People Don't Change!
 
**ITALY** [ Milano ]

อรุณสวัสดิ์มิลาน .....

เจอแดดอ่อนๆ ยามเช้า หวังในใจลึก ๆ ว่าคงไม่มีฝน และแดดก็คงไม่ร้อนจนเกินไป... (แต่จนแล้วจนรอดก็ร้อนจนตับแทบแตก ถึงว่า..ซื้อ lotto ทีไรไม่เคยถูก )

หมาน้อยหลับอยู่บนระเบียง คงอยากลงไปข้างล่างเต็มแก่แล้ว เห็นเขากระวนกระวาย แล้วก็หลับต่ออย่างที่เห็น (สงสัยนายยังไม่ตื่นนอน)



เราสองคนทานอาหารเช้าแล้วก็เช็คเอ้าท์แล้วมุ่งหน้าสู่ Duomo ทันที เพราะเรามีเวลาที่ Milan แค่ครึ่งวันเองครับ แผนก็คือจะต้องจับรถไฟไปเที่ยวปิซ่าในวันเดียวกัน (ทัวร์ทรหดมาก ๆ แต่ก็นะพักร้อนได้แค่นี้แหละ จะเอาอะไรมากมาย)

เช้า ๆ แบบนี้คนน้อยมากครับ แถมร้านค้าก็ยังไม่เปิด เห็นโฆษณาหน้าร้านแต่ละร้าน แล้วอยากเข้ามาก ๆ ลดราคาห้าสิบเปอร์เซนต์กันทั้งนั้น



เดินผ่านสี่แยกใหญ่แถว ๆ โรงแรมซึ่งจำไม่ได้ว่าอันนี้คืออะไรครับ (ปลาทองมาก ๆ ทริปนี้)



ผ่านหน้า museum ในสวน Giardini ครับ ไม่มีเวลาแวะเหมือนเดิม



ชอบตึกแบบนี้จังครับ ถ้าห้องอยู่ตรงโค้ง ๆ พอดีคงเสียวพิลึก



เดินหลงไปไหนก็ไม่รู้วันนั้น แต่อันนี้น่าจะเป็น museum กับ gallery ที่อยู่ข้าง ๆ สวน Giardini นั่นแหละครับ



ข้างในเป็นสวนที่ดูร่มรื่นเหมือนกัน มีบ้านให้เป็ดด้วยแฮะ... (นอกจากนกพิราบแล้ว ก็มีเป็ดเนี่ยแหละครับ ที่แยกแยะยากมาก ๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นที่ไหนพี่แกก็เหมือนกันเสียเหลือเกิน)



เห็นปลาแล้วอยากจับมาปิ้งมาก ๆ (ทำไมมันอ้วนได้ขนาดนี้น้อ....)



เอ่อ... คุณพี่ผู้ชายทำไรกันอยู่ครับ



หายใจออก.. ก็เฮ้อ...เธอ... (รูปนี้ถ้ามีน้องโฟร์ กับน้องมดมาอยู่ในรูปด้วย อาจจะสดชื่นกว่านี้เป็นสิบเท่า ฟ่อ ฟ่อ.... และแล้วงูก็โดนคุณภรรยาตีตายในฉับพลัน)



เอ่อ... ปั้มเมืองนอกเนี่ยพื้นที่เท่ากับห้องน้ำในปั้มแถว ๆ สระบุรีบ้านเราเลยเน้อ



หนาย... ใครว่าตรูใส่แต่ชุดเดิม ๆ



ใครจะชนะระหว่างรถเก๋ง กับรถราง... ทายถูกให้สิบบาท (ลุ้นแทบตายเห็นพี่รถเก๋งเร่งเครื่องซะเหมือนอยากแข่งด้วย พี่รถรางดันเลี้ยวซ้าย จบกัน....)



ผลุบเข้าไปดู Chiesa di San Giuseppe ก็สวยดีครับ แต่ก็ไม่ถึงกับประทับใจ ที่มิลานนี่ถ่ายรูปภายในโบสถ์ได้นะครับ แต่ทำบุญซักหน่อยก็ดีครับ เขาจะได้รักษาสิ่งก่อสร้างสวย ๆ แบบนี้ไว้ให้รุ่นหลัง ๆ ดูยังไงครับ



อนุสาวรีย์ Leonardo Da Vinci แถว ๆ Galleria Vittorio Emanuele ครับ



ว่าแล้วก็เข้าไปเยี่ยมชมร้านค้าใน Galleria Vittorio Emanuele กันครับ



ใครจะเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ก็ได้นะครับ แต่ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำใน McDonald ดีกว่า ของแพง ๆ เห็นแล้วแสลงครับ ยิ่งซื้อยิ่งจนครับ (มาเที่ยวทริปนี้ประหยัดค่าเข้าห้องน้ำได้เยอะพอสมควร แอบเข้าห้องน้ำ McDonal ตลอดเลย)



มุมด้านหน้าครับ ไม่ได้ถ่ายรูปหน้าตรงแบบที่เขาชอบถ่ายกันครับ



นี่คือเหตุผลครับ.... ไม่เอาคอนเสริต์เน้อ.. เค้าจะเอาวิวสวย ๆ



เบื่อจริง ๆ เล้ย... ไปหาเลี้ยงนกพิราบดีกว่า หน้า Duomo ที่นี่ให้ใครยื่นเม็ดข้าวโพดให้อย่ารับนะ เสียตังค์นะครับ ไม่ใช่ฟรี ๆ เห็นเขาเตือนนักท่องเที่ยวไว้เหมือนกันว่าอย่าไปรับ ถ้าจะซื้อเพื่อเลี้ยงนกก็ต้องคุยเรื่องเงินก่อน ไม่งั้นอาจจะโดนเรียกหมดตัวได้ครับ



เหอ ๆ เราสองคนซะอย่าง ซักยูโรไม่ให้กระเด็น เอาขนมปังจากอาหารเช้ามาเลี้ยงเจ้าพิราบแถว ๆ นั้นแหละครับ รูปนี้นับดูสิครับว่ามีกี่ตัว



เข้าไปดูตัววิหารกันใกล้ ๆ ดีกว่าครับ น่าทึ่งมาก ๆ คนสมัยก่อนเขาทำได้ยังไงก็ไม่รู้นะครับ ช่างยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน



ประตูก็ใหญ่โตมาก ๆ ครับ เข้าไปถ่ายรูปด้วย ตัวเรานิดเดียวเอง



หินอ่อนที่สลักเสลารอบ ๆ กำแพงวิหารก็ช่างงดงามยิ่งนักครับ



ว่าแล้วเข้าไปชมในตัววิหารกันดีกว่าครับ... ภาพจะไม่ค่อยชัดเพราะว่าห้ามใช้ขาตั้งกล้อง (อันนี้ไม่แน่ใจเพราะว่าเห็นทุกคนถ่ายรูปกันหมด แล้วรูปที่ห้ามก็มีขาตั้งกล้อง เลยคิดว่าน่าจะห้ามใช้ขาตั้งกล้องครับ) แน่นอนครับว่าข้างในยิ่งใหญ่สมเป็นวิหารหลักของเมืองจริง ๆ ครับ





กระจกสีสวย ๆ รอบ ๆ ครับ







สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ แต่งตัวเรียบร้อย เดินชมอย่างสงบ และควรเคารพผู้คนที่มาสวดภาวนาด้วยนะครับ เห็นนักท่องเที่ยวบางคน โดยเฉพาะพวกที่หิ้วกล้องใหญ่ ๆ ทำตัวเหมือนโปรฯ ถ่ายรูปกันแบบไม่เกรงใจคนที่เขาสวดภาวนาเลย ในใจเขาคงคิดแต่จะเอารูปสวย ๆ อย่างเดียว น่าตีให้ตายจริง ๆ เลยครับคนประเภทนี้ (แล้วเอากล้องมาให้เรา อิอิ)



เสียดายที่ไม่มีเวลามากนัก ไม่งั้นเราก็จะขึ้นไปเดินบนหลังคาวิหารครับ เดินชมวิหารเสร็จแล้วเราก็ไปต่อกันที่ Chiesa di San Sebastiano กันครับ



โบสถ์เล็ก ๆ แต่ก็สวยเหมือนกันครับ





เจอรถ Sight Seeing ตอนจะเดินไป Castello Sforzesco ครับ ใครที่ไม่อยากเดิน ก็ขึ้นรถแบบนี้ก็ได้นะครับ ผมว่าสะดวกดีเหมือนกัน เดินแบบเราสองคนออกจะ hardcore ไปหน่อย เพราะว่าเดินกันขาลากเกือบทุกวัน (กลับมาบ้านน้ำหนักลดไปเลย... ดีเหมือนกันจะได้ Dark and Handsome 555)



จากนั้นก็เดินเข้าถนน Dante เพื่อไป Castello Sforzesco ครับ ร้อนจริง ๆ เลย.... เห็นจุดหมายลิบ ๆ เหมือนเห็นโอเอซิสในทะเลทรายยังไงยังงั้นเลยครับ (คงไม่มีภาพลวงตาแถวนี้เด้อ...)



ในที่สุดก็มาถึงจนได้ครับ



มีน้ำจริง ๆ ด้วย (อยากลงไปอาบน้ำจริง ๆ เลย)



ไม่รอช้าครับ เข้าไปเยี่ยมชมกันเลยดีกว่า



ข้างในก็เป็นลานกว้าง ๆ แบบนี้แหละครับ



เดินทะลุผ่านเข้าไปยังสวนครับ ตอนแรกว่าจะไปถ่ายรูปคู่กับ Arch of Peace ซะหน่อย เห็นไกล ๆ ว่าปิดซ่อม จบกัน.. แต่ก็ดีไม่ต้องตากแดดเดินไป แค่วันที่สองก็ดำทะมึนเป็นเฉาก๊วยไปแล้วครับ



จุดหมายสุดท้ายของเราสองคนวันนี้คือ "The Last Supper" ครับ จาก
Castello Sforzesco เดินไม่นานก็ถึงโบสถ์ Santa Maria delle Grazie ครับ



รับตั๋วที่จองไว้เกือบสองเดือนกว่า ๆ รู้สึกเสียดายจังตั๋วที่ได้ กลับไม่ได้ในส่วนของพระเยซูครับ



โบสถ์นี้ถูกทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครับ พังเกือบหมด แต่ไม่น่าเชื่อว่าในส่วนภาพ Last Supper นั้นไม่โดนระเบิดเลย แต่คนที่นั่นเขาเก่งนะครับ พยายามบูรณะจนกลับมาได้แทบเหมือนเดิม



แน่นอนครับข้างในห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด แถมให้เข้าแค่สิบห้านาที โดยเขาจะเปิดประตูเป็นขั้น ๆ ไป หมดเวลาก็โดนไล่ออกไปข้างนอกละครับ แต่ก็นะสิบห้านาทีก็เพียงพอแล้ว หลังจากดูเสร็จเราสองคนก็กระโดดขึ้น Metro ทันทีครับ เพราะจะได้เวลารถไฟไป Florence แล้ว อันนี้สถาปัตยกรรมแถวสถานี Cardona ครับ



ภายใน Metro เขาครับ ผมว่าอากาศมันไม่ค่อยถ่ายเทนะ ไม่เหมือน tube ของลอนดอน อันนั้นอากาศถ่ายเทกว่า (หรือว่าอังกฤษมันจะเย็นกว่าก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือเหงื่อแตกใน Metro ครับ )



เมื่อตอนมาถึงไม่ได้ถ่ายรูป Milano Centrale เพราะว่ากว่าจะถึงก็มืดแล้ว มาวันนี้เพิ่งรู้สึกว่าเขาสร้างได้ยิ่งใหญ่จริง ๆ เลยครับ



สงสัยอย่างนึงครับ ทำไมสถานีรถไฟถึงชอบทำหลังคาโค้ง ๆ กันจังเลย (คิดถึงหัวลำโพงบ้านเรามาก ๆ )



ระหว่างทางไป Florence ครับ วิวก็สวยดีนะครับ แต่ถ่ายรูปไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร รถไฟวิ่งเร็ว บวกกับแสงสะท้อนจากไฟในรถ แล้วก็กระจกสกปรกมาก ๆ ถ่ายมาร้อยกว่ารูปได้มารูปเดียวที่พอจะเอาใส่ตะกร้าล้างน้ำแล้วเอาขึ้นบล๊อกได้ ก็คือรูปนี้ละครับ (แน่นอนครับว่าเกิดมาอาจจะมีฝีมือถ่ายรูปไม่เก่ง แต่เราสามารถเลือกรูปที่ดีที่สุดได้ครับ )



ขาไป Florence ก็นั่ง First Class เหมือนเดิมครับ (ขอพักบ้างครับ เหนื่อยจริง ๆ ทริปนี้) รถไฟเที่ยวนี้มีน้ำกับบิสกิตให้ด้วยแฮะ กินเสร็จก็ปรับเบาะนอนเก็บแรงไว้เดินที่ Pisa กันต่อไปครับ (ไฮโซจริง ๆ อยู่บ้านนะไกลเป็นห้ากิโล ค่ารถปอนด์เดียวยังไม่กระเด็น)



จบ Milan แต่เพียงเท่านี้ครับ แล้วจะมาต่อ Pisa Florence กับ Rome นะครับ


Create Date : 19 กรกฎาคม 2551
Last Update : 19 กรกฎาคม 2551 6:21:08 น. 5 comments
Counter : 878 Pageviews.  
 
 
 
 



และมาชวนไปเที่ยวงานแห่เทียนพรรษาที่โคราชด้วยกันครับ

Mr.hong’s Blog
You can click this picture to Mr.hong’s Blog

อิจฉาคนได้เที่ยวจังครับ

 
 

โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 19 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:16:05 น.  

 
 
 


แวะมาชมค่ะ สวยมากๆเลยค่ะ
น่าเที่ยวนะค่ะ
 
 

โดย: whitelady วันที่: 19 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:34:15 น.  

 
 
 
ภาพสวยมากค่ะ อยากทราบว่า Duomo และร้านค้าต่างๆ เปิดกี่โมงค่ะ พอดีจะไปช่วงเดือนตุลาคม ถึงสนามบิน Malpensa 6.30 น.ค่ะ
 
 

โดย: Kanokrak IP: 124.121.27.2 วันที่: 19 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:28:39 น.  

 
 
 
Duomo เปิดตั้งแต่เช้าก่อนเก้าโมงครับ แต่ถ้าจะขั้น roof ด้วยต้องรอเก้าโมงนะครับ

ส่วนร้านค้าน่าจะเก้าโมงเป็นหลักครับ ไม่แน่ใจเรื่องวันเสาร์อาทิตย์นะครับ อาจจะเปิดช้ากว่าปกติ หรือไม่ก็ไม่เปิดเลยก็ได้
 
 

โดย: Bolster IP: 86.165.94.252 วันที่: 20 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:17:16 น.  

 
 
 
สวยมากครับ
ยิ่งเห็นภาพยิ่งอยากไป
แต่ไม่รู้จะมีโอกาสไปหรือเปล่าครับ

แค่เห็นภาพก็ดีใจแล้ว

 
 

โดย: Thanunchaisa วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:10:50:49 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

Bolster
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Bolster's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com