับเกย์สนุกมากกว่าอยู่กับชายจริงหญิงแท้ครับ งานฮาโลวีนที่บ้านเจนนิเฟอร์โจซี่ก็ไม่พลาด ผมกับโจซี่ไม่ได้เจอกันมาเป็นเดือน เลยยืนคุยกันซะนาน โจซี่เป็นคนที่คุยพริกถึงขิง เพราะเธอจะถามแบบไม่ยั้ง และชอบคุยเรื่องรักๆใคร่ๆมาก โดยเฉพาะเรื่องเซ็กซ์ ซึ่งบางทีก็ลงรายละเอียดจนผมอายแทน เมื่อคืนเธออวดว่าวันก่อนได้ลองให้แฟนผู้ชายทำอะไรอย่างนึง (ซึ่งผู้หญิงปรกติส่วนใหญ่ คงไม่ไปเสนอให้แฟนทำอย่างนั้นแน่ๆ) และเธอก็ติดใจมาก คุยไปคุยมา โจซี่สังเกตเห็นซูลกับจอห์นเดวิดยืนชิดกัน ก็ยังไปถามเขาว่าเป็นอะไรกันหรือเปล่า จอห์นเดวิดก็เลยพูดออกมาแบบเขินๆ ว่าเป็นแฟนกัน เป็นการประกาศอย่างเป็นทางการครั้งแรกของสองคนนี้ พองานเลิกแล้วเราสี่คนก็เดินกลับบ้านด้วยกัน จอห์นเดวิดเดินจูงมือไปกับนางพยายาลซูล ส่วนผมก็เดินไปกับโจซี่ แล้วก็ฟังเรื่องเซ็กซ์ของเธอไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอเพื่อนขับรถมาคันนึง เขาจอดถามว่าจะให้ไปส่งหรือเปล่า แต่ที่นั่งข้างคนขับมีคนนั่งอยู่แล้วครับ ผม โจซี่ จอห์นเดวิด และนางพยาบาลซูล เลยพากันไปนั่งเบียดกันในเบาะหลัง แล้วก็เลยได้เห็นว่าคนในรถที่นั่งข้างคนขับ คือหนุ่มผมสีทองตาสีฟ้า นายโรเบิร์ตแฟนในจินตนาการของผมนั่นเอง ถึงนั่งรถกลับบ้านมาเบียดกันจนต้องกอดกันแน่น แต่ถ้าจะขับวนรอบเมืองเล่นซักสองสามรอบอย่างนั้น ผมก็คงไม่ว่า

เมื่อคืนโดยรวมๆแล้ว ผมถือเอาว่า เป็นคืนที่ผมมีความสุขมากที่สุดคืนนึงเลยครับ กลับบ้านมาเลยต้องรีบเขียน ก่อนจะลืมความรู้สึก





 

Create Date : 29 ตุลาคม 2548    
Last Update : 29 ตุลาคม 2548 21:44:48 น.
Counter : 760 Pageviews.  

1  2  

Vince of Oz
Location :
เมืองบ้านนอกสุดขอบฟ้า Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Vince of Oz's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.