นพลักษณ์ฉบับย่อ 9 แบบ
จากใจผู้เขียน

นพลักษณ์ฉบับย่อ 9 แบบ
เป็นส่วนที่ถูกส่งมาจากสมาคมนพลักษณ์ที่ผู้เขียนเคยไปอบรม
แม้เนื้อหาจะคล้ายกัน แต่ผู้เขียนคิดว่าเป็นคำอธิบายอีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะมีประโยชน์เช่นกัน
จึงนำมาแบ่งปัน แบ่งกันอ่าน แบ่งกันเข้าใจค่ะ







นพลักษณ์ (Enneagram) เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับบุคลิกภาพของมนุษย์ที่เชื่อมโยงกับมิติด้านในเช่นโลกทัศน์และแรงจูงใจพื้นฐานที่แตกต่างกัน 9 ประเภท นพลักษณ์ถูกถ่ายทอดต่อ ๆ มาโดยมีต้นกำเนิดจากคำสอนโบราณของกลุ่มอิสลามนิกายซูฟี ศาสตร์นพลักษณ์สามารถช่วยให้เราตระหนักถึงและเท่าทันบุคลิกภาพของตนเอง เข้าใจตนเอง และเห็นวิธีการรับมือและก้าวข้ามปัญหาต่าง ๆ ของเราเอง นอกจากนี้ ยังทำให้เราเข้าใจคนรอบข้าง สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น รวมไปถึงทำให้เราได้รู้ถึงศักยภาพเฉพาะที่มีอยู่ในลักษณ์ต่าง ๆ ด้วย






ลักษณ์หนึ่ง(คนสมบูรณ์แบบ)

คนหนึ่ง มักวิพากษ์วิจารณ์ทั้งตนเองและคนอื่น ๆ อยู่เสมอ เขามักใส่ใจต่อความถูกผิด กฎระเบียบ และมีบัญชีหางว่างในใจว่าอะไร “ควร” หรือ “ไม่ควร” มีความจริงจังต่อความรับผิดชอบ อีกทั้งปรารถนาให้สิ่งที่ตนทำนั้นปราศจากข้อบกพร่องทั้งปวง คนหนึ่งมักกำกับพฤติกรรมของตนเองด้วยมาตรฐานที่สูงยิ่ง จึงไม่ค่อยปล่อยให้ตนเองเพลิดเพลินหรือมีความสุขได้ง่าย ๆ เขามักรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าต้องทำอะไร ๆ มากกว่านี้ และอยากทำมันให้ครบถ้วน ได้มาตรฐาน และสมบูรณ์แบบ โดยเขาสามารถชี้จุดบกพร่องได้ทันทีและบอกได้ว่าต้องแก้ไขอย่างไรจึงจะถูกต้อง คนหนึ่งมักขุ่นใจถ้าเห็นใครไม่ทำตามกฎที่ควรจะเป็น

จุดแข็งของคนหนึ่งโดยทั่วไปคือ ความสัตย์ซื่อถือธรรม การปรับปรุงแก้ไข ความเพียร มาตรฐานสูง การยับยั้งควบคุมตนเอง และการมีความรับผิดชอบสูง

โลกทัศน์ของคนหนึ่งคือ การมองในลักษณะที่ว่า โลกควรจะต้องถูกต้องและสมบูรณ์ ฉันจะต้องทำและบากบั่นไปสู่ความสมบูรณ์แบบ ส่งผลให้หลายครั้งเกิดความรู้สึกที่หมกมุ่นกับความโกรธที่ถูกเก็บกดไว้ ซึ่งเกิดจากข้อตำหนิภายในต่อความไม่ถูกต้องหรือการเปรียบเทียบกับกฎเกณฑ์ต่าง ๆ อีกทั้งยังสามารถแปรความโกรธนั้นให้กลายเป็นสิ่งที่มีเหตุผลและชอบธรรมยอมรับได้ เป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรืออาการหงุดหงิด


ลักษณ์สอง(ผู้ให้)

คนสอง มักกระตือรือร้นในแง่ที่ชอบช่วยเหลือ มองโลกแง่ดี มีเมตตา เอาใจใส่ เกื้อหนุน และอุทิศเวลา พลังกาย และทรัพย์สิ่งของให้กับผู้อื่นโดยเฉพาะกับคนที่ตนเองใส่ใจว่าเป็นคนสำคัญ ในทางตรงกันข้าม คนสองมักละเลยความต้องการของตนเองและไม่ยอมร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นง่าย ๆ คนสองจะมีความสุขมากหากรู้ว่าตนเองเป็นที่ต้องการของคนอื่น และรู้สึกดีที่เขาสามารถเป็นผู้สนองความต้องการของผู้อื่นได้เป็นอย่างดี จึงชอบสร้างความสัมพันธ์และไวมากต่อความต้องการและความรู้สึกของคนอื่น สามารถสร้างแรงดึงดูดให้คนสนใจเข้าหา เห็นใจและเข้าใจผู้อื่นได้ดี และมักให้ในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการได้จริง ๆ คนสองมักหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งในการทำให้คนที่เขาแคร์ต้องผิดหวัง นอกจากนี้ยังไม่ยอมให้ตนเองถูกปฏิเสธ ไม่เป็นที่ชื่นชม หรือต้องไปพึ่งพาคนอื่น

จุดแข็งของคนสองโดยทั่วไปคือ การให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ น้ำใจ ความไวต่อความรู้สึกของผู้อื่น การให้การชื่นชมยินดี ความโรแมนติก และความร่าเริงแจ่มใส

โลกทัศน์ของคนสองคือ การมองในลักษณะที่ว่า โลกและผู้คนควรจะต้องให้ ผู้คนต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากฉัน ฉันเป็นคนที่ใคร ๆ ต้องการ ส่งผลให้หลายครั้งเกิดความรู้สึกที่ว่าตัวเองนั้นสามารถสนองความต้องการของคนอื่นได้ดีกว่าใคร ๆ เพราะตัวเองสามารถจับความรู้สึกของคนอื่นได้ฉมังไม่มีผิดพลาด ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกไปเองว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร อีกทั้งหลายครั้งก็คิดที่จะแสดงความชื่นชมอย่างมากล้นในสิ่งที่คนอื่นชอบเพื่อให้คนนั้นรู้สึกดีเมื่ออยู่ใกล้


ลักษณ์สาม(นักแสดง)

คนสาม มักทำงานหนักด้วยพลังเปี่ยมล้น เขาต่อสู้สุดชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ การดูดี มีบุคลิก และการยอมรับจากผู้คน มีนิสัยการแข่งขันสูง มุ่งสู่ความเป็นที่หนึ่ง และรักการท้าทายความสามารถของตนเองด้วยคำขวัญประจำใจว่า “ทำได้” “ทุกอย่างเป็นไปได้” คนสามมุ่งผลสัมฤทธิ์ในทุกสถานะ สามารถปรับเปลี่ยนโฉมและบทบาทได้ทุกรูปแบบ แม้อาจไม่สัมผัสความรู้สึกแท้ของตนก็ตามด้วยกลัวว่ามันจะขัดขวางความสำเร็จ แต่ถ้าจำเป็นก็สามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างเหมาะสมดีเยี่ยม คนสามไม่มีวันถอดใจ จดจ่อมุ่งมั่นสู่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และตลอดรอดฝั่ง ในขณะเดียวกัน คนสามมักหลีกเลี่ยงการอยู่ใต้ร่มเงาคนอื่น การเสียหน้า ความล้มเหลว หรือความเฉื่อยเนือยของจังหวะชีวิต

จุดแข็งของคนสามโดย ทั่วไปคือ บุคลิกภาพที่ดี ความเป็นผู้นำ ความกระตือรือล้น ความมีประสิทธิภาพ และการสร้างแรงบันดาลใจ

โลกทัศน์ของคนสามคือ การมองในลักษณะที่ว่า โลกควรให้คุณค่าแก่ผู้ชนะเลิศและสำเร็จ ฉันต้องหลีกเลี่ยงความล้มเหลว ส่งผลให้หลายครั้งเกิดความรู้สึกที่ว่าต้องหลงไปถือเอาบทบาทต่าง ๆ ที่คนอื่นเล่นมาเป็นของตัวเองด้วยความอยากให้ได้รับการยอมรับ เพื่อเป็นแรงผลักดันสู่ความสำเร็จ สามารถเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของตนเองไปได้เพื่อให้เข้ากับแต่ละสถานการณ์ อีกทั้งหลายครั้งก็เกิดความคิดโอ่กับตัวเองขึ้นว่า ต้องอย่างฉันเท่านั้นที่เก่งพอและทำมันได้


ลักษณ์สี่(คนโศกซึ้ง)

คนสี่ มักมีอารมณ์แบบศิลปิน พึงใจสิ่งที่ให้ความสุนทรีย์หรือความหมายที่ลึกซึ้ง เปี่ยมล้นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก มักรู้สึกว่าบางสิ่งที่จำเป็นในชีวิตขาดหายไป และตนเองจะสมบูรณ์พร้อมถ้าได้พบคู่ที่แท้จริง คนสี่มักโหยหาสิ่งที่เป็นอุดมคติและแก่นแท้อันเป็นความหมายของชีวิตที่ดูสูงส่งห่างไกล ในขณะเดียวกันก็นึกตำหนิสิ่งที่ตนมีอยู่ว่าเป็นของธรรมดาและไม่ดีพอ เขามักถูกดูดดึงเข้าสู่วังวนของอารมณ์ที่สุดขั้วทั้งด้านสูงสุดยอดและจมดิ่งสู่ก้นบึ้ง คนสี่โปรดปรานความมีเอกลักษณ์พิเศษที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ใส่ใจความรู้สึกอันเข้มข้นของความโศกเศร้าและความโหยหา ทำให้คนสี่สามารถเข้าใจและเกื้อหนุนผู้อื่นที่มีอารมณ์ทุกข์ระทมได้เป็นอย่างดี คนสี่มักหลีกเลี่ยงความดาษดื่น ความธรรมดาสามัญ ความตื้นเขินทางอารมณ์ รวมถึงการถูกทอดทิ้งหรือไม่เป็นที่รับรู้

จุดแข็งของคนสี่โดยทั่วไปคือ ความสร้างสรรค์ ความไวและความลึกซึ้งด้านอารมณ์ความรู้สึก ความเข้าใจในความทุกข์ยาก อุดมคติ และความไม่เสแสร้ง

โลกทัศน์ของคนสี่คือ การมองในลักษณะที่ว่า โลกและชีวิตไม่ควรต้องขาดพร่องอะไรบางอย่างไป ฉันควรมีในสิ่งที่คนอื่นเขามีกันและไม่ควรถูกทอดทิ้ง ส่งผลให้หลายครั้งเกิดความรู้สึกที่ว่าตนเองนั้นต่ำต้อยด้อยค่า ขาดอะไรบางอย่างอยู่เสมอ และกระหายจะเติมความว่างนั้นให้เต็ม ในขณะที่เมื่อมองไปรอบ ๆ ตัวจะรู้สึกตัดพ้อว่าคนอื่นเขาช่างมีความสัมพันธ์ที่เต็มพร้อมที่ตัวเองไม่เคยมี อีกทั้งยังเกิดความคิดในการปรุงอารมณ์โศกเพื่อให้รสชาติแก่ชีวิตและยังเป็นพลังกระตุ้นในการสรรค์สร้างบางอย่าง


ลักษณ์ห้า(นักสังเกตการณ์)

คนห้า มักหลบเลี่ยงภาวะที่ต้องเกี่ยวข้องกับอารมณ์ทุกชนิด โดยเฉพาะความกลัวว่าผู้คนหรือสภาพการณ์ต่างๆ จะเข้ามารุกล้ำหรือเรียกร้องจากตน ดังนั้น จึงมักดำเนินชีวิตโดยวางตัวอยู่ห่าง ๆ เฝ้าจับตาสังเกตการณ์มากกว่านำตนเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย โดยทั่วไปจะชอบความเป็นส่วนตัวมาก คนห้าจะรู้สึกหมดกำลังและกระสับกระส่ายหากไม่มีเวลาพอสำหรับทบทวนข้อมูลหรือเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา คนห้าสามารถสัมผัสกับอารมณ์เหล่านั้นอย่างสบายและปลอดภัยได้เมื่ออยู่คนเดียว โดยเขามักไม่สามารถรู้สึกเช่นนั้นได้เมื่อถูกห้อมล้อมจากคนรอบข้าง การคิดเป็นสิ่งสำคัญ เขาโปรดปรานการหาข้อมูล ข้อเท็จจริง เรื่องประเทืองปัญญา โดยมากมักเป็นเรื่องเชี่ยวชาญเฉพาะ ในการทำงานใด ๆ เขาต้องการมีข้อมูลที่เกินพอและมีเวลาตระเตรียมการคิดล่วงหน้า

จุดแข็งของคนห้าโดยทั่วไปคือ ความเป็นผู้รู้ เป็นนักวิชาการ สงบ สุภาพ ให้เกียรติผู้อื่น รักษาความลับได้ดี และนิยมความเรียบง่าย

โลกทัศน์ของคนห้าคือ การมองในลักษณะที่ว่า โลกไม่ควรรุกล้ำกันจนเกินไป ฉันต้องจำกัดความต้องการของตนเอง และต้องการความเป็นส่วนตัวเพื่อจะคิดและเติมพลังใหม่ ส่งผลให้หลายครั้งเกิดความรู้สึกที่ว่า มันอยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำให้ตนเองรู้สึกมั่นคงและมีอิสระ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล เวลา และพื้นที่ส่วนตัว อีกทั้งเกิดความคิดแบบคนงกที่ว่า อะไร ๆ ก็เป็นการโดนเรียกร้องบังคับไปเสียหมด ทำให้มีความไวต่อการถูกร้องขอ


ลักษณ์หก(นักปุจฉา)

คนหก มักมองว่าโลกรอบตัวช่างคุกคามเราเสียนี่กระไร เขาจึงพยายามค้นหาต้นตอแห่งการคุกคามนั้นและจินตนาการถึงผลร้ายที่สุดไว้ก่อนเพื่อจะป้องกันได้ทันท่วงที ด้วยเหตุนี้ คนหกจึงมักใส่ใจกับภยันตรายหรือหลุมพราง นัยแอบแฝงหรือความหมายซ่อนเร้นของเรื่องราวต่าง ๆ พยายามตรวจสอบเพื่อหาความแจ่มแจ้ง มักชอบตั้งคำถามขัดแย้ง มีเสียงโต้เถียงหรือเสียงค้าน และด้วยความคิดที่เต็มแน่นไปด้วยความสงสัยจึงทำให้คนหกลังเลหรือไม่แน่ใจในเจตนาของผู้อื่น โดยเฉพาะของผู้ที่มีอำนาจ คนหกมักจะชอบเข้าข้างฝ่ายที่เสียเปรียบหรือดูด้อยกว่า ขณะเดียวกันก็ไม่ชอบให้ตัวเองแสดงอำนาจหรือมีความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง การรับมือกับสิ่งคุกคามนั้นคนหกบางคนอาจเก็บตัวหรือปกป้องตัวเอง ในขณะที่คนหกอีกพวกอาจพุ่งออกไปเผชิญหน้าซึ่งดูเหมือนก้าวร้าว แต่เมื่อคนหกสามารถไว้วางใจได้ เขาจะกลายเป็นมิตรที่ซื่อสัตย์และผูกพันกับกลุ่มอย่างร่วมเป็นร่วมตายทีเดียว คนหกมักพยายามหลีกเลี่ยงภาวะที่ตนเองจนแต้มหรือไม่อาจควบคุมได้เมื่อเผชิญหน้ากับภยันตราย

จุดแข็งของคนหกโดยทั่วไปคือ ความเชื่อถือไว้วางใจได้ การเป็นนักตรวจสอบและตั้งคำถาม ไหวพริบปฎิภาณ และความจงรักภักดี

โลกทัศน์ของคนหกคือ การมองในลักษณะที่ว่า โลกไม่ควรเป็นสถานที่น่าหวาดหวั่นและเต็มไปด้วยภยันตรายเช่นนี้ ฉันต้องเตรียมตัวให้พร้อมและตั้งข้อสงสัยในอำนาจไว้ก่อน ส่งผลให้เกิดความรู้สึกอยู่เสมอ ๆ ว่าสิ่งที่น่าหวาดหวั่นบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามา เป็นอารมณ์ของการตื่นตัวเฝ้าระวังภัย อีกทั้งหลายครั้งก็เกิดความคิดจินตนาการที่จะขยาดต่อการเผชิญหน้ากับบางอย่างที่ดูน่ากลัวนั้น


ลักษณ์เจ็ด(นักผจญภัย)

คนเจ็ด มักเป็นคนมองโลกในแง่ดี กระฉับกระเฉง มีสีสัน ร่าเริง หลบหลีกเก่ง และรักการผจญภัย คนเจ็ดไม่ชอบการถูกผูกมัดหรือบังคับ เขาจึงสำรองทางเลือกไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะคิดได้ อีกทั้งเพื่อความสนุกสนานของเขาด้วย คนเจ็ดสามารถหลบหลีกความทุกข์หรือความไม่สบายใจ ไปอยู่กับความฝันหรือจินตนาการ มักมีแผนต่าง ๆ ในใจที่รวบรวมทุกอย่างที่เขาอยากจะทำและมักจะปรับเปลี่ยนแผนได้เมื่อมีทางเลือกใหม่ ๆ ผ่านเข้ามา คนเจ็ดเป็นนักเสพประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อนใหม่ ๆ ความคิดใหม่ ๆ เป็นนักสร้างเครือข่ายและนักทฤษฎีที่สร้างสรรค์บรรเจิด สามารถนำความรู้และข้อมูลต่าง ๆ มาเชื่อมโยงสัมพันธ์กันได้อย่างน่าสนใจ ในทางตรงข้าม คนเจ็ดจะหลีกเลี่ยงความคับข้องต่าง ๆ ข้อจำกัด ความน่าเบื่อ รวมถึงความทุกข์และความเจ็บปวด

จุดแข็งของคนเจ็ดโดยทั่วไปคือ ความสนุกสนานร่าเริง ความช่างประดิษฐ์คิดค้น การมองโลกในแง่ดี มีวิสัยทัศน์ และพลังแห่งจินตนาการ

โลกทัศน์ของคนเจ็ดคือ การมองในลักษณะที่ว่า โลกควรจะเต็มไปด้วยโอกาสและทางเลือกที่ไม่จำกัด ฉันต้องการอิสรภาพและมองไปยังอนาคต ส่งผลให้เกิดความรู้สึกอยากลิ้มลองอย่างละเล็กอย่างละน้อยจากสิ่งที่ดีที่สุดทั้งหมดที่มีให้เลือกในขณะนั้น เปลี่ยนจากประสบการณ์หนึ่งไปสู่อีกประสบการณ์หนึ่งไปเรื่อย ๆ อย่างไร้ข้อจำกัด อีกทั้งยังหมกมุ่นกับการคิดวางแผนเพราะมันเป็นหนทางที่จะเปิดไปสู่ทุก ๆ โอกาสที่จะเป็นไปได้หรือเพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดซึ่งอาจไม่ได้นำไปสู่การลงมือทำจริงเพราะมันไม่สนุกเท่า


ลักษณ์แปด(เจ้านาย)

คนแปด มักเป็นคนกล้าแสดงสิทธิกล้าเผชิญหน้ากับความขัดแย้งจนบางครั้งอาจดูเหมือนก้าวร้าว ดำเนินชีวิตแบบต้องได้ทั้งหมดหรือมิฉะนั้นก็ไม่เอาเลยและต้องลงมือทำทันที คนแปดมักเป็นผู้นำหรือไม่ก็เป็นตัวของตัวเองอย่างกล้าแข็ง มักไม่ปล่อยให้ตนเองถูกควบคุม แต่ตรงข้ามมักควบคุมดูแลคนอื่น สามารถปกป้องเพื่อนฝูงหรือลูกน้องได้อย่างเข้มแข็ง รักความยุติธรรม ตรงไปตรงมาและมุ่งมั่นต่อสู้เพื่อผดุงสิ่งนี้ไว้ คนแปดสามารถสำราญกับกลุ่มได้อย่างสุดเหวี่ยงและไม่รู้จัดเหน็ดเหนื่อย ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวเล่นหรือการถกเถียงกันทางความคิด คนแปดมักหลีกเลี่ยงที่จะเป็นคนอ่อนแอ เปราะบาง หรือการงอมืองอเท้า

จุดแข็งของคนแปดโดยทั่วไปคือ ความกล้าหาญ ความเด็ดขาด ยุติธรรม การปกป้อง ยืนยันสิทธิ และความมีใจคอกว้างขวาง สามารถกระตุ้นให้พลังแก่ผู้อื่น

โลกทัศน์ของคนแปดคือ การมองในลักษณะที่ว่า โลกควรจะมีความยุติธรรม ฉันต้องลงมือจัดการและปกป้องผู้บริสุทธิ์ ส่งผลให้หลายครั้งเกิดความรู้สึกอันเร่งเร้าที่จะพยายามเติมความมีชีวิตชีวาลงไปในการกินการอยู่อย่างสุด ๆ จนเกิดพอดี อีกทั้งมักเกิดความคิดที่จะเข้าไปกระทำการบางอย่างเพื่อจัดการให้ความยุติธรรมกลับคืนมาและลงโทษคนผิดอย่างสาสม


ลักษณ์เก้า(ผู้ประสานไมตรี)

คนเก้า มักเป็นคนที่ใฝ่หาสันติ สามารถเข้าอกเข้าใจมุมมองของคนทั้งหลายได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ความคิดและความต้องการของตนเองนั้นมักไม่ค่อยชัดเจน คนเก้าชอบชีวิตที่ราบรื่นกลมกลืน สะดวกสบาย คุ้นเคยคาดการณ์ได้ จึงมักเห็นคล้อยไปกับทุกคนและยอมตามคำขอร้องของคนอื่นเพื่อไม่ให้มีความขัดแย้งหรือการเผชิญหน้าเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่กดดันก็อาจจะดื้อดึงหรือดันทุรังได้ คนเก้าหลายคนจะผัดผ่อนสิ่งที่จำเป็นต้องทำไปไว้นาทีสุดท้าย แต่หันไปใส่ใจกับกิจกรรมที่ไม่ได้มีความสำคัญนักแต่ให้ความสบายกว่า หรือไม่ก็ทำตัวให้ง่วงเหงา เบลอ ๆ หรืออ่านหนังสือเล่น ดูทีวี ฯลฯ

จุดแข็งของคนเก้าโดยทั่วไปคือ การทุ่มเทใส่ใจคนอื่น ความเห็นอกเห็นใจ การยอมรับเปิดใจรับฟัง การเป็นนักต่อรองเจรจาที่ดี สามารถไกล่เกลี่ยและทำให้การทำงานเป็นทีมมีจุดร่วม

โลกทัศน์ของคนเก้าคือ การมองในลักษณะที่ว่า โลกไม่ควรจะมีความขัดแย้งกัน ฉันควรจะอยู่ให้สบาย ๆ ดีกว่า รักษาความสงบสุขเข้าไว้ และประนีประนอมคุณค่าและความต้องการของตนเอง ส่งผลให้หลายครั้งเกิดความรู้สึกเฉื่อย ๆ แบบอารมณ์ที่หลงลืมตนเองหรือไร้ความมุ่งหมายในชีวิต แต่กลับถูกแทนที่ด้วยความต้องการหรือภาพสะท้อนของคนอื่น อีกทั้งยังเกิดความคิดที่ว่าไม่สามารถผลักดันตนเองให้เลือกหรือทำตามที่ได้ตั้งใจไว้เสียที เพราะคิดไม่ตกหรือตัดสินใจไม่ได้ว่าอะไรสำคัญสำหรับตนเอง







Create Date : 16 มกราคม 2554
Last Update : 16 มกราคม 2554 22:34:52 น.
Counter : 10220 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลามูเต้
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]



ไทป์ 5....การง่วนอยู่กับรูปแบบที่คุ้นเคยจนสามารถมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เคยเห็นมาก่อนได้