Image Hosted by CompGamer Image Host
Group Blog
 
All blogs
 

Diet Day 14


Diet Day 14 ชั่งนน. 60 kg ขับถ่ายปกติ มันจะลงอีกไหมน๊า คงที่ตั้งหลายววันแล้ว แต่รู้สึกตัวกระชับขึ้น เนื่องจากเมื่อคืนลองเสื้อตัวเล็กที่เคยไส่ไม่ได้ แล้วไส่ได้ ดีใจมาเลย แต่นน.ไม่ลดง่ะ
เช้า กล้วยหอม 1 ผล น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล 1 แก้ว
เที่ยง เกาเหลาเย็นตาโฟ
ว่างบ่าย มันฝรั่งทอด555
เย็น โตีะจีน ไม่อยากจะสาธยาย ตบะแตก แงๆ
วันนี้ต้องไปงานแต่งงานญาติที่โบสถ์บางแสน ต้องระวังปากให้มากอย่าตามใจปาก อุตส่าห์ตั้งใจอดแล้วแต่ก็พลาด มันมีแต่ของชอบทั้งนั้นเลย อ้างโน้นอ้างนี่ไปเรื่อย ขากลับขับผ่านไปทางบางทราย ที่เป็นถนนเรียบทะเลไป สวยมากเลยบรรยากาศดี ตอนเย็นๆมีคนพาครอบครัวมานั่งปูเสื่อกินข้าวเต็มเลย วันหลังต้องไปบ้างแล้ว




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 28 มิถุนายน 2553 13:52:28 น.
Counter : 404 Pageviews.  

Diet Diary 12 วันวุ่นๆ

วันนี้เขียน Blog ซะเย็นเลย วันนี้ไปงานหมั้นของญาติมา ทำอาหารไปให้เค้า หมั้นวันนี้แต่งอาทิตย์ แต่งที่โบสถ์บางแสน โรแมนติกเนอะ วันนี้เลยกินอะไรต่ออะไรจิปาถะไปหมด
เช้า ชั่งนน.ได้ 60.5kg มันขึ้นมาง่ะ 0.5 kg เมื่อวานคงกินมากมาย
เช้า กล้วยหอมจอมซน 2 ผล น้ำ 2 แก้ว
เที่ยง ทอดมันกุ้ง ปอเปี๊ยะทอด ถุงทอง หมูย่างอย่างละ 1 ชิ้น
ว่างบ่าย องุ่น มะม่วงน้ำปลาหวาน แตงโม
เย็น ปลาดุกย่างตัวโต1ตัว

วันนี้เหนื่อยจังแล้วก็วุ่นๆด้วยเพราะเราต้องทำอาหารตั้งหลายอย่างแล้วเพื่อนก้ก็มาหาคุยกับเพื่อนได้ไม่เท่าไหร่ต้องรีบทำอาหาร ตอนแรกบอกบ่ายสาม พอ11โมงโทรมาอาหารเสร็จยังจะกินเที่ยง ทำงัยง่ะปั่นเสร็จเที่ยงเหมือนรายการแข่งทำอาหารที่ให้เวลาครึ่ง ชม.เลย ก็ต้องตัดอาหารบางอย่างออก แล้วทำอาหารที่เตรีมไว้บ้างแล้วบางส่วน ก๊เรียบร้อยดี ได้คำชมมากมาย ก็ถือเป็นการออกกำลังกายก็ดี ส่วนรายการอาหารที่ทำได้แก่ แหนมเนือง กุ้งพันอ้อย เส้นหมี่หมูย่าง ปอเปี๊ยะทอด ทอดมันกุ้ง ถุงทอง หมูห่อใบชะพลู ก๋วยจั๊บเวียดนาม กุ้งกระเบื้อง คนอะไรทำได้ไง โม้เปล่า ทำไปแล้ว ไปพักก่อนนะจีะไว้พรุ่งนี้ค่อยเจอกันใหม่




 

Create Date : 25 มิถุนายน 2553    
Last Update : 25 มิถุนายน 2553 18:13:46 น.
Counter : 455 Pageviews.  

Diet Diary 11 * 10 วิธี ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน *



Diet Day 11 ชั่งนน. ได้ 60kg เท่าเดิม เมื่อไหร่จะเห็นเลข 5 สักทีนะ
เวลาไม่ได้กินแป้งเลยรู้สึกว่า ความจำมันสั้นๆ จำอะไรไม่ค่อยได้ งง
เช้า กล้วยหอม 2 ผล น้ำ 2แก้ว
เที่ยง ผัดกุ้งยอดมะพร้าวอ่อน หอยเชลล์ผัดพริกไทย
ว่างบ่าย ยาคูลย์ 1 ขวด
เย็น เมี่ยงคะน้าปลาทู
เมื่อคืน ได้ฝังเข็มก่อนนอนด้วย รู้สึกได้เลยว่ากล้ามเนื้อมันกระชับขึ้น หน้าท้องแบนราบลง ก้อค่อยเป็นค่อยไปเนอะ แนวโน้มดีๆ









10 วิธี ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน

การเพิ่ม metabolism ทำให้มีการเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายใช้พลังงานจากอาหารและอาหารเสริมที่คุณทานเข้าไปด้วย ทำให้คุณอยากดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้น และน้ำที่คุณดื่มยังช่วยสนับสนุนการขับพิษ การขับถ่ายและการย่อยอาหารในร่างกายอีกด้วย และนี่เป็น 10 วิธีที่จะช่วยให้คุณเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานค่ะ
1. เสริมสร้างกล้ามเนื้อ
"ยิ่งคุณมีกล้ามเนื้อเรียบมาก ร่างกายคุณก็จะเผาผลาญพลังงานมาก" ซึ่งวิธีการทำให้กล้ามเนื้อเรียบก็ไม่ยากค่ะ เพียงแค่ยกดัมเบลล์อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยเพิ่มเมตาบอลิซึ่มเหมือนกัน แต่ช่วงที่ระดับเมตาบอลิซึ่มคุณพุ่งสุดขีดนั้นน่ะ ไม่ใช่ตอนที่คุณวิ่งหอบแฮกๆ บนสายพานหรอกนะคะ แต่หลังจากนั้นอีกสัก 2-3 ชั่วโมงค่ะ

2. ขยับตัว
อยากเผาผลาญแคลอรี่ให้เร็วที่สุดก็ต้องออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังกายนั้นเราต้องทำเป็นประจำ อย่างน้อยที่สุดก็วันละ 30 นาที อย่างปกติก็ 1 ชั่วโมง วิ่งเหยาะๆหรือเต้นแอโรบิกอาทิตย์ละ 3 ครั้ง(แต่ไม่ควรที่จะหักโหมมากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้คุณเหนื่อยหอบได้) และไม่ว่าจะออกกำลังกายแบบไหนก็ช่วยเพิ่มเมตาบอลิซึ่มทั้งนั้นล่ะ ให้หัวใจได้เต้นแรงเต็มที่ 120 ครั้งต่อนาที ให้ต่อเนื่องนานสัก 30-45 นาที

3. กิน
ยิ่งร่างกายคุณขาดสารอาหาร กล้ามเนื้อก็จะล้า การเผาผลาญก็จะน้อยลง ทางที่ดีกินเป็นมื้อเล็กๆ วันละ 3-4 มื้อ ยังดีกว่าอดอาหารไปเลย แต่อย่าลืมว่า ควรจะเป็นคนเลือกินสักหน่อย ไม่ใช่บอกว่าให้เลือกกินของแพงนะคะ แต่ให้เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากกว่า ลดไขมันจากสัตว์ แต่เพิ่มปริมาณผักและผลไม้

4. งดน้ำตาล
เหตุผลง่ายๆ ก็คือน้ำตาลที่เหลือใช้แล้ว ร่างกายจะแปรสภาพเป็นไขมัน เพราะฉะนั้นลดน้ำตาล ก็จะช่วยลดไขมันไปในตัว

5. อย่าลืมกินอาหารเช้า
เป็นความจริงที่ว่าคนที่กินอาหารเช้าที่มีประโยชน์ หุ่นดีกว่าคนที่อดข้าวเช้า และอาหารเช้ายังทำให้ระดับเมตาบอลิซึ่มของคุณวันนั้นพุ่งเป็น 2 เท่าด้วย อีกอย่างอาหารเช้าจะช่วยทำให้สมองปลอดดปร่ง สามารถเริ่มทำงานได้อย่างเต็มที่

6. กินอาหารเผ็ดร้อน
เป็นคนไทยแสนจะโชคดี มีอาหารที่รสจัด มีทั้งพริกขี้หนูและพริกไทย แต่อย่าทานที่เผ็ดจนลิ้นชา หน้าแดง น้ำตาไหลนะคะ เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อกระเพาะและลำไส้ได้

7. ดื่มชาเขียว
เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเร่งเมตาบอลิซึ่มได้ดีและปลอดภัยกว่ากาแฟ ที่สำคัญตอนนี้หาซื้อได้ง่าย มีหลายรสชาติให้เลือกรับประทานด้วยค่ะ

8. ดื่มน้ำเยอะๆ
จะช่วยขับสารพิษหลังจากที่ร่างกายเผาผลาญพลังงานแล้ว น้ำเย็นๆยังช่วยกระตุ้นให้เมตาบอลิซึ่มกระเตื้องขึ้นอีกนิดหนึ่งด้วยนะ อีกสูตรที่จะช่วยให้คุณมีผิวพรรณที่สดใส นั่นคือ 1 2 3 3 1 อย่าเพิ่งงค่ะ เพราะว่า 1 2 3 3 1 ที่ว่านี้คือ หลังจากตื่นนอนให้ดื่มน้ำก่อน 1 แก้ว ตอนสายอีก 2 แก้ว ตอนเที่ยงถึงบ่ายอีก 3 แก้ว ตอนเย็น 3 แก้ว และก่อนนอนอีก 1 แก้ว รับรองว่านอกจากจะช่วยกระตุ้นให้เมตาบอลิซึ่มแล้ว ผิวพรรณของคุณก็จะดูสดใสไปด้วย

9. อย่าเครียด
สำคัญมาก ๆ เลยค่ะ เพราะขณะนี้คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่กำลังตกอยุ่ในภาวะของอาการเครียด ซึ่งนอกจากจะทำร้ายจิตใจของเราแล้ว ยังส่งผลถึงร่างกายของเราด้วย เพราะความเครียดทำให้เราอ้วนขึ้น เพราะฮอร์โมนคอร์ติโซนจะไปทำให้อัตราเมตาบอลิซึ่มช้าลง ฉะนั้น สาว ๆ ที่กลัวอ้วน โปรดจงอย่าเครียด

10. นอนหลับ
ความลับที่เพิ่งจะค้นพบก็ คือ กล้ามเนื้อเรียบในร่างกายเราจะทำงานเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีที่สุดในชั่วโมง หลังๆ ที่เราหลับสนิทเต็มที่ค่ะที่มาจาก ซึ่งร่างกายของคนเราต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง








 

Create Date : 24 มิถุนายน 2553    
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 20:35:56 น.
Counter : 2265 Pageviews.  

Diet Diary 10พฤติกรรมที่ต้องเลี่ยงในช่วงลด น้ำหนัก


Diet Diary 10
10 วันแล้ว ในการลดนน.ของเรา ชั่งนน. 60 kg ลงมาอีก 0.5kg เริ่มมีเอวแล้ว
เช้า กล้วย 3 ผล น้ำเปล่า 2 แก้ว
เที่ยง ชะอมชุบไข่ทอด ผักโขมลวก น้ำพริกกระปิ
ว่างบ่าย แอปเปิ้ล 1 ผล
เย็น ยำคะน้ากุ้งสด ผัดผักสามสี
สบายตัวขึ้นนะ ขับถ่ายปกติ ท้องยุบลงหลังจากมี ปจด. ช่วงมีนน.จะคงที่ตลอดพอหมด นน.ลงอีกเลย งง












พฤติกรรมที่ต้องเลี่ยงในช่วงลด น้ำหนัก
คนที่ลดน้ำหนักมักจะอดอาหารเพื่อให้น้ำหนักลด แต่เป็นความเข้าใจที่ผิดมหันต์เลยค่ะ โดยเฉพาะอาหารเช้าและอาหารเย็น การอดอาหารนอกจากจะทำให้ขาดสารอาหารที่จำเป็นแล้ว ในระยะยาวยังทำให้อ้วนขึ้นอีกด้วยค่ะ อันตรายมากสำหรับคนที่อยากผอมใช่มั้ยคะ
เนื่องจากว่าในช่วงแรกที่เราอด อาหารไม่ว่าจะอาหารเช้าหรือเย็นก็ตาม ร่างกายจะรับรู้ว่าได้รับพลังงานไม่พอ จึงนำพลังงานที่เก็บสะสมมาใช้ ซึ่งทำให้เราผอมลงนั่นเอง แต่หากเกิดขึ้นบ่อยๆ ร่างกายก็จะปรับสภาพโดยใช้พลังงานน้อยลง ปรับกระบวนการเผาผลาญอาหารให้ต่ำลง และตัดขั้นตอนยุ่งยากในการดึงพลังงานสะสมออกมาใช้ ตอนนี้น้ำหนักที่เคยลดลงก็จะลดช้าลง หรือแทบไม่ลดเลย เมื่อกลับมากินอาหารสองหรือสามมื้อเหมือนเดิม ก็จะอ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเผาผลาญได้น้อยลง

อีกพฤติกรรมนึงที่ควรหลีกเลี่ยงคือกินอาหาร เย็นดึกเกินไป โดยปกติแล้วไม่ควรทานอาหารเย็นหลังจาก 18:00 น. หรือช้าที่สุดไม่ควรเกิน 19:00 น. เพราะหากกินเสร็จแล้วนอนทันที ร่างกายจะทำให้อาหารที่ย่อยเปลี่ยนเป็นไขมันเก็บสะสมไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เป็นสาเหตุทำให้อ้วนได้เช่นกันค่ะ

อีกพฤติกรรมยอดฮิตที่ ควรหลีกเลี่ยงคือ กินอาหารจุบจิบ กินขนมทั้งวันไม่ว่าจะอ่านหนังสือ ดูทีวี ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเกิน เพราะขนมแต่ละอย่างให้พลังงานสูงทั้งสิ้น ลองเปลี่ยนมาทานผลไม้แทนจะดีกว่าค่ะ หรือลองดู "เคล็ดลับการกิน ตลอดวัน แต่ไม่อ้วน" ก็ได้นะคะ

เคล็ดลับการกินตลอดวัน แต่ไม่อ้วน
คนที่ อ้วนมักจะมีนิสัยที่ชอบกิน และมักจะกินอาหารหรือขนมตามใจปาก บางคนกินได้ทั้งวัน กินจุบกินจิบ จนน้ำหนักเกิน วันนี้เลดี้ทิปมีเคล็ดลับที่จะช่วยให้คนที่ชอบกินทั้งวันแบบนี้กินได้โดยไม่ ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักที่จะเกินเลยค่ะ
* กินผักและผลไม้ทุก 2-3 ชั่วโมง
การกินผักและผลไม้ตลอดวันจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และยังช่วยลดน้ำหนักได้ครึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์โดยที่เรายังไม่ทันรู้ตัวเลย ค่ะ เพราะผักและผลไม้มีสาร phytonutrients และเมล็ดผักบางชนิดยังช่วยป้องกันเชื้อโรคได้อีกด้วยค่ะ ดังนั้นเราจึงควรกินผักและผลไม้ 3-4 มื้อต่อวัน ยิ่งกินมากยิ่งดี แต่อย่างไรก็ตามนะคะ ไม่ควรกินผักผลไม้ที่มีน้ำตามมากมากจนเกินไปนะคะ เช่น ทุเรียน องุ่น มะม่วงสุก เป็นต้น

* กินประเภทไฟเบอร์ หรือเมล็ดธัญพืช
ธัญพืชนั้นมีประโยชน์ช่วยในการเต้นของหัวใจ ป้องกันโรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน และยังช่วยลดน้ำหนัก ดังนั้นในมื้ออาหารแต่ละมื้อควรจะมีไฟเบอร์หรือธัญพืชทุกมื้อ เช่น ขนมที่มีข้าวโอ๊ตอย่างน้อย 2 กรัม และในแต่ละวันควรทานธัญพืชอย่างน้อย 25-35 กรัม และยิ่งเป็นเมล็ดที่ไม่ผ่านการสกัดยิ่งมีประโยชน์ค่ะ และยังช่วยให้อิ่มนานอยู่ท้องด้วยนะคะ

* กินโปรตีนอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งต่อวัน
สารที่อยู่ในโปรตีนอย่างกรดอมิโนจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กระตุ้นฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวและเผาผลาญแคลอรี่

* กินของหวานหลังมื้อาหารทุกวัน
คุณจะลดความอ้วนอย่างได้ผลถ้าคุณกินของ หวานถูกเวลาคือกินได้หลังมื้ออาหาร เท่านั้น และของหวานนั้นต้องเป็นน้ำตาลฟรุกโตสจากผลไม้ น้ำตาลเทียม หรือน้ำเชื่อมจากข้าวโพด ไม่ใช่กินของหวานเป็นของว่างนะคะ แบบนี้อ้วนแน่นอนค่ะ







 

Create Date : 23 มิถุนายน 2553    
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 20:30:06 น.
Counter : 3197 Pageviews.  

Diet Day 9 ! กำลังงงกับนม !



Diet Day 9 ชั่งนน. ได้ 60.5kg เท่าเดิม ปวดท้อง ปจด.ด้วย
เช้า กล้วยหอม 2 ผล น้ำ 2แก้ว
เที่ยง ปลากระป๋องยำ 1 ชิ้น ไข่ต้ม 1ฟอง
ว่างบ่าย บลูเบอรี่ชีสเค้ก 1 คำจริงๆ พอดีเพื่อนมาบ้านเลยทำรับรองเค้า เค้ามาป้อนเลยต้องกิน เดี๋ยวจะเสียมารยาท และน้ำใจอันหวังดีประสงค์ร้ายต่อนน.ของเรา
เย็น กุ้งขาวอบ 5 ตัว แกงส้ม ลาบเป็ด กินเยอะจัง
ดื่มน้ำมากๆเลย
เรื่องของเรื่องไปซื้อนม ที่ชั้นก็มีนมมากมายหลายชนิด กำลังกับงงกับนม มีทั้งขาดมันเนย พร่องมันเนย แล้วมันก็ศูนย์เปอร์เซนต์ทั้งคู่ แล้วช้าน จะเอาแบบไหน เลยเลือกแบบที่มี Cal น้อยๆก็แล้วกัน ก็เลยมาหาข้อมูลมาแปะไว้ เผืื่อจะมีประโยชน์บ้างนะคะ ตอนนี้หนูเลิกงงแล้วคร้า

นมพร่องมันเนย" ในความหมายที่เข้าใจง่ายๆ หมายถึงนมที่แยกไขมันออกไปบางส่วน ให้เหลือไขมันในปริมาณน้อย นมพร่องมันเนยจึงให้พลังงานต่ำ ขณะเดียวกันกลุ่มวิตามินที่ ละลายในไขมันซึ่งได้แก่ วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินดี และวิตามินเค ก็จะขาดหายไปด้วย

โดยทั่วไปนมที่อยู่ในท้องตลาด มี 3 ชนิด ได้แก่

1. นมสด 100% นมที่รีดจากแม่วัวและจำหน่ายโดยตรงต่อผู้บริโภค โดยวิธีการอุ่นทำลายเชื้อโรค มักเรียกกันว่า “นมแขก” ในกรณีที่บรรจุขายเป็นกลอง สำหรับนมสด 100% ให้ดูที่ข้างกล่อง จะเขียนคำว่า "นมสด 100%" ระบุไว้ชัดเจน
2. นมพร่องมันเนย เป็นนมที่รีดจากแม่วัว และแยกมันเนยออกเพียงบางส่วน กระบวนการผลิตนมพร่องมันเนย นำนมมาแยกมันเนยออกบางส่วน แล้วเอาเนยไปทำอย่างอื่น อาจจะมีมันเนยอยู่ไม่เดินร้อยละ 15 ปัจจุบันผลิตภัณฑ์นมพร่องมันเนยที่วางขายอยู่ในท้องตลาด มีทั้งชนิดยูเอชที และชนิดพาสเจอร์ไรส์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะบรรจุอยู่ในกล่องกระดาษสีฟ้า
3. นมขาดมันเนย เป็นนมที่รีดจากแม่วัว และแยกมันเนยออกเกือบหมด เรียกกันว่า "หางนม" อาจใส่วานิลลา ช็อคโกแลต และน้ำตาลเข้าไป ดังนั้นหางนมจึงมีสารอาหารครบเกือบทุกตัว ยกเว้น ไขมัน และวิตามินที่ละลายในไขมัน หางนมเป็นแหล่งที่ดีที่สุดของโปรตีนจากสัตว์ ซึ่งมีคุณภาพสูง และมีแร่ธาตุพวกแคลเซียมและฟอสฟอรัสด้วย ปริมาณแลคโตสเกือบเท่ากับที่มีอยู่ในน้ำนม หางนมเป็นอาหารที่ดีที่สุดของสัตว์อ่อน และเป็นแหล่งของโปรตีนนมและแร่ธาตุราคาถูกสำหรับมนุษย์

ข้อดีของนมพร่องมันเนย

1. นมพร่องมันเนยเป็นนมที่เหมาะสำหรับคนอ้วน คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักตัวหรือคนที่มีไขมันในเลือดสูงรับประทานไขมันไม่ ได้ แต่ต้องการเสริมในส่วนของโปรตีน และแคลเซียม ก็สามารถดื่มนมชนิดนี้ได้
2. นมพร่องมันเนยมีส่วน ประกอบของไขมันไม่เกิน 15 % แต่ในส่วนของคุณค่าทางอาหารอื่นๆ ยังมีอยู่ครบ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมหรือลดน้ำหนักมากกว่า ถ้าหากดื่มในปริมาณที่มากเกินไปและไม่ได้ออกกำลังกาย อาจจะทำให้อ้วนได้ เพราะในนมยังมีไขมันหลงเหลืออยู่
3. สำหรับคนที่ต้องการดื่มนมพร่องมันเนยควรจะดื่มเป็นอาหาร เสริมจะดีกว่า ไม่ควรดื่มเป็นอาหารหลักในช่วงเช้า เพราะจะทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต
4. วัยรุ่นไม่ควรดื่มนมแทนน้ำ โดยเฉพาะนมธรรมดา หรือ UHT เพราะอาจทำให้โคเลสเตอรอลสูง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคอ้วน
5. สำหรับเด็กในเมือง ถ้าต้องการดื่มนมพร่องมันเนยก็ได้ เพราะเด็กพวกนี้จะได้รับสารอาหารที่ขาดไปจากทางอื่นอยู่แล้ว แต่เด็กๆ ที่อาศัยอยู่ในชนบท หรือเด็กที่มีร่างกายผอมควรที่จะดื่มนมธรรมดา ซึ่งจะได้คุณค่าทางอาหารครบถ้วน
6. นมพร่องมันเนยหรือนมขาดมันเนยนั้น จะเหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมหรือลดน้ำหนัก และคนที่มีอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป เพราะบุคคลในวัยนี้ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานมากนัก

ข้อจำกัดของนมพร่องมันเนย

1. สิ่งที่สำคัญที่ควรทราบ คือ นมพร่องมันเนยไม่ควรให้เด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี รับประทาน ทั้งนี้เพราะเด็กเล็กๆ เป็นวัยที่มีอัตราการเจริญเติบโตของสมองสูงมาก และการเจริญเติบโตของสมองนี้จำเป็นต้องใช้ไขมันเป็นองค์ประกอบร่วมด้วย
2. นมพร่องมันเนยที่เห็นวางขายตามท้องตลาด นั้น ถึงแม้จะมีโปรตีน และแคลเซียม เทียบเท่ากับนมธรรมดาก็ตาม แต่ก็ได้สกัดเอาไขมันบางส่วนจากเนื้อนมออกไป ทำให้พลังงานที่ได้รับต่ำ ขณะเดียวกัน วิตามิน A D E K ที่ละลายในไขมันก็จะหายไปด้วย จึงไม่เหมาะสำหรับใช้เลี้ยงเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ เพราะเด็กเล็กจำเป็นต้องได้รับวิตามินที่ละลายในไขมันได้ด้วย
3. คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกน้ำหนักตัวมากๆ ยังไม่ต้องกังวลใจ ส่วนใหญ่หลังจากเด็กอายุ 2 ขวบแล้ว น้ำหนักตัวเขาจะลดลงไปได้เอง เพราะพลังงานส่วนเกินของเด็กๆ จะถูกใช้อย่างเต็มที่ไปกับการเล่น การซน จนเกือบหมด ถ้าหลังจากนั้น เด็กอ้วนมากขึ้นหรือมีน้ำหนักเกินค่ามาตราฐานมาก จึงพิจารณาควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสมต่อไป

แคลเซียมในนมพร่องมันเนย

1. แหล่งอาหารแคลเซียมที่สำคัญ คือ นมและผลิตภัณฑ์นม ทั้งนี้เพราะมีปริมาณแคลเซียมสูงประมาณ 300 มิลลิกรัมต่อนมหรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย (240 กรัม) และได้มีการศึกษาแล้วว่าร่างกายดูดซึมนำไปใช้ได้ดี
2. สำหรับผู้ที่แพ้นมวัว หรือดื่มนมไม่ได้ จำเป็นต้องได้รับแคลเซียมจากอาหารอื่น เช่น ปลาเล็กปลาน้อย ปลาที่กินได้ทั้งก้าง กุ้งแห้ง งา คะน้า เต้าหู้ที่ใช้เกลือแคลเซียมตกตะกอน เป็นต้น อาหารเหล่านี้เป็นแหล่งที่ดีของแคลเซีย เช่นกัน เพียงแต่ข้อมูลการนำไปใช้ในร่างกายยังมีไม่มากนัก คงต้องมีการศึกษาวิจัยกันต่อไป ยกเว้นคะน้าที่มีการศึกษาในต่างประเทศว่าร่างกายดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้ดี และเต้าหู้ที่ใช้แคลเซียมซึ่งร่างกายดูดซึมได้ดีเหมือนกัน
3. อาหารบางอย่างมีสารจำพวก ออกซาเลทสูง ทำให้ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมได้ เช่น ผักพื้นบ้านบางชนิด พวกผักโขม ยอดกระถิน เป็นต้น
4. การที่ร่างกายได้รับโปรตีน โซเดียม คาเฟอีน มากเกินไป มีผลทำให้สูญเสียแคลเซียม โดยถูกขับออกทางปัสสาวะ เพิ่มขึ้น
5. สำหรับผู้ที่ดื่มนมไม่ได้ สามารถเลือกรับประทานอาหารอย่างอื่นที่มีแคลเซียมหรือโปรตีนเป็นส่วนประกอบ แทนได้ เช่น น้ำนมถั่วเหลือง เพราะมีไขมันพืชสามารถย่อยได้ดีกว่า อีกทั้งสัดส่วนของโปรตีนและแคลเซียมไม่ต่างจากนมธรรมดามากนักสามารถดื่มแทน กันได้ และที่สำคัญน้ำนมถั่วเหลืองยังมีสารเลซิติน ที่ช่วยเสริมสร้างบำรุงสมอง ซึ่งต่างจากนมพร่องมันเนยที่ไม่มีสารดังกล่าว
6. โดยปกติแล้วคนที่ดื่มนมเพราะต้องการแค ลซียมและโปรตีนจากนม แต่ในส่วนคนที่ไม่สามารถดื่มนมได้เพราะไม่ย่อยนั้น แนะนำให้บริโภคโยเกิร์ตทดแทน โดยเฉพาะที่เป็นถ้วยๆ เพราะในโยเกิร์ตจะมีจุลินทรีย์ที่สามารถย่อยได้ดี แต่โยเกิรต์จะมีราคาแพงกว่านมอยู่เกือบ 2 เท่า ถ้าเป็นเช่นนั้นก็สามารถบริโภคปลาตัวเล็กได้ เพราะมีแคลเซียมไม่ต่างจากนม

บทบาทของแคลเซีนม

1. ปัจจุบันแคลเซียมเป็นแร่ ธาตุที่อยู่ในความสนใจของทั้งนักวิชาการ และผู้บริโภคทั่วไปอยู่มาก ร้อยละ 99 โดยประมาณของแคลเซียมที่อยู่ในตัวเรานั้นจะอยู่ในส่วนที่เป็นกระดูก จึงมีการรณรงค์ให้ดื่มนมวัว ซึ่งเป็นแหล่งที่ดีของแร่ธาตุชนิดนี้ หรือรับประทานอาหารอื่นที่เป็นแหล่งของแคลเซียมตั้งแต่วัยเด็กเพื่อการเจริญ เติบโตและการมีโครงสร้างของกระดูกที่แข็งแรง และบริโภคเป็นประจำตลอดชีวิต เพื่อรักษาสภาพที่ดีของกระดูกไว้ร่วมกับการออกกำลังกาย
2. การสร้างและสลายกระดูก ถ้าจะพูดไปก็คือการนำแคลเซียมไปสะสมในกระดูกและการละลายเอาแคลเซียมออกมา จากกระดูกนั่นเอง แคลเซียมที่ละลายออกมาก็จะไปอยู่ในกระแสเลือด และส่งกระจายไปยังอวัยวะอื่น เพื่อทำหน้าที่ต่างๆ ของมันตามความจำเป็น เมื่อเราได้รับแคลเซียมจากอาหารไม่เพียงพอ แต่ร่างกายจำเป็นต้องใช้จึงต้องถอนออกจากธนาคาร ซึ่งก็คือโครงกระดูก ถ้าแคลเซียมขาดแคลนบ่อยๆ กระดูกของเราก็อ่อนแอลง มีความหนาแน่นน้อยลง ร่างกายจึงต้องได้แคลเซียมเพียงพอตั้งแต่วัยเด็ก คือมีเงินลงทุนตั้งต้นมากๆ ไว้ก่อน จากนั้นก็ต้องมีทุนสะสมมาเรื่อยๆ เพื่อให้สามารถสร้างกระดูกที่มีความหนาแน่นสูงสุด และรักษาไว้ให้ได้มากที่สุด
3. สำหรับคนไทย ในปัจจุบันนักวิชาการแนะนำให้ได้รับแคลเซียมจากอาหาร 800 มิลลิกรัมต่อวัน ตามปริมาณสารอาหารที่แนะนำ ให้บริโภคประจำวัน สำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป
4. เมื่อกินแคลเซียม จะต้องกินแมกนีเซียมซัลเฟตด้วย เพราะแมกนีเซียมซัลเฟตเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ช่วยให้แคลเซียมไปเกาะกระดูก แมกนีเซียมซัลเฟตมีอยู่ในผักสด ในเต้าหู้ ผักใบเขียว เช่น ใบคะน้า เป็นต้น
5. การที่ร่างกายได้รับ แคลเซียมจากแหล่งอาหารประจำวันอย่างพอเพียง หากไม่รับประทานอาหารซ้ำซาก ส่วนใหญ่มักจะเพียงพอต่อความต้องการประจำวันของร่างกาย ไม่จำเป็นต้องได้แคลเซียมเสริม นอกจากบางคนอาจได้แคลเซียมไม่พอเพียงเนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะกระดูก พรุนอย่างชัดเจน เช่น โครงสร้างของกระดูกบอบบาง หรือน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ
6. จากโครงการวิจัยการป้องกันและรักษาโรค กระดูกพรุนในคนไทย พบว่า คนไทยมีความแตกต่างจากชาวตะวันตก ในปัจจัยสำคัญๆ ที่ควบคุมเมตาบอลิสซึมของแคลเซียมคือ คนไทยกินแคลเซียมน้อยกว่า คนไทยกินโปรตีนและเกลือแกงน้อยกว่า คนไทยมีระดับวิตามินดีในเลือดพอเพียงและไม่ลดลงตามอายุ คนไทยมียีนชนิดที่ความสามารถดูดแคลเซียมจากลำไส้ได้ดีกว่า จากความแตกต่างดังกล่าวนี้ จึงมีข้อสันนิษฐานว่า ปริมาณที่เหมาะสมของแคลเซียมที่คนไทยอายุต่างๆ ควรจะได้รับในแต่ละวันอาจจะน้อยกว่าปริมาณในคนตะวันตก
7. อาหารประจำวัน ซึ่งเป็นอาหารไทยๆ หาได้ง่ายๆ ราคาไม่แพง และมีสารอาหารแคลเซียมสูง ได้แก่ กุ้งแห้งตัวเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ, กุ้งฝอย 1 ช้อนโต๊ะ, กะปิ 2 ช้อนชา, ปลาสลิด 1 ตัว, งาดำคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ, เต้าหู้ 1 ก้อน, ถั่วเหลืองสุก 10 ช้อนโต๊ะ, ถั่วเขียวสุก 10 ช้อนโต๊ะ, ใบยอ 1 ถ้วยตวง, มะขามฝักสด 10 ฝัก, ผักคะน้า 1 ถ้วยตวง, มะเขือพวง 1 ถ้วยตวง
8. แหล่ง แคลเซียมที่ดีที่สุด คือ นม และผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากนม รองลงมาก็คือ ปลาเล็กที่กินทั้งกระดูก กะปิ ในขณะที่แคลเซียมจากผักจะดูดซึมไม่ดี เนื่องจากปริมาณสารไฟเตตและออกซาเลต จะรบกวนการดูดซึมแคลเซียม




 

Create Date : 22 มิถุนายน 2553    
Last Update : 23 มิถุนายน 2553 9:49:55 น.
Counter : 747 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

Tree Rose
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




free counters
Friends' blogs
[Add Tree Rose's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.