Body Talk (BL) บทที่ 4
บทที่ 4

รุจน์เคาะแป้นพิมพ์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปิดโปรแกรม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
"สวัสดีครับคุณวุฒิ ผมรุจน์ครับ ต้องขอโทษอย่างมากนะครับที่ส่งบัญชีของร้านช้ากว่ากำหนดไป พอดีเมื่อคืนฝนตกไฟก็ดับน่ะก็เลยทำอะไรไม่ได้เลย" รุจน์พูดด้วยความรุ้สึกหน้าม้านกระดากนิดหน่อย ทำอะไรไม่ได้หรือ? เขากับทศวรรษทำกันจนเกือบสว่างเลยมิใช่หรือ?

"อืม ไม่เป็นไรหรอก นายทำงานฉันไว้ใจ จะช้าไปบ้างก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหน อ้อ! นี่ๆฉันได้รับเมล์จากนายแล้ว โอเค เดี๋ยวจะตรวจล่ะ อ้อ อีกเรื่องนะฝากร้านสักสองอาทิตย์นะ ต้องไปตามภาพที่เชคน่ะ ลืมบอกนายไปตอนที่เราเจอกันอาทิตย์ก่อน"
"ได้ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับเจ้านาย ผมจะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเหมือนวันแรก จนกว่าคุณจะกลับมานะครับ"
"อืม ขอบใจดูแลร้านดีๆนะ"
"ครับ"

รุจน์วางสายแล้วเลื่อนมือคลิกขยายหน้าต่างอีกหน้าที่ย่อไว้ก่อนหน้าขึ้นมาเต็มหน้าจอ เขายื่นหน้าเข้าไปเกือบติดหน้าจอด้วยกำลังตั้งใจกับสิ่งปรากฏต่อหน้า ทุกตัวอักษรที่พิมพ์ปรากฏอยู่บนโปรแกรมเวอร์ดในตอนนี้ ต้องถูกขัดเกลาให้สละสลวยเนื่องด้วยมันกำลังจะกลายเป็นจดหมายลาออกเป็นทางการ ทุกจังหวะการเคาะแป้นพิมพ์หมายถึงการตัดสินดัดสินอย่างเด็ดขาด เสียงรัวแป้นพิมพ์ดังต่อเนื่อง ยิ่งการใช้คำถูกต้อง ยิ่งภาษาดีมากเท่าไหร่ ยิ่งความสมบูรณ์มีครบครันเต็มร้อย นั่นหมายถึงสายสัมพันธ์ของเขาและทศวรรษยิ่งใกล้สะบั้น รุจน์เร่งมือพิมพ์ด้วยในสมองของเขามีแต่คำว่า "หนี สภาพ การ เป็น แค่ ความ ต่ำ ต้อย ที่ เขา เก็บ ไว้ ล้อ เล่น" ไม่ว่าทศวรรษจะทำให้รู้สึกดีและอบอุ่นใจกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

แต่สุดท้ายเขาก็ทำให้รุจน์ล่มสลายกับความหมายของการกระทำชวนซาบซึ้งเหล่านั้นอย่างที่รุจน์ไม่เคยคาดคิด แม้มีผู้หญิงสวยมากมายเสนอตัว แต่ทศวรรษกลับเลือกที่ไม่แตะต้อง และมานอนรุจน์เสมอ นั่นก็เพราะ..นายมันดีกว่าผู้หญิงตรงไม่ท้อง ไม่มีวันทำให้ฉันวุ่นวาย... การจูบที่หมายถึงแค่ให้รางวัลความพอใจที่แม้แต่สัตว์เลี้ยงก็ให้ได้ การเอื้ออาทรที่มีให้ตลอดมาของทศวรรษก็เพราะเห็นคู่ขาของเขามันสมองน้อย ไม่เคยมาส่งที่บ้านแต่กลับให้เอาเงินค่าคอมจากการขายรูปไปซื้อรถเอง รุจน์รู้สึกถึงน้ำอุ่นที่เอ่อขอบตา เขาไม่รู้แน่ชัดว่าด้วยเพราะแสบตากับแสงจ้าของคอมที่เขาจ้องนานเกินไป หรือ มาจากบึ้งลึกของหัวใจ เขายกมือขึ้นปาดเช็ดออกโดยไม่ยอมให้มันไหลออกมาจากนั้นก็เคาะแป้นพิมพ์ต่อ

"ขอแสดงความนับถือ" รุจน์พึมพัม เขาตรวจทานจดหมายอีกครั้งก่อนจะลดสายตามาที่บรรทัดนี้ อีกบรรทัดก็คือการลงชื่อตัวเอง
"อีกไม่นานก็จบแล้วซินะ" รุจน์กด enter ลงมาอีกบรรทัด เขาเพ่งมองจอมอร์นิเตอร์เนิ่นนาน เคอร์เซอร์กระพริบรอคอยการพิมพ์ รุจน์บังคับมือ แต่นิ้วกลับแข็งเกร็ง เขาสูดหายใจลึกพยายามกดแป้นตัวอักษร แต่ไม่ปฏิกริยาตอบสนองจากปลายนิ้วที่สั่นเทา รุจน์หลับตาแน่น ที่สุดก็หมดความพยายามสองแขนเลื่อนลงจากแป้นพิมพ์

ทศวรรษเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง ท่ามกลางแดดจ้าเครื่องบินกำลังแล่นเชิดหัวขึ้นท้องฟ้าใสสีฟ้าสดไร้เมฆ ตัวเครื่องสะท้อนแสงแดดวาวประกาย เป็นภาพที่สวยงามราวกับไม่ได้เกิดขึ้นจริง เมื่อเครื่องบินลับหายจากสายตาทศวรรษก็หันกลับมามองถ้วยกาแฟตรงหน้า ยกขึ้นจะจิบแต่มันก็เย็นชืดจนไม่อยากแตะ
"ขอโทษทีที่ทำให้คอยนาน เพิ่งออกของเสร็จนะ" ชายหนุ่มท่าทางดีวิ่งกระหืดกระหอบมาหาทศวรรษ
"ไม่เป็นไร พอดีวันนี้ไม่มีงานด่วน มีตรวจโครงการแถวบางนาตอนบ่าย" ทศวรรษมองคนมาใหม่เลื่อนเก้าอี้นั่ง
"อ่ะ นี่ " หยิบถุงผ้าขนาดฝ่ามือยื่นให้ทศวรรษ
"ให้เลขาเตรียมเช็คไว้ให้แล้วจะไปเอาเมื่อไหร่ก็ได้นะ"
"เจ้านายฝากขอบคุณที่มาใช้บริการนะพ่อลูกค้ารายใหญ่"

"หวังว่าคุณS คงชอบนะ" คุ่สนทนาของทศวรรษพูดทิ้งท้ายเมื่อเห็นทศวรรษกำลังลุกขึ้น
"นายรู้ได้อย่างไร"
"ก็นายมักซื้อของให้นายนั่นเสมอนี่ อิจฉาความเป็นเพื่อนซี้ของพวกนายจริงๆ"
"มันดีจริงๆอย่างว่าล่ะ" ทศวรรษยิ้มแล้วหันหลังเดินไป

S เดินออกมาจากทางออกผู้โดยสารขาเข้า เห็นทศวรรษก็โบกมือแล้วรีบเดินมาหา ทศวรรษยิ้มกว้างก้าวเข้าไปยืนตรงหน้า
"งานเป็นไงบ้าง"
"กระบี่สวยมาก" S ตอบ

"ตอบคนละเรื่องอีกแล้ว" ทศวรรษผลักไหล่ของเขาเบาๆ พลางจ้องใบหน้าสวยของ S เต็มตา ที่จริง S ก็มีชื่อจริงแต่ด้วยสมัยเรียนที่ yaleนักเรียนที่มีชื่อออกเสียงยากต่อภาษาอังกฤษต้องมีชื่อสากลเพื่อง่ายแก่การเรียกทั้งเอเชียด้วยกัน ชาวยุโรป ทุกคนเรียก S จากชื่อต้นของเขา ทศวรรษเลยคุ้นเคยกับการเรียก S นับแต่นั้น พอเห็นสายตาของทศวรรษ S ก็อมยิ้มแล้วเสสายตาไปอื่น กริยาทำเหมือนไม่รู้เรื่องราวของ S ทำให้ทศวรรษแทบอดไม่ไหวที่จะดึงเขาเข้ามากอด ทว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของพวกเขาจึงทำได้แต่ทำหน้าดุใส่ S ขยับปากไร้เสียง

"คิดถึงมากนะ"
ทศวรรษยิ้มกว้างจนดวงตาหรี่เป็นประกาย เขาหันหลังเดินนำ S ออกจากสถานที่นั้น พอมาถึงที่จอดรถ ในรถหรูของทศวรรษทั้งสองก็เคลื่อนที่เข้าหากันเพื่อจรดจูบกันดูดดื่ม

"งานทางนี้เป็นบ้าง" Sถามหลังถอนริมฝีปาก
"ไม่มีอะไรน่าห่วง เรียบร้อยดีทุกอย่าง โครงการใหม่ที่บางนาจะไปดูด้วยกันไหม" ทศวรรษยื่นมือไปสตาร์ทรถ
"ไม่เอาหรอก อยากพักแล้ว รีสอร์ทที่กระบี่ก็พอแล้ว" S เอนตัวพิงเบาะพลางหลับตา ทศวรรษเข้าเกียร์ออกรถ

S ลืมตาอีกครั้งนอกหน้าต่างก็กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ และเสาไฟฟ้าที่กำลังเคลื่อนที่ไหลไปด้านหลังอย่างสม่ำเสมอ แดดทอแสงแทงทะลุยอดไม้มาถึงกระจกดำข้างตัวเขา S พลิกตัวหันมามองทศวรรษ โครงหน้าด้านข้างของเขาคมสัน เขาดูดีตั้งแต่สมัยเรียนไฮสกูลที่บอสตัน ไม่มีสาวไหนไม่ตกหลุมรักหนุ่มเอเชียคนนี้ เขานักกีฬาของโรงเรียนชาวเอเชียคนเดียวที่โด่งดังมากเท่ากับนักเรียนอเมริกันรูปงามคนอื่น ในตู้เก็บของเขามักเต็มไปด้วยดอกไม้ ชอคโกเลท และจดหมายรักจากสาวๆ แต่อนิจาหล่อนไม่มีทางได้รู้เลยว่าหนุ่มเข้มคนนี้กลับไม่มีหัวใจสำหรับหญิงใด นอกจากเพื่อนสนิทของตัวเอง S หลับตาลงอย่างอ่อนใจ เขาอยากทำใจมอบกายและใจให้ทศวรรษได้เร็วๆ ทว่านอกจากมันจะยังไม่ได้ผลในเร็ววันแล้ว เมื่อสองเดือนเขายังทำเรื่องที่ไม่กล้าบอกทศวรรษได้อีก
"เอ้อ ของที่ให้ซื้อล่ะ" S โพล่งออกมา ทศวรรษสะดุ้งด้วยว่ากำลังมองทางเพลิน
"อะไรวะ ตกใจหมด"
"ขอๆๆ ซื้อมาให้ไม่ใช่" S แบมือ ทศวรรษหยิบถุงผ้าที่มีตราในกระเป๋าเสื้อสูทยื่นให้ S รับแล้วเปิดดู เขายิ้มออกมาอย่างถูกใจ
"ขอบคุณ" S ยื่นริมฝีปากไปแตะใบหน้าของทศวรรษ แล้วเอนศีรษะซบไหล่ของเขา

"มีความสุขไหม" S หลับตา
"อื้ม" ทศวรรษพยักหน้าแรง**aisen , k

หลังจากส่ง S ทศวรรษก็เข้าดูงานที่โครงการ ตรวจงาน เข้าประชุมแล้วจึงกลับเข้าออฟฟิศ เลขารายงานว่าวุฒิมารอพบ หล่อนให้รออยู่ที่ห้องรับแขก ทศวรรษเปิดประตูห้องรับแขกเข้าไปพร้อมเลขา วุฒิยืนขึ้นค้อมตัวนิดหน่อย ทศวรรษก้าวเข้าไปที่โซฟาฝั่งตรงข้ามพร้อมทั้งผายมือเชิญให้นั่ง จากนั้นก็สั่งให้เลขาไปจัดการเครื่องดื่มเมื่อเห็นแค่น้ำเปล่าตรงหน้าวุฒิ
"คุณวุฒิดื่มอะไรดีคะ" เลขาหันมาวุฒิอย่างนอบน้อม
"ขอเป็นกาแฟก็แล้วกันครับ"
"ค่ะ"

"อ้อ ขอน้ำสมหนึ่งที่ด้วยครับ"
"ได้ค่ะ" เลขายิ้มสุภาพค้อมตัวรับคำสั่งแล้วถอยออกจากห้อง ทศวรรษที่ได้ยินที่วุฒิสั่งก็ย่นคิ้วมอง
"วันนี้พาน้องสาวมาด้วย" วุฒิไม่ทันพูดจบคำดี ประตูห้องก็เปิดออก สาวน้อยในชุดสีฟ้าสดใสเดินเข้ามานั่งข้างวุฒิ

"ยัยฟ้าชอบใส่สีฟ้าเหมือนเดิม" ทศวรรษทักทายกับหล่อนเป็นกันเอง เขารู้จักน้องวุฒิคนนี้มาตั้งแต่หล่อนยังเด็ก วุฒิยังคิดจะให้หล่อนแต่งงานกับ S หรือไม่ก็เขา เพราะสองพี่น้องไม่มีใครอีกแล้วเหลือกันอยู่แค่สองคน วุฒิคิดว่าหากสักวันที่เขาไม่อาจอยู่ดูแล้วน้องที่รักดั่งดวงใจคนนี้ได้อีก S และ ทศวรรษคือเพื่อนที่เขาไว้ใจมากที่สุด วันเวลาล่วงเลยมาจนบัดนี้ ทั้งเขาและS ต่างยังไม่มีทีท่าแน่ชัดกับวุฒิพี่ชายเด็กหญิงที่ชอบใส่สีฟ้าจนเป็นสาวในชุดสีฟ้าคนนี้เลย

"ไม่เจอกันตั้งหลายปี สวยผิดตาเลยนะ" ทศวรรษสานมือรองคางขณะมองสาวน้อยตรงหน้า หล่อนยิ้มตอบกลับมาก่อนจะหลบตาก้มหน้าทัดผมที่ใบหู ทศวรรษหันมาวุฒิที่พูดต่อ
"เพิ่งกลับจากปารีสเมื่อสองวันก่อน ก็เลยพามาเยี่ยม แล้วก็เลยจะฝากฝังด้วยเพราะเราจะไปเชคน่ะ ไปตามซื้องานให้ลูกค้า"

"ไปเรียนด้านดีไซน์หรือศิลปะการแสดงน่ะ" ทศวรรษไม่ได้แม้แต่ปรายตามองวุฒิที่พูดกับเขา แต่จับตามองน้องสาวแทน
"ดีไซน์ค่ะ แล้วก็ประกาศนียบัตรด้านศิลปะสมัยใหม่"
"อย่างนี้ก็มาช่วยงานพี่ชายได้สบายเลย"
"ค่ะ"
"ว่าแต่"วุฒิเรียกความสนใจของทศวรรษ เขาหันไปตามเสียง
"ที่เชคน่ะ นายมีภาพอะไรที่อยากได้ไหม? เราจะได้เอามาให้นายเลย"
"อือออ ไม่มีนะ หนอยมาฝากน้องแล้วยังจะขายของอีกนายนี่มันพ่อค้าจริงๆ"

"โอเค งั้นเรารบกวนแค่นี้นะ นายจะได้ทำงานซะที" วุฒิยืดตัวลุกขึ้น ฟ้าลุกขึ้นตาม หล่อนมีรูปร่างดีและใบหน้าก็ทันสมัยตามพิมพ์นิยมของสาวที่มีรสนิยม
"หวัดดีค่ะ พี่ทศ" ฟ้าพุ่มมือไหว้ทศวรรษ เขารับไหว้แล้วเดินออกไปส่งที่ประตู ฟ้าเดินนำออกไปส่วนวุฒิหยุดที่หน้าประตูเขาหันมาทศวรรษ หยุดมองครู่หนึ่งก่อนพูด

"นายคิดว่าจะเป็นอย่างไรหากฉันอยากให้ฟ้ากลับมาช่วยงานที่ร้าน อย่างไรมันก็ต้องเป็นของเขาสักวัน ถ้าเราไม่อยู่"
"ก็ดี แต่คุยกันแล้วหรือยัง"
"ก็คิดว่าหลังกลับจากเชคจะคุย แต่เราอยากให้นายกับ S ช่วยกันเกลี้ยกล่อมเขาด้วย เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยชื่นชมพวกนายน้อยลงเลย นายคงจำได้ว่าเขาอยากเจ้าสาวของพวกนาย"
"เด็กๆน่ะ" ทศวรรษยิ้มเจื่อน

"ไม่หรอกยัยคนนั้นน่ะ ยังถือความคิดนั้นอยู่ เขาถึงไปเรียนเมืองนอก ชุบตัวเองเป็นสาวฝรั่งเศส เรียนศิลปะเพื่อจะได้เข้ากับพวกนายได้"
"แต่ฟ้าแต่งงานกับฉันสองคนไม่ได้หรอกนะ มันต้องมีใครที่หล่อนชอบพิเศษเป็นแรงบันดาลใจให้ทำแบบนั้นจริงๆ"
"เรื่องนั้นฉันไม่รู้ใจน้องหรอก แต่สักวันหล่อนคงแสดงออกแน่นอน เราถึงต้องนายทั้งคู่ช่วยพูดโน้มน้าวเขาไง จะบอกให้ใครคนหนึ่งพูดก็ไม่ได้"

"เผื่อว่างั้นเหอะ"
"ช่วงที่ฉันไม่อยู่คงให้ฟ้าไปดูร้านบ้างศึกษางานไว้ รุจน์คงช่วยได้มากเรื่องนี้ พูดถึงรุจน์ ฉันชอบเขานะ ขยันที่จะเรียนรู้งานต่อยอดตลอด ทำงานดี ซื่อสัตย์ ฉันเบาแรงได้เยอะเลย แถมได้ลูกค้าใหม่ๆเข้ามาอีกเพราะลูกค้าเก่าที่ชื่นชมมนุษย์สัมพันธ์ของเขาบอกต่อๆไป ขอบใจนะ"

"เรื่องอะไรวะ"
"อย่าบอกว่าจำไม่ได้นะ ตอนที่เด็กคนนั้นเข้ามาสมัคร ฉันน่ะเกือบจะโยนใบสมัครทิ้งไปแล้วเพราะเพิ่งจบ แถมตกงานมาหลายเดือน เรื่องประสบการณ์ทำงานไม่ต้องพูดถึงเลย แต่นายกลับให้รับไว้ นายบอกว่าเราต้องให้โอกาสคน เขาอาจถูกปฏิเสธจากหลายที่แล้วก็ได้ ยังไม่มีใครให้โอกาสเขาพิสูจน์ศักยภาพของตัวเองเลย นายออกตัวรับประกันให้อีก หากรุจน์ไม่ได้เรื่องทำงานห่วย หนีงาน นายพร้อมจะจ่ายค่าเสียหายให้ฉัน 2 ล้านเชียวนะ ใจป้ำน่าดูขนาดนั้นแสดงว่านายเชื่อมั่นในตัวรุจน์ และถึงตอนนี้นายก็ยังเชื่อมั่นว่าเขาจะไปได้ดีกว่านี้"


"เพ้อเจ้อยาวยืด ไปเหอะน้องรอ" ทศวรรษบุ้ยใบ้ไปทางฟ้าที่ยืนรอที่หน้าลิฟท์
"บางทีถ้านายหรือS ไม่ชอบน้องเรา เราอาจให้เขาแต่งกับรุจน์แล้วช่วยกันบริหารร้านให้ยิ่งใหญ่ มาถึงตอนนี้แล้ว เราคิดว่าเราเชื่อมือรุจน์ว่ะ ว่าเขาทำได้" วุฒิทำท่าคิด

"ไปได้แล้วไว้เจอกัน" ทศวรรษดันหลังวุฒิ วุฒิหัวเราะแล้วเดินไปหาน้องสาว ทั้งคู่เดินเข้าลิฟท์ประตูปิดร่างของทั้งคู่หายวับไปจากสายตา ทศวรรษเดินกลับห้องทำงาน เขาปิดประตูแล้วหันหลังพิงบานประตู นอกหน้าต่างที่เป็นแบบพาโนรามา ท้องฟ้าสีคราม ปุยเมฆขาวกำลังเคลื่อนตัวเหนือตึกรามหลายรูปทรง
"ฟ้ากว้างมากนะ ตลอดมานายมันไม่คิดจะเรียนรู้ อย่าพยายามอยู่ใต้ชายคาที่ไม่อาจให้ความคุ้มครองฝน ลมพายุซิ ออกบินไปซะ เข้าใจไหมรุจน์" ทศวรรษยกมือขึ้นเสยผมแล้วเงยหน้าพิงบานประตูด้านหลัง

รุจน์พับกระดาษสีขาวเป็นสามส่วนซึ่งเป็นลักษณะการพับจดหมายแบบทางการ ชายหนุ่มย่นคิ้วเม้มปากเมื่อพับทบสุดท้าย ความเจ็บปวดที่แทรกเข้ากลางทรวงราวกับรอยทบนั้นเองที่เป็นต้นเหตุ เขาพยายามบังคับตัวเองแต่ร่างกายก็ตอบกลับมาว่าไร้ความหมาย มือที่ยื่นออกไปหยิบซองนั่นสั่นจนปลายนิ้วระริก ซองถูกเปิด จดหมายถูกหล่อนใส่ลงไป รุจน์พับที่ปิดเข้าข้างในซอง จากนั้นก็ตรวจชื่อและนามสกุลของวุฒิว่าพิมพ์ถูกต้อง เท่านี้จดหมายก็สมบูรณ์

หลังบรรจงวางในลิ้นชักโต๊ะทำงานรุจน์ก็ปิดลิ้นชัก ไขกุญแจเบามือ เขาอยากเดินออกไปจากที่นี่ หากแต่ร่างกายไม่ปฏิบัติตามใจนึก ยังคงยืนพิงอยู่ที่หัวโต๊ะ รุจน์มองโทรศัพท์ หลังเขียนจดหมายเขาโทรหาพี่ชายผู้ซึ่งเป็นผู้ร่วมสายเลือดเดียวกับเขาที่ยังเหลืออยู่บนโลกใบนี้ เขาบอกพี่ชายว่ากำลังจะลาออกจากงานเพราะอยากกลับไปหาทำงานทำที่บ้านเกิด ทางนั้นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะบอกว่า....ถ้านายคิดดีแล้ว พี่ก็โอเค คิดดูอีกทีมันคงดีเหมือนกัน นายจะได้ดูแลบ้านพ่อกับแม่ที่นั่นด้วย.... รุจน์ยิ้มอ่อนเบาพยักหน้า และตอนนั้นเองที่เขารู้สึกถึงเม็ดน้ำอุ่นที่หยาดร่วงเผาะบนใบหน้า


รุจน์ก้มมองอกที่กระเพื่อมขึ้นลงจากการหายใจ นี่เขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ คิดว่าตายไปตั้งแต่จดหมายเรียบร้อยเสียอีก ชายหนุ่มแขนยกไขว้กอดตัวเอง นับต่อจากนี้เขาจะเป็นอย่างไรหัวใจไม่กล้าที่จะจินตนาการเลยจริงๆ....ชีวิตที่ไม่มีทศวรรษ ไม่รู้จะทรมานหัวใจและร่างกายกี่พันเท่าทวีคูณแค่ไหน เขาไม่อยากลิ้มลองเลย แต่การกระทำของทศวรรษมันเสมือนมือที่มองไม่เห็นอันทรงพลัง มือนั้นจับปากเขาอ้าแล้วป้อนยาพิษที่ชื่อ อำลา ให้เขาจำต้องกลืนกิน แม้ต้องทุรนทุรายจากพิษนี้

แต่เขาก็ต้องไม่เป็นไร รุจน์หลับตา มือยกขึ้นลูบไล้ซอกคอขณะมองลิ้นชักที่ปิดสนิท ผิวเนื้อแห่งกายนี้เอย ขอทุกอณูจงเข้มแข็งหากถูกความคิดถึงแห่งรสสัมผัส รสรักที่เคยจมลึกของฝ่ายนั้นโจมตีในคืนเหงาหงอย หัวใจดวงนี้ขอจงเป็นของเขาเพียงผู้เดียว สลักไว้ในวินาทีนี้จะไม่ยอมเจ็บรุนแรงเยี่ยงนี้อีกแล้ว สัญญาจะดูแลหัวใจดวงนี้อย่างดี รุจน์ลืมตาสูดหายใจเข้าลึกแล้วเดินไปเปิดประตู


คุณวุฒิที่ยืนอยู่กับฟ้าด้านนอกปริบตามองรุจน์ รุจน์พอเห็นวุฒิก็พริบตาฉงน
"คุณวุฒิไหนว่าไปเชคไงครับ"
"ยังไม่ใช่วันนี้สักหน่อย นี่พาน้องสาวมาดูร้าน"วุฒิหันไปทางฟ้า
"ฟ้านี่ รุจน์ ผู้จัดการ อืม ผู้จัดการทุกอย่างให้พี่" วุฒิขำกับตำแหน่งที่เขาเพิ่งให้รุจน์
"หวัดดีครับ ผมรุจน์ครับ" รุจน์ยื่นมือออกไป
"หวัดดีค่ะ น้ำฟ้า น้องพี่วุฒิ"หล่อนยิ้มพร้อมยื่นมาให้รุจน์ เขาจับเขย่าเบาๆ

"ต่อไปคงต้องฝากฟ้าด้วยนะ"
"อะไรกันครับ" รุจน์หันมาทางวุฒิ
"ฟ้าเรียนจบแล้ว กำลังจะมาช่วยพี่วุฒิน่ะค่ะ เรื่องเรียนรู้งานน่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ" ฟ้าอธิบาย
"พี่วุฒิเดินทางบ่อย งานทางนี้พี่เขากินแรงคุณรุจน์มาก อีกหน่อยทางนี้ฟ้าจะมาช่วยคุณรุจน์เองค่ะ แล้วพอเราแกร่ง เราก็จะฮุบร้านซะเลย" หล่อนขยิบตารุจน์

"อะไรนะครับ แบบนั้นผมไม่ไหวด้วยนะครับ" รุจน์พ่นหัวเราะออกมา
"พาฟ้าทัวร์ร้านหน่อยซิคะ ร้านสวยกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย ฝีมือคุณรุจน์เปลี่ยนแปลงมันซินะคะ" ฟ้าปรี่เข้ามาคล้องแขนรุจน์ เส้นผมยาวเป็นรอนของหล่อนเคลียที่แขนของเขา น้ำหอมของหล่อนโชยอยุ่ในอากาศที่เขากำลังหายใจ รุจน์ไม่กล้าสบตากับหล่อน เขารู้หล่อนจ้องเขาอยู่ และหล่อนก็กำลังคลี่ยิ้มอ่อนหวาน

"นี่เธออย่ามาฝรั่งเศสแถวนี้" วุฒิทำมือเป็นสัญญาณให้แยกจากรุจน์ ฟ้าหาสนใจไม่ หล่อนลากรุจน์ให้เดินไปด้วยกัน วุฒิถอนใจเฮ้อแล้วกอดอกมองคนทั้งคู่เพลินตา จะว่าไปทั้งคู่ก็เหมาะสมกันอย่างที่เขาคิดจริงๆ แต่การต้องมาดูแลร้านและฟ้านั้นจะเป็นภาระที่หนักไปสำหรับรุจน์ไหม? วุฒิถอนใจอีกครั้ง


คืนนั้นฟ้าออกตัวพาวุฒิ รุจน์ เก๋ ไปเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อสร้างความคุ้นเคย บรรยากาศเต็มไปด้วยความครื้นเครง ฟ้าเป็นคนน่ารักน่าเข้าใกล้ หล่อนพูดคุยได้ทุกอย่าง แถมอารมณ์ดีตลอดเวลา ไม่ถือตัวหากต้องบริการคนร่วมโต๊ะ ไม่ว่าจะตักอาหาร รินน้ำ หรือคีบน้ำแข็งใส่แก้วให้ หลังมื้ออาหารหล่อนยังอาสาไปส่งรุจน์กับเก๋ แม้รุจน์จะออกตัวว่ามีรถแต่หล่อนก็ยืนยันคำเดิม ส่วนวุฒินั้นแยกกลับไปก่อนหน้าแล้ว หล่อนส่งเก๋คนแรกแล้วตามด้วยรุจน์
"ขอบคุณมากเลยครับ"กล่าวหลังลงจากรถ
"ขอบคุณเช่นกันค่ะ วันนี้แนะนำฟ้าหลายอย่างคงเหนื่อยแย่เลย" ฟ้ายื่นหน้าออกมาทางหน้าต่างรถ

"ไม่หรอกครับ " รุจน์โบกมือ
"ฟ้าเป็นนักเรียนหัวช้านะคะเรื่องธุรกิจน่ะ คุณรุจน์อาจเหนื่อยกว่านี้ แต่อย่างไงก็ขอฝากด้วยนะคะ"
"ผมจะทำเท่าที่เวลาจะอำนวยครับ"
"หมายความว่าอย่างไรคะ เท่าที่เวลาอำนวย ยุ่งทั้งวันจนไม่มีเวลาเลยหรือคะ"

"ไม่ใช่แบบนั้นครับ คือผมคงอยู่ช่วยสอนคุณฟ้าถึงแค่สิ้นเดือนนี้เท่านี้ แต่จะสอนให้ได้มากที่สุดนะครับ"รุจน์ยิ้มฝืด
"ทำไมล่ะคะ?"
"ผมตั้งใจจะลาออก กลับไปทำงานที่บ้านน่ะครับ" รุจน์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบราบ น้ำฟ้าปริบตามองเขาอย่างมึนงง

S หยิบสิ่งที่อยู่ในถุงผ้าออกมา เพื่อสิ่งนี้เขาจึงลงทุนโกหกทศวรรษว่ามารดาของเขาต้องการ จริงๆแล้วเขาต้องการมันเพื่อตัวเองต่างหาก
"พรุ่งนี้วันเกิดของพี่ แต่พี่ไม่ต้องของขวัญจากน้องหรอกนะครับ พี่อยากเป็นคนให้มากกว่า" เขาพูดพร้อมเปิดกล่องกำมะหยี่ออก ภายในนั้นคือแหวนเพชรน้ำดี ของคาร์เทียร์ เขาหยิบมันออกมาจากกล่องแล้วสวมมันเข้าเรียวนิ้วนางของมือที่วางบนมืออีกข้างของเขา

"ไม่ว่าน้องจะต้องการพิธีอีกครั้งหรือไม่ ดั่งคำที่เราได้ให้กันไว้ครั้งก่อน ตอนนี้นี่คือหลักฐานคำของเรา น้องเป็นคู่หมั้นของพี่ชายคนนี้แล้วนะ"พูดจบ S ก็บรรจงจุมพิตบนหลังมือนวลของคู่หมั้น
"พี่คะ" พิสราไม่สามารถห้ามตัวเองได้อีกต่อไป หล่อนโผเข้าอ้อมแขนของ S เขารัดวงแขนกอดหล่อนแนบแน่น
"ขอบคุณที่รักพี่ชายคนนี้ขนาดนี้"

ทศวรรษล้มตัวลงนอนบนเตียงทันทีที่ถึงห้องนอน เขาพลิกตัวหันไปทางหน้าต่าง ต้นหางนกยูงออกดอกเต็มต้นเมื่อได้รับสัญญาณแห่งวสันตฤดู ทศวรรษยิ้มเมื่อก้านที่เต็มไปด้วยดอกสีส้มแซมแดงไหวเอนตามลม ช่างสวยงามอิ่มเอมเต็มสายตาจริงๆ ทศวรรษล้วงหยิบสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อสูทขึ้นมาชูระดับเดียวกับสายตา เขาให้เพื่อนสั่งของกับคาร์เทียร์ อเมริกา ถึง 2 รายการ ไม่ใช่แค่รายการแหวนเพชรของมารดา S ทศวรรษเหลือบตามองเพดาน เขาไม่สนจะหาเหตุผลของออร์เดอร์พิเศษนี้ เพราะมันเกะกะสมองของเขาเกินไป ของในกล่องที่อยู่ในมือเขา อาจไม่มีค่าไม่มีความหมายใดๆสำหรับผู้รับ แต่เขาก็อยากมอบให้ อาจเป็นการปลอบใจ อาจแทนคำขอบใจ
"ที่อยู่ด้วยกันมาถึงสองปี ฉันรู้นายต้องอดกลั้นที่ฉันเลวขนาดนั้นแค่ไหน แต่ฉันทำได้แค่นั้นจริงๆ"

ทศวรรษงัวเงียลุกขึ้นรับโทรศัพท์สายแรกของเช้านี้ กดรับพลางนึกสาปส่งคนโทรหาไม่ว่าจะเป็นใคร ทุกคนสมควรโดนทั้งนั้นด้วยเหตุทำให้เวลาหลับลึกยาวนานของเขามีอันต้องหดหายไปอย่างไม่น่าอภัย
"ว่ามา ใครน่ะ ง่วงอยู่นะครับ " ทศวรรษหลับตาขณะพูด ถ้าเป็นผู้ใหญ่ หรือแม้พ่อแม่เขาที่ออสเตรียที่อาจโทรมาทักทายจะมีความคิดเห็นว่าไงดี คนรุ่นลูกพูดกักขฬะได้ใจจนาดนี้
"เออ ฉันเอง วุฒิ นายเซ็นเช็คจ่ายมาสองล้านตอนนี้เลย สายๆจะให้คนไปรับ" วุฒิกรอกเสียงเข้มเครียดมาตามสาย
"ฉันยังไม่ได้สั่งภาพนายเลยนะ เท่าที่จำได้ "

"นี่มันวันห่าเหวอะไรของฉันวะ" เสียงวุฒิสบถอย่างเหลืออด
"แล้วมันเกี่ยวกับกูไหมนี่ โทรมาแชร์ให้กูทำไม ไอ้ห่าเหวอะไรของมึงน่ะ ไอ้บ้าวุฒิ" ทศวรรษตะคอกกลับไปอย่างหัวเสีย
"จะไม่เกี่ยวได้ไงล่ะโว๊ยไอ้เบื้อก ทำไมกูต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้ตอนกำลังจะเดินทางวะนี่"
"เจอ อะไรก็เรื่องของมึงซิ กูจะนอนต่อ แม่งบ้าฉิบ" ทศวรรษกำลังจะกดปิดสายแต่ปากวุฒิไวกว่ามือเขา คำพูดของวุฒิทำเอาทศวรรษถึงกับต้องรวบสติที่กำลังซ่านด้วยอารมณ์โมโห แล้วตั้งใจฟัง

รุจน์สำรวจความเรียบร้อยของตัวเองในกระจก เขาจัดเนคไทอีกนิดหน่อยแล้วมองใหม่อีกครั้ง ชายหนุ่มก้มศีรษะมองปลายรองเท้าที่มันวาว วันนี้วันศุกร์ แต่ทศวรรษไม่มาเหมือนที่เคยมาหาประจำ ทั้งที่คิดว่าต้องตัดใจแล้ว แต่ทว่าพอคิดขึ้นมาหัวใจก็ยังคงหายห้วง รุจน์ยกมือแตะอกตัวเองพร้อมาปลอบให้หัวใจหายเศร้า ...เอาน่าเพิ่งเริ่มต้นก็อาจมีบ้าง ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะหัวใจ หักดิบลงแดงต่อตัวเองมากไปคงไม่ดี... เขายิ้มให้ตัวเองในกระจกแล้วหันหลังเดินออกจากห้อง กดมือถือแล้วหยิบกุญแจรถ

"อรุณสวัสดิ์ครับ เก๋ครับ ตอนนี้ดอกไม้มาส่งหรือยัง ห่อภาพที่ลูกค้าสั่งให้พี่แล้วนะ ดีมากเลยจ๊ะ ขอบใจมาก อืมเดี๋ยวจะเข้าไปรับไปส่งให้ลูกค้าน่ะ" รุจน์กดลิฟท์ พอประตูลิฟท์ รุจน์ก็ตั้งใจก้าวเข้าไปแต่ต้องชะงักเท้าไว้ เลือดในกายหดเข้าเกาะกุมหัวใจ แววตาที่ซ่อนอยู่ใต้เงาเส้นผมปรกดวงตานั่นทำให้ตัวเย็นจนสั่น

"คุณทศ ไหนบอกว่าวันนี้ยกเลิกแถมตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่เลย ผมมีงานด่วน" รุจน์ยิ้ม แต่สีหน้าไม่รับกับรอยยิ้ม เขาไม่พร้อมจะเจอทศวรรษตอนนี้ ทศวรรษไม่ตอบใดๆก้าวพรวดออกมาจากลิฟท์พร้อมคว้าแขนลากรุจน์ให้ตามไป นิ้วมือทั้งหมดของทศวรรษแข็งแกร่งราวคีมเหล็กที่รวมตัวกันบีบลงท่อนแขนของรุจน์
"ผมเจ็บนะคุณทศ ปล่อยก่อนฮะ คุณเป็นอะไรน่ะ" รุจน์พยายามดึงแขนกลับ แต่ก็ไร้ผล ทศวรรษหยิบกุญแจสำรองห้องรุจน์ ขึ้นมาไขเปิดประตู

"ผมต้องไปทำงานนะ"รุจน์ประท้วงโดยการจับขอบประตูห้องไว้
"หุบปากเดี๋ยวนะ!" ทศวรรษหันมาตวาดลั่น รุจน์สะดุ้งมือหลุดจากกรอบประตู
วุฒิมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ที่รันเวย์เครื่องบินมีทั้งล่อนทะยานขึ้นสลับกับแล่นลงแตะพื้น เขายิ้มก่อนจะพูดขึ้น
"นี่รู้อะไรไหมฟ้า"

"คะ?" ฟ้าที่ทำหน้าที่ขับรถเหลือบตามอง
"พี่น่ะแม้จะช๊อคกับข่าวที่เรามาบอกว่ารุจน์จะลาออก แต่พี่ก็พบว่าในข่าวร้ายนั้นมันข่าวดีซ่อนอยู่" วุฒิยกศอกยันกับกรอบหน้าต่าง

"ข่าวดีคงซ่อนอยู่ลึกลับมากซินะคะ ฟ้าถึงไม่เห็นว่ามันจะมี เท่าที่ได้คุยกับคุณรุจน์ฟ้าคิดว่าร้านเราขาดคุณรุจน์ไม่ได้หรอกค่ะ อย่างน้อยก็จนกว่าฟ้าจะรู้งาน แต่ฟ้าอยากให้เขาอยู่ต่อมาก ไม่รู้ซิคะรู้สึกถูกชะตากับเขาเป็นพิเศษ" ฟ้ายิ้มกับทางข้างหน้า

"เขาเลิศกว่าหนุ่มฝรั่งเศสว่างั้น" วุฒิหันมาทำเสียงล้อ
"อย่ามาหลอกถามกันหน่อยเลยค่ะ" ฟ้ายังจับตากับทาง สีหน้าหล่อนไร้ปฏิกริยาใดๆให้วุฒิได้จับผิด
"เฉลยมาเถอะว่าข่าวดีในข่าวของพี่คืออะไร" น้ำเสียงของหล่อนดูตั้งใจมากขึ้น วุฒิเลื่อนมือไปจับศีรษะของน้องสาว

"รู้ไหม ตอนที่เรากลับมาใหม่ๆน่ะ พี่คิดว่าเราจะกลับมาเปิดบูติคแทนมาทำแกลลอรี่ เพราะเราเอาแต่พูดถึงเสื้อ พูดถึงแฟชั่นที่อยากทำ พี่ถึงแอบไปกระซิบพี่ทศให้ช่วยพูดเกลี้ยกล่อมเรามาช่วยพี่ แต่เรากลับทำพี่คิดคาดตอนที่พี่แนะนำให้รู้จักรุจน์ ที่เราพูดกับรุจน์พี่ดีใจจนน้ำตาเกือบไหลเลย" วุฒิน้ำตารื้นตอนนี้แทน

"ฟ้าน่ะไม่ใช่คนเอาแต่ความชอบของตัวเองเป็นใหญ่หรอกนะคะ แกลลอรี่นี้ทำให้ฟ้าได้เรียนต่อที่ฝรั่งเศสจนจบ จะให้ฟ้าทิ้งขว้างไปได้อย่างไงคะ บูติคเสื้อผ้าแบรนด์ของฟ้าอย่างไงก็ต้องมี แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ ฟ้าอยากช่วยพี่วุฒิบริหารแกลลอรี่ของเราให้อยู่ตัวก่อน และที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ เราจะดึงคุณรุจน์ไว้อย่างไร"

"การเจรจาต้องใช้เวลานาน อีกอย่างรุจน์เขาจะไปสิ้นเดือนนี้ ถ้าฟ้าไหวก็ลองคุยกับเขาดู ส่วนพี่กลับมาเมื่อไหร่จะคุยอีกที"
"ว่าแต่ที่เขาจะออกนี่เป็นเพราะไม่พอใจอะไรพี่หรือเปล่าคะ พี่ใช้งานเขาหนักเกินแน่เลย"
"จะบ้าหรือ ถึงจะงานมากหน่อยแต่พี่จ่ายเงินเดือนสมราคา ค่าคอมก็มี น้ำมันรถเบิกได้ อย่างนี้เอาเปรียบตรงไหนเนี่ย"
"เอ..แล้วคับข้องใจเรื่องอะไรกันล่ะ?"

รุจน์ถูกเหวี่ยงลงบนเตียง
"ไหน พูดมาซิ จะลาออกทำไม ขอเหตุผลดีๆด้วยนะ" ทศวรรษชี้หน้า น้ำเสียงเกรี้ยวกราด รุจน์ยันตัวลุกขึ้นนั่ง
"มันเกี่ยวอะไรกับคุณทศล่ะ ผมจะทำอะไรมันก็เรื่องผมไม่ใช่หรือ คุณทศเดือดร้อนอะไรด้วย" รุจน์ตะโกนออกไป

"อ้อ ขึ้นเสียงกับฉันหรือ เอาใหญ่นะ"ทศปราดเข้ามาจับแขนรุจน์กระชากเข้ามาใกล้
"โอ๊ย" รุจน์ถูกดึงเข้าไปใกล้ทศวรรษจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ เขารู้สึกตัวตนอันแข็งแรงของตัวเองกำลังหาย แต่จำต้องฝืนไว้
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ คุณทศเข้ามาถึงก็ทำกับผมแบบนี้ ในบ้านผม ในห้องผม" รุจน์กลั้นใจทำแข็งกร้าวไม่ลดลาวาศอก เขาไม่อยากใกล้ทศวรรษสักคืบสักศอกเพราะทศวรรษจะทำให้เขาโบกมือลาความตั้งใจของตัวเอง

"ผมไม่อยากทำงานที่ร้านนั่นอีกแล้วมันก็เท่านั้น มันน่าเบื่อ ผมเบื่อแล้วทั้งหมด รวมถึงคุณด้วย ผมไม่ได้เป็นรองเท้า ไม่ได้เป็นหมา แมว ผมไม่ได้อยากมีคุณค่าเทียบเท่าพวกมันเหมือนที่คุณอยากให้ผมเป็นหรอกนะ แต่คุณมันจะรู้อะไร นอกจากเอาแต่ดูถูกผม ตอนนี้จะมาสนใจทำไมว่าผมจะทำอะไร แค่ผมไม่อยู่ตรงนี้เกะกะคุณก็น่าจะพอใจแล้วไม่ใช่หรือ ผมไม่อยากเป็นเศษขยะในสายตาของคุณอีกต่อไปแล้วนะ รู้ไว้ด้วย" รุจน์ตะโกนใส่หน้าทศวรรษ เขารู้สึกตัวเองกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ยิ่งพูดเขายิ่งหายใจไม่ออก

"ผมน่ะ ผมน่ะ"รุจน์หอบไปพูดไปราวคนที่เพิ่งหยุดวิ่ง เขาอยากหยุดแล้วเพราะรู้สึกเหนื่อยเต็มทนแต่ดูเหมือนไม่สามารถยับยั้งสิ่งที่กำลังหลุดออกมาได้อีกแล้ว

"ผมคือผม คือทุกสิ่งที่พูด คือทุกอย่างที่ทำ แต่เพียงเพราะมันไม่ตรงใจคุณใช่ไหม มันไม่ใช่สไตล์ของคุณซินะ คุณถึงรู้สึกว่าสิ่งที่ผมแสดงออกมันน่าสมเพช เลยตัดสินอย่างลำเอียงว่าผมสมองน้อย ดัดจริต ร่าน ก็แค่ทำไปเพราะต้องให้การให้คุณชอบจะได้มีเซ็กส์ครั้งต่อๆไปด้วยกัน มันถูกว่าผมชอบเซ็กส์ของคุณ ผมรักอ้อมกอดของคุณ รู้สึกขาดมันไม่ได้หากต้องห่างหายนานเกินไป ผมคิดถึงคุณทั้งวันเมื่อเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน" รุจน์รู้สึกเหมือนจะอาเจียนเพราะกลั้นสะอื้นที่กำลังผุดขึ้นในอกสุดกำลัง แต่เขาก็ปล่อยให้ทศวรรษเป็นต่อเขาไม่ได้อีกแล้ว

"ร่างกายนี้มันคืออะไรสำหรับคุณ" รุจน์สบตาทศวรรษนิ่ง
"ที่ผ่านมาคุณเกลียดผมมากนักหรือ? " เสียงของเขาแหบเครือขาดห้วง ทศวรรษจ้องกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน เขาถอนใจแล้วยิ้ม เป็นยิ้มมุมปากเหมือนเคยซึ่งรุจน์เกลียดเหลือเกิน
"พูดมาซะเยอะ ที่จริงก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเรียกร้องความสนใจ ใช่ไหม? นึกว่าจะทำอะไรได้สาระขึ้นมาบ้างซะอีก อุตส่าห์รีบมาดูแต่เช้า เสียเที่ยวชะมัด" ทศวรรษพยักหน้า รุจน์สะอึกเมื่อเห็นฝ่ามือตัวเองที่พรวดออกไป ใบหน้าของทศสั่นหลังเสียงสนั่น ทศวรรษชะงักเขาหันมามองรุจน์ราวกับจะกินเลือดเนื้อ

"ถ้าคุณเกลียดผม ผมก็จะเกลียดคุณ" รุจน์ตกใจกับคำพูดตัวเอง นี่ไม่ใช่เขาแล้ว
"กล้าดีอย่างไง แต่เล็กจนโต พ่อแม่ ญาติพี่น้องฉันยังไม่กล้าทำแบบนี้กับฉันเลยนะ" ทศวรรษพุ่งเข้ามาจับคางรุจน์บีบ
"กล้าดีอย่างไง ห๊า! กล้าดีอย่างไง" ทศวรรษโกรธจนตัวสั่นเขาเขย่าคางรุจน์แล้วผลักจนรุจน์ล้มลง รุจน์ยันตัวถอยกรูดเข้ามุมเขาทศวรรษกริ้วหนักพอที่จะฆ่าเขาได้กระมัง ทศวรรษคว้าข้อเท้าของรุจน์ รุจน์ดิ้นพล่าน

"คุณทศผมขอโทษ ผมลืมตัว" รุจน์พยายามต้านแรงดึงของทศวรรษ
"ขอโทษเหรอ แก้ตัวเหรอ ไม่คิดว่ามันสายไปหรือ ก่อนทำกับฉันคิดบ้างไหม ฉันจะฆ่าแก"ทศวรรษลากรุจน์เข้าไปหา
"อย่าฮะคุณทศ ผมขอโทษจริงๆ" รุจน์พุ่มมือไหว้
"เหรอ ขอโทษ เหรอ เออก็ได้" ทศวรรษชกเข้าหน้าท้องของรุจน์ รุจน์ร้องไม่ออกจุกตัวงอเป็นกุ้ง ทศวรรษดึงเข็มขัดออกจากกางเกงของรุจน์

"ถ้าต้องการไปจากชีวิตของฉันเพียงเพราะเรียกร้องในสิ่งที่อยากนักหนาไม่ได้ล่ะ เชิญไสหัวไปเลยแต่ก่อนไปนายต้องรู้ว่าใครกันที่แน่กว่ากัน" ทศวรรษแกะเนคไทแล้วดึงมันออกจากคอเสื้อ เขาไม่ปลดกระดุมเสื้อแต่ใช้กำลังกระชากออกจนด้ายขาดเนื้อผ้าบางส่วนขาดออกไปด้วย

"อย่านะคุณทศ ผมต้องไปทำ..." รุจน์พูดเสียงแหบแห้ง พยายามขัดขวางแต่มือเท้าก็อ่อนด้วยพิษหมัดของทศวรรษ
"งานนั่นช่างมันประไรซิ"
"ไม่นะครับ ผมไม่พร้อม" รุจน์ใจหายเมื่อได้ยินเสียงซิบกางเกงตัวเอง รู้สึกว่ามันเคลื่อนหลุดออกจากกาย ตามด้วยอันเดอร์แวร์

"ฉันไม่ได้ต้องการความพร้อมนี่ นี่คือบทสั่งสอน ไม่ใช่บทรัก เผื่อสมองระดับต่ำนี่จะแยกไม่ออก โดนซะบ้างจะได้หลาบจำว่าอย่ากำแหงกับฉัน"ทศวรรษจิ้มที่ศีรษะของรุจน์แรงขณะทาบทับ มือที่จิ้มศีรษะเลื่อนลงไปที่ขาของรุจน์แล้วดันมันขึ้น รุจน์หายใจขัด เขารู้ว่าเมื่อร่างกายไม่ได้ถูกเล้าโลมก่อนมีเซ็กส์จะเกิดอะไรขึ้น

"ผมขอโทษ ผมขอโทษ ให้กราบก็ได้" รุจน์ไหว้อีกครั้ง เขากลัวจับใจ ทศวรรษยักไหล่แล้วยกอีกมือปิดปากรุจน์ เขาโถมตัวมาข้างหน้าอย่างแรง รุจน์กระตุกร่างกายเกร็ง ภาพเพดานพร่าราวทีวีจอเสีย เสียงอู้อี้ภายใต้ฝ่ามือทศวรรษฟังไม่ได้ศัพท์ เท้าของเขาจิกที่นอนจนขาวซีด ทศวรรษปล่อยมือจากปากของรุจน์ แล้วเริ่มจังหวะของเขาอีก รุจน์กรีดร้อง

"เจ็บ คุณทศผมเจ็บฮะ พอได้แล้ว " รุจน์น้ำตาไหล แม้ร่างกายของเขาจะคุ้นเคยกับการรุกของทศวรรษ แต่มันต้องผ่านการเล้าโลมและตัวช่วยที่ทำให้ลื่นไหล การรุกเข้าภายในด้วยปราศจากการตั้งรับ มันนรกชัดๆ รุจน์กระอักสะอื้นทุกครั้งที่ทศวรรษเคลื่อนไหว มันรุนแรงจนแทบจะฉีกร่างกายเขาให้เป็นชิ้นๆ บทรัก บทลงโทษ มันต่างกันสิ้นเชิงจริง

"ชู่ววววส์...." ทศวรรษส่งเสียงปราม เขาก้มลงกระซิบของหูรุจน์
"อย่าส่งเสียงหนวกหูซิ นายก็ทำฉันเจ็บเหมือนกันนี่นา เจ๊ากันแล้วนี่ เนอะ"

ด้วยอาการไหวสะเทือนสม่ำเสมอจากการถูกถั่งโถมเข้าใส่ รุจน์หลับตา กัดปากอดทน นึกภาวนาให้มันจบลงก่อนที่ร่างกายนี้จะทนไม่ไหว

ทศวรรษนั่งห่อไหล่ หน้าซีด ดวงตาเบิกโพลงบ่งบอกว่าตระหนกกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
"จะ เจ็บ คุณทศพอเถอะฮะ" รุจน์ยังคงนอนหลับตา ริมฝีปากแห้งผากพึมพัมราวเครื่องเสียงแทรคชำรุด ร่างกายของเขาขดงออีกครั้งหลังทศวรรษผละออกมาแล้ว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ทศวรรษตาค้างอยู่ขณะนี้ สิ่งที่ทำให้เขาตาค้างคือ บริเวณช่วงหว่างขาขารุจน์ที่บัดนี้ปรากฏร่องรอยคราบโลหิต มันซึมเป็นดวงบนผ้าปูทีนอนเช่นกัน

"รุจน์ มันจบลงแล้ว" ทศวรรษจับใบหน้าซีดเซียวของรุจน์ขึ้นประคอง
"คุณพอใจแล้วใช่ไหม" รุจน์ผลักเขาออกห่าง แล้วค่อยพยุงตัวลุกขึ้น มองเห็นสภาพตัวเองก็ร้องไห้จนไหล่สะท้าน
"ทำไมผมไม่ตายไปซะเลยนะ"
"นายจะไปโรงพยาบาลไหม" ทศวรรษถามเสียงเรียบเขาตั้งสติได้แล้ว
รุจน์ถอนใจ ความเจ็บปวดนี้กัดกินเขาไปทั้งตัวและหัวใจ

"ตลอดเวลาสองปีเต็มที่ผมอยากจะเข้าใจคุณ หวังเหลือล้นสักวันเราใช้ใจคุยกันนอกจากร่างกาย แต่นั่นมันก็แค่ความฝันที่แหลกลลายของผมเท่านั้น ต่อไปอย่ากลับมาที่นี่อีก ผมไม่เหลืออะไรให้คุณอีกแล้ว เรา เรา..." รุจน์ร้องไห้ ใจของเขาเจียนจะขาด พยายามเค้นเสียงออกมาอย่างยากเย็น
"เราจบกันเถอะครับ"

"แต่นายไม่จำเป็นต้องลาออกจากงาน ใช้หัวคิดหน่อยซิต้องเสียผลประโยชน์ทำไม ก็แค่ฉันจะไม่ไปเหยียบที่นั่นอีก"
"ไม่ต้องมายุ่ง!!! ผมไม่ต้องการความเห็นเลิศเลอของคุณ นี่มันชีวิตของผม ผมจะทำอย่างไร คุณไม่มีสิทธิ์ ผมกับคุณทศสิ้นสุดกันเสียทีนะครับ" รุจน์กัดปากตัวเอง ความเจ็บทางกายยังไม่เท่าที่ต้องพูดแบบนี้กับทศวรรษ......นี่ต่อไปเราจะไม่เจอเขาอีกแล้วจริงหรือ.... รุจน์ใช้มือปาดน้ำตา

ทศวรรษใส่เสื้อผ้าไปพูดไป


"อือ งั้นฉันจะไม่พูดอะไรอีก สองปีที่ไม่มีอะไรดีนอกจากเซ็กส์ นายเบื่อ ฉันเบื่อ เราก็แยกย้ายเถอะนะ แต่จำใส่หัวไว้ก็แล้วกัน ว่า นายเกลียดฉัน และ ฉันก็เหมือนกัน และฉันไม่คิดขอโทษกับทุกอย่างที่ผ่านมาหรอกนะ ฉันเป็นของฉันแบบนี้ นายจะว่าฉันเลวชาติก็ตามใจ เพราะเราจะไม่มีวันจอกันอีกแล้ว" คำพูดเย็นชา ฟังแล้วรุจน์รู้สึกราวกับถูกมีดปลายแหลมเล่มยาวแทงหลังจนทะลุหน้า ส่วนทศวรรษก็สะเทือนใจ หดหู่สายตากับเลือดที่ขาและบนที่นอน แต่สุดท้ายก็ตัดใจเดินไปที่ประตู

"สองปีกับสัมพันธ์ทางกาย ลืมง่ายจะตาย" ทศวรรษพูดทิ้งท้ายก่อนเปิดประตูเดินออกจากห้อง
รุจน์ปล่อยโฮออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงปิดประตู
"ผมไม่คิดว่าคุณผิดเลยสักนิด แม้คุณจะร้ายกาจขนาดนี้ ผมเองต่างหากที่ผิดไปหลงรักคุณจนลืมตัวเอง แม้จะเป็นแบบนั้นแต่ทุกเช้าเมื่อลืมตื่น ใจผมก็รักคุณ ผมไม่มีวันเกลียดคุณหรอก คุณรู้ไหม" รุจน์กำหมัดทุบที่นอน
ผ่านไปไม่นานรุจน์ก็ยันตัวลุกขึ้น ร่างกายเขาร้าวทั่วสพางค์จนแทบไม่อยากขยับ รุจน์แข็งใจก้าวลงจากเตียง หยิบผ้าห่มมาคลุมตัว เขาเหลียวกลับไปมองที่คราบเลือดอีกครั้ง จู่ๆคำของผู้หญิงคนแรกที่นอนกับเขาตอนงานฉลองจบการศึกษา เธอเป็นสาวจบจากคณะอะไรไม่รู้เธอมากับเพื่อน รุจน์กับหล่อนชอบลอบมองกันแล้วหล่อนก็ชวนรุจน์ หลังมีสัมพันธ์กันแล้วหล่อนกับรุจน์ ยังกอดก่ายกันอยู่ หล่อนได้บอกกล่าวเรื่องหนึ่งกับเขา หล่อนพูดว่า....กายสัมพันธ์ที่ไม่เกี่ยวกับหัวใจน่ะ มันสนุก และลืมง่าย แต่เมื่อใดก็ตามที่เราใส่ใจ เซ็กส์จะทำให้หัวใจของเรายืนบนทางสองแพร่ง เจ็บปวด หรือ นิรันดร ฉะนั้นเวลามีเซ็กส์กับคนที่ไม่มีใจอย่าให้ใจเขาไปเด็ดขาด.... รุจน์หลับตานิ่งเขาจำได้แต่เขาห้ามร่างกายที่โหยหาทศวรรษไม่ได้แล้ว ที่สุดนั้นใจ...ก็ตามกายไป




Create Date : 12 ตุลาคม 2554
Last Update : 12 ตุลาคม 2554 21:28:15 น.
Counter : 268 Pageviews.

2 comments
  
สงสารรุจน์สุดๆ TT__TT
ทศ แรงส์!!อ่ะ
จะมีตอนต่อไปป่ะคะ หรือว่าจบแค่นี้ ไม่นะ รุจน์เจ็บฟรีเลยอ่าาา
โดย: บลา บลา บลา IP: 58.10.207.162 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2554 เวลา:0:07:42 น.
  
มีต่อนะจ๊ะ
โดย: vannessia IP: 103.1.164.7 วันที่: 28 มกราคม 2555 เวลา:6:00:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

vannessia
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]