"ความสามัคคีปรองดอง เป็นกำลังอย่างสูงสุดของชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ความสามัคคีของคนในชาติ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และทำให้สังคมไทย ร่มเย็นเป็นสุข" พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สนใจลงโฆษณา ในพื้นที่ข้างบน ติดต่อ email : nana_sara1000@ymail.com
Home Lover’s Corner นานา สาระ๑๐๐๐ นานา สารพัด พระพุทธประวัติ ภาคพิเศษ
Travel Around the World Real Estate Buyer's Guide สุขภาพกาย สุขภาพใจ Pets & Animals
ปางพระพุทธรูปตามพุทธประวัติ Horoscope 12 ราศี พระพุทธศาสนา World of Beautiful Musics

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๕๒ : ท้าวโลกบาลถวายบาตร

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๕๒ : ท้าวโลกบาลถวายบาตร

ท้าวโลกบาลถวายบาตร ขณะประทับโคนไม้เกต
เทวดาบอกสองพาณิชให้ไปเฝ้า


เทวดาบอกสองพาณิชให้ไปเฝ้า


ขณะประทับโคนไม้เกต มีนายพานิชสองพี่น้องชื่อ ตปุสสะ กับ ภัลลิกะ เป็นนายกองเกวียน นำกองเกวียนบรรทุกสินค้า ๕๐๐ เล่ม เดินทางมาใกล้ ถึงตำบลอุรุเวลา เทพยดาจึงได้แนะนำให้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทั้งสองเห็นพระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ใต้ร่มไม้เกต ประกอบด้วยมหาบุรุษลักษณะ ฉัพพรรณรังสีรุ่งเรือง ก็มีจิตศรัทธาเลื่อมใส จึงนำข้าวสัตตุก้อนและสัตตุผง ซึ่งเป็นเสบียงสำหรับเดินทางเข้าไปถวาย (ข้าวสัตตุนี้ไทยเราเรียกข้าวตู พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานอธิบายว่า "ข้าวตากคั่วแล้วตำเป็นผลเคล้ากับน้ำตาลและมะพร้าว" ) ซึ่งเป็นเสบียงสำหรับเดินทางไกล ไปถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่มีบาตรจะทรงรับเครื่องไทยทาน ก็ทรงปริวิตก ว่าจะควรรับสิ่งของถวายนี้ด้วยพระหัตถ์หรือประการใดดี


ท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ นำบาตรมาจากทิศทั้ง ๔ น้อมเข้าไปถวาย


ทรงประสานบาตร
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำริว่า บาตรของตถาคตได้หายไปแต่เช้าแห่งวันตรัสรู้ ต้องทรงรับข้าวมธุปายาสของนางสุชาดาด้วยพระหัตถ์ และครั้นได้ตรัสรู้แล้ว บัดนี้ ควรที่ตถาคตจะรับอาหารของสองพานิช ที่น้อมเข้ามาถวายด้วยบาตร ทั้งนี้เป็นธรรมเนียมของพระศาสดาชั้นพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่ไม่รับของถวายจำพวกอาหารด้วยพระหัตถ์ แต่จะรับด้วยภาชนะ คือ บาตรเท่านั้น



ท้าวจาตุมหาราช ถวายบาตร

ขณะนั้นท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ พระองค์ คือท้าวจาตุมหาราช เป็นเทพเจ้าผู้ใหญ่ ผู้ทำหน้าที่รักษาโลก ประจำอยู่ในทิศทั้ง ๔ คือ ท้าวธตรฐ เป็นหัวหน้าฝ่ายคนธรรพ์ อยู่ทางทิศตะวันออก ท้าววิรุฬหก เป็นหัวหน้าฝ่ายเทวดา อยู่ทางทิศใต้ ท้าววิรูปักษ์ เป็นหัวหน้าฝ่ายนาค อยู่ทางทิศตะวันตก และท้าวกุเวร เป็นหัวหน้าฝ่ายยักษ์ อยู่ทางทิศเหนือ ได้นำบาตรเสลมัย เป็นศิลาล้วน มีสีเขียวดังเม็ดถั่วเขียวทั้ง ๔ ลูก มาจากทิศทั้ง ๔ น้อมเข้าไปถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นพระองค์ทรงรับบาตรทั้ง ๔ ลูก จากท้าวมหาราชแล้ว ทรงดำริว่า บรรพชิตไม่ควรมีบาตรเกินกว่า ๑ ลูก ในทันใดนั้นเอง ก็ทรงอธิษฐานประสานบาตรทั้ง ๔ ลูกนั้น เข้าเป็นบาตรลูกเดียว เพื่อทรงเอาบาตรนั้นรับข้าวสัตตูก้อน สัตตูผง จากพานิชทั้งสอง



ทรงอธิษฐานประสานบาตร




 

Create Date : 22 เมษายน 2551    
Last Update : 22 เมษายน 2551 1:11:31 น.
Counter : 2820 Pageviews.  

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๕๑ : ทรงรับผลสมอและทรงฉันสมอ

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๕๑ : ทรงรับผลสมอและทรงฉันสมอ


ทรงรับผลสมอและทรงฉันสมอ

หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับเสวยวิมุตติสุข อยู่ใต้ร่มไม้เกต (ราชายตนะพฤกษ์) อันอยู่ในทิศทักษิณ แห่งพระศรีมหาโพธิ์ เป็นเวลาอีก ๗ วัน นับเวลาตั้งแต่วันตรัสรู้จนถึงกาลนี้ ทรงเสวยวิมุติสุขครบ ๔๙ วัน


ทรงรับผลสมอ


ในเวลาเช้าแห่งวาระนั้น ท้าวสักกะ (พระอินทร์) ได้ถวายไม้สีพระทนต์และผลสมอ เมื่อวันขึ้น ๖ ค่ำ เดือนอาสาฬหะ พระพุทธองค์ทรงรับ ได้ทรงใช้ไม้สีพระทนต์ ทรงเสวยผลสมอ แล้วประทับอยู่ใต้ร่มไม้เกตแห่งนั้น


ทรงฉันสมอ





 

Create Date : 21 เมษายน 2551    
Last Update : 21 เมษายน 2551 3:32:11 น.
Counter : 2150 Pageviews.  

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๕๐ : ทรงเสวยวิมุตติสุข ณ ร่มไม้เกต

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๕๐ : ทรงเสวยวิมุตติสุข ณ ร่มไม้เกต

ทรงเสวยวิมุตติสุข ณ ร่มไม้เกต
ในสัปดาห์ที่เจ็ด

หลังจากทรงเสวยวิมุตติสุขที่สระมุจลินท์ ครบ ๗ วัน ทรงย้ายไปประทับ ณ ร่มต้นไม้เกต(ราชายตนะพฤกษ์) เป็นไม้ที่อยู่ในตระกูลพิกุล (มีอยู่ที่ชานพระทักษิณด้านนอกขององค์ปฐมเจดีย์ นครปฐม ที่ทางราชการนำมาปลูกไว้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ลักษณะใบคล้ายใบประดู่ )

ทรงประทับเสวยวิมุตติสุข ณ ร่มไม้เกตอันอยู่ทางทิศใต้ของไม้จิก ริมสระมุจลินท์ อีก ๗ วัน เป็นสัปดาห์สุดท้าย หลังจากตรัสรู้ และได้ทรงอดอาหารมาเป็นเวลาครบ ๔๙ วัน พอดี





 

Create Date : 20 เมษายน 2551    
Last Update : 20 เมษายน 2551 1:58:59 น.
Counter : 827 Pageviews.  

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๔๙ : ทรงเสวยวิมุตติสุข ณ โคนไม้จิก

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๔๙ : ทรงเสวยวิมุตติสุข ณ โคนไม้จิก

ทรงเสวยวิมุตติสุข ณ โคนไม้จิก ในสัปดาห์ที่หก
ฝนตกพรำพญานาคมาขดขนดปกพระกายกำบังฝน

ระหว่างที่พระพุทธเจ้ายังไม่ตัดสินพระทัยว่า จะทรงแสดงธรรมโปรดใครเพื่อประกาศพระศาสนานับตั้งแต่ตรัสรู้เป็นต้นมานี้ ได้เสด็จแปรสถานที่ประทับแห่งละ ๗ วัน ทรงย้ายไปประทับที่โคนไม้จิก หรือมุจลินท์ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เกิดอยู่ทั่วไปในประเทศอินเดีย มีชื่อปรากฏอยู่ในวรรณคดี ทั้งประเภทชาดก และอย่างอื่นมากหลาย ในเวสสันดรชาดกก็กล่าวถึงสระมุจลินท์ที่พระเวสสันดรไปประทับอยู่เมื่อคราวเสด็จอยู่ป่า

ไทยเราแปลต้นมุจลินท์กันว่าต้นจิก เพราะดูตามลักษณะที่เกิดคล้ายกัน คือ ชอบเกิดตามที่ชุ่มชื้น เช่น ตามห้วย หนอง คลอง บึง เป็นไม้เนื้อเหนียว ดอกระย้า มีทั้งสีขาวและสีแดงใบประมาณเท่าใบชมพู่สาแหรก ใบอ่อนรสฝาด ใช้เป็นจิ้มน้ำพริกอร่อย รสเหมือนใบอ่อนของชมพู่สาแหรก ปกติใบดกหนา เป็นต้นไม้ที่ให้ร่มเงาดี



เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จประทับอยู่ที่นี่ ฝนเจือลมหนาวตกพรำตลอดเจ็ดวันไม่ขาดสาย ท่านผู้รจนาปฐมสมโพธิได้แต่งเล่าเรื่องไว้ว่า พญานาคชื่อมุจลินท์ขึ้นจากสระน้ำที่อยู่ในบริเวณแห่งเดียวกันนี้เข้าไปในวงขนด ๗ รอบ แล้วแผ่พังพานปกพระพุทธเจ้าเพื่อปกกันลมฝนมิให้พัดและสาดกระเซ็นมาต้องพระวรกาย ครั้นฝนหาย ฟ้าสาง พญานาคจึงคลายขนดออก แล้วจำแลงแปลงเป็นเพศมาณพยืนเฝ้าพระพุทธเจ้าทางเบื้องพระพักตร์

พระพุทธองค์ ได้ทรงเปล่งอุทานเป็นภาษิตที่ไพเราะจับใจดังนี้
"ความสงบสงัดเป็นสุขสำหรับบุคคลผู้ได้เจริญธรรมแล้วยินดีอยู่ในสงัด ทำให้ได้ตามรู้ตามเห็นสังขารทั้งปวง ตามความเป็นจริง ทำให้สำรวมระวังตัว เลิกการเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย และสิ้นความกำหนัด คือความล่วงกามคุณทั้งหลายเสียได้ ด้วยประการทั้งปวง ความละคลายการถือตน ถือว่ามีตัวมีตนให้หมดได้ เป็นความสุขอย่างยิ่ง"





 

Create Date : 19 เมษายน 2551    
Last Update : 19 เมษายน 2551 1:20:08 น.
Counter : 1813 Pageviews.  

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๔๘ : ทรงเสวยวิมุตติสุข ณ ต้นอชปาลนิโครธ

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๔๘ : ทรงเสวยวิมุตติสุข ณ ต้นอชปาลนิโครธ

ทรงเสวยวิมุตติสุข ณ ต้นอชปาลนิโครธ
ในสัปดาห์ที่ห้า
สามธิดามารมาประโลมล่อให้หลง ก็ไม่ทรงไยดี

หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จประทับเสวยวิมุติสุขอยู่ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นเวลา ๗ วัน ทรงเสด็จข้ามแม่น้ำเนรัญชราไปยังต้นไทรอชปาลนิโครธ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นนิโครธคือต้นไทร ส่วนคำหน้าคือ "อชปาล" แปลว่าเป็นที่เลี้ยงแพะ ตามตำนานบอกว่าที่ใต้ต้นไทรแห่งนี้เคยเป็นที่อาศัยของคนเลี้ยงแพะมานาน คนเลี้ยงแพะที่ตำบลแห่งนี้ได้เข้ามาอาศัยร่มเงาของต้นไทรเป็นที่เลี้ยงแพะเสมอมา

แล้วทรงประทับอยู่ ณ ที่นั้น ขณะเสวยวิมุตติสุขอยู่ ธิดาพญามารสามตน คือ ราคะ อรตี และตัณหา ได้อาสาพ่อเข้าไปประเล้าประโลมด้วยเสน่ห์กามคุณต่างๆนานา พระองค์กลับไล่ไปเสียแสดงถึงบุคลิกลักษณะอันประเสริฐของผู้ชนะตนได้แล้ว จะไม่ยอมกลับเป็นผู้แพ้อีก



นักแต่งเรื่องในยุคอรรถกถาจารย์ ยุคนี้เกิดขึ้นภายหลังพระพุทธเจ้านิพพานแล้วหลายร้อยปี ได้แต่งเรื่องขึ้นเฉลิมพระเกียรติของพระพุทธเจ้าว่า ลูกสาวพระยามารซึ่งเคยยกทัพมาผจญพระพุทธเจ้าเมื่อตอน ก่อนตรัสรู้เล็กน้อยแต่ก็พ่ายแพ้ไป ได้ขันอาสาพระยามารผู้บิดา เพื่อประโลมล่อพระพุทธเจ้าให้ตกอยู่ในอำนาจของพระยามารให้จงได้ ลูกสาวพระมารมี ๓ คน คือ นางตัณหา นางราคา และนางอรดี

ทั้งสามนางเข้าไปประเล้าประโลมพระพุทธเจ้าด้วยกลวิธีทางกามารมณ์ต่างๆ เช่น เปลื้องภูษาอาภรณ์ทรงออก แปลงร่างเป็นสาวแรกรุ่นบ้าง เป็นสาวใหญ่บ้าง เป็นสตรีในวัยต่างๆบ้าง แต่พระพุทธเจ้าผู้ทรงบริสุทธิ์สิ้นแล้วไม่ทรงแสดงพระอาการผิดปรกติแม้แต่ลืมพระเนตรแลมอง

เรื่องธิดาพระยามารประโลมพระพุทธเจ้าก็เป็นเรื่องปุคคลาธิษฐาน ถอดความได้ว่า ทั้งสามธิดาพระยามารนั้น ล้วนหมายถึงกิเลสทั้งสิ้น อย่างหนึ่งคือความยินดี อีกอย่างหนึ่งคือความยินร้ายหรือความเกลียดชัง ความยินดีส่วนหนึ่งแยกออกเป็นตัณหา คือความอยากได้ไม้มีสิ้นสุด อีกส่วนหนึ่งเป็นราคาหรือราคะ คือความใคร่หรือความกำหนัด ความเกลียดชังหรือความยินร้ายออกมาในรูปของอรดี อรดีในที่นี้คือ ความริษยา

ความที่ว่าพระพุทธเจ้าไม่ทรงแสดงอาการผิดปกติ แม้แต่ทรงลืมพระเนตรนั้น ก็หมายถึงว่าพระพุทธเจ้าทรงอยู่ห่างไกลจากกิเลสดังกล่าวมาโดยสิ้นเชิงนั่นเอง




 

Create Date : 18 เมษายน 2551    
Last Update : 18 เมษายน 2551 10:36:37 น.
Counter : 5755 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

travelaround
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]





ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ


เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย

แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์

ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email :– nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที

Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.


Website counter
: Users Online









ที่ดินเชียงใหม่ ทางไปแม่ริม ใกล้ศาลากลาง และสนามกีฬา 700 ปี ติดน้ำปิง ในหมู่บ้านเพชรริมปิง พื้นที่ 667 ตารางวา @ 14,000.- บาท สภาพแวดล้อมดี สนใจติดต่อ โทร. 0859559950



DESIGN PLACE CO.,LTD. รับออกแบบ และตกแต่งภายใน บ้านพักอาศัย ในแบบไทย และไทยร่วมสมัย



มรดก ฉบับที่ 1

มรดก ฉบับที่ 2

มรดก ฉบับที่ 3

มรดก ฉบับที่ 4

มรดก ฉบับที่ 5

มรดก ฉบับที่ 6

มรดก ฉบับที่ 7

ช่วยสนับสนุนการจัดทำ BLOG ด้วยการซื้อหนังสือ "มรดก" 1ชุด 7เล่ม (หนังสือเก่า) ในราคาชุดละ 700 บาท (รวมค่าส่งทางไปรษณีย์)

สนใจสั่งซื้อทาง E-mail :- nana_sara1000@ymail.com



New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add travelaround's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.