"ความสามัคคีปรองดอง เป็นกำลังอย่างสูงสุดของชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ความสามัคคีของคนในชาติ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และทำให้สังคมไทย ร่มเย็นเป็นสุข" พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สนใจลงโฆษณา ในพื้นที่ข้างบน ติดต่อ email : nana_sara1000@ymail.com
Home Lover’s Corner นานา สาระ๑๐๐๐ นานา สารพัด พระพุทธประวัติ ภาคพิเศษ
Travel Around the World Real Estate Buyer's Guide สุขภาพกาย สุขภาพใจ Pets & Animals
ปางพระพุทธรูปตามพุทธประวัติ Horoscope 12 ราศี พระพุทธศาสนา World of Beautiful Musics

สวนทางตั้ง | Vertical Garden ตอนที่ 2

สวนทางตั้ง | Vertical Garden ตอนที่ 2


การบำรุงรักษาสวนทางตั้ง จะยุ่งยากไหม?

ข้อนี้ต้องทำให้ถูกตั้งแต่เริ่มต้น คือการคัดเลือกพันธุ์ไม้ ถ้าเราเลือกได้ถูกชนิด พวกชอบแดดทนทาน ก็เอาไว้ข้างนอก พวกไม่ชอบแดดชอบความชื้น ก็เอาไว้ข้างใน แค่นี้ก็สบายไปแปดอย่างแล้ว การบำรุงรักษาก็ทำกันทุก 3-4 เดือนก็พอ ที่จริงหลักการก็เหมือนกับการปลูกไม้ประดับแบบธรรมดานี่เอง ถ้าคุณเลือกต้นไม้ไปลงในพื้นที่ ที่มันไม่ชอบ เมื่อมันปรับตัวไม่ได้ ก็อาจจะไม่โต หรือตายไป หรือบางทีมันปรับตัวได้แต่ก็เสียรูปทรงไปเลย เราก็ต้องคอยย้ายที่มันอยู่ดี










สำหรับการตกแต่งบ้านนั้น สวนทางตั้งนับเป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับบ้านที่ไม่ค่อยมีพื้นที่ทำสวนปลูกต้นไม้ เพราะมันไม่กินพื้นที่ และยังมองเห็นได้เด่นเต็มตา กว่าสวนทางนอนแบบปกติ ซึ่งนอกจากวิธีการของ Patrick Blanc แล้ว ยังมีวิธีการง่ายๆ ที่จะทำสวนทางตั้ง แต่จะเป็นทางตั้งแบบลูกครึ่งครับ วิธีการคือ การซ้อนชั้นของต้นไม้ หรือกระถางต้นไม้ เรียงกันเป็นแผง ซึ่งไม่ต้องใช้เทคนิคพิเศษอะไรทั้งสิ้น แต่มันจะต่างกับแบบสวนทางตั้งที่ต้นไม้หรือลำต้น จะขึ้นตามแนวนอน แต่ปกติต้นไม้จะขึ้นในแนวตั้ง หรือแนวดิ่ง แต่มันจะโตแบบปกติของมัน ดังนั้นพอมันโตขึ้นสักพัก มันก็จะสูงขึ้นไปชนกระถางอันบน จึงต้องเลือกพันธุ์ไม้อีกอย่างหนึ่ง คือประเภทที่เลื้อยได้ จะเหมาะกว่า (แต่ผมดูแล้ว ว่ายังไม่ค่อยสวยหรือน่าทำนัก ถึงแม้วิธีการจะง่าย แต่ถ้าดูจากรูปแล้ว คุณจะเห็นว่ามันเหมาะจะเรียกว่า สวนกระถางมากกว่า เพราะเห็นแต่กระถางมากกว่าต้นไม้)






แต่เทคนิควิธีการปลูกที่คล้ายของ Patrick Blanc ก็เริ่มมีออกจำหน่ายแบบชั้นสำเร็จรูป สามารถยกตั้ง ย้ายที่ได้ตามใจชอบ แต่ในเมืองไทยผมยังไม่มีข้อมูลว่า มีใครสั่งเข้ามาขายหรือยัง ต้องคอยติดตามข่าวต่อไปครับ










ส่วนภายนอกบ้าน ก็เหมาะกับบ้านเล็กๆ ที่คับแคบ หรือเห็นแต่กำแพงบ้าน ถ้าเอาสวนทางตั้งไปปลูก จะเพิ่มพื้นที่สีเขียว และลดความแข็งกระด้างของกำแพงได้ดี ที่จริงต้นที่ปลูกเกาะผนังอย่างต้นตีนตุ๊กแกนี่ เขาปลูกกันมานานแล้ว และก็ได้ผลเหมือนสวนทางตั้งนั่นเอง แต่ก็ไม่เห็นแพร่หลายเท่าที่ควร น่าจะนำมาปลูกในพื้นที่ใหม่ดูบ้าง เพราะไม่ต้องดูแลมาก
















เป็นอันว่าจบเรื่องสวนทางตั้ง เพียงเท่านี้ครับ คิดว่าน่าจะได้ประโยชน์สำหรับคนรักการจัดสวน โดยนำหลักการของเขาไปประยุกต์ใช้ ในแบบของเราเอง แต่ละคนก็อาจจะคิดวืธีการได้ไม่เหมือนกัน และผมอาจจะรวบรวมสวนแบบประยุกต์ของไทยเรา ที่พอใกล้เคียง หรือทดแทนกันได้ มาให้ดูเป็นไอเดียกันต่อไป เมื่อโอกาสอำนวยนะครับ

การเขียนเรื่องผมจะลงเรื่องที่มีข้อมูล ภาพประกอบที่พร้อมก่อน หรือมีไอเดียอะไรใหม่ๆ ก็จะรีบเอามาลงก่อน นอกนั้นก็ทยอยลงไปในแต่ละหมวดหมู่ หรือถ้ามีคนถามปัญหามา ถ้าตอบได้ มีข้อมูลอยู่ในหัว ก็จะตอบให้เลยครับ ดังนั้นบางเรื่อง ที่บอกให้ติดตามตอนต่อไป ก็อาจจะนานหน่อยนะครับ

ขอให้มีความสุข กับการจัดสวนครับ



ปล. ตอนนี้ผมเขียนบล็อกมาได้กว่า 300 เรื่องแล้ว ล้วนเป็นสาระน่ารู้ต่างๆ ท่านที่เข้ามาชมบล็อกใหม่ ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ดูหัวเรื่องได้ง่ายที่
Blog of All You Needs to Know
ลองเปิดดูก่อนจะออกนะครับ เลือกดูเนื้อเรื่องได้ครบ มีลิงค์ดูเรื่องคลิกง่าย และไม่เสียเวลา


เรียบเรียงจาก
//www.pingmag.jp/2006/12/08/vertical-garden-the-art-of-organic-architecture
inhabitat
//inhabitat.com/blog/category/sustainable-materials
echostudiochicago
//echostudiochicago.com/learn/patrick-blancs-vertical-gardens







 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 14 พฤษภาคม 2551 11:29:47 น.
Counter : 6100 Pageviews.  

สวนทางตั้ง | Vertical Garden ตอนที่ 1

สวนทางตั้ง (Vertical Garden) ตอนที่ 1


สวนทางตั้ง แนวทางใหม่ในการจัดสวน

ก่อนหน้านี้ จะมีใครสักคนไหม ที่คิดว่าการจัดสวนจะทำในแนวดิ่งได้ เพราะมันฝืนธรรมชาติของต้นไม้และของดิน ที่อยู่เป็นผืนโลกให้เราเหยียบย่ำมานาน จนเราเคยชินกับมันแบบนี้ เราเห็นต้นไม้งอกขึ้นมาจากพื้นดิน ตั้งแต่เด็ก จะปลูกอะไร ก็ปลูกกับพื้นดินทั้งนั้น แต่หลังจากการปลูกพืชแบบไร้ดินสักพัก คนก็เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และเห็นการเปลี่ยนแปลงของวิธีการเพาะปลูก เมื่อบวกกับจินตนาการและเทคโนโลยี่ ทำให้สามารถคิดค้นดินปลูกต้นไม้แบบใหม่ สามารถติดตั้งได้แบบพิเศษ และวิธีการให้น้ำแบบพิเศษ จึงทำให้สวนทางตั้ง เริ่มพัฒนาขึ้นมา








คนที่ไปเที่ยวงานพืชสวนโลก ก็คงได้เห็นเทคนิควิธีการจัดสวนแบบใหม่ๆ หลายแบบหลายวิธี ส่วนคนที่ไม่ได้ไปไกล แต่ชอบเดินเล่นในศูนย์การค้า ก็คงจะได้เห็นสวนทางตั้งในห้าง emporium และ paragon กันมาบ้างแล้ว










คนที่นำวิธีการจัดสวน ผสมผสานอย่างมีศิลปะ จนสะดุดตาผู้พบเห็น มาใช้จนโด่งดัง คือนาย Patrick Blanc เขาจะผสมผสานพันธ์ไม้หลากสีสัน ลงบนผนังคอนกรีตของอาคารได้อย่างน่าพิศวง ไม่ว่าจะเป็นนอกอาคาร หรือในอาคาร ผลงานของเขา มีอยู่ในเมืองใหญ่ๆ หลายเมืองทั่วโลก และเราก็จะได้เห็นผลงานของเขา บนอาคารใหญ่ที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่งในอนาคตอันใกล้










แต่กว่าจะได้ผลงานที่สวยงาม ลงตัวแบบนี้ เขาต้องใช้เวลาพัฒนา องค์ประกอบต่างๆ รวมทั้งการค้นคว้า วิจัย มากว่า 12 ปี ซึ่งก็ไม่ได้เสียเวลาเปล่า ผลงานของเขาเป็นที่ยอมรับไปทั่ว จนกลายเป็นหนุ่มเนื้อหอม ที่ใครๆก็จองคิวกันแน่น และยังได้รับรางวัลต่างๆอีกมากมาย






ในประเทศอังกฤษ คนชอบที่จะเรียกสวนทางตั้งนี้ ว่าเป็นภาพจิตรกรรมที่มีชีวิต มากกว่าสวน แต่คุณ Patrick Blanc เขาจะเรียกของเขาว่า le mur vegetal หรือผนังพันธุ์พืช ที่เขาได้ซึมซับ ถ่ายทอด มาจากการสังเกต การสำรวจจากป่าและตามธรรมชาติ มาแล้วเป็นเวลานานกว่า 30 ปี การใช้หลักการในทางวิทยาศาสตร์ จึงจำเป็นมากในภาพรวมทั้งระบบ และที่สำคัญคือการคัดเลือกพันธุ์ไม้ให้เหมาะสมกับพื้นที่นั้นๆ






เทคนิควิธีการของเขาเป็นอย่างไร

เขาได้เปิดเผยเทคนิคการจัดสวนทางตั้งของเขาว่า การยึดสวนของเขากับผนัง จะประกอบด้วยวัสดุ 3 อย่างคือ โครงเหล็ก ชั้นพีวีซี และ แผ่น felt โครงเหล็กจะเป็นโครงสร้างที่รับน้ำหนักทั้งหมดของสวนนี้ โดยจะติดตั้งกับผนังอาคาร หรือจะติดตั้งลอยตัวก็ได้ ทั้งมันยังเป็นส่วนที่ระบายอากาศและควบคุมทั้งอุณหภูมิและความชื้นไปด้วยในตัว จากนั้นก็จะใช้แผ่นพีวีซีพิเศษอย่างหนา ยึดกับโครงสร้างเหล็ก เพื่อเป็นชั้นกันน้ำ และยังช่วยยึดโครงเหล็กทั้งหมดเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา ขั้นตอนสุดท้าย ยึดส่วนแผ่น felt ที่ทำด้วยวัสดุ polyamide โดยยิงเข้ากับแผ่นพีวีซี ตัวแผ่น felt นี้เป็นวัสดุที่ไม่ผุกร่อนย่อยสลาย แต่สามารถให้น้ำซึมผ่านได้อย่างดี รากของต้นไม้ต่างๆ ก็จะยึดกับแผ่น felt นี้เอง โดยการให้น้ำจะปล่อยจากด้านบนลงมาด้วยอุปกรณ์ควบคุมอัตโนมัติ ในน้ำนั้นก็จะผสมด้วยปุ๋ยและสารอาหารของพืช ซึ่งเมื่อนับรวมส่วนประกอบทั้งหมดแล้ว น้ำหนักของ สวนทางตั้งนี้ ก็จะหนักราวๆ 30 กก.ต่อตารางเมตร เท่านั้นเอง ดังนั้น สวนทางตั้ง จึงสามารถ ปลูกหรือติดตั้งลงบนผนังอะไรก็ได้โดยไม่จำกัดขนาดและความสูง







อาจมีคำถามว่า แล้วต้นไม้ไม่ต้องการดินหรือ?

นี่ก็เป็นการเข้าใจผิด ดูอย่างพวกผักลอยฟ้าเป็นตัวอย่าง ที่จริงนั้นดินเป็นแค่ที่ยึดเกาะของรากเท่านั้น รากไม้ดูดอาหารและแร่ธาตุต่างๆ จากน้ำทั้งนั้น ต้นไม้จึงไม่ต้องการดิน แต่จะต้องการอีก 2 อย่าง คือ คาร์บอนไดออกไซด์และแสงแดดเพื่อสังเคราะห์อาหาร ดังนั้นตราบใดที่มีน้ำ พืชก็สามารถเติบโตได้ทุกที่ ไม่ว่าที่ใด รวมทั้งผนังอาคารที่แข็งๆทั้งหลายนี้แหละ เพราะในธรรมชาตินั้นพืชเป็นจำนวนมาก ก็ขึ้นแบบนี้อยู่แล้ว ในถ้ำ ตามก้อนหิน หรือบนหน้าผาสูงชัน ไม่ว่าสภาวะอากาศจะเป็นเช่นใด ขออย่างเดียวอย่าให้ขาดน้ำเป็นพอ







ส่วนสวนทางตั้งที่ปลูกภายในอาคารนั้น ก็ควรเลือกชนิดของไม้ประดับที่ต้องการความชื้นสูง และแสงสว่างที่ไม่มากนัก คือไม้ในร่ม แล้วมันก็จะสามารถปรับตัวของมันเอง

(อ่านต่อตอน 2 ครับ)


เรียบเรียงจาก
//www.pingmag.jp/2006/12/08/vertical-garden-the-art-of-organic-architecture
inhabitat
//inhabitat.com/blog/category/sustainable-materials
echostudiochicago
//echostudiochicago.com/learn/patrick-blancs-vertical-gardens




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 14 พฤษภาคม 2551 3:21:30 น.
Counter : 5211 Pageviews.  

10 สุดยอดต้นไม้ที่เลิศที่สุดในโลก

10 สุดยอดต้นไม้ที่เลิศที่สุดในโลก

ในโลกนี้อาจจะมีต้นไม้ที่สวยงาม แปลกประหลาด เป็นล้านล้านต้น... แต่ที่โดดเด่นกว่าใครเขา ด้วยลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกว่าต้นอื่นๆ นี่คือ 10 ต้นไม้ที่คัดสรรมาแล้วว่า “เป็นที่สุดในโลก” แต่เพื่อให้ลุ้นไปทีละอันดับ เพื่อความตื่นเต้นขึ้น เราเรียงจากอันดับ 10 ไปก่อนนะครับ


อันดับ 10 - Lone Cypress (Cupressus macrocarpa)



ต้น Lone Cypress ต้นนี้ ยืนรับแรงปะทะของลมหนาวจากมหาสมุทรแปซิฟิก อยู่ที่ชายหาด Pebble ในมอนทาเร่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ต้นจะมีขนาดไม่ใหญ่โตมาก แต่มันก็ตั้งเด่นเป็นสง่า (แบบว้าเหว่อยู่ต้นเดียวตามชื่อ) เป็นจุดสนใจ อยู่ท่ามกลางทัศนียภาพที่สวยงามของมหาสมุทรแปซิฟิก



อันดับ 9 – Circus Trees (Platanus occidentalis)


นาย Axel Erlandson







Circus Trees ไม่ใช่ชื่อต้นไม้ หรือพันธุ์ไม้ครับ แต่เป็นลักษณะของมัน ที่นาย Axel Erlandson เกษตรกรปลูกถั่วคนหนึ่งได้ดัดแปลงต้นไม้จำพวก Platanus occidentalis หรือจำพวก Ficus sycomorus ขึ้นมาจนเป็นรูปร่างต่างๆ ตามจินตนาการของตะแก เมื่อเขาได้ดัดแปลงและแกะสลักต้นไม้เป็นรูปร่างและลวดลายที่แสนมหัศจรรย์ขึ้นมาได้ตามใจหมายแล้ว เขาก็จึงตั้งชื่อมันว่าต้น “Circus” ตัวอย่างเจ้าต้น Circus ที่เขาทำขึ้นมีหลายรูปแบบ และใหญ่โตมากแล้ว นาย Axel Erlandson นี่ เขาหวงวิชาของแกมาก ไม่ยอมเปิดเผยหรือถ่ายทอดให้ใครเลย ตอนแกดัดต้นไม้ของแก ก็กางฉากกั้น ไม่ให้ใครเห็น ดังนั้นวิธีการของแกนี่ของเก็บเข้าโลงตามแกไปด้วย แต่ของไทยเรา เดี๋ยวนี้ก็มีฝีมือในการดัดไม้แบบนี้เช่นกัน แต่ไม่มีต้นโตขนาดนี้



อันดับ 8 - Giant Sequoias (Sequoiadendron giganteum)


ต้น Giant Sequoias ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปลูกใน เมืองเซียร์ร่า เนวาดา รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งต้น Giant Sequoias ที่ใหญ่ที่สุดคือคุณทวด General Sherman ที่ยืนตระหง่านใหญ่ยักษ์อยู่ใน Sequoia National Park มีลำต้นสูงถึง 275 ฟุต (83.8 เมตร) และหนักประมาณ 6,000 ตัน คุณทวด General Sherman ต้นนี้ประมาณอายุถึง 2,200 ปีเลยทีเดียว

ที่จริง ก็มีคุณตา General Grant อยู่ที่ King’s Canyon National Park มีขนาดใหญ่กว่านี้ เมื่อเทียบกันแล้ว แต่เขาก็ยังยกย่อง General Sherman ให้ใหญ่กว่าโดยปริมาตร



อันดับ 7 - Coast Redwood (Sequoia sempervirens)



ต้น Coast Redwood นี้เป็นพันธุ์เดียวกันกับท่าน General Sherman แต่เป็นคนละ species นับว่าเป็นตระกูลต้นไม้ที่สูงที่สุดในโลกเลยทีเดียว โดยเจ้าต้นที่ชื่อว่า Hyperion ใน Redwood National Park นั้นมีความสูงกว่า 379 ฟุต (115 เมตร) แต่ที่ตั้งของมันนั้น เขาไม่อยากจะประชาสัมพันธ์ให้คนไปดูกันเท่าไหร่ เพราะกลัวคนจะไปเหยียบย่ำทำลายรากของมัน แต่ต้นที่ใหญ่รองลงมาและเด่น น่าสนใจกว่าคือเจ้าต้น Chandelier Tree ที่ใหญ่ขนาดที่ว่าเราสามารถขับรถลอดผ่านได้ เพราะมีช่องขนาดกว้าง 9 ฟุต สูง 6 ฟุต เจาะทะลุโคนของมัน Chandelier Tree ต้นนี้มีความสูงเพียง 315 ฟุตเท่านั้น



อันดับ 6 - Chapel Oak of Allouville Bellefosse (Quercus robur)





ต้น Chêne-Chapelle (Chapel-Oak) of Allouville-Bellefosse เป็นต้นไม้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในฝรั่งเศส เพราะมันไม่ใช่เพียงแค่ต้นไม้ธรรมดา แต่เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาอีกด้วย ในปี 1669 บาทหลวง du Detroit and du Cerceau ได้ร่วมกันสร้างโบสถ์ ( ถ้าเทียบกับบ้านต้นไม้ นี่ก็คงเรียก โบสถ์ต้นไม้ )หลังนี้เข้ากับต้นโอ็คอายุ 500 ปีต้นนี้ โดยการเจาะเข้าไปในลำต้นของมัน และสร้างแท่นบูชาพระแม่มารี เล็กๆไว้ ต่อมาก็สร้างหอสวดมนต์เล็กๆพร้อมบันใด ขึ้นภายหลัง แต่ในปัจจุบันกิ่งก้านบางส่วนของโอ๊คต้นนี้ได้ทยอยตายและหักไป เนื่องจากการขุดเจาะลำต้นนั้น เป็นการทำลายต้นไม้ไปส่วนหนึ่ง และก็มีทีท่าว่าจะตายลงไปเรื่อยๆ กิ่งก้านใหญ่ๆที่เหลือ เขาก็พยายามอนุรักษ์ หรือทำค้ำยันไว้ให้คงรูปร่างอยู่ แต่ว่าคงจะฝืนกาลเวลาไม่ได้ ในอนาคตคงมีเพียงโบสถ์ เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาเหลืออยู่เท่านั้น



อันดับ 5 – Quaking Aspen : Pando (Populus tremuloides)



ต้น Pando หรือ Trembling Giant ในรัฐยูท่าห์ นี้ เป็นต้นไม้ต้นเดียวกัน มีระบบรากร่วมกัน แล้วแตกหน่อแผ่กิ่งก้านขึ้นเรื่อยๆ จนประมาณกันว่า จะประกอบไปด้วยกิ่งก้านสาขาที่แผ่ขยายไปกว่า 47,000 ลำต้น ทั่วพื้นที่ 107 เอเคอร์ และมีระบบรากแก้วใต้ดินที่ใหญ่โตมาก แต่ละกิ่งก้านนั้นมีอายุเฉลี่ยประมาณ 130 ปี แต่ถ้านับอายุจากต้น Pando กิ่งแรกแล้ว กว่ามันจะโตและขยายพันธุ์ได้ใหญ่ขนาดนี้ ก็ใช้เวลาร่วม 80,000 ปีทีเดียว



อันดับ 4 - Montezuma Cypress : Tule Tree (Taxodium mucronatum)





ต้น Tule เป็นต้นที่ใหญ่ที่สุดในต้นไม้ตระกูล Cypress ตั้งอยู่ใกล้กับเมือง Oaxaca ประเทศเม็กซิโก มีขนาดลำต้นโดยรอบ 190 ฟุต (58 เมตร) ซึ่งมีความกว้างมากจนผู้คนพูดว่าแทนที่คุณจะโอบกอดมัน...มันกลับโอบกอดคุณแทน เคยมีนักสังเกตทักท้วงว่า มันน่าจะเกิดจากต้นไม้ 3 ต้นโตมาพร้อมกันและขยายตัวจนกลืนเป็นต้นเดียว จนเดือดร้อนนักวิทยาศาสตร์ ต้องเข้ามาตรวจดู DNA และพบว่ามันเป็นต้นเดียวกัน พวกช่างค้านทั้งหลายก็เลยเงียบไป ปี 1994 กิ่งก้านของมันเริ่มเหี่ยวร่วงลง เดือดร้อนหมอต้นไม้ ต้องมารักษา ปรากฏว่าเป็นแค่การขาดน้ำเท่านั้น เมื่อให้น้ำได้ที่ มันก็กลับเขียวสดใส แข็งแรงตามเดิม



อันดับ 3 – Banyan Trees





ต้น Banyan นี้ตั้งชื่อตามคำว่า "banians" หรือผู้บุกรุก มาจากชาวฮินดูที่ชอบทำกิจกรรมต่างๆ ภายใต้ต้นไม้นี้ ในเรื่องนี้เขานับรวมต้นไม้ตระกูลนี้ไว้ด้วยกันหมด ทั้งต้นโพธิ์ และต้นไทร เพราะดูจากรูปแล้ว มันเป็นหลายต้น ไม่เหมือนกัน ต้นไทร จะมีรากอากาศเป็นไทรย้อย ส่วนต้นโพธิ์ไม่มีรากอากาศ และเป็นต้นที่มีชื่อเสียงทางพระพุทธศาสนา คือเป็นลูกหลานของต้นโพธิ์ที่ประทับตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านั่นเองต้นศรีมหาโพธิ์ ( Sri Maha Bodhi ) ที่อนุราชปุระของศรีลังกา ที่สืบต่อกันมาทางอายุกว่า 2500 ปี ส่วนต้นไทรที่ยิ่งใหญ่ของเรา ก็น่าจะเป็นหนึ่งในสุดยอดต้นไม้นี้ด้วย คือไทรงาม ที่พิมายของเรานั่นเอง



อันดับ 2 - Bristlecone Pine (Pinus longaeva)


Methuselah


ตอของ Prometheus ที่ถูกโค่น

ต้นสน Bristlecone ถือได้ว่าเป็นต้นไม้ที่เก่าแก่ อายุยืนมากที่สุดในโลก ซึ่งพันธุ์ White Mountains, California, bristlecone pine ต้นนี้ชื่อ Methuselah ค้นพบอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 11,000 ฟุต และจัดเป็นต้นไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุถึง 4,838 ปี โดยการเจาะเข้าไปในลำต้นเพื่อวัดวงปีของมัน นอกจากนี้ต้นที่ชื่อ Prometheus เกือบจะทำลายสถิตินี้แล้ว โดยที่มีนักศึกษาพันธุ์ไม้ชื่อ Donald R.Currey (ใส่ชื่อประจานซะหน่อย)ได้ทำการเจาะต้น Bristlecone Pine ต้นหนึ่ง เพื่อหาวงปีเช่นกัน แต่บังเอิญ เครื่องมือเจ้ากรรมดันหักติดอยู่ในแกนลำต้นนั้น เขาจึงไปขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้เพื่อตัดต้นไม้นั้น เพื่อเอาเครื่องมือออกมา เจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็ดันบ้าจี้ ยอมให้เขาตัดเสียอีก เมื่อเขาโค่นต้น Bristlecone Pine ลงมาแล้ว ปรากฏว่าวงปีของมัน นับได้ถึง 5,000 ปีทีเดียว จึงนับเป็นโศกนาฎกรรมของเจ้า Prometheus ที่บุญน้อย แทนที่จะได้ชื่อว่าเป็นต้นไม้ที่อายุยืนที่สุดในโลก กลับมาเสียชิวิตลงอย่างบังเอิญ น่าสงสารจริงๆ ปัจจุบันนี้ ต้นไม้ที่สำคัญๆ หลายๆต้น ถูกปกปิดแหล่งที่ตั้งของมัน เพื่อให้พ้นจาก นักเดินทางหรือนักสำรวจทั้งหลาย (อย่างนาย Donald Currey) ที่จะมาทำร้ายมันอย่างไม่จงใจ



อันดับ 1 – Baobab (Adansonia)




ต้นนี้เขาเรียก กาน้ำชา


ต้นนี้เป็นคุก แต่คงใช้ได้แค่ขังเดี่ยว


ต้นนี้เป็นห้องสุขา เจาะหลุมลงไปด้วย ก็เป็นปุ๋ยให้ต้นไม้พอดี

ต้นไม้ที่มหัศจรรย์อันดับหนึ่ง ที่สุดก็คือต้น Baobab หรือต้นขนมปังลิง (monkey bread tree) สามารถเติบโตได้สูงถึง 100 ฟุตและกว้าง 35 ฟุต ความแปลกประหลาดของต้นไม้นี้ก็คือ ภายใต้ลำต้นที่อ้วนใหญ่นี้คือ ที่เก็บน้ำหรือถังน้ำ ดีๆ นี่เอง ที่สามารถจุน้ำได้มากถึง 120,000 ลิตร ไว้ใช้ในสภาวะอากาศแห้งแล้ง ต้น Baobab เป็นไม้พื้นเมืองของเกาะมาดากาสการ์ อาฟริกา และออสเตรเลีย อาจมีรูปทรงที่แตกต่างกันไปบ้าง ตามแต่ละท้องถิ่น และมีการใช้งานที่แปลกๆและหลากหลายอีกด้วย


เป็นอันว่าครบ 10 อันดับ สุดยอดต้นไม้ของโลก ที่เขาจัดอันดับมาแล้ว จะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย กับอันดับดังกล่าว ก็ไม่เป็นไร อย่าไปซีเรียส ดูไว้ประดับเป็นความรู้รอบตัวก็พอแล้วครับ


ปล. ตอนนี้ผมเขียนบล็อกมาได้เกือบ 300 เรื่องแล้ว ล้วนเป็นสาระน่ารู้ต่างๆ ท่านที่เข้ามาชมบล็อกใหม่ ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ดูหัวเรื่องได้ง่ายที่
Blog of All You Needs to Know
เปิดทีเดียวเลือกดูเนื้อเรื่องได้ครบครับ จะได้ไม่เสียเวลาคลิกที่ group blog เข้าๆ-ออกๆ ทีละ group





 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 12 พฤษภาคม 2551 12:10:07 น.
Counter : 8883 Pageviews.  

การปลูกต้นไม้ในบ้าน : ไม้ประดับ ไม้เลื้อย และสวนครัว

การปลูกต้นไม้ในบ้าน : ไม้ประดับ ไม้เลื้อย และสวนครัว


4.ไม้ประดับ ตกแต่ง (ornament)

ไม้ประดับนี้ จะเป็นไม้เล็ก ล้มลุก ไม้คลุมดิน และไม้ดอกที่เราจะจัดพุ่มหรือจัดกลุ่ม ประกอบกับไม้ใหญ่ หรือไม้หลัก ให้ผสมกลมกลืนกันไป แล้วแต่รูปแบบที่เราต้องการ หรือแล้วแต่สไตล์ของสวน เราสามารถเลือกปลูกได้ตามความแตกต่างของขนาดความสูง รูปทรง สี โดยให้สลับหรือผสมกลมกลืนกันก็ได้ แล้วแต่ความชอบ เช่นผกากรอง กระดุมทอง ฤษีผสม ดาดตะกั่ว ม้าลาย เป็นต้น แต่อยากแนะนำให้หาไม้พันธุ์พื้นเมือง ที่ดูแลง่ายหน่อย เพราะขึ้นง่าย ตายยาก ไม่ต้องประคบประหงม หรือเปลี่ยนกันบ่อยๆ การจัดให้เรียงตามลำดับความสูง คือให้ต้นสูงกว่าอยู่ด้านหลัง และต้นเตี้ยคลุมดินอยู่ด้านหน้า จะจัดเป็นกลุ่มหรือเป็นแนวตรงหรือโค้งได้ตามความเหมาะสม หรือปลูกล้อมไม้ใหญ่เป็นกลุ่ม หรือปลูกต้นไม้ที่มีใบละเอียดสลับกับใบหยาบ สำหรับคนที่ปลูกเองไม่ได้ให้ช่างหรือใครออกแบบ ก็ต้องดูจากหนังสือ ดูรูปเยอะๆ แล้วเลือกสไตล์ที่ชอบ ไปประยุกต์เอาเองได้

























































































TraveLArounD


ปล. ท่านที่เพิ่งเข้ามาชมบล็อกใหม่ ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ค้นดูหัวเรื่องได้ง่ายที่ group : นานา สาระ๑๐๐๐ เพราะเรื่องต่างๆ เขียนไว้ กว่า 1430 เรื่องแล้ว

หมายเหตุ : ขณะได้มี website อื่นๆหลาย website ได้นำเอาเรื่องที่ผมเขียนไว้ ไปลงต่อในลักษณะของเนื้อหา โดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ถ้าต้องการบทความใดไปใช้ ขอให้ติดต่อขออนุญาต ก่อนทาง Email : nana_sara1000@ymail.com มิฉะนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ส่วนผู้ที่ต้องการนำเรื่องไปโพสต่อ เพื่อเผยแพร่ โดยมิใช่ทางการค้า ขอให้ติดต่อขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนโพส




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 23 กันยายน 2554 21:21:27 น.
Counter : 2575 Pageviews.  

การปลูกต้นไม้ในบ้าน : หน้าที่ของต้นไม้และประโยชน์ใช้สอย

การปลูกต้นไม้ในบ้าน : หน้าที่ของต้นไม้และประโยชน์ใช้สอย


ที่แรกว่าจะเขียนเรื่องไม้ประดับต่อจากเรื่องไม้ใหญ่ พอดีมีคนถามเรื่องการปลูกต้นไม้หลังบ้าน ว่าจะปลูกต้นอะไรดี เพื่อบังสายตา และให้ร่มเงา ซึ่งต้นไม้ที่จะทำหน้าที่ ทั้ง 2 อย่างนี้คงจะหายาก ผมเลยต้องเขียนเรื่องนี้ก่อน คือจะเป็นเรื่องของ function ของต้นไม้ ว่าต้นไม้แต่ละอย่างนั้นนอกจากความสวยงามแล้ว มันเป็น function ไปด้วยในตัว ที่มีประโยชน์ใช้สอยเป็นหน้าที่ของมันด้วย ถ้าเราเข้าใจเรื่องนี้แล้ว การเลือกต้นไม้ที่จะปลูก ก็จะง่ายขึ้นไปอีกครับ 



ในป่านั้น ต้นไม้มันจะขึ้นเองตามธรรมชาติของมัน ตามสภาพภูมิอากาศ แต่มันก็มีหน้าที่ของมันเช่นกัน มันถึงอยู่ร่วมกันได้ ต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาแก่ต้นไม้เล็กๆ ต้นไม้เล็กก็คลุมดินให้ความชื้นแก่ต้นไม้ใหญ่ เป็นต้น และสถานที่ใดที่ไม่ถูกกับสภาพของต้นไม้นั้นๆมันก็จะอยู่ไม่ได้ หรือถ้ามันเก่งหน่อย มันก็จะปรับสภาพของมันเองเพื่อความอยู่รอด ส่วนในบ้านเรา การเลือกต้นไม้ที่จะปลูก นอกจากจะเลือกที่มันให้ประโยชน์กับเราแล้ว ต้องดูด้วยนะครับ ว่าต้นไม้มันเหมาะกับที่ตรงนั้นไหม มันจะได้อยู่กับเราไปนานๆ การเลือกต้นไม้นั้นเราต้องดู ขนาด รูปร่าง สีสัน ที่เข้ากันได้กับบ้านของเรา และที่สำคัญ ต้นไม้มันเจริญเติบโตของมันไปเรื่อยๆ ไม่เหมือนเราที่โตแล้วก็แก่ เราจึงต้องรู้เรื่องของมันมากหน่อย เพื่อคาดเดาอนาคตได้ว่า มันจะใหญ่โตแค่ไหน ในระยะเวลา 5 ปี 10 ปีขึ้นไป โตแล้วจะเบียดกันเองหรือไม่ โตแล้วจะมาเบียดบ้านเราพังหรือเปล่า ถ้าที่กว้างๆเขาจะให้เว้นระยะตามความสูงของต้นไม้เลยทีเดียว คงได้ยินข่าวบ่อยๆนะครับเวลามีลมพายุพัดต้นไม้ล้มทับบ้าน เรื่องต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญทั้งสิ้น

เรามาดูเรื่องหน้าที่หรือ Function ของต้นไม้กัน

1. ต้นไม้ที่ให้ร่มเงา (Shelter) แน่นอนว่าต้องเป็นต้นไม้ใหญ่ หรือไม้ยืนต้นนั่นเอง แต่ก็ไม่ใช่ทุกชนิด ไม้ที่ให้ร่มเงาที่ดีที่สุด ต้องมีความสูงพอสมควร มีพุ่มใบทึบ แผ่กว้าง จึงจะให้ร่มเงาได้ดี เช่นประดู่ นนทรี หูกวาง สาเก ไม้ใหญ่บางประเภทใบเล็ก พุ่มโปร่ง ก็ไม่ค่อยได้ร่มเงา เช่นสนทะเล หลิว หรือแม้ทรงสูง พุ่มทึบ แต่ทรงผอมชะลูดเช่นโศกอินเดีย ก็ให้ร่มเงาได้เป็นบางเวลา เช่นต้องปลูกชิดเป็นแผง ไว้บังแดดตอนบ่าย ต้นไม้ให้ร่มเงาจะปลูกเดี่ยวๆ เป็นกลุ่ม หรือเป็นแถวแนวก็ได้ จะให้ประโยชน์และความสวยงามแตกต่างกันไป






















































2. ต้นไม้ที่เป็นฉากหรือม่าน (screen) จุดประสงค์ของมัน เพื่อบังสายตาเพื่อความเป็นสัดส่วน(Enclosure) หรือเป็นฉากหลัง เป็นไม้ประดับที่มีพุ่มทึบ หรือกึ่งโปร่งก็พอได้ แต่ปลูกเรียงเป็นแนวได้ ตามความต้องการ จะเป็นแนวตรงหรือแนวโค้งก็ไม่ผิดกติกา เพราะบ้านบางส่วนของเราอาจไม่สวย หรือไม่เรียบร้อย ต้องการอะไรบังตา แต่ถ้าสร้างเป็นรั้วเป็นกำแพงเสียหมด ก็จะดูทึบ และคับแคบไป เช่น เราจะปลูกแนวไม้บังส่วนตากผ้า หรือหลังบ้าน หรือถังน้ำ หรือเครื่องปรับอากาศ อะไรพวกนี้ ที่เราไม่อยากโชว์ ต้นไม้ที่นิยมใช้กันมากเช่น โมก แก้ว (มีกลิ่นหอมด้วย) ชบา จั๋ง ไผ่ต่างๆ เป็นต้น ก่อนนี้จะเห็นรั้วชบาบ่อยๆ แต่เดี๋ยวนี้จะเป็นรั้วอัลลอยด์ไปหมดแล้ว ที่จริงพวกชะอมนี่ก็ไม่เลว เก็บกินได้อีกด้วย และการปลูกเป็นแนวด้านถนน ยังจะช่วยกรองเสียงและฝุ่นได้อีกด้วย ต้นไม้ชนิดนี้ถ้าเลือกประเภทโตช้าหน่อย ก็ไม่ต้องบำรุงรักษามาก แต่บางประเภทจะต้องตัดแต่งสม่ำเสมอ จึงจะดูสวยงาม 
























































3. ไม้ทรงสวย (sculpture) เป็นไม้ที่มีรูปทรงหรือ form ที่สวยงามทั้งรูปร่าง กิ่งก้าน และพุ่มใบ แต่ไม่จำกัดขนาด ว่าเป็นไม้ใหญ่หรือเล็ก แต่จะปลูกเป็นต้นเดี่ยวๆ ไม่อยู่กับใคร เพื่อโชว์ความงามของมันได้เต็มที่ เปรียบประดุจงานประติมากรรมเลยทีเดียว ไม้ใหญ่อย่างเช่นพญาสัตตบรรณ สุพรรณิการ์ หรือฝ้ายคำ เหลืองอินเดีย ปรงหรือปาล์ม(ปลูกเป็นแถวก็สวย) สาเก ไม้เล็กเช่น จันทน์ผา ลีลาวดี ตีนเป็ดฝรั่ง หมากต่างๆ (ปลูกเป็นกอ) กล้วยพัด เป็นต้น มีทั้งไม้ใบและพวกผลัดใบออกดอกสวย หรือไม้ผลบางต้นก็สวยใช้ได้ ไม้แบบนี้ต้องเลือกตำแหน่งปลูกให้เด่น มองเห็นชัดเจน จะเป็นมุมมองที่สะดุดตาทีเดียว แต่ถ้ามีที่กว้างๆจะปลูกเป็นแนวก็ไม่ห้าม แต่ควรเว้นระยะห่างพอสมควร อย่าให้พุ่มใบชิดกันจะทำให้เสียทรงครับ 




















































































































เรื่องนี้ผมหาภาพประกอบมาให้ดูเยอะหน่อย เพราะต้นไม้นี่อธิบายเป็นคำพูดไม่ดี เท่ากับเห็นภาพของจริง เลยขอแบ่งเป็นสองตอนนะครับ ข้อที่ 4 ไปต่อตอน 3 ครับ



TraaveLArounD 




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 7 เมษายน 2556 11:34:40 น.
Counter : 5402 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

travelaround
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]





ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ


เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย

แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์

ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email :– nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที

Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.


Website counter
: Users Online









ที่ดินเชียงใหม่ ทางไปแม่ริม ใกล้ศาลากลาง และสนามกีฬา 700 ปี ติดน้ำปิง ในหมู่บ้านเพชรริมปิง พื้นที่ 667 ตารางวา @ 14,000.- บาท สภาพแวดล้อมดี สนใจติดต่อ โทร. 0859559950



DESIGN PLACE CO.,LTD. รับออกแบบ และตกแต่งภายใน บ้านพักอาศัย ในแบบไทย และไทยร่วมสมัย



มรดก ฉบับที่ 1

มรดก ฉบับที่ 2

มรดก ฉบับที่ 3

มรดก ฉบับที่ 4

มรดก ฉบับที่ 5

มรดก ฉบับที่ 6

มรดก ฉบับที่ 7

ช่วยสนับสนุนการจัดทำ BLOG ด้วยการซื้อหนังสือ "มรดก" 1ชุด 7เล่ม (หนังสือเก่า) ในราคาชุดละ 700 บาท (รวมค่าส่งทางไปรษณีย์)

สนใจสั่งซื้อทาง E-mail :- nana_sara1000@ymail.com



New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add travelaround's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.