ฟังกี่ครั้งก็รู้สึกดี
ปิดตาหลับแล้วก็ขับตานอน สี่โมงเย็นลุกออกจากเตียง เริ่มต้นชีวิตอีกตอน ตามที่พระท่านสอนท่านสั่งท่านสอนประศาสนพร โลกมนุษย์ปุถุชนก็ไม่ต่างจากละคร ลุ่มร้อนลุ่มหลงล้วนแต่แฝงด้วยประสงค์ บ้างติดการพนัน บ้างก็หันไปติดผง บางคนก็ไม่สนที่ Ent ไม่ติดจุฬาฯ คิดว่าโชคดีนักหนาเท่าไรแล้วที่มีบุญได้เกิดมา ?? !!ยังไม่มีภรรยาก็ไม่ถึงกับพรรณนา ไม่มีแก้วแหวนเงินทองก็ไม่เดือดร้อนร้องขอกับจันทรา จันทร์เจ้าขา ฉันไม่ขอข้าวขอแกง ฉันไม่ขอแหวนทองแดง ขอแค่พรุ่งนี้ให้ฉันยังมีแรง ต่อสู้ กับอุปสรรคที่ผ่านเข้ามา * ให้กายใจฉันยังไม่อ่อนล้า กับเรื่องราวที่ทำเธอเป็นเหน็บชา เหนื่อยนัก ถ้าอยากจะพักก็ปิดตา ล้มตัวลงนอนให้ใจพักผ่อนกับกายาI'm so young อย่าเพิ่งพากันชังอยากให้เปิดใจฟัง อย่าเพิ่งเดินหนีปิดประตูปังๆ ดังๆ บ้างครั้งที่ผมน่ะดื้อรั้น ที่ผมทำผิดพลั้ง ที่ผมทำความผิดซ้ำ ย้ำ ตอก ให้คนพากันมองผ่านผู้ใหญ่มองดูแค่เปลือกแล้วบอกว่าผมไม่เอาถ่าน *ไม่ยอมอ่านถึงเบื้องลึก ถึงจิตใจไม่ทันได้มองสักนิด ไม่ทันใกล้ชิดก็ปิดไฟ แล้วจากไป ทำใจ อยู่ลำพัง ไม่เป็นไรใครไม่ฟัง จะทำยังไงก็ในเมื่อชีพยังไม่พัง ทลาย ยังไม่ตาย ยังไม่วาย ยังไม่คลาย หน้าไม่อาย ตาไม่ลาย ลูกผู้หญิง จะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ *จะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ล้มแล้วยังลุกได้มีแต่ความตายเท่านั้นที่แพ้พ่าย ตลอดกาล ข้ามมหรรณพสายธาร ปลิดปลงแต่วิญญาณแล้วเสพซึ้งถึงนิพพาน *ก็เดินไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง ที่พอทำอะไรผิดแล้วเอาแป๊ะเจี๊ยะมาใส่ซอง ไม่มีบ้านหลังใหญ่ ไม่มีรถซีตรอง แต่กายมือเท้าฉันยังอยู่ครบครันทั้ง สามสิบสอง ได้ครอบครอง ทางเดินชีวิตของตัวเอง ไม่ต้องขมขื่นฝืนทนกล้ำกลืนแม้ว่ามันจะวังเวงไม่เคยกลัวเกรง ตัวเองต้องพึ่งตน อย่างน้อยฉันก็ภูมิใจที่ยังได้เกิดมาเป็นคน !! *ได้สู้ทน ได้ดิ้นรนชีวิตบนถนน หลายครั้งที่ฉันล้มลงแต่ไม่เคยยอมเลยสักหน หลายครั้งสับสนกับความฉ้อฉลของสังคม เมืองที่วุ่นวายโวกเวก วิเวกและวกวน เดินชนปัญหากับกิเลสตัณหา - ที่มีเพียงใจของฉันเป็นเพื่อนให้คำปรึกษา อบายมุขล้มแล้วลุก สุขและทุกข์นี่ละหนา ดันเกิดมาเป็นมนุษย์มันช่างเป็นเรื่องธรรมดา-** ~ไม่มีใครรักไม่มีใครสน แค่คิดถึงฝันฉันก็สุขล้น เท่านี้ฉันก็เพียงพอและไม่เสียใจ ก็มีหนึ่งวันที่คนจะสน และในวันนั้นตัวฉันคงหลุดพ้น ปล่อยใจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วขอนอนก่อน ~**font>