"ความสามัคคีปรองดอง เป็นกำลังอย่างสูงสุดของชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ความสามัคคีของคนในชาติ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และทำให้สังคมไทย ร่มเย็นเป็นสุข" พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สนใจลงโฆษณา ในพื้นที่ข้างบน ติดต่อ email : nana_sara1000@ymail.com
Home Lover’s Corner นานา สาระ๑๐๐๐ นานา สารพัด พระพุทธประวัติ ภาคพิเศษ
Travel Around the World Real Estate Buyer's Guide สุขภาพกาย สุขภาพใจ Pets & Animals
ปางพระพุทธรูปตามพุทธประวัติ Horoscope 12 ราศี พระพุทธศาสนา World of Beautiful Musics

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๑๓ : ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางพิมพา

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๑๓ : ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางพิมพายโสธรา

พระบิดาทรงอภิเษกสมรส
พระสิทธัตถะกับพระนางพิมพายโสธรา

พระญาติวงศ์ของพระพุทธเจ้านั้นมีสองฝ่าย คือฝ่ายพระมารดาและฝ่ายพระบิดา ทั้งสองฝ่าย อยู่คนละเมือง มีแม่น้ำโรหิณีไหลผ่านเป็นเขตกั้นพรมแดน พระญาติวงศ์ฝ่ายพระมารดามีชื่อว่า โกลิยวงศ์ ครองเมืองเทวทหะ พระญาติวงศ์ฝ่ายพระบิดาชื่อ ศากยวงศ์ ครองเมืองกบิลพัสดุ์

ทั้งสองนครนี้เกี่ยวดองเป็นพระญาติกัน มีความรักกันฉันพี่น้องร่วมสายโลหิต ต่างอภิเษกสมรส กันและกันเสมอมา สมัยพระพุทธเจ้า ผู้ทรงอยู่ในฐานะประมุขครองเมืองเทวทหะ คือ พระเจ้าสุปปพุทธะ ส่วนผู้ครองเมือง กบิลพัสดุ์ก็เป็นที่ทราบกันดี คือ พระเจ้าสุทโธทนะ

พระชายาของพระเจ้าสุปปพุทธะมีพระนามว่าพระนางอมิตา เป็นกนิษฐภคินี คือน้องสาวคนเล็ก ของพระเจ้าสุทโธทนะ กลับกันคือ พระชายาของพระเจ้าสุทโธทนะหรือพระมารดาของพระพุทธเจ้ามีพระนามว่าพระนางมายา พระนางเป็นน้องสาวของพระเจ้าสุปปพุทธะ ทั้งสองทรงอภิเษกสมรสกับพระภคินีของกันและกัน พระเจ้าสุปปพุทธะมีพระโอรส และพระธิดาอันเกิดกับพระนางอมิตาสองพระองค์ พระโอรสคือ พระเทวทัต พระธิดาคือ พระนางพิมพายโสธรา



ปฐมสมโพธิกล่าวว่า พระนางพิมพายโสธราเป็นผู้หนึ่งในจำนวน ๗ สหชาติของพระพุทธเจ้า สหชาติ คือ สิ่งที่เกิดพร้อมกันกับวันที่พระพุทธเจ้าเกิด ๗ สหชาตินั้น คือ
๑. พระนางพิมพายโสธรา
๒. พระอานนท์
๓. กาฬุทายีอำมาตย์
๔. นายฉันนะมหาดเล็ก
๕. ม้ากัณฐกะ
๖. ต้นพระศรีมหาโพธิ์
๗. ขุมทองทั้ง ๔ (สังขนิธิ, เอลนิธิ, อุบลนิธิ, บุณฑริกนิธิ)




ในคราวนั้น พระญาติวงศ์ทั้งสองฝ่ายทรงเห็นพร้อมกันว่า พระนางพิมพายโสธราทรงพร้อมด้วยคุณสมบัติทุกอย่าง สมควรจะอภิเษกสมรสกับเจ้าชายสิทธัตถะ พระราชพิธีอภิเษกสมรสจึงได้มีขึ้นในสมัยที่ทั้งเจ้าชาย และเจ้าหญิงทรงมีพระชนมายุได้ ๑๖ ปีพอดี






 

Create Date : 12 มีนาคม 2551    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2551 12:51:55 น.
Counter : 15619 Pageviews.  

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๑๒ : ทรงประลองศิลปศาสตร์

พระพุทธประวัติ ตอนที่ 12 : ทรงประลองศิลปศาสตร์

ทรงประลองศิลปศาสตร์ยกศรอันหนัก
ดีดสายศรเสียงสนั่นกระหึ่มเมือง

พอเจ้าชายสิทธัตถะทรงมีพระชนมายุพอสมควรแล้ว พระราชบิดาจึงทรงส่งไปศึกษาศิลปวิทยา ที่สำนักครูที่มีชื่อว่า 'วิศวามิตร' เจ้าชายทรงศึกษาการใช้อาวุธยิงธนู และการปกครองได้ว่องไวจนสิ้นความรู้ของอาจารย์

เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงมีพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา พระราชบิดาได้ตรัสสั่งให้สร้างปราสาท ๓ ฤดู เป็นจำนวน ๓ หลัง ให้พระโอรสประทับเป็นที่สำราญพระทัย ปราสาทหลังที่หนึ่งเหมาะสำหรับประทับในฤดูหนาว หลังที่สอง สำหรับฤดูร้อน ทั้งสองหลังนี้จะมีอะไรเป็นเครื่องควบคุมอุณหภูมิไม่ทราบได้ และหลังที่สามสำหรับประทับในฤดูฝน



หลังจากนั้น พระราชบิดาได้ทรงแจ้งไปยังพระญาติวงศ์ทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายพระมารดาและฝ่ายพระบิดา ให้จัดส่งพระราชธิดามาเพื่อคัดเลือกสตรีผู้สมควรจะอภิเษกสมรสกับเจ้าชาย ทั้งนี้เพราะพระราชบิดาทรงต้องการจะผูกมัด พระราชโอรสให้เสด็จอยู่ครองราชสมบัติมากกว่าที่จะให้เสด็จออกทรงผนวช
แต่พระญาติทั้งปวงเห็นว่า ควรจะให้เจ้าชายได้แสดงความสามารถในศิลปศาสตร์ที่ทรงเล่าเรียนมา ให้เป็นที่ประจักษ์แก่หมูพระญาติก่อน พระราชบิดาจึงอัญเชิญพระญาติวงศ์มาประชุมกันที่หน้าพระมณฑลที่ปลูกสร้างขึ้นใหม่ ณ ใจกลางเมือง เพื่อชมเจ้าชายแสดงการยิงธนู

ธนูที่เจ้าชายยิงมีชื่อว่า 'สหัสถามธนู' แปลว่า ธนูที่มีน้ำหนักขนาดที่คนจำนวนหนึ่งพันคนจึงจะยกขึ้นได้ แต่เจ้าชายทรงยกธนูนั้นขึ้นได้ ปฐมสมโพธิให้คำอุปมาว่า 'ดังสตรีอันยกขึ้นซึ่งไม้กงดีดฝ้าย' บรรดาพระญาติวงศ์ทั้งปวงได้เห็นแล้ว ต่างชื่นชมยิ่งนัก แล้วเจ้าชายทรงลองดีดสายธนูก่อนยิง เสียงสายธนูดังกระหึ่มครึ้มครางไปทั้งกรุงกบิลพัสดุ์ จนคนทั้งเมือง ที่ไม่รู้และไม่ได้มาชมเจ้าชายทรงยิงธนู ต่างถามกันว่านั่นเสียงอะไร



เป้าที่เจ้าชายยิงธนูในวันนั้น คือ ขนหางทรายจามรีที่วางไว้ในระยะหนึ่งโยชน์ ปรากฏว่าเจ้าชายทรงยิง ถูกขาดตรงกลางพอดี ทั้งนี้ท่านว่า 'ด้วยพระเนตรอันผ่องใสพร้อมด้วยประสาททั้ง ๕ อันบริสุทธิ์อันปราศจากมลทิน' พระญาติวงศ์ ทั้งปวงจึงยอมถวายพระราชธิดา ซึ่งมีพระนางพิมพายโสธรารวมอยู่ด้วย เพื่อคัดเลือกเป็นพระชายา




 

Create Date : 10 มีนาคม 2551    
Last Update : 11 มีนาคม 2551 10:25:24 น.
Counter : 1007 Pageviews.  

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๑๑ : ทรงบรรลุปฐมฌาน

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๑๑ : ทรงบรรลุปฐมฌาน

ทรงบรรลุปฐมฌานตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ขณะประทับใต้ร่มหว้า
ในพิธีแรกนาขวัญ

เมื่อเจ้าสิทธัตถะโคตรมะ มีพระชนมายุ ๗ ปี พระราชบิดาตรัสให้ขุดสระโบกขรณี ๓ สระ ภายในพระราชนิเวศน์ ให้เป็นที่สำราญพระทัยพระโอรส (สระโบกขรณี คือ สระที่ปลูกดอกบัวประดับในสระ) แล้วพระราชทานเครื่องทรงคือจันทน์ สำหรับทาผ้าโพกพระเศียร ฉลองพระองค์ผ้าสะพัก พระภูษาทั้งหมดเป็นของมีชื่อจากเมืองกาสีทั้งนั้น



เมื่อถึงวันพระราชพิธีแรกนาขวัญ พระเจ้าสุทโธทนะพระราชบิดาได้โปรดให้เจ้าชายสิทธัตถะพระราชกุมารโดยเสด็จด้วย ในขณะที่กำลังดำเนินการพระราชพิธีแรกนาขวัญ พระสหาย พระพี่เลี้ยง และมหาดเล็กพากันไปชมพระราชพิธี กันหมด เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จอยู่ลำพังพระองค์เดียวภายใต้ต้นหว้าที่กวีท่านพรรณนาไว้ว่า

"......กอปรด้วยสาขาแลใบ อันมีพรรณอันเขียวประหนึ่งอินทนิลคีรี มีปริมณฑลร่มเย็นเป็นรมณีย์สถาน....."

พระทัยอันบริสุทธิ์และวิสัยของผู้ที่จะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าในภายหน้า ได้รับความวิเวกก็เกิดเป็นสมาธิขั้นแรก ที่เรียกว่า 'ปฐมฌาน'

ครั้นตกบ่ายพระราชพิธีแรกนาขวัญได้เสร็จสิ้นลง พระพี่เลี้ยงวิ่งมาหาเจ้าชาย เห็นเงาไม้ยังอยู่ที่เดิม เหมือนเวลาเที่ยงวันไม่คล้อยตามดวงตะวัน ก็เกิดอัศจรรย์ใจเป็นยิ่งนัก จึงนำความไปไปกราบทูลพระเจ้าสุทโธทนะให้ทรงทราบ พระราชบิดาเสด็จมาทอดพระเนตรก็เกิดความอัศจรรย์ในพระทัย แล้วก็ทรงออกพระโอษฐ์อุทานว่า "กาลเมื่อวันประสูติ จะให้น้อมองค์ลงถวายนมัสการพระกาฬเทวินดาบส ก็ทำปาฏิหาริย์ขึ้นไปยืนเบื้องบนชฎาพระดาบส อาตมก็ประณตเป็นปฐมวันทาการ ครั้งหนึ่งแล้ว และครั้งนี้อาตมก็ถวายอัญชลีเป็นทุติยวันทนาการคำรพสอง"

พระเจ้าสุทโธทนะทรงไหว้พระพุทธเจ้าที่สำคัญ ๓ ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกเมื่อคราวที่พระอสิตะดาบสมาเยี่ยม เห็นดาบสไหว้ก็เลยไหว้ ครั้งที่สองก็คือครั้งที่ทรงปาฏิหาริย์ ครั้งที่สามคือภายหลังที่พระพุทธเจ้าเสด็จออกผนวชได้สำเร็จ เป็นพระพุทธเจ้าแล้วและเสด็จกลับไปโปรดพระพุทธบิดาครั้งแรก





 

Create Date : 09 มีนาคม 2551    
Last Update : 9 มีนาคม 2551 14:11:14 น.
Counter : 1633 Pageviews.  

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๑๐ : ถวายพระนามพระกุมาร

พระพุทธประวัติ ตอนที่ 10 : ถวายพระนามพระกุมาร

พราหมณาจารย์รับพระลักษณะสมโภชพระกุมาร
ถวายพระนามว่าพระสิทธัตถะ
ภายหลังเจ้าชายราชกุมาร ประสูติได้ ๕ วันแล้ว พระเจ้าสุทโธทนะพระราชบิดาได้โปรดให้มีการประชุมใหญ่ ผู้เข้าประชุมมีพระญาติวงศ์ทั้งฝ่ายพระบิดาและฝ่ายพระมารดา มุขอำมาตย์ ราชมนตรี และพราหมณ์ผู้รอบรู้ไตรเวทย์ เพื่อทำพิธีมงคลแก่พระราชกุมาร ๒ อย่าง คือ ขนานพระนาม และพยากรณ์พระลักษณะ ผู้ทำพิธีมงคลในการนี้คือพราหมณ์ มีทั้งหมด ๑๐๘ แต่พราหมณ์ผู้ทำหน้าที่นี้จริงๆ มีเพียง ๘ ท่าน นอกนั้นมาในฐานะคล้ายพระอันดับ พราหมณ์ทั้ง ๘ มีรายนามดังนี้ คือ

๑. รามพราหมณ์ ๒. ลักษณพราหมณ์ ๓. ยัญญพราหมณ์ ๔. ธุชพราหมณ์
๕. โภชพราหมณ์ ๖. สุทัตตพราหมณ์ ๗. สุยามพราหมณ์
๘. โกณทัญญพราหมณ์



ที่ประชุมลงมติขนานพระนามพระราชกุมารว่า 'เจ้าชายสิทธัตถะ' ซึ่งเป็นมงคลนาม มีความหมาย ๒ นัย นัยหนึ่งหมายความว่า ผู้ทรงปรารถนาสิ่งใดจะสำเร็จสิ่งนั้นดังพระประสงค์ อีกนัยหนึ่งหมายความว่า พระโอรสพระองค์แรก สมดังที่พระราชบิดาทรงปรารถนา แปลให้เป็นเข้าสำนวนภาษาสามัญก็ว่าได้ลูกชายคนแรก
พระนามนี้ คนอินเดียทั่วไปในสมัยนั้นไม่นิยมเรียก แต่นิยมเรียกพระโคตรแทน 'พระโคตร' คือนามสกุลของ ของคนไทยนั่นเอง คนจึงนิยมเรียกพระราชกุมารว่า 'เจ้าชายโคตมะ' หรือ 'โคดม'

พร้อมกันนี้ พราหมณ์ทั้ง ๘ ก็พยากรณ์พระลักษณ์ คำพยากรณ์แตกความเห็นเป็น ๒ กลุ่ม พราหมณ์ ๗ คน ตั้งแต่หมายเลข ๑ ถึง หมายเลข ๗ มีความเห็นเป็นเงื่อนไขในคำพยากรณ์ว่า ถ้าเจ้าชายเสด็จอยู่ครองราชสมบัติ จักได้ทรงเป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงมีพระบรมเดชานุภาพมาก แต่ถ้าเสด็จออกทรงผนวชจักได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดาเอกของโลก

มีพราหมณ์หนุ่มอายุเยาว์คนเดียวที่พยากรณ์เป็นมิติเดียวโดยไม่มีเงื่อนไขว่า พระราชกุมารนี้จัก เสด็จออกทรงผนวช และได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน พราหมณ์ผู้นี้ต่อมาได้เป็นหัวหน้าพระปัญจวัคคีย์ ออกบวชตามเสด็จ พระพุทธเจ้า และได้เป็นพระอรหันตสาวกองค์แรกที่รู้จักในนามว่า 'พระอัญญาโกณทัญญะ นั่นเอง ที่เหลืออีก ๗ คน ไม่ได้ตามเสด็จออกบวช เพราะชรามากแล้ว อยู่ไม่ทันสมัยพระพุทธเจ้าเสด็จออกทรงผนวช




 

Create Date : 08 มีนาคม 2551    
Last Update : 11 มีนาคม 2551 10:23:42 น.
Counter : 940 Pageviews.  

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๙ : อสิตดาบสมาเยี่ยม

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๙ : อสิตดาบสมาเยี่ยม

อสิตดาบสมาเยี่ยม เห็นพระกุมารประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ ก็ถวายบังคม

เมื่อท่าน 'อสิตดาบส' หรือ 'กาฬวินดาบส' ซึ่งเป็นฤาษีอยู่ที่ข้างเขาหิมพานต์ หรือที่เรียกกันว่าภูเขาหิมาลัย เป็นที่เคารพนับถือของพระเจ้าสุทโธทนะและราชตระกูล ทราบว่าพระเจ้าสุทโธทนะ ประมุขกษัตริย์กรุงกบิลพัสดุ์ทรงมีพระราชโอรส จึงออกจากอาศรมเชิงเขา เข้าไปเยี่ยมเยียนเพื่อถวายพระพรยังราชสำนัก พระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบว่าท่านดาบสมาเยี่ยมก็ทรงดีพระทัยเป็นยิ่งนัก จึงตรัสสั่งให้นิมนต์ท่านนั่งบนอาสนะ แล้วทรงอุ้มพระราชโอรสออกมาเพื่อให้นมัสการท่านดาบส


พระโอรสประทับ ณ กรุงกบิลพัสดุ์

พอท่านดาบสได้เห็นเจ้าชายสิทธัตถะ ก็ทำกริยาผิดวิสัยสมณะ คือ หัวเราะแล้วร้องไห้ แล้วกราบแทบพระบาทของเจ้าชายสิทธัตถะ

ท่านยิ้มเพราะเห็นพระลักษณะของเจ้าชายสิทธัตถะ ต้องด้วยตำรับมหาบุรุษลักษณ์ ท่านเห็นว่าคนที่มีลักษณะอย่างนี้ ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงมีพระบรมเดชานุภาพแผ่ไปไกล แต่ถ้าได้ออกบวชจะได้เป็นพระศาสดาผู้มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ที่ท่านร้องไห้ก็เพราะเชื่อแน่ว่าเจ้าชายราชกุมารนี้จะต้องออกบวช เพราะเหตุที่เชื่ออย่างนี้เลยนึกถึงตนเองว่า เรานี่แก่เกินการณ์เสียแล้ว เลยเสียใจว่ามีบุญน้อย ไม่มีโอกาสที่จะได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า และที่กราบไหว้พระบาทราชกุมารที่เพิ่งประสูติใหม่ ก็เพราะเหตุเดียวกันกับที่กล่าวมาแล้ว


พระเจ้าสุทโธทนะ ทรงอุ้มพระราชโอรสออกมาเพื่อให้นมัสการท่านดาบส


ฝ่ายเจ้านายในราชตระกูลได้เห็นและได้ทราบข่าวว่า ท่านดาบสกราบพระบาทราชกุมาร ต่างก็มีพระทัย นับถือพระราชกุมารยิ่งขึ้น จึงทูลถวายโอรสของตนให้เป็นบริวารของเจ้าชายสิทธัตถะตระกูลละองค์ ๆ ทุกตระกูล




 

Create Date : 06 มีนาคม 2551    
Last Update : 6 มีนาคม 2551 10:54:03 น.
Counter : 1001 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

travelaround
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]





ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ


เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย

แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์

ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email :– nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที

Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.


Website counter
: Users Online









ที่ดินเชียงใหม่ ทางไปแม่ริม ใกล้ศาลากลาง และสนามกีฬา 700 ปี ติดน้ำปิง ในหมู่บ้านเพชรริมปิง พื้นที่ 667 ตารางวา @ 14,000.- บาท สภาพแวดล้อมดี สนใจติดต่อ โทร. 0859559950



DESIGN PLACE CO.,LTD. รับออกแบบ และตกแต่งภายใน บ้านพักอาศัย ในแบบไทย และไทยร่วมสมัย



มรดก ฉบับที่ 1

มรดก ฉบับที่ 2

มรดก ฉบับที่ 3

มรดก ฉบับที่ 4

มรดก ฉบับที่ 5

มรดก ฉบับที่ 6

มรดก ฉบับที่ 7

ช่วยสนับสนุนการจัดทำ BLOG ด้วยการซื้อหนังสือ "มรดก" 1ชุด 7เล่ม (หนังสือเก่า) ในราคาชุดละ 700 บาท (รวมค่าส่งทางไปรษณีย์)

สนใจสั่งซื้อทาง E-mail :- nana_sara1000@ymail.com



New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add travelaround's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.