|
แผลร้อนใน
ความรู้สุขภาพ
แผลร้อนใน
ข้อมูลสื่อ File Name : 359-016-2 นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่ม : 359 เดือน-ปี : 03/2552 คอลัมน์ : ถามตอบปัญหาสุขภาพ นักเขียนหมอชาวบ้าน : รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ Sun, 01/03/2552 - 00:00 Anonymous
ถาม : เทพรัตน์/เชียงใหม่ ผมเป็นแผลในปาก ไปหาหมอ หมอวินิจฉัยว่าเป็นร้อนใน ให้ยามากิน แรกๆ ก็หายดี แต่ 2-3 เดือนต่อมาเป็นบ่อยมาก เฉลี่ยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ต้องการทราบว่าแผลในปากมีสาเหตุจากอะไร และรักษาอย่างไร
ตอบ : นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ แผลร้อนใน (แผลแอฟทัส) เป็นสาเหตุของอาการ แผลเปื่อยในปากที่พบได้บ่อยที่สุดในคนทั่วไป มักจะเริ่มเป็นครั้งแรกช่วงวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว มักเป็นๆหายๆ เป็นประจำ โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง นอกจากสร้างความรำคาญ เมื่ออายุมากขึ้นจะเป็นห่างออกไปเรื่อยๆ บางครั้งอาจหายขาดเมื่ออายุมาก
สาเหตุ แผลร้อนในยังไม่ทราบแน่ชัด เชื่อว่าเกิดจากปัจจัย หลายอย่างร่วมกัน และอาจมีความสัมพันธ์กับปฏิกิริยา ภูมิต้านทานของร่างกาย
พบว่าร้อยละ 40 ของผู้ป่วยจะมีประวัติโรคนี้ในครอบครัว จึงเชื่อว่าเป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์
ส่วนใหญ่จะเกิดอาการขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งกระตุ้นส่วนน้อยพบว่ามีสิ่งกระตุ้นให้อาการกำเริบ ได้แก่ - ความเครียด เช่น ขณะคร่ำเคร่งกับงาน หรืออ่านหนังสือสอบ - การได้รับบาดเจ็บในช่องปาก เช่น เยื่อบุปากหรือลิ้นถูกกัดหรือถูกแปรงสีฟัน ฟันปลอม หรืออาหารแข็งๆ กระทบกระแทก - การมีประจำเดือน - การใช้ยาสีฟันที่เจือปนสาร sodium lauryl sulfate หรือ sodium lauroyl sarcosinate - การแพ้อาหาร เช่น นมวัว เนยแข็ง กาแฟ โคล่า ช็อกโกแลต ผลไม้จำพวกส้ม ของเผ็ด แป้งข้าวสาลี - การใช้ยา (เช่น แอสไพริน ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ อะเลนโดรเนต ที่ใช้รักษาโรคกระดูกพรุน - การเลิกบุหรี่ - ภาวะขาดธาตุเหล็ก สังกะสี กรดโฟลิก หรือวิตามินบี - ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น โรคเอดส์ ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ
การรักษา 1. ให้การรักษาตามอาการ ดังนี้ - หลีกเลี่ยงอาหารที่ระคายแผล เช่น อาหารเผ็ดหรือเปรี้ยวจัด อาหารแข็ง - บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ (ผสมเกลือ 1 ช้อนชาในน้ำ 1 แก้ว) วันละ 2-3 ครั้ง - ถ้าปวดให้อมน้ำแข็งก้อนเล็กๆ ดื่มน้ำเย็น - ถ้าปวดมากให้พาราเซตามอลบรรเทา ส่วนใหญ่จะค่อยๆ หายได้เองตามธรรมชาติของโรคนี้ โดยไม่ต้องใช้ยาอื่นๆ นอกจากยาบรรเทาปวดเป็นครั้งคราว
2. ถ้าปวดรุนแรง หรือต้องการให้แผลหายเร็ว ให้ป้ายแผลด้วยยาชนิดใดชนิดหนึ่งต่อไปนี้ วันละ 2-4 ครั้งจนกว่าจะหาย นั่นคือ สเตียรอยด์ เช่น ครีมป้ายปากไตรแอมซิโนโลนอะเซโทไนด์
3. รายที่เป็นๆ หายๆ บ่อยจะต้องหาสาเหตุ และให้การแก้ไข เช่น ให้ยาบำรุงโลหิตในรายที่มีโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก ให้กรดโฟลิก หรือวิตามินบีในรายที่ขาด หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ ยาสีฟันและยาที่เป็นสิ่งกระตุ้น ผ่อนคลายความเครียดด้วยการออกกำลังกายและวิธีอื่นๆ ใช้แปรงสีฟันขนาดเล็กและขนนุ่มเพื่อไม่ให้ปากถูกกระทบกระแทก เป็นต้น
4. ถ้าแผลไม่หายภายใน 3 สัปดาห์ หรือเป็นรุนแรง หรือเป็นครั้งแรกในคนอายุมากกว่า 40 ปี ควรส่งโรงพยาบาล หรือส่งตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม
Create Date : 03 พฤศจิกายน 2553
Create Date : 03 พฤศจิกายน 2553 |
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2553 17:15:04 น. |
|
2 comments
|
Counter : 337 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Elbereth วันที่: 3 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:28:52 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กระบี่ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ข้อมูลทั่วไป อายุ-เพศ 26 male วันเดือนปีเกิด 13 กุมภาพันธ์ 2527 สถาบันการศึกษา อำมาตย์พานิชนุกูล/มหาวิทยาลัยมหิดล อาชีพ ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ งานอดิเรก ดูหนัง ความสนใจ หนัง,การ์ตูน
|
|
|
|
|
|
|
|
แวะมาอ่านเรื่องแผลร้อนในด้วยคนค่ะ
แต่ตอนนี้เป็นสิวบ่อยมากๆค่ะ ริมจมูกและข้างๆจมูก
ทั้งๆที่อายุก็มากแล้ว (ดั่งภาพ)
ทำยังไงถึงจะหายนะค่ะ..?