Body Talk (BL) บทที่ 10
บทที่ 10

รุจน์นิ่งมองมือถือที่สั่นไม่หยุดในมือเนิ่นนานก่อนตัดสินใจกดปิดเครื่อง ถอนใจพร้อมหันไปมองเมษาที่ยังหลับไหล ดวงหน้าอ่อนเยาว์พริ้มยิ้มอ่อนบาง เขาคงกำลังฝันดีอยู่แน่นอน คนน่ารักแบบนั้นคงไม่มีวันฝันร้าย เขาไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่เคยและไม่มีวันอย่างแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าจะหลับหรือฝันเมษาก็ไม่มีทางสะดุ้งตื่นเหงื่อโทรมกายในคืนมืดมิด รุจน์คิดแบบนั้นเมื่อขยับไปนั่งข้างเมษา สองขายกเข่าขั้นชันแล้วซบหน้าบนเข่า คำนึงเปลี่ยนทิศทางราวลมที่พัดในฤดูอันหลากหลาย ทั้งเมษาและเขาและเมษาต่างก็ขาดพ่อแม่เหมือนกัน ในขณะที่เขายังมีพี่ชายต่างมารดาอีกคน ทว่าเมษาไม่มีใคร แต่ดูซิ เมษากลับดูคล้ายคนที่ยังเหลือคนข้างกายเสมอ ด้วยเหตุที่เขาไม่เคยทำให้ตัวเองหม่นหมองเหงาหงอย แถมจิตใจอันเบิกบานราวฤดูร้อนของเขายังทำให้ผู้คนรอบกายมีสีสันด้วยทีท่าอันเป็นมิตรและอบอุ่น ในทางกลับกันรุจน์กลับเดียวดายเหมือนชีวิตนี้ไม่มีใครเหลืออีกแล้ว เขาเงียบเหงาทั้งที่ยังมีพี่ชายร่วมสายเลือด

“ผมอายนะ” เมษาค่อยลืมตาขึ้นมองรุจน์
“ตื่นแล้วเหรอ” รุจน์ยื่นมือไปลูบผมของเมษา
“ผู้จัดการนี่สุดยอดเหมือนเคย อืมไม่ซิ มากกว่าเคย ผมลุกไม่ขึ้นแล้วล่ะ ดีนะที่วันนี้เป็นวันหยุด ไม่งั้นต้องตายแน่ๆเลย ผมเพลีย อยากนอนต่อทั้งวัน” เมษาหลับตายิ้มแล้วพลิกตัวนอนหงาย

“ทะลึ่ง” รุจน์จิ้มศีรษะของเขา เมษาพรวดลุกขึ้นดึงรุจน์มากอด
“แต่เราจะต่อกันอีกก็ได้นะ ผมไม่มีวันพอหรอกถ้าเป็นผู้จัดการน่ะ”
“ไม่เอาแล้ว” รุจน์แกะมือเมษาออกแล้วรีบคลานไปที่นั่งขอบเตียงริมหน้าต่าง
“ล้อเล่น ขืนทำกันอีก มีหวังผมไร้สมรรถภาพไปแหง”
เมษาหัวเราะรุจน์จึงยอมคลานกลับมาสู่อ้อมกอดของเมษาอีกครั้ง เขาเอนกายพิงเมษาโดยมีอ้อมแขนของเมษารัดไว้หลวมๆ

“ฉันคิดถึงพี่ชาย” รุจน์จับจ้องขอบฟ้าที่กลายเป็นสีส้มกระจ่างทั้งผืนแล้ว
“เล่าเรื่องของเขาให้ผมฟังได้ไหมครับ”
“เรื่องของเขาในความทรงจำของฉันคือคำถาม เพราะอะไร เรากลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วฉันจะทำอย่างไร ตั้งแต่ฉันจำความได้ พี่ชายไม่ค่อยเข้าใกล้ฉัน ภาพของเขาสำหรับฉันคือเด็กผู้ชายอีกคนที่อยู่ไกลๆ เด็กผู้ชายคนนั้นมองฉันด้วยสายตาเย็นชา และอยู่คนละโลกกับฉัน เราอยู่ด้วยกันแบบนั้นเสมอมา พอพี่ชายเริ่มโตเขาก็หายออกจากบ้านบ่อยๆ บางครั้งฉันก็ได้ยินเสียงทะเลาะของพ่อและพี่ ดังและรุนแรงในคำพูด แม่มักเข้ามาในห้องของฉันแล้วบอกให้ฉันอยู่เงียบๆ แม่กอดฉันไว้แน่นตลอดเวลา

ฉันนอกจากสับสนแล้วยังกลัวด้วย ฉันไม่เคยเข้าใจว่าเขาคิดอย่างไรกับฉัน เขาเกลียดฉันหรือเปล่า ฉันไม่อยากเป็นแบบนั้น ความสับสนอันนั้นทำให้ฉันไม่กล้าเข้าใกล้พี่ชาย เราเติบโตกันมาด้วยความห่างเหิน เขาออกจะเป็นเด็กหนุ่มที่เกเรหัวรั้น แต่ฉันเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายของพ่อแม่ โดยเฉพาะแม่ ฉันติดแม่มากเพราะแม่รักฉัน แม่ให้ทุกอย่างที่ฉันขอ ฉันคิดเสมอว่าในโลกนี้ไม่ต้องมีใครฉันก็อยู่ได้ตราบที่แม่กับพ่อยังอยู่กับฉัน แต่ความไม่แน่นอนก็พรากพวกเขาไป สิ่งที่ฉันหวาดหวั่นที่สุดคือการอยู่ร่วมกับพี่ชาย ฉันรักเขา แต่ฉันไม่รู้จักเขา

พ่อกับแม่ตายตอนที่ฉันเพิ่งเรียนจบ ไม่นานมานี้ พี่ชายก็ขายบ้านที่แต่เดิมเราคิดจะเก็บไว้โดยไม่ถามฉันสักคำว่าต้องการแบบเดียวกับเขาไหม” รุจน์หยุดพักโดยหันไปมองเมษา เมษาสบตาเขานิ่งครู่เดียวก็เอ่ยวาจานิ่มนวลเบาแผ่ว

“วันนี้วันหยุดนี่นา ไปเยี่ยมเขาเถอะนะครับ คุณสองคนต้องคุยกัน ถ้าเขาเป็นพี่ของผม ผมจะไม่มีวันปล่อยเขาแบบนี้ ผมไม่ยอมอยู่คนละโลกกับเขา”
“ฉันพยายามมาตลอด แต่เขาก็เมินเฉยมาตลอดเหมือนกัน”
“พอเขาบอกว่าอย่ามายุ่งกับฉัน ผู้จัดการก็ตามใจหรือครับ” เมษายกมือประคองใบหน้าของรุจน์
“ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรนี่นา ฉันกลัวเขา”

“ไม่คิดบ้างหรือว่าเขาอาจกำลังรอคอยผู้จัดการเหมือนกัน เขาเองก็รอคอยให้ผู้จัดการกล้าพอที่จะทำลายกำแพงเยือกเย็นเพื่อเข้าไปพบกับตัวตนที่อ่อนแอของเขา”
“นายคิดแบบนั้นหรือ”
“ผมมันพวกลัทธินิยมทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่รู้ว่ากับพี่ชายผู้จัดการทำดีที่สุดแล้วหรือยังครับ” เมษาลดมือลงจากใบหน้ารุจน์ ปลายนิ้วของเขาไล้ลูบแขนของรุจน์นิ่มนวล

“.....” รุจน์ก้มหน้า
“วันนี้วันหยุดของเขาหรือเปล่าครับ”
“เท่าที่รู้ที่ทำงานของพี่หยุดตามธนาคาร”
“ก็เหมือนของเราน่ะสิ แจ๋วเลย” เมษาดีดนิ้ว
“นายจะไปกับฉันไหม”

“ผมก็อยากไปนะ แต่วันนี้ ผมมีที่ที่ต้องไป จากนั้นก็ต้องไปเยี่ยมผู้ช่วยพ่อครัวแทนพนักงานทุกคนก่อนไปทำงานพิเศษน่ะครับ” เมษาจับไหล่รุจน์หันมาที่เขา
“ผู้จัดการการที่เราจะรู้ว่าเราจะสามารถเติบโตต่อไปหรืออ่อนเปลี้ยสิ้นแรงต่อโลกใบนี้ก็คือความกล้าและความกลัวที่จะเผชิญหน้าหรือหลีกหนีทุกสิ่งที่เราควรต่อกรกับมัน” เมษากระชับไหล่รุจน์
“ผมอยากให้ผู้จัดการกล้าที่จะเดินไปบอกกับพี่ว่า ผู้จัดการอยากคุยกับเขาทุกเรื่องที่ไม่เคยเข้าใจกัน”
“ อย่างนั้นหรือ” รุจน์ไม่อาจมั่นใจในสิ่งที่เมษาพูดว่าเขาจะทำได้ ถึงเขาอยากทำแต่พี่ชายจะให้ความร่วมมือกับเขาหรือเปล่ายังเป็นที่น่าหวั่นใจ

“ผมเองก็อยากจะมีส่วนร่วม อยากช่วยเหลือผู้จัดการไปซะทุกเรื่องเหมือนกันนะครับเพราะว่าผมชอบผู้จัดการมากที่สุด แต่ผมก็เหมือนพ่อกับแม่ของผู้จัดการ วันนี้จึงไม่อาจรับปาก ไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะอยู่เคียงข้างผู้จัดการตลอดไปได้หรือไม่ เพราะเหตุนี้ผมจึงอยากให้ผู้จัดการเข้มแข็งด้วยตัวเอง เข้าใจผมไหมครับ” เมษายกมือรุจน์ขึ้นจูบ รุจน์ยื่นริมฝีปากไปกดที่หน้าผากของเมษา
“ขอบใจนะ นายนี่ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ฉันชอบนายมากเหมือนกัน” รุจน์ไล้กลีบปากพรมจูบทั่วใบหน้าของเมษาพร้อมกระซิบ เด็กหนุ่มพาเขานอนลงแล้วเคลื่อนกายลงใต้ผ้าห่ม ไม่นานร่างกายของรุจน์ก็บิดเร่ารัญจวน

หัวหน้าพ่อครัวดันข้าวของตรงหน้ามาที่เมษา มีทั้งกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงยี่ห้อครองตลาด และตะกร้าผลไม้
“นี่ว่ะ ของเยี่ยมมัน ฝากด้วยนะ แล้วก็กลับมาทำงานให้ทันนะ”หัวหน้าพ่อครัวตีหน้าขรึม เมษาแอบยิ้มเขารู้แท้จริงแล้วเฮียแกก็เป็นห่วงลูกน้องคนสนิทมากอยู่ไม่น้อยแม้ที่ผ่านในการทำงานจะตีหน้าโหดชอบดุด่าเป็นประจำก็ตาม

“แต่ผมต้องไปธุระที่อื่นก่อนนะเฮีย แล้วถึงจะแวะไปน่ะ บอกเฮียแล้วนะ”
“เออๆ ขอให้ไปดูมันหน่อยก็พอ” หัวหน้าพ่อครัวหันหลังเดินกลับห้องพักผ่อน เมษาถอนใจแล้วหิ้วของทั้งหมดเต็มสองมือ ไม่ทันจะออกจากประตูก็เหลือบเห็นร่างเพรียวบางที่คุ้นเคยยืนอยู่หลังประตูด้านหลังครัว เมษารีบวางของแล้วผลักประตูออกไป
“ซีซ่า” เขาเรียก เจ้าของร่างจึงหันมาตามเสียง ใบหน้าซีดเซียวและผอบผอมซ่อนอยู่หลังม่านผมที่ย้อยลงมาปิดใบหน้า เมษาหยุดเท้าตรงหน้าหล่อน เมื่อเห็นหล่อนเต็มตาเขาต้องเงยหน้าถอนใจ บางทีเขาก็อดคิดไม่ได้ว่านี่หล่อนเป็นคนเดียวกับผู้หญิงคนนั้นจริงหรือ ทำไมกาลเวลาและชีวิตร้อนแรงถึงทำลายความสวยของหล่อนได้มากมายในเวลาไม่นานเช่นนี้

“เกิดอะไรขึ้น ”เมษากระซิบด้วยเสียงอันแห้งพร่า หล่อนกัดปากน้ำตารื้น
“เม ฉัน....” หล่อนจับแขนเมษาแน่น เมษาถอนใจหันไปมองทางอื่น เขาไม่อยากสานสบดวงตาแล้งแค้นแห้งผากนั่นจริงๆ
“พูดออกมา” เมษากลืนก้อนแข็งลงคอ และดูเหมือนมันไม่ง่ายด้วยเพราะคล้ายกับมีใบมีดโผล่ออกมาจากก้อนแข็งนั้นเมื่อริมฝีปากซีดของหล่อนขยับพูดออกมา
“เม... ฉัน....คือว่าลูก ลูกน่ะ”

เมษายกมือขึ้นแตะขมับถอนใจหนักก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินออกมาเปิดหยิบธนาบัติขึ้นมา
“ตอนนี้ไม่มีเงินสดติดตัวมากนักเอาไปแค่นี้ก่อน ตอนเย็นผมจะไปกดมาให้อีก” เมษายัดเงินใส่มือหญิงสาว
“ฉันจะมารอตรงนี้นะ”
“อืม ถ้ามีอะไรฉุกเฉินก็โทรมานะ พรุ่งนี้ผมจะไปหาพวกคุณ”
ซีซ่าพยักหน้าเร็วแล้วหันหลังเดินห่างออกไป เมษาพิงกำแพงเหม่อมองตามความเสื่อมโทรมนั้นด้วยจิตใจที่หดหู่ หล่อนเคยสวยงามและเคยเป็นที่รักของเขามาก่อน และหล่อนก็เป็นสิ่งที่เขาพลาดพลั้งด้วยไม่เดียงสาเรื่องความรัก รักครั้งแรกที่แสนจะเร่าร้อนลืมวันลืมคืนเมื่อได้อยู่ด้วยกัน ความจริงทำให้ทั้งสองคนตื่น เขาต้องอยู่กับมันหากแต่ซีซ่าไม่สามารถรับได้กับสิ่งที่เป็นไปได้ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งสองคนไม่อาจทนสบตากันได้อีกแม้เสี้ยววินาที หล่อนหนีหายและไม่เคยกลับมา ส่วนเขาต้องทนอยู่กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น


ขณะที่เขากำลังจะลืมเลือนหล่อนก็กลับมา
“ช่วยด้วย เมษาฉันกำลังจะมีลูก”
เมษาเงยหน้าสูดหายใจลึก คำพูดนั้น คำพูดที่ทำให้โลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงของเขาหยุดนิ่ง ในหัวใจแม้มีแค่คำถามเดียว ทว่ามันก็กลายเป็นอะไรที่หนักหนาราวกับถูกก้อนหินขนาดใหญ่หล่นใส่บ่า...แล้วเขาต้องทำอย่างไรต่อจากนี้?....

รุจน์มองอาคารสูงทันสมัยตรงหน้าด้วยความรู้สึกหวั่นหวาด ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามทางที่พี่ชายต้องการเพียงฝ่ายเดียวพี่ชายได้ให้ที่อยู่ไว้อย่างไม่ค่อยเต็มใจนักเมื่อรุจน์เอ่ยปากขอ แต่เพราะรุจน์ยกเหตุผลเหตุยามฉุกเฉินและธุระอันจำเป็นที่อาจเกิดขึ้น พี่ชายจึงยอมให้หลังคิดอยู่นานพร้อมสำทับว่าต้องจำเป็นและฉุกเฉินจริงๆเท่านั้น รุจน์ปิดประตูรถกดรีโมทแล้วก้าวไปตามทางเดินเข้าอาคาร แต่ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ทำตามคำสั่งพี่ชายเท่าไหร่นัก จำเป็นหรือไม่จำเป็น ฉุกเฉินหรือเปล่าไม่รู้ ก็แค่เขาทนคิดถึงพี่ชายไม่ไหวเลยแวะเวียนมาบ่อยๆ มายืนหลบอยู่แค่หน้าอาคารบ้าง ในร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามบ้างเพื่อรอคอยที่จะได้เห็นพี่ชาย นั่นเป็นสิ่งที่เขาทำได้เท่าที่ผ่านมา แต่วันนี้เขาตกลงใจที่จะทำมากกว่านั้น เมษาอาจพูดถูกเขาไม่ควรหนีความขัดแย้งนี้อีกต่อไปแล้ว หากเขาต้องการพี่ชายที่เป็นของเขาอย่างแท้จริงเขาต้องทำได้

ขณะจะก้าวเข้าใกล้ตัวอาคารรุจน์เห็นพี่ชายกำลังออกมาจากร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ประตูทางออกของอาคาร เขานึกอยากรู้อารมณ์พี่ชายว่าประมาณไหนจะได้ปรับให้ตัวเองอ่อนโอนกว่าหากสถานการณ์ของพี่ยังแข็งกับเขา เลยหยิบมือถือขึ้นมากดพลางเลี่ยบหลบเข้าด้านข้างอาคาร รอสายพร้อมจับตามองพี่ชาย พี่ชายหยุดเดินหยิบมือถือขึ้นดู รุจน์กลั้นใจเมื่อเห็นพี่ชายเอาแต่มองมือถือในมือ สัญญาณที่เขาแนบหูฟังอยู่ก็ดังนานกว่าสี่ห้าครั้งแล้ว รุจน์ถอนใจเมื่อพี่ชายตัดสินกดรับ
“ว่าไง”
“วันนี้วันหยุดพี่ไปไหนหรือเปล่าครับ” รุจน์ยิ้มกับมือถือสลับกับมองพี่ชายที่กำลังจะเดินไปที่ลิฟท์

“ทำไมล่ะ”
“ผมไปหาพี่ได้ไหมครับคือวันนี้ผมก็ว่างอยากชวนพี่ไปกินข้าวกลางวันกัน”
“อืม คงไม่ได้หรอก”
รุจน์เดินตามพี่ชายห่างๆเขากำลังรอลิฟท์อยู่
“อ้าว พี่หยุดนี่นา”
“หยุดก็จริงแต่ตอนนี้พี่อยู่ที่ทำงาน ทำโอทีอยู่”
รุจน์หยุดเท้าที่กำลังก้าว เขามองพี่ชายที่ยืนอยู่หน้าลิฟท์


“มีอะไรอีกไหมพี่ต้องรีบทำงาน ไว้เราค่อยคุยกันนะ” พี่ชายตัดสายไปแล้ว แต่รุจน์ยังแนบหูกับเครื่อง สัญญาณไม่ว่างยังถี่สม่ำเสมอ รุจน์ตัดสายรีบกดใหม่ มีเสียงผู้หญิงที่เขาไม่มีวันได้เห็นหน้าจริง จนคิดว่าน่าจะเป็นวิญญาณสถิตย์อยู่ในสัญญาณของผู้ให้บริการพูดกับเขาแทนพี่ชาย หล่อนบอกว่าไม่สามารถติดต่อหมายเลขที่รุจน์เรียกได้ รุจน์ยืนนิ่งมองพี่ชายที่กำลังก้าวขึ้นลิฟท์ด้วยความรู้สึกที่คล้ายน้ำไหลบ่าแรง เขาวิ่งไปที่ลิฟท์อีกตัวกดเรียกรอไม่นานลิฟท์ก็มาจอดเปิดประตู รุจน์รีบก้าวเข้าไปในลิฟท์กดชั้นที่ต้องการ ออกจากลิฟท์เขาก็ก้าวไปตามโถงทางเดินด้วยหัวใจอันสั่นเทา พอถึงหน้าประตูห้องของพี่ชายก็กดกริ่ง
“ครับ” เสียงพี่ชายดังมาจากด้านใน ครู่เดียวก็ได้ยินปลดโซ่คล้องประตูตามด้วยการปลดล็อคที่ประตู

ประตูเปิดออกพร้อมใบหน้าของพี่ชาย พอเห็นรุจน์พี่ชายก็มีสีหน้าประหลาดแต่ก็เพียงแวบเดียว
“พี่ไม่ได้อยู่สำนักงานทำโอทีนี่ฮะ” รุจน์ยิ้มเก้อๆ
“ใช่” พี่ชายเท้ามือกับประตู
“ผมอยู่ข้างล่าง ผมคิดว่าถ้าโทรบอกพี่ก่อนก็คง...” รุจน์ยกมือประกอบคำพูดแต่มันก็เปะปะ จนน่าเกะกะมาก
“มีอะไร?”พี่จ้องรุจน์จริงจัง
“ผมเข้าไปได้ไหมครับ” รุจน์ยิ้มด้วยความรู้สึกว่าช่างเปล่าประโยชน์เสียจริงรอยยิ้มนี้
“รุจน์ ต้องให้พี่พูดออกมาจริงๆเหรอ ว่าพี่ไม่ต้องการเจอนาย ไม่ต้องการเกี่ยวข้องอะไรกับนายอีก รู้ไหมทำไมพี่ถึงตัดสินใจขายบ้านเอาเมื่อเร็วๆนี้ ก็เพราะมันสถานที่สุดท้ายที่แสดงถึงความผูกพันธ์เราสองคน พี่ถึงไม่ต้องการมันไง ไม่มีบ้านแล้วเราสองคนก็ไม่ใช่อะไรกันอีก กลับไปซะอย่ามาที่นี่อีก พี่เกลียดนาย รู้ไว้นะ” พี่ชายของรุจน์เอนตัวกลับเข้าข้างในกำลังจะปิดประตู

“แต่ผมเป็นน้องของพี่ในตัวผมในตัวพี่เราเหมือนกันครึ่งหนึ่ง” รุจน์ รีบตะโกน เขารู้สึกเหมือนลมหายใจกำลังจะขาดห้วง เลือดในตัวกำลังจะแห้งเหือด สุดท้ายเขากำลังจะกลายเป็นซากของสัตว์ที่น่ารังเกียจที่สุดในโลก เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าขยะแขยงจนสายเลือดเดียวกันยังเกลียดชัง
“พี่ไม่เคยคิดว่าใช่”
“พี่พูดกับผมแบบนี้ไม่ได้นะ”

“ก็บ้าคลั่งตะโกนไปซิ ไอ้บ้าเสียสติหรือไงพูดไม่รู้เรื่อง” พี่ชายปิดประตูใส่หน้ารุจน์ รุจน์ผวาเข้าจับที่จับประตูเขย่า
“พี่ครับ อย่าทำแบบนี้กับผม ผมทำผิดอะไร ผมไม่ดีตรงไหน พี่บอกผมซิ เราเป็นพี่น้องกันพูดคุยกันเถอะนะครับ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวในโลกทั้งที่ผมมีพี่ พี่ไม่ชอบอะไรในตัวพี่บอกมาซิ ผมจะปรับปรุงตัวนะพี่นะ พี่บอกผมซิครับว่าที่ผ่านเกือบชั่วชีวิตของเราสองคน ผมล่วงเกินพี่ตอนไหน เมื่อไหร่ ผมพร้อมจะกราบขอโทษพี่ พี่อย่าเกลียดผมนะครับ พี่ยกโทษให้ผมด้วย พี่ครับ พี่ผมขอโทษจริงๆนะครับ” รุจน์ยกมือเช็ดน้ำตาพลางเขย่าที่เปิดประตู แต่ไม่มีสิ่งใดตอบรับสิ่งที่เขาพูดนอกจากความเงียบ รุจน์ทรุดตัวลงนั่งที่หน้าประตู ก้มหน้าปิดปากสะอื้นคนเดียวอย่างเงียบเหงา

เมษาวางดอกไม้ลงบนหน้าหน้าที่ฝังศพของพ่อแม่ เขายิ้มอ่อนโยนให้กับรูปบนหินอ่อนหน้าหลุมฝังศพ ยื่นมือออกไปแตะรูปของท่านทั้งสอง
“ผมมาเยี่ยมนะครับ ช่วงนี้ผมอาจมาได้ไม่บ่อยเท่าไหร่ เพราะงานผมค่อนข้างยุ่ง อ้อ!ผมได้งานประจำทำแล้วนะครับ เจ้านายทั้งคู่เป็นคนดีมาก ผมชอบทั้งสองคนเลย โดยเฉพาะผู้จัดการ” เมษาอมยิ้มก้มมองปลายเท้า แต่พอเงยหน้ามองรูปพ่อกับแม่เขาก็หุบยิ้ม

“สิ่งที่ผมไม่ได้บอกพ่อกับแม่คิดว่าตอนนี้พวกท่านบนสวรรค์คงรู้เห็นหมดแล้ว ผิดหวังหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ผมก็ขอโทษด้วย เมื่อผมรู้จักตัวเองลึกซึ้งแล้วผมก็เลือกที่จะเป็นในสิ่งที่เป็นตัวผม ที่ผ่านการโกหกไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ในทางกลับกันผมได้ทำร้ายคนใกล้ชิด และตัวเองด้วย ผลของมันทำให้ผมเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้เห็น ผมจึงตั้งใจไว้แล้วว่าผมจะเลือกความสุขตามฉบับของผม เรื่องนี้พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ ตอนนี้ผมมีความสุขมากๆเลย ผมสัญญาผมจะมีชีวิตให้ดีที่สุดครับ” เมษาโค้งคำนับแล้วหันหลังเดินออกจากสุสาน พลิกข้อมือมองนาฬิกาแล้วหยิบมือถือขึ้นมากด รอจนสายตัดไปจึงตัดสาย

“สงสัยกำลังกินข้าวกลางวันกับพี่ชายล่ะซิท่าผู้จัดการ”เมษามองมือถือในมือ
“have a nice นะครับ” เขาจูบมือถือตัวเองก่อนจะหันกลับไปมองที่สุสาน
“อย่างไรเขาก็เป็นคนที่ผมชอบหมดใจ พ่อครับแม่ครับ ท่านยินดีกับผมมากกว่าเสียใจใช่ไหมครับ”
รุจน์เหวี่ยงมือถือลงเบาะข้างตัวแล้วซบหน้ากับพวงมาลัยรถ

เขาไม่มีความกล้าพอที่จะบอกกับเมษาถึงสิ่งที่มันล้มเหลววันนี้ รุจน์ยิ้มเยาะกับตัวเอง ที่จริงเขาก็ไม่ได้ล้มเหลวนี่นะ ผลลัพธ์มันออกมาตรงกับที่เมษาพูดทุกอย่าง เขาได้เข้าใจกับพี่ชายแล้ว เข้าใจจริงๆว่าพี่ชายเกลียดขนาดที่เรียกได้ว่าไม่อยากร่วมสายเลือด รุจน์ปวดบีบเบ้าตาจนน้ำอุ่นไหลเอ่อทะลัก เขาเคยคิดว่าระหว่างพี่น้องต้องมีสิ่งผิดพลาดที่ทำให้พี่ชายของเขาไม่อยากใยดี แต่เมื่อพี่ชายพูดถึงขนาดนั้นแล้วย่อมแสดงว่า ไม่มีอะไรเหลือพอที่จะซ่อมแซมแล้วกับสายสัมพันธ์นี้ นอกจากรอ รอให้พี่ชายหันกลับมาหาเขาเอง

รุจน์ปาดน้ำตาเหลือบขึ้นมองห้องชุดของพี่ชายบนอาคารอีกครั้ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่งที่พี่ชายเขาพร้อมจะหันมา เขาจะพบว่ารุจน์ยังคอยอยู่ที่เดิมด้วยความรู้สึกที่ไม่เปลี่ยนแปลง รุจน์สตาร์ทรถพลางนึกกลัวแล้วถ้า...ไม่มีวันนั้นจริงเขาจะทำอย่างไร มันมีทีท่ามากอยู่ไม่น้อยไม่ใช่หรือ รุจน์สะอึกน้ำตาออกมาอีกครั้งขณะออกรถ ขณะสูดน้ำมูกเช็ดน้ำตามองถนนเบื้องหน้าโดยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ด้วยไม่ได้วางแผนสำรองให้กับความผิดหวัง คิดว่าอย่างไรเสียวันนี้ต้องได้มีมื้อกลางวันอันแสนวิเศษกับพี่ชายแน่นอนหลังเปิดใจคุยกันแล้ว

ตอนแรกรุจน์ตั้งใจจะกลับบ้านแต่ก็เกิดเปลี่ยนใจขับรถมาที่แกลลอรี่ เพราะนึกได้ว่าสัปดาห์ก่อนมีภาพใหม่ๆเข้ามา ตัวเขาที่ไม่รู้จะไปไหนเลยคิดว่ามาทำรายการน่าจะดีกว่า สัปดาห์หน้าจะก็จะสามารถส่งลูกค้าได้อย่างเรียบร้อย แต่พอมาถึงหน้าแกลลอรี่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าประตูแกลลอรี่ไม่ได้ล็อค รุจน์ผลักเข้าไปอย่างระวัง พอเหลือบมองห้องทำงานของน้ำฟ้าก็ถอนใจโล่งอก

ไฟในห้องเปิดอยู่ รุจน์เดินขึ้นบันไดตั้งใจจะเข้าไปทักทายหล่อน ประตูห้องเปิดอยู่ เมื่อรุจน์ชะโงกหน้ามองเข้าไปก็ต้องชะงักเท้าเมื่อเห็นทศวรรษเดินออกมาจากห้องส่วนตัวของน้ำฟ้า ทศวรรษปรายตามาทางรุจน์พอดี ทั้งคู่สบตากันครู่ใหญ่ รุจน์ไม่คิดว่าเขาจะสนใจใดๆทั้งนั้น ห้องนั้นน้ำฟ้ามีสิทธิ์พาผู้ชายที่หล่อนเลือกเข้าไป เขาเองก็เคยถูกเลือก อีกทั้งทศวรรษกับน้ำฟ้าคบกันอยู่เรื่องทำนองแบบนี้ไม่วายต้องเกิดขึ้นสักวัน

รุจน์พยายามที่จะยิ้มแล้วกล่าวขอโทษทศวรรษที่มาขัดจังหวะ ทศวรรษจะต้องแปลกใจที่เห็นเขาไม่ยินดียินร้ายใดๆกับสิ่งที่เห็น แบบนั้นย่อมดีกว่าเอาแต่หนีหน้า ทว่าการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกลับกลายเป็นเขาหันหลังรีบวิ่งออกมาจากที่นั่นทันทีโดยมีทศวรรษตามมา รุจน์ถูกคว้ามือไว้เมื่อถึงตัว เขาหันมาอยากพูดว่าขอโทษที่เข้ามาจังหวะ แต่เมื่อมองหน้าทศวรรษคำเหล่านั้นก็ถูกกลืนหายไปในคอจะพยายามแค่ไหนก็พูดออกมาไม่ได้ คำขอโทษนั้นกลับถูกแทนที่ด้วยกริยากระชากมือกลับอย่างแรง

“คนโกหก” ในที่สุดก็พูดออกมาได้แต่รุจน์ก็ต้องแปลกใจที่กลับเป็นอีกเรื่อง
“ว่าไงนะ” ทศวรรษก้าวเข้ามาใกล้

“ผมบอกว่า คุณมันคนโกหก” รุจน์ผลักอกทศวรรษ
“นี่มากไปแล้ว”ทศวรรษกระชากแขนรุจน์ ลากเข้าห้องทำงานของรุจน์แล้วผลักรุจน์ล้มลงบนโซฟา ทศวรรษกระซิบเสียงกร้าว
“กล้าดียังไง”
รุจน์จ้องหน้าทศวรรษตรงไปตรงมา เขารู้สึกในอกเหมือนมีน้ำเดือดที่กำลังจะล้นออกมา ไม่ว่าจะคำโกหกของพี่ คำสารภาพของพี่ คำพูดของทศวรรษ การกระทำคนละเรื่องของเขา
“โกหก คนโกหก ไหนบอกว่าจะไม่นอนกับเขาไง” รุจน์ตะโกนออกมาอย่างพลุ่งพล่าน ทำไมทุกคนเอาแต่โกหก หลอกลวง จะทำให้เขาเจ็บกันไปถึงไหน

“เดี๋ยว..นี่อย่าบอกนะว่าเกิดหึงขึ้นมา” ทศวรรษคว้าคอเสื้อรุจน์ดึงเขาลุกขึ้นยืน รุจน์หอบหายใจ ดวงตายังจับจ้องทศวรรษอย่างไม่ปล่อยวาง
“ทำไมล่ะก็คุณบอกว่าแค่คบดูใจ จะไม่นอนกับเขา คุณเคยเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นไม่ใช่หรือ พูดว่าเราต้องเลิกกันคุณก็หายไปจากชีวิตผมเลย เจอเมื่อไหร่ก็ผลักไล่ไสส่ง แล้วนี่อะไร คุณพูดว่าจะไม่ยุ่งกับเขา แต่คุณก็ออกมาจากห้องนั้น ถ้าคุณโอเคกับสิ่งที่เลือกแล้ว แน่ใจกับสิ่งที่เลือกแล้ว ผมจะได้ยินดีด้วย แล้วต่อไปอย่ามายุ่งกับผมและเมษาอีก” รุจน์ดึงคอเสื้อกลับ ก่อนจะเดินไปที่ประตู รู้สึกเหมือนกำลังจะละลาย เขาเหนื่อยจนไม่อยากหายใจอีกแล้ว ตอนนี้อยากพบเมษาเหลือเกิน

ทศวรรษเหมือนมีบางสิ่งที่เขาอยากพูดแต่สุดท้ายก็เดินออกจากห้อง รุจน์กลับมาทรุดตัวนั่งที่โต๊ะหยิบเอกสารที่ต้องการออกมาแล้วเดินออกจากห้อง น้ำฟ้าตะโกนทักจากข้างบนเมื่อหล่อนเห็นเขา รุจน์หันไปยิ้มให้แล้วขยิบตาขยับปากไร้เสียงบอกตามสบายนะ น้ำฟ้าโบกมือหัวเราะคิกคัก ทศวรรษเดินออกมากระซิบกระซาบแล้วพาหล่อนกลับเข้าห้อง รุจน์รีบหันหลังกลับเดินไปห้องเก็บภาพพร้อมสมุดรายการในมือ

จรดปากกาเขียนตัวหนังสือตรงหน้าอย่างลำบากรุจน์ถอนใจหลายครั้งพยายามจรดปากอีกครั้ง แต่อารมณ์ที่ไม่สามารถทำให้สงบได้สร้างจินตนาการหลากหลายว่ายวนทำลายสมาธิของเขาจนสะบั้น ทั้งร่างกายของน้ำฟ้า ผิวพรรณที่นวลเนียน วิธีการสัมผัสชายที่หล่อนแสนจะชำนาญ

และทศวรรษเองก็ไม่ได้รังเกียจผู้หญิง เขายังร่วมรักกับผู้หญิงได้ แม้จะชอบผู้ชายมากกว่าก็ตาม รุจน์เอนตัวพิงผนัง ปาปากกาทิ้งอย่างหมดความอดทน เขาไม่แน่ใจอีกแล้วว่าที่จริงเขากังวลเกี่ยวกับความเสียดายน้ำฟ้า หรือกลัวบางสิ่งในตัวทศวรรษจะเปลี่ยนไป รุจน์ออกจากห้องเก็บภาพตรงกลับเข้าห้องทำงานตัวเองโดยไม่เหลือบขึ้นมองห้องทำงานของน้ำฟ้า เขาเก็บทุกอย่างลงลิ้นชักอย่างเร่งรีบ หยิบกุญแจรถแล้วออกจากห้องทำงาน ก้าวพรวดๆออกจากแกลลอรี่

“เฮ้ย เม มีคนมาหาว่ะ” เพื่อนพนักงานคนหนึ่งตะโกนเรียกเมษาจากหลังร้าน เมษาขานรับแล้วเดินตามออกไป รุจน์เห็นพอดีเขารีบสาวเท้าตามเมษา ซีซ่ามาตามนัด เมษาก้าวเข้าไปหาหล่อนพร้อมหยิบเงินที่ใส่ซองเรียบร้อยออกมาจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อน

“นี่ครับ ถ้าไม่พออย่างไรก็บอกนะ” เมษาวางมือบนบ่าของซีซ่า หล่อนโผเข้ากอดเมษาสะอึกสะอื้น เมษาโอบกอดหล่อนปลอบโยน พนักงานคนอื่นที่แอบดูซุบซิบมันปาก อีกด้านรุจน์ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ถึงกับเข่าอ่อน เขาถอยหลบกลับไปทรุดคุกเข่าหอบหายใจรัวที่ข้างรถ ร่างกายอ่อนแรงค่อยๆค้อมลงจนศีรษะแทบจะติดพื้นดิน สองมือกอดตัวเองแน่น อยากจะร้องไห้แต่น้ำตาก็เหือดแห้งหายกลับข้างในหมด รุจน์เงยหน้ายกมือขึ้นเกาะประตูรถยันตัวลุกขึ้น นี่คงเป็นอาการประท้วงของวิญญาณที่กำลังอยากออกจากร่างกายน่าสังเวชนี้เสียให้พ้นๆกระมัง เพราะเขาขอมากไปใช่ไหมคุณโชคชะตาถึงสาปส่งเขาแบบนี้ รุจน์หันหลังพิงรถมองฟากฟ้าที่เริ่มมีเทาครึ้มใกล้มืด คำพูดของพี่ชาย น้ำฟ้า ทศวรรษ และ เมษากับผู้หญิงของเขา

รุจน์หายใจช้าลงอย่างอ่อนล้า ฤาที่จริงแล้วในวังวนชีวิตของทุกคนที่เขารักนั้นไม่ควรมีเขาเข้าไปแทรก สิ่งที่เขาทำก็คือมองอย่างชื่นชมอยู่ห่างๆ เมื่อพลาดเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตทุกคนไปแล้ว เขาก็ควรรีบๆตายไปซะ ชีวิตของทุกคนจะะดีขึ้น เขามันตัวน่ารังเกียจอย่างที่พี่ชายรู้สึกจริงนั่นแหละ รุจน์กดรีโมทก้าวเข้าไปนั่งในรถอย่างหมดแรง คุณโชคชะตาจริงหรือที่เมื่อเช้าเขากับเมษามีความสุขกันทั้งร่างกายและจิตใจ

จริงหรือที่ทศวรรษที่แม้จะไร้หัวใจเย็นชาก็เคยชอบร่างกายเขา จริงหรือที่ทั้งหมดเป็นแค่ความฝันที่ไม่เคยเป็นจริง ความสุข ความทุกข์ในความรักที่ผ่านมาจริงหรือที่แท้มันก็แค่เรื่องเล่าที่จบลงแล้ว รุจน์กัดปากแน่น...ที่แท้แล้วธรรมชาติแห่งชายหญิงต่างหากคือความจริงที่มีตัวตน ร่างกายที่ผิดแผกอย่างเขาสมควรแหลกสลายไปซะ

ผับที่คุ้นเคย เพลงแนวเต้นรำทำนองหนักที่เคยฟัง เตกิล่าที่เคยดื่ม รุจน์แค่รู้สึกคุ้นชินแต่ไม่สนจะทำรื้อฟื้นความจำว่ามาตอนไหนกับใคร เขาแค่อยากปล่อยตัวเองให้ไหลไปกับบางสิ่ง อะไรก็ได้ที่ดูดซึมเขาไว้ ห่อหุ้มเขาให้รู้สึกเบาโหวงกลวงโบ๋ รุจน์หลับตาโยกร่างกายไปกับเสียงเพลงบนฟลอร์ที่ทุกคนสนใจแต่สเต็ปของตัวเองในมือมีแก้วเตกิล่าที่เขาสั่งมาดื่มเป็นแก้วที่เท่าไหร่ไม่คิดจะนับ มือๆหนึ่งแตะเขาที่เอว เตกิล่าถูกดึงจากมือ รุจน์หันกลับมามองคนที่อยู่ด้านหลัง ในความมืดที่มีไฟหลากสีกระพริบพราว แถมด้วยความมึนเมาทำให้รุจน์มองหน้าเขาไม่ชัดเจน แต่กลิ่นน้ำหอมเขาจำได้ดี
“ฉันเห็นที่นายหัวเสียที่แกลลอรี่นะ” ทศวรรษแนบใบหน้ากับซอกคอของรุจน์

“ผมไม่ได้หัวเสีย” รุจน์อ้อแอ้ เขาดันทศวรรษออกห่าง แต่ทศวรรษกลับดึงเอวรุจน์เข้ามาแนบชิดกับลำตัวของเขา
“ปล่อยนะ อย่ามายุ่งกับผม กลับไปซะ กลับไปหาคุณน้ำฟ้าเลย” รุจน์แทบพยุงตัวเองไม่อยู่
“แต่ฉันต้องการนายเดี๋ยวนี้นี่นา” ทศวรรษวางแก้วที่โต๊ะใกล้ แล้วดึงรุจน์ไปด้วยกัน

ในห้องน้ำของผับรุจน์ที่แทบยืนไม่ไหวถูกดันติดผนัง ทศวรรษล็อคประตูแล้วตามมาประกบปากกับรุจน์ กลิ่นบุหรี่ผสมกับแอลกอฮอล์กรุ่นอยู่ในลมหายใจของทศวรรษ รุจน์เม้มปากแน่น พยายามดิ้นรนผลักไสให้พ้นจากริมและวงแขนของทศวรรษ
“ไม่ อย่า” รุจน์พยายามหันหน้าหนี ทว่านิ้วแข็งแรงราวคีมบีบคางบังคับให้รุจน์หันกลับมา กลีบปากถูกเบียดบด รุจน์ยกมือขึ้นปิดป้อง แต่ก็ถูกจับล็อคแขนไขว้ไว้ด้านหลัง

“อย่ามายุ่งกับผม” ห้ามด้วยเสียงอ้อแอ้อู้อี้ แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปไม่อั้นฉีดพล่านอยู่ในเส้นเลือดทั่วสพางค์กาย ผลก็คือร่างกายกำลังมีปฏิกริยาสวนทางกับความคิด ยิ่งพยายามปฏิเสธสัมผัสของทศวรรษ ร่างกายกลับยิ่งอ่อนแรงลงทุกที และดูเหมือนจะยิ่งเป็นการกระพือไฟในกายของทศวรรษให้ยิ่งลุกโชน เขาเบียดตัวแนบกับรุจน์ไล้มือเข้าเล้าโลมรุจน์อย่างดุเดือด

รุจน์อยากจะหลุดพ้นจากพันธการเร่าร้อนนี้ หากแต่กล้ามเนื้อทุกส่วนกลับค่อยๆหยุดนิ่ง ราวเครื่องจักรที่ทยอยดับเครื่องทีละส่วน รุจน์หายใจเร็ว ภายในสมองของเขาเงียบสนิทราวกับจมอยู่ในห้วงอรรณพที่ลึกสุดคณา ทั้งมืดมิด เงียบงัน ไร้ซึ่งความคิด ไร้ซึ่งจินตนาการ มีเพียงโสตเท่านั้นที่ยังรับรู้ถึงความเป็นไปอันสับสนรอบตัว เสียงพูดคุยของคนที่อยู่นอกห้อง เพลงทำนองบ้าระห่ำที่แว่วบางเบาราวห่างไกลจากคนละฝั่งโลก เสียงเคาะประตูเป็นระยะ แต่ทุกรายก็ผละไปมองหาห้องอื่น ใครก็เข้าใจดีที่นี่คือสถานเริงรมย์ที่ไหนก็...เริงรมย์

ทศวรรษกดจูบที่ลำคอ ใบหน้าและริมฝีปากรุจน์ ลมหายใจที่เจือด้วยกลิ่นเหล้าพรมลงผิวหน้าของรุจน์ ที่สุดเขาก็รุกแง้มแทรกลิ้นลื่นเย็นเยียบเข้าไปในกลีบปากของรุจน์ได้สำเร็จ ผิวกายของรุจน์ราวกับถูกเข็มนับพันนับหมื่นตำจนหวิววาบ

“คืนนี้ฉันต้องการนายมากจริงๆ ไม่สามารถทนได้มากกว่านี้อีกแล้ว” ทศวรรษงับริมฝีปากของรุจน์ดูดดื่ม หิวกระหาย สองมือเลื่อนลงแกะกระดุมยีนส์ของรุจน์ รุจน์มองหลอดไฟสีอ่อนบนผนัง บางสิ่งที่มืดดำแผ่ซ่านทั่วร่าง ชายหนุ่มโคลงศีรษะเริ่มสนองรับจูบหนักของทศวรรษที่ต้นคอ ดวงตาปรือมองแสงอันพร่าเลือนพลางถามตัวเอง ไม่ดีหรือไง? ที่ข่าวร้ายของวันนี้ไม่ว่า เขาได้กลายเป็นที่ไม่ต้องการแห่งสายเลือดไปแล้ว มีความจริงอันน่าสลดใจที่มิอาจเชื่อ มีคำหลอกลวง มีคู่รักที่ไม่เกี่ยวกับเขา แต่อย่างน้อยคำพูดเมื่อครู่ก็ทำให้ข่าวน่าสะพรึงเหล่านี้หายไปหนึ่ง เมื่อยังมีคนที่ต้องการเขา

เอาซิเจ้าชีวิตน่าทุเรศ ในเมื่อนายร่วมมือกับคุณโชคชะตาเล่นเกม ก็ทำให้แหลกเละไปเลย รุจน์ไม่ผลักไสอีกแล้ว เขาเปลี่ยนเป็นไขว่คว้าดึงไหล่ของทศวรรษเข้ามาแนบแน่นมากยิ่งขึ้น ทศวรรษดึงกางเกงของรุจน์ลงจนสุดข้อเท้าก่อนจะดึงมันออกจากปลายเท้า ตามอันเดอร์แวร์ม้วนเอาใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง ท่อนล่างอันเปลือยเปล่าของของรุจน์สัมผัสกับอากาศเย็นและแห้งของเครื่องปรับอากาศ

“แล้วคุณน้ำฟ้าล่ะ คุณนอนกับเธอไปแล้วนี่นา” รุจน์กอดคอทศวรรษ
“ฉันไม่ได้นอนกับหล่อน ที่นายเห็นน่ะฉันแค่เข้าไปช่วยหล่อนซ่อมโคมไฟหัวเตียงนายเชื่อฉันไหมล่ะ” ทศวรรษลูบใบหน้าของรุจน์
“คุณไม่ได้โกหกจริงนะ”
ทศวรรษพยักหน้าที่โทรมไปด้วยเหงื่อ รุจน์ก็ไม่ต่างจากเขา

หากแต่ผิวกายกับชื้นด้วยเหงื่อหนืดเหนียว ร่างกายของทั้งสองเบียดแนบแน่นกันอย่างเผ็ดร้อน ทศวรรษปลดเข็มขัดและแกะกระดุมกางเกงร้อนรน รูดซิบลงแล้วจับรุจน์ยกขึ้นดันชิดผนัง สมองที่กลวงโบ๋ทำให้รุจน์เบลอหลอน สองมือของเขาเริ่มไล้ลูบมัดกล้ามแน่นที่หน้าท้องของทศวรรษ สะโพกขยับโยกย้ายยวนเย้า ราวกับจะบอกว่ามาซิ...เอาความปรารถนามาสนุกกับร่างกายนี้ให้เต็มที่ เอาให้สุดๆเลย

“คุณต้องการผมจริงหรือ” รุจน์กระหวัดขารัดรอบเอวทศวรรษ ทศวรรษจูบอกขาวสะอ้านใต้เชิ้ทของรุจน์
“เราไปกันเถอะนะ” ทศวรรษค่อยหย่อนรุจน์ลงสัมผัสกับความกระหายเร่าร้อนของเขา รุจน์เงยหน้าผ่อนหายใจเมื่อสิ่งนั้นเบียดแทรกเข้าร่างกายของเขาอย่างกร้าวร้าว ทศวรรษดันมือกับผนังแล้วเริ่มรุกรานด้วยจังหวะเข้มข้น รุจน์รีบปิดปากเมื่อเผลอครางดัง แต่ก็เปลี่ยนเป็นประกบจูบกับทศวรรษห้ามเสียงแทน ทศวรรษเปลี่ยนมานั่งบนฝาชักโครกให้รุจน์อยู่บนตัวเขา รุจน์เคลื่อนโยกสะโพกช้าๆก่อนจะเร่งเร็วขึ้น ทศวรรษจับต้นขาของเขาคอยควบคุมความราบรื่นของจังหวะ

“สามปีมานี่ร่างกายของนายยังทำให้ฉันเร่าร้อนได้เหมือนเดิม”ทศวรรษกระซิบพร่าข้างใบหน้ารุจน์ขณะจรดจูบเขา รุจน์ซบศีรษะกับศีรษะของทศวรรษ คำพูดของทศวรรษแว่วเสมือนสายลมร้อนในทุ่งหญ้าแห้งแล้ง ได้แต่ผ่านพริ้ว ได้แต่ทำให้ผิวรุมร้อนชื้นชุ่มด้วยเหงื่อ ที่ไหนสักแห่งในโลกนี้มีคนที่ต้องการเขาจริงๆไหมนะ พ่อกับแม่ไม่น่าตายไปเลย พี่ชายเกลียดเขาทำไม เมษาจะพูดเรื่องที่เขาไม่รู้ให้ฟังสักกี่เรื่อง ปิดอีกสักกี่เรื่อง รุจน์กดตัวใส่ทศวรรษแบบไม่ยั้งจังหวะ ความคิดเริ่มแตกกระจายเป็นเสี้ยว จิ๊กซอทุกชิ้นกระจัดกระราย รุจน์กรีดร้องในปากจนอู้อี้แค่ในคอ

เขาพรมจูบทศวรรษทั้งใบหน้าและปากอย่างบ้าคลั่ง ทศวรรษยังไม่มีทีท่าจะอ่อนตัว ความแข็งแรงของเขาทำให้จุดบอบบางของรุจน์เริ่มเจ็บแปลบ ความรู้สึกนี้เรียกรุจน์กลับมาที่ร่างกายที่กำลังแนบชิด เขากอดศีรษะของทศวรรษ อา..นี่เป็นเซ็กส์หลังจากสามปีที่สองร่างกายตกลงสะบั้นสัมพันธ์ลง ต่างฝ่าย ต่างยินยอมปล่อยให้อีกฝ่ายได้ไปพบในสิ่งที่ดีที่สุด รุจน์แนบแก้มกับเส้นผมของทศวรรษแล้วหัวเราะกระซิก น้ำตาคลอ โธ่เอ๋ยแล้วเป็นไง? ต่างคนต่างยังเจ็บปวดเหมือนเดิม โดยเหตุจากความจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ ผิวกายที่ยังต้องการแนบไล้ อารมณ์รักที่ครุกรุ่นยามร่วมรัก จังหวะรักอันคุ้นเคยต่อทศวรรษ ไม่ได้จากไปไหน หากแต่ถูกกักขักเนิ่นนาน นานเสียเหลือเกิน สามปีที่ผ่านมาในทีท่าที่เหมือนสงบนิ่งห่างเหิน ปรารถนาภายในกลับทุรนทุรายกับโซ่ตรวนแห่งทิฐิ อึดอัดอยู่ในที่คุมขังอันลึกสุดคณาในห้วงทะเลใจ

“ผมคิดถึงคุณฮะ คุณทศ” รุจน์หอบ เขากำลังจะแตกสลาย รู้สึกเหมือนความตายอยู่แค่เอื้อม การเกิดใหม่กำลังเบ่งบาน
“ก็อยู่กับฉันเหมือนที่เราเคยเป็นซิ” ทศวรรษก้มลงโลมไล้ปลายอกสีชมพูของรุจน์ที่ซ่อนตัวใต้เสื้อที่ปลดกระดุมจนเกือบหมด
“อ้า อ้า คุณทศผม…” รุจน์ไม่หยุดยั้งจังหวะของตัวเอง เขากอดทศวรรษแน่น เหมือนอาหารถูกลิ้นแล้วไม่ได้กินมาแสนนาน แล้วได้มาลิ้มอีกครั้ง เหมือนเพลงรักอันคุ้นเคยกลับลืมเลือน จนได้กลับมาร้องใหม่ นี่ไงล่ะเซ็กส์ระหว่างเขาและทศวรรษ ที่แม้จะขมจนแทบอาเจียนแต่ก็เคยลิ้มลองกันมาอย่างไม่รู้เบื่อ เมื่อกลับมาลิ้มลองอีกครั้งรสชาดกลับหวานลิ้นจนไม่สามารถหยุดลิ้มได้

“คุณทศ” รุจน์กอดทศวรรษแน่นขึ้นราวกับกลัวจะสูญเสียเขาในระหว่างบรรเลงทำนองรัก
“ฉันอยู่กับนายตรงนี้ไง” ทศวรรษดันสะโพกเข้าใส่รุจน์ รุจน์เอนร่างกายที่สั่นสะท้านไปด้านหลังมือยันกับขาของทศวรรษแล้วบิดเร่าร่างกายอย่างหรรษา
“ดีจัง”

รุจน์ตื่นขึ้นมาด้วยสมองที่ขาวโพลน เขาพริบตามองรอบตัวแล้วสะดุ้งผุดลุกขึ้น ด้านหลังเจ็บร้าวจนต้องหยุดการเคลื่อนไหวชั่วขณะ แขนของทศวรรษที่กอดเขาไว้ หลุดจากตัว ทศวรรษพลิกตัวหันไปอีกด้าน รุจน์มองตัวเองที่เปล่าเปลือยพร้อมรอยจ้ำแดงเต็มตัวแล้วร้องไม่ออก หัวที่ปวดใกล้แตกเป็นเสี่ยงจากอาการเมาค้าง พยายามสลับเหตุการณ์เมื่อคืนจวบจนรุ่งสาง ทว่าไม่เป็นผล

รุจน์ผวาไปหยิบเสื้อผ้าที่กองปลายเตียงด้วยหัวใจที่สั่นรัว เหล้า เต้นรำ ห้องน้ำ และเซ็กส์ แล้วต่อจากนั้นล่ะ รุจน์ตัวอ่อนทิ้งตัวนั่งที่ปลายเตียงมองรอบตัว ห้องของทศวรรษ ห้องนอนที่เพนเฮ้าส์ของเขา ทศวรรษกับเขาระห่ำกับเซ็กส์ทั้งคืน รุจน์หายใจขัดหันกลับไปมองทศวรรษที่ยังหลับสบาย

“จะออกไปตอนนี้ก็ได้นะ แต่ถ้าจะรอออกไปด้วยกันก็อีกสักพักใหญ่นะฉันยังเพลียอยู่เลย นายกับฉันเก็บกดมากไปหน่อย” เสียงนั่นดังมาจากแผ่นหลังของทศวรรษ รุจน์หยิบอันเดอร์แวร์มาสอดขาใส่ โทรศัพท์มือถือเขาดังมาจากกระเป๋ากางเกงที่กองอยู่ใกล้ๆ รุจน์ลืมมองเบอร์และรับ
“ผู้จัดการหรือครับ”เสียงเมษาสดใสมาตามสาย
“เมื่อวานทุกอย่างโอเคไหมครับ”
รุจน์แทบกระอักน้ำดีในท้องว่างออกมา

“ผู้จัดการค้างที่บ้านพี่ชายหรือครับ ผมโทรเข้าบ้านแล้วไม่มีคนรับ”
“เอ้อ อ่า ใช่” รุจน์ตามน้ำอย่างช่วยไม่ได้ ทศวรรษขยับตัวคลานเข้ามาใกล้ ดึงอันเดอร์แวร์ออกจากข้อเท้าของรุจน์ออก ทศวรรษยิ้มพอใจเมื่อเห็นสร้อยแวววาวที่ข้อเท้า
“วันนี้ผมมีธุระนิดหน่อยคงไปหาไม่ได้ช่วงเช้า แต่จะไปหาช่วงบ่ายนะครับ ผู้จัดการจะได้มีเวลากับพี่ชายอีกหน่อย” เมษาหัวเราะเสียงใส แต่รุจน์กำลังหายใจไม่ออกทศวรรษจับเขานอนลงแล้วแยกเข่าของเขาออกจากกัน จากนั้นแทรกตัวลงตรงกลางก้มหน้าลงที่กลางลำตัวของรุจน์

“อือออ ได้” รุจน์พยายามทำให้เสียงเป็นปกติ ทั้งที่ร่างกายเริ่มเบาหวิววาบ
“เราทานมื้อค่ำด้วยกันนะ ผมอยากทำอาหารให้ผู้จัดการทาน อาหารที่แม่ผมสอนให้ผมทำ แม่บอกว่าไว้ทำมัดใจคนรัก” เมษายังจ้อแจ้วในสาย รุจน์ระบายหายใจปรือตา เสียงของเมษาราวกระซิบมาจากนอกโลก ช่างไกลเหลือเกิน
“ผู้จัดการฟังอยุ่หรือเปล่า”

“อืม ฟังดูวิเศษมากเลย ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายตั้งเยอะ” รุจน์หอบเอามือปิดลำโพง ครู่เดียวร่างกายก็บิดเกร็งแล้วอ่อนยวบ ทศวรรษเงยหน้าขึ้นเลียริมฝีปาก
“เรื่องอะไรเอ่ย อืมไม่เป็นไรไว้เจอก็คุยกันนะครับ”
รุจน์หลับตาฟังเพลินแต่ก็ต้องสะดุ้งเบิกตากว้าง เมื่อทศวรรษดุนดันเข้ามาในร่างกาย

“คะแค่นี่ก่อนนะฉันกำลังรีบจะออกไปกับพี่น่ะ” กายของรุจน์เริ่มสั่นสะเทือนจากการเคลื่อนไหวหนักหน่วงของทศวรรษ
“ได้ครับ แล้วเจอกันนะครับ”เมษาส่งจูบในสาย รุจน์ไม่มีเวลาได้ซึมซาบด้วยร่างกายของเขากำลังถูกรุกล้ำอย่างดุดัน

“คุณทศ ทำไมคุณทำแบบนี้ผมกำลังพูดสายอยู่” รุจน์ทุบตีทศวรรษ
“น่าสนุกไม่ใช่หรือ พูดสายกับอีกคนขณะฟาดอยู่กับอีกคน ไม่สนุกหรือ ฉันสนุกจะตาย” ทศวรรษขยับแรงขึ้นอีกรุจน์กัดปาก หลับตาพ่นหายใจ
“ฉันอยากรู้จริงๆว่าของนายนี่เคยเหือดแห้งจากน้ำรักของพวกเราไหม ฉันหมายถึง ไอ้บ้านั่นแล้วก็ฉัน” ทศวรรษค้อมตัวลงกระซิบ รุจน์ลืมตามองเพดาน นี่เขาอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร
รุจน์ยังคงร่วมรักกับทศวรรษอีกในบทที่สองของเช้านี้
ทั้งที่ใจแข็งขืน หากแต่ร่างกายกลับโอนอ่อนยินยอม ทั้งที่ปวดหัวจากเมาค้างที่ไม่ยอมหายไปโดยง่าย หากแต่ร่างกายกลับทนให้เซ็กส์ดำเนินไปกับความป่วยไข้ ด้วยว่าเวลาสามปีกับหลุมกว้างลึกล้ำในใจยังไม่สามารถเติมให้เต็มถมให้มิด ด้วยใจที่พร่ำบอก ด้วยเรือนกายที่ยังคงจำความคุ้นเคยแห่งพิศวาสได้ รุจบอกตัวเอง ใช่แล้วนี่คือทศวรรษที่แสนคนึงหา เขากอดทศวรรษอย่างไม่รู้เลิก จูบกับเขาอย่างไม่รู้พอ แอ่นเรือนร่างรับสัมผัสภายใจจากเขาอย่างไม่รู้จักอิ่มเอม ปล่อยให้การร่วมรักจึงดำเนินไปอย่างบทต่อบท รุจน์ร้องครวญคราง ร่างกายอ่อนปวกเปียกเมื่อทศวรรษเร่งเคลื่อนไหวสู่จุดสุดยอด
“อ๊ะๆๆ คุณทศ แรงอีกครับ แรงอีก” รุจน์จับแขนของทศวรรษที่ยันไว้ข้างกายเขา ทศวรรษกระแทกจังหวะอีกครู่ใหญ่จึงทรุดฮวบบนตัวของรุจน์ ความต้องการของเขาไต่ถึงยอดภูผาแล้วโยนตัวลงเวิ้งลึกเบื้องล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับร่างกายที่แสนคิดถึงและโหยหา รุจน์เหงื่อชุ่มทศวรรษก็เช่นเดียวกัน เหงื่อมีส่วนช่วยทำให้ส่วนที่ฝืดฝืนราบรื่น ทศวรรษพลิกตัวลงนอนคู่กับรุจน์ ทั้งสองนอนมองเพดานกันเนิ่นนาน ก่อนรุจน์จะยันตัวลุกขึ้น แล้วร่างกายก็ฟ้องว่ามันยากเย็นจากเนื้อตัวที่เจ็บระบม ทศวรรษก็คือทศวรรษเขาไม่เคยยั้งกับเซ็กส์

“แอร์คงปรับอากาศเย็นให้เราไม่ไหว เราร้อนแรงกันตลอด นี่คงพังไปแล้ว ร้อนจริงๆ” ทศวรรษลุกขึ้นกอดรุจน์จากด้านหลัง
“ผมต้องกลับแล้วล่ะ ผมเหนื่อยมาก ผมไม่ไหวแล้ว” รุจน์หยิบกองเสื้อผ้า ทศวรรษเอียงคอมองพักหนึ่งแล้ว ดึงข้อเท้าของรุจน์
“อ๊ะ! คุณทศ”

“นายยังใส่มันไว้นี่เพื่ออะไรกัน เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าหากไม่มีใจให้กันแล้วก็ให้ถอดมันออกซะ” ทศวรรษจ้องหน้ารุจน์ รุจน์คิดอยากจะพูดมากมาย อย่างเช่น ก็มันแพงนี่ครับ ก็ผมยังเสียดาย ก็อยากรู้ว่าคุณจะว่าอย่างไรที่เห็นสร้อยนี้ขณะที่ผมร่วมรักกับใครทุกคนที่ไม่ใช่คุณ อยากพูดอีกมากมาย ทว่าพอจะเอ่ยออกไปทุกคำกลับไหลกลับลงคอจนหมด
“ตอนนายนอนกับไอ้เด็กบ้านั่นมันก็อยู่กับข้อเท้าที่นายเอาไปกอดก่ายกับมันซินะ ใช่ไหม?” ทศวรรษลูบไล้ข้อเท้า รุจน์ห่อไหล่หลับตา

“ก็คุณให้ผมแล้วผมจะใส่หรือไม่ก็สิทธิ์ของผมนี่” รุจน์ก้มหน้า สมองคล้ายจะยิ่งขยายตัวจนคับกระโหลก ปวดจนแทบระเบิด จะผ่านไปกี่วัน กี่เดือน กี่ปี เขาก็ยังหวาดหวั่นต่อปฏิกริยาของทศวรรษ
“เหรอ คิดแบบนั้นหรือ” ทศวรรษพยักหน้ามองรอบห้อง
“แล้วตอนนี้นายคิดอย่างไงกับฉัน” ทศวรรษจับสายสร้อยที่ข้อเท้าของรุจน์

“สำหรับคุณทศที่กำลังคบหาอยู่กับเจ้านายของผม ผมจะคิดอย่างไรกับคุณได้ครับ”
“ฉันไม่เอาคำประชด ไม่เอาความต้องการเอาชนะของนาย” ทศวรรษเกี่ยวนิ้วกับสร้อย ดึงแรง
“เอาซิครับ ทำให้ขาดเลยแล้วเราก็ขาดกันชั่วชีวิตไปเลย” รุจน์กัดปากจ้องทศวรรษ
“ตอบคำถามฉันเดี๋ยวนี้อย่ามาเบนประเด็น!”

เมษาวางของที่ซื้อมาจากซูปเปอร์มาร์เก็ตบนโต๊ะ หยิบกระดาษโน๊ตออกมาทบทวน ทุกอย่างดูเหมือนจะครบครันตามรายการเขาจึงทยอยเอาใส่ตู้เย็น ปิดตู้เย็นแล้วเดินมาเปิดม่านที่ระเบียง ข้างนอกท้องฟ้ากระจ่างแจ่มใส เมฆขาวก้อนเล็กก้อนใหญ่กระจายลอยฟ่องโดยมีท้องฟ้าสีครามสว่างเป็นพื้นหลัง เมษากอดอกเอนตัวพิงกรอบกระจกใส ทอดสายตาพลางอมยิ้ม
มีเพลงท่อนเพลงที่เขาชอบฟังกำลังกังวาลคลอเคลียคำนึง เมษาหลับตาพร้อมพึมพัมท่อนเพลงนั้น.....

最後の夜の ぬくもりが今
まるで君のように 一歩ずつ遠ざかる
あんなに笑い あんなに泣いて
さびしがってばかりの 君はもういないんだ
あの街も あの海も あの夜空も
消えてしまう
ความอบอุ่นของเราเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา อีกไม่นานก็คงจางสลายทีละน้อย เหมือนดั่งกับคุณ คุณเคยหัวเราะและคร่ำครวญหวนไห้สุดแสน คุณเคยโดดเดี่ยว และตอนนี้ก็ไม่มีคุณอีกต่อไปแล้ว เมืองนั้น ทะเลที่นั่น นภายามรัตติกาลของที่นั่นก็ได้ดับหายไปแล้ว(อ้างอิงบางส่วนของเพลง Blue Tuesday โดย Kat tun)

เมษาลืมตาถอนใจ แสงเงาที่ทอดลงใบหน้าทำให้รอยยิ้มที่ผุดบนใบหน้างดงามราวภาพ เขาหยิบกุญแจของรุจน์ขึ้นมากำพลางหันไปมองรอบห้อง
“ผู้จัดการครับ คุณอาจจะเคยร้องไห้เคยหัวเราะมามากมาย แต่ไม่ว่าคุณจะหัวเราะหรือร้องไห้แบบไหนมาก่อน ไม่ว่าจะเจ็บปวดขนาดไหนในอดีต ลืมมันเสีย ต่อจากนี้ขอให้มีความสุขเถอะนะครับ ผมอยากให้คุณยิ้มทุกวัน อยากให้มีสุขนับจากนี้ อะไรที่ผมสามารถมอบให้ได้ผมจะทำอย่างเต็มที่ครับ คุณคงไม่รู้ซินะครับว่าผมดีใจแค่ไหนที่ได้รู้ว่าคุณกับพี่ชายสามารถพูดคุยและไปกันด้วยดีแล้ว




Create Date : 12 ตุลาคม 2554
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2555 20:31:20 น.
Counter : 245 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

vannessia
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]