Baramos Maniac
Group Blog
 
All Blogs
 

บทนำ หุบผาแสงจันทร์




หอคอยดำทะมึนตั้งอยู่โดดเดี่ยวบนผาสูงชัน ทาบยอดแหลมเสียดท้องนภายามราตรีที่สุกสกาว ไม่ต่างอะไรกับอสุรกายอัปลักษณ์ที่ใคร่จะเอื้อมถึงเทพีจันทราผู้ลอยอยู่เกือบกึ่งกลางฟ้า


ตัวหอคอยคงผ่านกาลเวลามายาวนานเมื่อดูจากด้านข้างกำแพงหินที่มีตะไคร่น้ำและเฟิร์นขึ้นปกคลุมอยู่เป็นช่วงๆ หินแทบทุกก้อนมีรอยสลักด้วยอักขระมนตราอันเก่าแก่กำกับไว้


ลึกลงไปในหุบเหวต่ำใต้คือลำน้ำสีเงินที่ไหลเซาะผาหินเป็นเส้นยาวไปจนสุดสายตา ระลอกคลื่นเล็กๆสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายระยิบระยับก่อนจะสาดซัดกระทบริมฝั่ง อันเป็นที่ตั้งของป่าสนดึกดำบรรพ์ซึ่งกินบริเวณกว้างไปเกือบทั่วหุบเขา


สายลมที่พัดกรูขึ้นจากหน้าผาส่งเสียงกรีดหวีดหวิว ยามเมื่อพัดลอดผ่านช่องหินซึ่งผุกร่อนด้วยกาลเวลา... หากเงาร่างแบบบางริมหน้าต่างกลับไม่ไหวติง


ผ้าคลุมสีดำปลิวแนบกายขับเน้นให้เห็นถึงเค้าโครงเส้นสายอันอ่อนช้อยงดงามของอิสตรี แต่เจ้าตัวดูราวจะไม่เอาใจใส่กับแรงลมที่คล้ายจะหอบเอาร่างงามซึ่งยืนหมิ่นเหม่เสียเหลือเกินนั้นให้พลัดตกลงมาได้ทุกเมื่อ


สิ่งเดียวในร่างที่บ่งบอกถึงประกายชีวิตคือแววตาสีทองที่สะท้อนแสงจันทร์กระจ่าง



...แววตาซึ่งวูบไหวไปตามแรงอารมณ์ที่สับสน ทั้งรักใคร่อาวรณ์ หากก็เศร้าสลด...และไม่เข้าใจ.....



"...ฮาร์น..."



เรียวปากบางสีแดงสดพึมพำแผ่วเบา... ดวงหน้างามเฉิดเปี่ยมเสน่ห์แห่งปีศาจแฝงแววเศร้าหมองก่อนจะแปรเป็นโกรธเกรี้ยว


จันทร์เสี้ยวสีทองที่ลอยเด่นอยู่กลางฟ้าสะท้อนเงาลงบนดวงตาสีเดียวกัน หยาดน้ำใสคลอคลอง...ก่อนรินลงมาช้าๆตามแก้มเนียน เจ้าตัวไม่แม้แต่จะเช็ด หากปล่อยให้สายลมทำหน้าที่ซับน้ำตาหยดนั้นแทนมือบางที่ขณะนี้กำแน่นจนสั่นระริก


"เจ้าลืมข้าไปแล้วใช่ไหม..."


สายลมยังคงพัดกระหน่ำ พาเอาคำถามนั้นให้ปลิวหายไปในอากาศ พร้อมกับหอบกลุ่มเมฆเข้ามาบังท้องฟ้าที่เมื่อครู่ยังคงแจ่มใส เส้นผมสีทองหยักเป็นลอนสลวยพัดไปล่ปลิวสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกาย ก่อนที่เงาดำจะบดบังให้บริเวณรอบข้างตกอยู่ในความมืด


เสียงหมาป่าหอนกรูเกรียว ราวกับจะขานรับเสียงโหยหวนเย็นยะเยือกที่ทำให้เลือดในกายแทบทุกหยดของผู้ได้ฟังกลายเป็นน้ำแข็ง


...เสียงที่ราวกับจะคร่ำครวญหวนไห้ถึงความอ้างว้างเดียวดายและความคิดคำนึงที่มีต่อใครบางคนนั้นดังสะท้อนก้องกังวานไปทั่วหุบผา


เสียงที่แหวกเมฆสีนิลให้เคลื่อนคล้อย...เผยโฉมราชินีแห่งรัตติกาลกลางห้วงหาวอีกครั้ง



หมาป่าตัวใหญ่ยืนเด่นอยู่ใต้แสงจันทร์ ขนฟูเป็นประกายราวกับถูกย้อมด้วยรัศมีสีทองตลอดร่าง นัยน์ตาสีเดียวกับจันทรากลางฟ้าเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังของปีศาจ มนต์เสน่ห์ที่ดึงดูดมนุษย์ให้บ้าคลั่ง หลงใหล และกระชากวิญญาณให้ตามติดไปสู่ปรภพ...



เสียงหนึ่งแว่วมากับสายลมก่อนที่ร่างหมาป่าสีทองจะกระโดดลับไปจากสายตา




"เสียใจด้วย ฮาร์น ข้าไม่มีวันยอมให้เจ้าลืมข้าเป็นอันขาด!"






 

Create Date : 16 มกราคม 2549    
Last Update : 17 มกราคม 2549 19:34:50 น.
Counter : 768 Pageviews.  

คุยกันก่อนเข้าเรื่อง



ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าฟิคเรื่องนี้อาศัยพื้นฐานและเรื่องราวของตัวละครบางตัวจากแฟนฟิคบารามอสเรื่องรักของปีศาจ ของคุณ kiria และ Follow my heart ของคุณ +Elleda+ นะเจ้าคะ


โดยเรื่องแรกจะยืมตัวละครท่านเคานท์หมาป่าลูอิช เดอแคลร์ ส่วนเรื่องหลังจะยืมตัวละครฮาร์น พ่อยมทูตสุดเท่ห์ค่ะ


ขอบพระคุณคนเขียนมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ข้าพเจ้าจะพยายามรักษาคาแร็กเตอร์ไว้เป็นอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใครที่สงสัยว่าตัวละครที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงเป็นยังไง เรียนเชิญไปอ่านได้ในฟิคของทั้งสองท่านที่กล่าวถึงเจ้าค่ะ รับรองสนุกมากมาย แล้วท่านก็จะตกหลุมรักอย่างช่วยไม่ได้แบบข้าพเจ้า = =+


ใครที่อยากรู้ว่าฟิคบารามอสที่ว่ามาสนุกขนาดไหนถึงทำเอาข้าพเจ้าเป็นบ้ามานั่งแต่งฟิคออฟฟิคอีกที เชิญไปสัมผัสด้วยตัวท่านเองได้เลยค่ะ ตามลิงค์นี้


ฟิคบารามอส: รักของปีศาจ ( เรื่องของ อลิเซีย บาโร) โดย Kiria

//www.dek-d.com/entertain/view.php?id=55929



[FIC หัวโมย แห่ง บารามอส Baramos] Follow my Heart... โดย *+Elleda+*

//www.dek-d.com/entertain/view.php?id=73806&from_entertain=1



ป.ล. kiria บอกมาว่าท่านเคานท์ลูอิชเป็นตัวละครที่คนอ่านใจดีส่งเข้ามาให้เธอ ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด แต่ขอขอบพระคุณผู้อ่านท่านนั้นมา ณ ที่นี้ด้วยนะเจ้าคะ



ส่วนเรื่องราวในอดีตของคู่หูนักบวชซาตาน Laurence & Lucas ข้าพเจ้าใช้ Fanfic หัวขโมยแห่งบารามอส เรื่อง o๐.Fic. บารามอส ตอนพิเศษเฉพาะกิจ.๐o ของ bluepearl ซึ่งเป็นฟิคบารามอสอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าชอบมากๆ มาเป็นพื้นฐาน


ความวุ่นวายของคู่หูดูโอนี้จะเป็นอย่างไร เพื่อความไม่สับสนและช่วยให้รื่นรมย์กับแฟนฟิคของข้าพเจ้ายิ่งๆขึ้นไปอีก ขอเชิญทุกท่านตามลิงค์ไปอ่านเรื่องราวของคู่ดูโอสุดป็อบปูลาร์ได้ก่อนจะเริ่มต้นเดินทางไปกับท่านหญิงหมาป่าจากฟิคข้างล่างนี้



o๐.Fic. บารามอส ตอนพิเศษเฉพาะกิจ.๐o ของ bluepearl

//www.dek-d.com/entertain/view.php?id=79021&from_entertain=1



****เพิ่มเติมอีกหน****

อ้อ...ถ้าใครเคยอ่านเรื่องพันหนึ่งเม็ดทราย ของฯคีตกาล ไม่ต้องแปลกใจนะเจ้าคะว่าทำไมคำบางคำและความคิดบางเรื่องถึงสะท้อนออกมาในฟิคข้าพเจ้า เนื่องจากคนเขียนเป็นแฟนเหนียวหนึบของนวนิยายเรื่องนี้เจ้าค่ะ ชอบเอามากๆ


นอกจากนั้น ฮาร์นฉบับออริจินัลของ elleda ก็ได้อิทธิพลมาจากนวนิยายเรื่องนี้มากโขอยู่ นอกจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องเซรีญาของพัณณิดาก็ส่งอิทธิพลกับฟิคข้าพเจ้ามากเหมือนกัน...


ทั้งพันหนึ่งเม็ดทรายและเซรีญาเป็นนวนิยายที่สนุกมากกกก...เจ้าค่ะ รับรองความคุ้มค่าเลยถ้าจะไปซื้อหามาอ่าน














ก่อนที่ท่านจะเดินทางเข้าสู่ฟิคนี้


ข้าพเจ้าอยากถามท่านว่า... ความรักคืออะไร


ถ้าท่านยังไม่อาจให้คำตอบได้ ข้าพเจ้าอยากให้ท่านฟังคำนิยามแห่งรักที่คาลิล ยิบรานกล่าวไว้ใน The Prophet สักเล็กน้อย...




...เมื่อความรักร้องเรียกเธอ จงตามมันไป

แม้ว่าทางของมันนั้นจะขรุขระและชันเพียงใด

และเมื่อปีกของมันโอบรอบกายเธอ จงยอมทน

แม้ว่าหนามแหลมอันซ่อนอยู่ในปีกนั้นจะทิ่มแทงเธอ

และเมื่อมันพูดกับเธอ จงเชื่อตาม

แม้ว่าเสียงของมันจะทำลายความฝันของเธอ

ดั่งลมเหนือพัดกระหน่ำสวนดอกไม้ให้แหลกลาญไปฉะนั้น




ความรักจะรวบรวมเธอเข้าดังฝักข้าวโพด

มันจะแกะเธอออกจนเปลือยเปล่า แล้วมันจะล่อนเพื่อให้เธอหลุดจากเปลือก

มันจะบดเธอจนเป็นผงขาว แล้วก็จะขยำจนเธออ่อนเปียก

แล้วมันก็จะนำเธอเข้าสู่ไฟอันศักดิ์สิทธิ์ของมัน

เพื่อว่าเธอจะได้กลายเป็นอาหารทิพย์ของพระเจ้า




ความรักไม่ให้สิ่งอื่นใดนอกจากตนเอง

และก็ไม่รับเอาสิ่งใด นอกจากตนเอง

ความรักไม่ครอบครอง และก็ไม่ยอมถูกครอบครอง

เพราะความรักนั้นพอเพียงแล้วสำหรับตอบความรัก




จงรักกันและกัน แต่อย่าสร้างพันธะแห่งความรัก

และขอให้ความรักนั้น เป็นเสมือนห้วงสมุทรอันเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างฝั่งแห่งวิญญาณของเธอทั้งสอง

จงเติมถ้วยของกันและกัน แต่อย่าดื่มจากถ้วยเดียวกัน

จงให้ขนมปังแก่กัน แต่อย่ากัดกินจากก้อนเดียวกัน

จงร้องและเริงรำด้วยกันและจงมีความบันเทิง

แต่ขอให้แต่ละคนได้มีโอกาสอยู่โดดเดี่ยว

ดังเช่นสายพิณนั้น ต่างอยู่โดดเดี่ยว

แต่ว่าสั่นสะเทือนด้วยทำนองดนตรีเดียวกัน



จงมอบดวงใจ แต่มิใช่อีกฝ่ายหนึ่ง

เพราะหัตถ์แห่งชีวิตอมตะเท่านั้น ที่จะรับดวงใจของเธอไว้ได้

และจงยืนอยู่ด้วยกัน แต่ว่าอย่าใกล้กันนัก

เพราะว่าเสาหินของวิหาร ก็ยืนอยู่ห่างกัน

และต้นโพธิ์ ต้นไทร ก็ไม่อาจเติบโตใต้ร่มเงาของกันได้"




(จากหนังสือปรัชญาชีวิต แปลโดยระวี ภาวิไล)







...ข้าพเจ้ารู้ว่าคำตอบนี้อาจไม่ใช่นิยามความรักของท่าน

และข้าพเจ้าหวังเพียงว่า...

สักวันท่านจะค้นพบคำตอบของท่านเอง



ขออวยพรให้การเดินทางแสวงหาความรักของท่าน

จงคุ้มค่าเฉกเช่นท่านหญิงหมาป่าที่ข้าพเจ้าแสนรัก

และเป็นเหมือนกับเพลงที่เธอร้องติดปากเสมอ..เสมอ...




...Dance like no one's watching,

Love like you've never been hurt,

Live like there's no tomorrow...





ยามร่ายรำ... จงเป็นปักษา

มิมีสายตา ดูแคลนจับจ้อง


ยามหลงรัก... จงใฝ่ปอง

ดุจไร้ครรลอง เคยจารเจ็บช้ำ


ยามชีพคง... จงจดจำ

สุขทุกข์ให้หนำ เฉกไร้วันพรุ่ง...


ดอกไม้เอ๋ย... อวลอายจรุง...

กลิ่นยังหอมฟุ้ง แม้กลีบราโรยหล่นเอย...







 

Create Date : 16 มกราคม 2549    
Last Update : 16 มกราคม 2549 16:58:09 น.
Counter : 1477 Pageviews.  

1  2  3  4  

vana-chan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add vana-chan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.