ดังตฤณ25
 

ฝืนไหว้ด้วยมือ
คือเหตุหนึ่งของความฟุ้งซ่าน
น้อมไหว้ด้วยใจ
คือเหตุหนึ่งของสมาธิ

เหตุแห่งสมาธิและความฟุ้งซ่าน
อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คุณคิด
เพราะคนเราเกิดมาพร้อมกับอัตตาดิบๆติดตัว
ธรรมชาติสอนให้กระวนกระวาย
เรียกร้องเอาเข้าตัวตั้งแต่แรกเกิด
แค่อยากอาหาร ก็ฟุ้งซ่านแล้ว
แค่ต้องทนนิ่ง ก็ฟุ้งซ่านแล้ว
แค่ต้องยอมใคร ก็ฟุ้งซ่านแล้ว

คนเราไม่ได้โตขึ้นจากการเป็นเด็กเท่าใดนัก
ในแง่ของการไม่อยากยอมใคร
เพียงแต่พัฒนาตัวขึ้นเป็นการอยากรักษาหน้า รักษาศักดิ์ศรี
แล้วต้องยอมเสียหน้า เสียศักดิ์ศรี เมื่อถูกบังคับตามโอกาส

คนมีหน้าที่ยืนไหว้ปะหลกๆทั้งวันนั้น
ถ้าไม่ถูกฝึกอบรมให้ถึงจิต ไม่สามารถไหว้ด้วยใจ
ก็เหมือนถูกบังคับให้ทิ้งศักดิ์ศรี
ยอมก้มหัวให้คนแปลกหน้าไม่เลือกเหล่าเลือกกอ
ซึ่งเท่ากับก่อความฟุ้งซ่านรำคาญใจไม่เลิก
แต่ในทางตรงข้าม ถ้าถูกอบรมให้เข้าใจว่า
การไหว้คือความงามทางใจ
สามารถดัดใจแข็งกระด้างแบบเด็กๆ
ให้อ่อนโยนลงเป็นผู้ใหญ่ที่เติบโตทางวิญญาณ
เมื่อไหว้ทั้งวันด้วยความการระลึกเช่นนั้น
ย่อมเห็นความอ่อนโยน สงบสุขบังเกิดขึ้นในใจตน
อันเป็นฐานที่ตั้งสำคัญของสมาธิด้วย

เบากว่าหน้าที่ประจำ
คือจำต้องฝืนใจไหว้ใครที่ไม่น่านับถือบ่อยๆ
ซึ่งก็เท่ากับได้เหตุแห่งความฟุ้งซ่านหรือสมาธิบ่อยๆ
ขึ้นอยู่กับการทำความเข้าใจเรื่องการไหว้ไว้อย่างไร
ยอมเสียศักดิ์ศรี หรือถือโอกาสสร้างฐานสมาธิ

ที่ดีกว่าการต้องฝึกฝืนใจ ถ้ามีวาสนาได้อยู่ใกล้เจ้านายดีๆ
หรือมีบุญได้อยู่ใกล้พระสงฆ์ผู้ประเสริฐ
ก็ถือเป็นโอกาสให้รู้สึกอยากกราบไหว้ด้วยใจขึ้นมาเอง
เท่ากับเดินอยู่บนเส้นทางกรรมอันยกจิตขึ้นสูง
แทบไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจใดๆด้วยซ้ำ

การเริ่มฝึกไหว้เพื่อยกระดับจิต
อาจเป็นอะไรง่ายๆ เช่น ตอนเดินผ่านโต๊ะหมู่บูชาที่บ้าน
หรือผ่านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
เห็นพระพุทธรูปอันเป็นนิมิตเตือนให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า
ให้ถามตัวเองว่า เมื่อพบพระพุทธเจ้าแล้ว
เกิดปฏิกิริยาเช่นใดขึ้นในใจคุณ
ระหว่าง ‘อยากได้ความอ่อนโยนยิ่ง’
กับ ‘อยากเพิกเฉยผ่านๆไป’

ปัญญาจะบอกว่า อยากได้ความอ่อนโยน
แล้วก้มลงกราบ หรืออย่างน้อยพนมมือไหว้
ส่วนกิเลสจะบอกว่า อยากเดินๆผ่านไป
ไม่ต้องทำอะไรให้เมื่อย

เมื่อสังเกตอาการทางใจเป็น กระทั่งจำได้ขึ้นใจ
คือ ถ้า ‘อยากยกจิตขึ้นเป็นกุศลประมาณนี้’
ต้องกราบไหว้หรือยกมือพนมขึ้นด้วยอาการประมาณไหน
การจำได้ขึ้นใจ นึกออกบอกถูกด้วยใจนั่นแหละ
สะท้อนว่าจิตเริ่มฉลาด เริ่มรู้เรื่อง ‘ไหว้เอากุศล’ แล้ว
พร้อมจะไหว้ใครต่อใครเพื่อล้างความกระด้างแล้ว
ได้ชื่อว่า ตั้งฐานความอ่อนโยนไว้รองรับสมาธิแล้ว

หมายเหตุ - คำว่า ปะหลกๆ
ที่ถูกต้องเขียนว่า ปลกๆ
แต่เขียนถูกแล้วกลัวเข้าใจผิด
เลยเขียนตามที่ 99% รับรู้นะครับ

— แนะนำหนังสือ
ชื่อหนังสือ: เกิดใหม่ในสวรรค์
ดาวน์โหลดอีบุ๊กฟรี:
//dungtrin.com/reborn

 

------------------------------------------------------------------------------------------------------




Create Date : 03 กรกฎาคม 2557
Last Update : 3 มกราคม 2558 21:01:41 น.
Counter : 332 Pageviews.

0 comment
ดังตฤณ24
 

ใจมีสมาธิ คือใจที่มั่นคงได้อย่างสบายอารมณ์

ใจของผู้มีสมาธิ
เมื่อคิด คิดจริง
เมื่อพูด พูดจริง

เมื่อทำ ทำจริง
เมื่อรู้ รู้จริง

ใจของผู้มีสมาธิ
เมื่อฟุ้ง ฟุ้งไม่จริง
เมื่อบ่น บ่นไม่จริง
เมื่อท้อ ท้อไม่จริง
เมื่อหลง หลงไม่จริง

— แนะนำหนังสือ
ชื่อหนังสือ: วิปัสสนานุบาล
ดาวน์โหลดอีบุ๊กฟรี:
//dungtrin.com/vipassana
สั่งซื้อออนไลน์: เล่มละ ๒๙ บาท //bit.ly/1hgV5Ti

------------------------------------------------------------------------------------------------------




Create Date : 13 มิถุนายน 2557
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2557 22:46:45 น.
Counter : 334 Pageviews.

0 comment
ดังตฤณ23

 เวลาเกลียดใครแรงๆ
อยากให้ตายเร็วๆ
ถ้าไม่ออกปากแช่ง แค่แอบคิดในใจ
จัดเป็นบาปเป็นกรรมแค่ไหน?

ความเกลียดมักทำให้เห็นอีกฝ่ายเลวเกินจริง
และความอัดอั้นตันใจ
ก็มักจี้ให้คิดอยู่ในใจทำนองว่า
เมื่อไหร่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะลงโทษเสียที
เมื่อไหร่บาปกรรมจะให้ผลเสียที

เมื่อไหร่จะมีอันเป็นไปเสียที

ความจริงที่คนส่วนใหญ่นึกไม่ถึงก็คือ
ถ้าเกลียดแล้วถอนความเกลียดไม่เป็น
ปล่อยให้เลยเถิดไปถึงการแอบคิดสาปแช่งอยู่ทุกวันแล้ว
เท่ากับก่ออาจิณณกรรม
อาการทางใจออกแนวอยากแก้แค้น เอาคืน
โดยอาศัยความเชื่อทางศาสนาของตนเป็นตัวจัดการให้
อาจยืมมือเทพยดา
วิบากกรรม หรือพญามัจจุราช มาเป็นตัวช่วยลับๆ

ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน
แม้แอบคิดในใจก็เป็นมโนกรรม
และถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นเต็มเหนี่ยว
ก็โยงจิตผูกเวรได้แน่นเหนียว
ความอยากแก้แค้นเอาคืนแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
ก็จะทำให้คุณกลายเป็นคนที่คุณเกลียดโดยไม่รู้ตัว
เช่น ถ้าเขาชอบด่าลับหลัง แทงข้างหลัง
แล้วคุณอยากให้เขาโดนด่าลับหลังบ้าง โดนแทงข้างหลังบ้าง
เมื่อไม่เห็นว่าเขาโดนเสียที คุณก็ต้องนึกอยากจัดการเองสักวั

สาปแช่งคนที่คุณเกลียดไว้อย่างไ
แนวโน้มคือคุณจะได้ร่วมทางกรรมกับเขาอย่างนั้น
แต่เกลียดใครแล้วถอนความเกลียดเสียได้
แนวโน้มคือคุณจะแยกทางกรรมกับเขาไปเลย

— แนะนำหนังสือ
ชื่อหนังสือ: เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ฉบับ คัดสรร

 

------------------------------------------------------------------------------------------------------




Create Date : 23 พฤษภาคม 2557
Last Update : 30 ตุลาคม 2557 12:24:41 น.
Counter : 421 Pageviews.

0 comment
ดังตฤณ22

การให้โอกาสคน
ถ้ามากไปเรียกว่าใจอ่อน
ถ้าน้อยไปเรียกว่าใจดำ
ถ้าพอดีเรียกว่าใจดี

ถ้าขี้สงสารมักให้โอกาสมากไป
ผลคือส่งเสริมให้คนอื่นก่อบาปสำเร็จโดยง่าย

ถ้าแล้งน้ำใจมักให้โอกาสน้อยไป
ผลคือไม่เอื้อเฟื้อให้ใครได้แก้ตัวบ้าง


ถ้ารู้จักคน รู้จักจังหวะโอกาส รู้จักสถานการณ์
ชั่งน้ำหนักไม่ให้มากไปหรือน้อยไปได้ด้วยใจ
ผลคือเป็นคนใจดีอย่างมีสติ
มีเงื่อนไขในการเปิดโอกาส
ไม่ใช่ยอมเปิดทางให้ออกอ่าว

— แนะนำหนังสือ
ชื่อหนังสือ: ณ มรณา
อ่านฟรีที่:
//dungtrin.com/namorana
สั่งซื้อออนไลน์: เล่มละ ๒๙ บาท //bit.ly/1ejeCni
 

 

------------------------------------------------------------------------------------------------------




Create Date : 23 พฤษภาคม 2557
Last Update : 30 ตุลาคม 2557 12:24:18 น.
Counter : 312 Pageviews.

0 comment
ดังตฤณ21

อยู่กับคนมองโลกในแง่ร้าย
คุณต้องเอาโลกแง่ดีมานำเสนอให้ทันๆกัน
กี่ครั้งที่เขามองแง่ร้ายมา
ก็ควรเป็นทุกครั้งที่คุณมองแง่ดีไป

การเอาแต่มองแง่ร้ายของโลกทั้งวันทั้งคืน
จัดเป็นโรคทางใจชนิดหนึ่ง
เหมือนขังตัวเองอยู่ในคุกมืด
ไม่ยอมเปิดหน้าต่างรับแสงสวยๆบ้าง
ไม่มีทางลัดในการรักษา
ถ้าอยากช่วย ก็ต้องทำใจช่วยในระยะยาว
และต้องช่วยอย่างมีศิลปะ
ช่วยอย่างมีความเข้าใจภาพรวมทั้งหมด

ทุกคนมีโทสะ คุณเองก็เช่นกัน
และโทสะก็คือพื้นฐานของการมองโลกในแง่ร้าย
ฉะนั้น การนำเสนอโลกแง่ดี
ต้องมีความนุ่มนวลเป็นตรงข้ามกับโทสะ
ถ้าเขาเสียงแข็งมา คุณต้องเสียงอ่อนไป
ถ้าเขาเลือกคำร้อน คุณต้องเลือกคำเย็น
ถ้าเขาคิดแตกหัก คุณต้องคิดประสาน
ถ้าเขาพูดใส่สีตีไข่ให้เกลียดกัน คุณต้องพูดตรงไปตรงมาให้รักกัน
ถ้าเขาพร่ำพูดยืดยาว คุณต้องกระชับคำพูดให้สั้น
ถ้าเขาเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้จุดหมาย คุณต้องคัดประเด็นสรุปให้จับใจ
ถ้าในหัวเขาเต็มไปด้วยเสียงด่า ในหัวคุณต้องเต็มไปด้วยเสียงชม

เมื่อตั้งความเชื่อไว้ว่าทุกสิ่งมี ‘อีกด้านให้เห็น’
และพยายามฝึกที่จะเห็น คุณจะเห็นเสมอ
กับทั้งคิดได้ พูดได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ช่วยเขาแต่ละครั้ง ก็คือฝึกคุณไปในตัว
ตอนแรกอาจเหมือนเตี้ยอุ้มค่อม
เพราะมุมมองร้ายๆของเขา
จะแพร่มากระตุ้นอารมณ์ร้ายๆในคุณไปด้วย
แต่ยิ่งฝึกนานไป ใจคุณจะยิ่งชินกับการคิดเป็นตรงข้าม
รู้เองว่าพูดด้วยน้ำเสียงแบบใด มองเขาด้วยแววตาแบบไหน
จะช่วยให้รู้สึกว่าไม่ได้ถกเถียงหรือทะเลาะกัน
แต่เป็นการนำเสนอที่ชวนให้เต็มใจสนอง

มุมมองโลกแง่ดีสักร้อยสักพัน
ขอเพียงมีหนึ่งเดียวที่ช่วยให้เขาคลิก
จุดชนวนให้รู้จักหัดมองโลกแง่ดี
รู้สึกดีกับการมองด้านดี
ไม่รู้จะมองด้านร้ายให้รู้สึกร้ายไปทำไม
ครั้งต่อๆไปจะเริ่มง่ายขึ้น
คุณจะสัมผัสใจที่ดีขึ้นได้จากเสียงที่อ่อนลง
ตลอดจนบรรยากาศความสว่างที่ต่างไป
ส่วนจะใช้เวลานานแค่ไหน
ถึงจะเปลี่ยนคนมองโลกแง่ร้ายมาเป็นคนมองโลกแง่ดีเต็มตัว
คำตอบคือ นานหน่อย
คนเราตกมาอยู่ในหลุมมืดให้เห็นโลกด้านร้ายได้ทั้งชีวิต
ก็ควรต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการเอาตัวออกมามิใช่หรือ?

คิดอย่างนี้ เผื่อใจอย่างนี้ ใจเย็นอย่างนี้
แล้วในที่สุดจะพบว่า คุณทำสำเร็จเร็วกว่าที่คิดมาก

-------------------------------------------------------------------------------------

 



Create Date : 20 พฤษภาคม 2557
Last Update : 26 สิงหาคม 2557 11:34:12 น.
Counter : 454 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  

ลามูเต้
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]



ไทป์ 5....การง่วนอยู่กับรูปแบบที่คุ้นเคยจนสามารถมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เคยเห็นมาก่อนได้