Group Blog
 
All Blogs
 
วิหารจันทรา ๐๒ สัมมนาวิชาการ

“ใจความจากบันทึกทั้งหมดที่เราพบเจอ เกี่ยวกับหมู่บ้านจันทรา ก็พอจะสรุปใจความสำคัญได้ ตามที่กล่าวมาข้างต้น”

ชายหนุ่มใหญ่วัยกลางคน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บรรยายในการสัมมนาครั้งนี้กล่าวสรุป
“มีใครมีข้อสงสัยต้องการจะถามไหมครับ”
หญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่แถวหน้ายกมือขึ้นสูง
“เชิญครับ” ผู้บรรยายกล่าวเชิญ
“ช่วงวันเพ็ญแรกของฤดูหนาว พอจะระบุได้ไหมค่ะว่าเป็นช่วงเดือนไหน”
“คิดว่าน่าจะเป็นวันเพ็ญเดือนสิบสอง ตามปฏิทินทางจันทรคตินะครับ เพราะเป็นช่วงต้นฤดูหนาวพอดี และเป็นช่วงที่พระจันทร์สว่างชัดที่สุด คงพอเรียกได้ว่า เป็นช่วงที่พระจันทร์มีอิทธิฤทธิที่สุด ก็พอจะได้ครับ” ผุ้บรรยายพูดยิ้มๆ มีเสียงหัวเราะเบาๆมาจากกลุ่มคนที่นังฟัง
หญิงสาวอีกคนหนึ่งยกมือขึ้นบ้าง
“เชิญครับ”
“จากในบันทึกบอกว่า มีตัวอักษรจารึกอยู่ในถ้ำที่เรียกกันว่า วิหารจันทรา และถือว่าเป็นความรู้ต้องห้าม มันคือความรู้เกี่ยวกับอะไรเหรอค่ะ”
หญิงสาวลุกขึ้นถาม และนั่งลงเมื่อถามจบ
“เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก จากบันทึกต่างๆ ทำให้เราคาดว่าหมู่บ้านจันทราแห่งนี้ ตั้งอยู่ในบริเวณที่กลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ อันเนื่องมาจากการสร้างเขื่อน ดังนั้นวิหารจันทราแห่งนั้น จึงจมอยู่ใต้แอ่งน้ำไป” เสียงพึมพัมด้วยความเสียดายดังขึ้นมาจากผู้ฟัง
“แต่ทางเราคิดว่า ความรู้เหล่านั้น อาจจะเป็นศาสตร์เกี่ยวกับโหราศาสตร์ การพยากรณ์ รวมทั้งตำรานรลักษณ์ พวกเราคิดว่าการที่ร่างทรงของเทพจันทรา สามารถทำนายเหตุการณ์ต่างๆ เช่นภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือสามารถบ่งบอกชะตากรรมบางอย่างของคนได้ อาจจะเป็นเพราะได้รับความรู้เกี่ยวกับศาสตร์เหล่านี้”

ชายหนุ่มคนหนึ่งยกมือ และลุกขึ้นยืนถามคำถาม หลังจากที่ผุ้บรรยายกล่าวเชิญ
“คำว่า หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน มีความหมายถึงอะไรครับ”
“ก็คง...” ผู้บรรยายหยุดคิดนิดหนึ่ง เหมือนจะคิดคำที่เหมาะสม “คงจะหมายถึงแต่งงานกันน่ะครับ มีตำนานของหลายชนเผ่า ที่กล่าวว่า เทพแห่งพระอาทิตย์ และเทพแห่งพระจันทร์ มีความสัมพันธ์กันฉันสามีภรรยา และมีลูกหลานสืบต่อกันมาเป็นชนเผ่าต่างๆ ดั้งนั้น คำว่าหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน คงจะมีความหมายคล้ายๆแบบนี้”
“แสดงว่า ร่างทรงแห่งจันทราเทพ เป็นผู้หญิงสินะครับ เพราะบุรุษแห่งสุริยาเทพ คงเป็นผู้ชายแน่นอน” ชายคนเดิมถามอีก
“คิดว่าคงเป็นแบบนั้นครับ”
“ทำไมถึงใช้คำว่า คิดว่า ล่ะค่ะ ทำไมถึงไม่ระบุไปเลยว่า ร่างทรงของเทพจันทรานั้น เป็นผู้หญิง” หญิงสาวคนหนึ่ง ยกมือขึ้นถาม
“ที่เราไม่ระบุไปอย่างแน่ชัด เป็นเพราะว่า ไม่มีบันทึกฉบับไหนเลย ที่ระบุเพศที่แน่นอน หรือใช้คำที่ระบุถึงเพศของคนที่เป็นร่างทรงแห่งจันทราเทพ” ผู้บรรยายเว้นช่วงไปนิดหนึ่ง
“คงเป็นที่ทราบกันนะครับว่า คำว่าร่างทรงนั้น มีปรากฏอยู่ในบันทึกของหลายชาติ หลายชนเผ่า ซึ่งก็มีทั้งหญิงและชาย ในจำนวนนั้นมีไม่น้อยเลย ที่ร่างทรงที่เป็นชาย เป็นร่างทรงของเทพสตรี และในทำนองเดียวกัน ก็มีร่างทรงหญิงไม่น้อย ที่เป็นร่างทรงของเทพบุรุษ และเทพบางองค์ ก็มีร่างทรงทั้งหญิงและชาย”
“ถ้าอย่างนั้น ร่างทรงแห่งจันทราเทพ อาจจะเป็นผู้ชายก็ได้สิคะ” หญิงสาวคนเดิมถามอีกครั้ง
“ในช่วงเวลาที่หมู่บ้านจันทรายังมีอยู่ ก็คงมีคนที่เป็นร่างทรงของจันทราเทพ เกิดขึ้นมาไม่น้อย ก็อาจจะมีทั้งหญิงและชายก็เป็นได้ครับ บันทึกถึงได้ไม่ระบุเพศที่แน่นอนเอาไว้”

“เชิญครับ” ผู้บรรยายกล่าวเชิญ เมื่อเห็นผุ้ชายคนหนึ่งทางด้านหลังห้อง ยกมือขึ้นสูง
“ถ้าร่างทรงของจันทราเทพเป็นผู้ชาย แล้วจะหล่อหลอมกันได้ยังไงล่ะครับ” จบคำถามก็มีหลายคนหัวเราะขึ้นมา
“ผมคิดว่า เรื่องของความสัมพันธ์แบบนี้ มีปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ของหลายท้องที่ โดยเฉพาะในสังคมของชนชั้นสูง หรือในสังคมของทหารบางชนชาติ ดังนั้นผมคิดว่ามันเป็นไปได้ โดยที่ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในปัจจุบัน เราก็พบเห็นความสัมพันธ์ระหว่างชายกับชาย มีให้เห็นกันทั่วไป จนในบางสังคมก็ยอมรับกันแล้วว่า มันคือเรื่องปรกติของสังคมในปัจจุบัน”
เสียงพึมพัมดังขึ้นอีกครั้งภายในห้องสัมมนา สักครู่ใหญ่ๆก็มีคนยกมือขึ้นถามคำถามอีก

“เชิญครับ”
“แล้วที่บอกว่า ตัวแทนของเทพทั้งสองจะกลับคืนสู่ที่มา โดยการนำพาของวารีเทพ หมายความว่าอย่างไรครับ”
“สำหรับคำว่า กลับคืนสู่ที่มา คงจะหมายถึงดวงวิญญาณของทั้งสองกลับคืนสู่องค์เทพ อันหมายถึงความตายนั่นเอง แต่เนื่องจากมีการระบุช่วงเวลาเอาไว้ด้วย ว่าเป็นคืนจันทร์เพ็ญครั้งแรกของฤดูหนาว จึงอาจจะหมายถึงพิธีการรมของการสังเวย หรือการบูชายันด้วยชีวิตของคนทั้งสอง” มีเสียงอุทานมาจากผู้ฟังบางคน “ส่วนคำว่า การนำพาของวารีเทพ อาจจะหมายถึง การทำให้ถึงแก่ชีวิตด้วยสายน้ำ เช่นการถ่วงน้ำ หรืออาจจะหมายถึงการนำร่างซึ่งเสียชีวิตแล้วของคนทั้งสอง ทิ้งลงไปในแม่น้ำแทนการกลบฝังก็เป็นไปได้”

นั่งฟังถึงตอนนี้ รพีพันธ์ ก็ต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้ออกไปจากห้องจัดการสัมมนา ความจริงเขาเข้ามาฟังการสัมมนาครั้งนี้ เพียงเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้นเอง โดยเนื้อหาแล้วเขาก็คิดว่ามันแปลกและน่าสนใจดี เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำของโรงแรม เมื่อเสร็จจากการทำธุระส่วนตัวแล้ว ก็เดินมาล้างมือที่อ่างล้างมือ เสร็จแล้วก็ส่องกระจกด้วยความเคยชิน เงาร่างของชายหนุ่มที่มีเรือนร่างสูงถึง ๑๘๕ เซนติเมตร รูปร่างค่อนข้างสมส่วนเพราะการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ผิวค่อนข้างคล้ำ ใบหน้าดูเนียนใส คิ้วเข้มหนา ดวงตายาวรี นัยน์ตาสีดำเข้มเป็นประกาย ยิ่งทำให้วงหน้ารูปไข่ของชายหนุ่มชวนมองยิ่งขึ้น สายตาไล่ไปตามลำคอ ก็หยุดอยู่ที่รอยปานกลางหน้าอก ที่โผล่พ้นเสื้อเชิตที่ไม่ได้กลัดกระดุมสองม็ดบน

ปานสีแดงเข้มรูปวงกลม ดูเด่นอยู่บนแผ่นอกที่นูนเป็นสัน แสดงถึงความกำยำของบุรุษเพศ ทำให้ รพีพันธ์ คิดถึงคำบรรยายในการสัมมนา ที่ได้ฟังมาเมื่อสักครู่นี้

... บุรุษผู้มีปานแดงรูปวงกลมสถิตย์อยู่กลางแผ่นอก รอยปานอันเป็นสัญลักษณ์แห่งองค์สุริยาเทพ ...

“บุรุษแห่งสุริยาเทพเหรอ ฟังดูเท่ห์ไม่หยอก” เขาหัวเราะให้กับเงาของตัวเองในกระจก แล้วก็ต้องหยุดหัวเราะเพราะคิดอะไรขึ้นมาได้
“รพีพันธ์ ... ผู้สืบสายจากดวงอาทิตย์ ... บุรุษแห่งสุริยาเทพ” เขายิ้มให้เงาในกระจกอีกครั้งหนึ่ง
“เหลวไหลหว่ะ” เขาส่ายหน้าแล้วหันหลังเดินออกไปจากห้องน้ำ

บนบานกระจกที่เมื่อสักครู่สะท้อนเงาของปานแดงนั้น กลับเปล่งประกายสีแดงวูบวาบอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆหรี่หายไป



Create Date : 18 กรกฎาคม 2551
Last Update : 21 สิงหาคม 2551 18:49:23 น. 0 comments
Counter : 244 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tumty
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add tumty's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.