Please.....draw me a sheep

รักครั้งแรก แต่เขาไม่ใช่แฟนคนแรก

ย้อนอดีตนึกถึงชีวิตรักของตัวเอง มันก็ตลกดีนะ มีเกร็ดเล็กน้อยที่อยากหวนกลับไปนึกถึงมันบ้างเป็นบางเวลา แล้วก็ยิ้มไปกับเรื่องราวเหล่านั้น ตอนนี้ชีวิตรักของเราถือว่า มั่นคงในระดับหนึ่ง สามีเป็นคนดี ยังคงเสมอต้นเสมอปลาย จูบก่อนไปทำงาน ก่อนเข้าห้องน้ำ แล้วก็จูบขอบคุณหลังมื้ออาหารที่เราเข้าครัวทำเอง Smileyเมื่อ 5 ปีก่อนเคยทำยังไง ตอนนี้ก็ยังทำอยู่  แต่กว่าจะมาเจอคนนี้ เราก็เจอคนแปลก ๆ มาหลายคน คนที่ไม่แปลก ดีพร้อม แต่ไม่ลงเอยกันก็หลายคน

คนที่เป็นจุดหักเหที่ทำให้เราหันไปมองตลาดต่างชาติคือ เพื่อนที่เป็น Pen Pal ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย ประมาณ ปี 2530 ไม่รู้ว่าคนยุค Skype, Line, Whatsapp จะรู้จัก Pen Pal หรือเปล่า คุณครูภาษาอังกฤษของเราเอารายชื่อพร้อมที่อยู่ของฝรั่งมาแจกในห้องเรียน ซึ่งรายชื่อพวกนี้จะได้มาจากองค์กรที่เรียกว่า Pen Pal หรือภาษาไทยแปลได้ว่าเพื่อนทางจดหมายนั่นเอง คุณครูบอกให้ลองเขียนจดหมายเป็นภาษาอังกฤษเพื่อฝึกทักษะการเขียนโต้ตอบกับคนจริง ๆ ดู ใครจะเขียนก็เชิญ ไม่เขียนก็ไม่เป็นไร

เราก็ได้ที่อยู่มา 2 คน ลองเขียนดูดีกว่า สนุกดี และมีคนเดียวที่ตอบเรากลับมา (หลังจากผ่านไป 2-3 อาทิตย์ -- เมื่อก่อนต้องใจเย็นนะคะ ใช้ snail mail เท่านั้น) ชื่อ วินเซนต์หรือ แวงซองต์ ในภาษาฝรั่งเศส เพราะเขาเป็นคนฝรั่งเศส อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเรา กำลังจะเรียนจบมัธยมในระบบของเขา แล้วทำงานพิเศษเป็นการ์ดสระว่ายน้ำ แวงซองต์ชอบมวยไทย ชอบศิลปะการต่อสู้ เลยนิยมชมชอบอะไรที่เป็นของเอเชียเป็นพิเศษ เราก็เขียนคุยโต้ตอบกันเรื่อย ๆ ไม่มีขาดตอน เพราะเขียนแล้วสนุก เหมือนได้เขียนไดอารี่ให้เพื่อนอ่าน เรื่องความลับโน่นนี่ก็บอกแวงซองต์ เพราะ แหม...เขาไม่ได้อยู่ในวงจรชีวิตจริงของเรา คงไม่ได้เอามาเมา้ท์ต่อหรืออะไร แล้วแวงซองต์ก็เป็นคนดูอบอุ่น ปากหวาน ตามธรรมดาของฝรั่ง แต่ตอนนั้นสาวรุ่นคนนี้ยังไม่รู้จักฝรั่งเท่าไหร่ ก็หลงใหลแวงซองต์เป็นพิเศษ

เีราเขียนจดหมายโต้ตอบกันได้ประมาณ 3-4 ปี ระหว่างนั้นแวงซองต์มีแฟนหลายคน แต่มีคนเดียวที่เขารัก คือ สาวเกาหลีที่เติบโตที่โน่น เราก็นะ...เด็กไทย รักไม่ยุ่ง มุ่งเอ็นทรานซ์ เรียนหนังสืออย่างเดียว พอเราเรียนปริญญาตรีปีสุดท้าย แวงซองต์ก็เก็บเงินค่าเครื่องบินได้มากพอที่จะมาเมืองไทย ตามความฝันของเขา 

ทริปแรกของแวงซองต์ เราก็พาเที่ยวตามปกติในกรุงเทพฯ เพราะเราเป็นคนเดียวที่เขารู้จัก แต่จากนั้นแวงซองต์จะไปตจว. เขาจะติดต่อไปของเขาเอง แล้วค่อยมาเจอเราที่กรุงเทพฯ ก่อนกลับ ตอนนั้นเราไม่ปฏิเสธนะว่าเราชอบคุยกับเขามาก เขาเป็นเพื่อนที่พิเศษที่สุด สนิทกันแบบคุยให้กันฟังทุกเรื่อง (ทางจดหมาย) แล้วทั้งเราและเขาต่างก็มีแฟน 

จนกระทั่งทริปที่สอง ปีต่อมา ที่แวงซองต์มาเมืองไทยอีก ทีนี้บอกรักเรา รักแบบอื่นที่ไม่ใช่รักแบบเพื่อน...เอาล่ะสิ ทำไงดีหว่า? พี่นัทแฟนเราตอนนั้นก็กำลังเรียนอยู่ที่ออสเตรเลียใกล้กลับแล้ว พี่เค้าบอกว่า กลับมาจะมาขอหมั้นเรา เราเลยตัดใจจากแวงซองต์ บอกว่าเราต้องคิดทบทวนให้ดี เพราะเรากลัวจะเสียมิตรภาพที่มีให้กัน

มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลย ถ้าเราก็ไม่ได้มีใจให้แวงซองต์ไปแล้ว Smiley

วันวาเลนไทม์ประมาณปี 2537 เพื่อนรักของเราชวนไปดูหนัง พอถึงโรงหนังมันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน ให้เรานั่งรอที่ร้านสเวนเซ่นส์ จู่ ๆ ก็มีคนย่องมาข้างหลัง ยื่นดอกกุหลาบมาให้ 1 ดอก หันไปก็เจอแวงซองต์ยิ้มเผล่ เขาเคยบอกเราว่า ปีนี้คงจะมาเที่ยวเมืองไทยไม่ได้ เพราะเงินไม่พอ เอาไปซื้อรถกับวางมัดจำอพาร์ทเมนท์ใหม่ บลา ๆๆๆ...แต่ที่แท้ กะจะมาเซอร์ไำพรซ์เราวันวาเลนไทม์นี่เอง แบบนี้ใครจะไม่ใจอ่อนก็ให้มันรู้ไป 

เช้าวันต่อมา เราโทรทางไกลไปบอกเลิกแฟนที่ออสเตรเลีย Smiley

จากนั้นเรากับแวงซองต์ก็คบกันหลังจากเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อายุ 16-17 คบกันตอนอายุ 24-25 เหมือนได้คบกับเพื่อนที่รู้ใจ ถึงแม้จะเป็นการคบกันทางไกลในยุคที่โลกยังไม่แคบเท่านี้ ยังไม่มี Skype ไม่มี Line เราเขียนจดหมายคุยกัน แวงซองต์บินมาหาเรา 2 ครั้งต่อปี ปีละ 2-3 อาทิตย์ เป็นแบบนี้ประมาณ 2 ปี ที่มีความสุข เต็มไปด้วยความหวังและการรอคอย วันหนึ่งแวงซองต์เขียนจดหมายมาบอกเลิกเราโดยที่ไม่มีวี่แววอะไร เวรกรรมมีจริง ทำอะไรกับใครไว้ ก็ได้อย่างนั้น แวงซองต์บอกว่า แฟนเก่าชาวเกาหลีของเขามาขอคืนดี แล้วเธอเป็นรักแรก เขารักเธอมาก เขาคิดว่าเราคงเข้าใจเพราะเรารู้เรื่องของเธอกับเขามาตั้งแต่แรก ...แล้วเราก็เสียเพื่อนไปจริง ๆ... เราเลิกคุยกับเขา ไม่เปิดจดหมายเขาที่เขียนมาหลายฉบับ ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่ก้นกล่องของรักของหวงโดยที่ยังไม่เคยเปิดอ่าน

ผ่านไปหลายเดือนแวงซองต์โทรมา บอกว่าเขาอยู่เมืองไทย อยากคุยด้วย ได้โปรดไปหาเขาที เราก็ขับรถไป จำได้ว่าเป็นช่วงหยุดสงกรานต์ เรานั่งคุยกันในรถขณะติดอยู่ที่ราชดำเนิน เขากุมมือเราไว้ตลอดขณะอธิบายโน่นนี่นั่น สลับด้วยคำว่า But I still love you..but...ซึ่งเราจำไม่ได้เท่าไหร่ว่าเนื้อหาอื่นเป็นยังไง เพราะส่วนใหญ่เราร้องไห้ตลอด 2 ชั่วโมงที่รถติดอยู่ที่นั่น  Smiley ติดหฤโหดมาก บ้าเอ๊ย ...

คืนวันนั้นเราโทรหาเพื่อนรัก แล้วเพื่อนก็แนะนำให้เรารู้จักกับการนั่งวิปัสสนา เราอยู่วัด 3 วัน ออกมาทุกอย่างก็โล่ง เข้าใจในความเป็นไป และดีใจกับตัวเองที่ได้รู้จักกับอาการอกหัก เราดำเนินชีวิตของเราต่อไป โดยที่เลิกติดต่อกับแวงซองต์โดยเด็ดขาด 

เวลาผ่านไป 2-3 ปีได้ มีอีเมลเขียนมาจากแวงซองต์โดยที่เขาไปถามอีเมลมาจากเพื่อน ๆ เรา ถามว่าเราเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม แล้วก็บอกว่า เขาจะย้ายมาอยู่เมืองไทยกับแฟนเกาหลีคนนั้น ตอนนั้นเรานิ่งมากแล้ว ใช้ชีวิตโสดอย่างมีความสุขแล้ว ก็เลยตัดสินใจตอบเขา แล้วเรากับเขาก็กลับมาคุยกันผ่านอีเมล จนถึงวันที่เขากับแฟนจะมา ตอนนั้นเราไปเสม็ดกับเพื่อน ๆ ใจก็คิดถึงเขาว่าจะมาหรือยังนะ อยากไปรับเหมือนกัน อยากช่วยให้เพื่อนสะดวกสบาย แต่ไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น ...ตอนกลางคืน ได้รับ sms บอกว่า เขาแย่มาก อยากเจอเรา เราโทรกลับไปถามว่ามีอะไร มีปัญหาอะไรหรือเปล่า เขาบอกว่า แฟนเขาทิ้งเขาที่สนามบินดอนเมือง ซื้อตั๋วกลับฝรั่งเศสไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เพิ่งมาถึง เพราะว่าเธอไม่อยากอยู่เมืองไทยกับเขา...โอย แ้ล้วทำไมเธอไม่ทิ้งเขาก่อนมาฟระ บินมาด้วยกัน แต่ยังไม่ได้ออกจากสนามบินก็ดันอยากกลับ เฮ้อ...ยายนี่ทำเพื่อนฉันร้องไห้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

จากนั้นเราก็ช่วยแวงซองต์ลงหลักปักฐานที่เมืองไทย ในฐานะเืำพื่อน แต่เราสองคนรู้ดีว่าเรามีความผูกพันมากกว่านั้น เหมือนเรากำลังจะคบกันอีก แต่ก็กล้า ๆ กลัว ๆ มีคนบอกว่า แวงซองต์หลอกใช้เรายามที่เขาไม่มีใคร เราก็รู้ว่ามันจริง แต่เราคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ ช่วงนี้เราเคยไปเที่ยวยุโรปช่วงเดียวกับที่แวงซองต์กลับไปเยี่ยมบ้าน เราก็บินตามไปเที่ยวบ้านเขาโดยที่ทุกคนที่นั่นรู้จักเราดี เพื่อนเขา พ่อแม่พี่น้อง ...รู้สึกเหมือนแว๊บ ๆ นั้น เราคบกันอยู่ แต่ในที่สุดมันก็ไม่ไปไหน แล้วเราก็ห่างกันไป จนกลายเป็นแค่เพื่อนจริง ๆ 

ตอนนี้ได้แต่ติดตาม update กันทาง FB เท่านั้น รู้สึกว่า เขาจะโดนผู้หญิงไทยหลอกจนอ่วม แล้วก็โชคร้ายเรื่องความรักมาตลอด (สมน้ำหน้า) 

แวงซองต์ไม่ใช่แฟนคนแรก แต่เป็นแฟนคนแรกที่ทำให้เรารู้กว่าความรักและความรู้สึกอกหักเป็นยังไง และขอบคุณที่ทำให้เรามีโอกาสได้เจอผู้ชายที่รู้คุณค่าที่แท้จริงของเรา Smiley ในที่สุด.





Create Date : 09 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2555 22:43:22 น. 0 comments
Counter : 1365 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Crazy Victoria
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




...บางวันก็เหงา บางวันก็มีชีวิตสุดวุ่นวาย....
เลยอยากพักสมอง ขีดเขียน ระบายอารมณ์ ถึงเรื่องที่สนใจ แบ่งปันเรื่องราว ความรู้สึก ถึงกันและกัน......

[Add Crazy Victoria's blog to your web]