"ความสามัคคีปรองดอง เป็นกำลังอย่างสูงสุดของชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ความสามัคคีของคนในชาติ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และทำให้สังคมไทย ร่มเย็นเป็นสุข" พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สนใจลงโฆษณา ในพื้นที่ข้างบน ติดต่อ email : nana_sara1000@ymail.com
Home Lover’s Corner นานา สาระ๑๐๐๐ นานา สารพัด พระพุทธประวัติ ภาคพิเศษ
Travel Around the World Real Estate Buyer's Guide สุขภาพกาย สุขภาพใจ Pets & Animals
ปางพระพุทธรูปตามพุทธประวัติ Horoscope 12 ราศี พระพุทธศาสนา World of Beautiful Musics

อพาร์ทเม้นท์โมดูล่า Habitat ’67

อพาร์ทเม้นท์โมดูล่า Habitat ’67

Montreal, Quebec, Canada
สถาปนิก : Moshe Safdie

อาคารนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างขึ้นพร้อมกับงาน Expo’67 ของแคนาดา โดยพัฒนาขึ้นมาจากวิทยานิพนธ์ของ Moshe Safdie ที่ทำการศึกษาเรื่องของระบบโมดูล่า 3 มิติ กับงานสถาปัตยกรรม โดยเขามีเป้าหมายที่การพัฒนาที่อยู่อาศัยความหนาแน่นสูง ในอาคารสูง โดยการใช้โมดูลเล็กๆ ขนาดมาตรฐาน ที่สามารถ สร้างขึ้นในโรงงานทีละมากๆได้ และขนย้ายมาติดตั้ง ณ สถานที่ก่อสร้าง ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าที่ไหนๆในโลก











โครงการนี้ได้วางแผนไว้แต่แรก ให้เป็นอาคารอเนกประสงค์ ที่ประกอบด้วย หน่วยพักอาศัย (โมดูล) 950 หน่วย ร้านค้า สำนักงาน และองค์กรต่างๆ แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัดของรัฐบาล (แหม.. ข้ออ้างเหมือนเราเปี๊ยบเลย) เลยต้องลดขนาดโครงการลงมา เหลือเพียง 158 หน่วย (354 โมดูล) และตัดส่วนที่ไม่ใช่ที่พักอาศัยออกไป ซึ่งถ้าทำได้ตามโครงการแต่แรก อาคารหลังนี้ก็จะเป็นอาคารที่สมบูรณ์แบบมาก สามารถทำงาน และพักอาศัยได้ ในอาคารเดียวกัน และอาคารที่พัก ก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว อย่างเช่นปัจจุบัน





การติดตั้งโมดูลสำเร็จรูปนี้ จะเรียงซ้อนกันคล้ายๆ ภูเขา 3 ลูก และสร้างรูปแบบของที่อยู่อาศัยได้มากกว่า 16 รูปแบบ โดยอาศัยโมดูลเล็กๆ มาประกอบกัน แต่ละโมดูล มีขนาด 11.3 ม. X 5.3 ม. X 3.0 ม. มีความแข็งแรงพอที่จะซ้อนกันได้ 8 ชั้น ทั้งหมด ต่อเชื่อมกันโดยทางเดินภายนอก และโถงเล็กๆ ร่วมกัน ซึ่งก็มีทั้งข้อดี ข้อเสีย การที่ทางเดินอยู่ภายนอก ทำให้โล่ง โปร่ง รับลมธรรมชาติจากทะเล แต่ในหน้าหนาว ก็ไม่มีใครอยากเดินออกไปนอกห้องเลย แถมในห้องยังต้องเปลืองพลังงานความร้อนมากกว่าปกติอีกด้วย








แต่จุดเด่นของอาคารนี้ อยู่ที่การเรียงซ้อนที่สลับกันไปมา ทำให้เกิดพื้นที่ว่างเป็นระเบียง ให้กับห้องต่างๆ ทุกห้อง เป็นพื้นที่โล่งส่วนตัวที่ใช้งานเป็นส่วนพักผ่อนได้ดี ผิดกับอาคารพักอาศัยในเมืองทั่วไป ที่มีแต่ระเบียงแคบๆ ใครจะจัดสวน ปลูกต้นไม้ ปลูกผักสวนครัว ที่นี่ก็ทำได้ทั้งนั้น








ที่พักอาศัยแต่ละหน่วย จะประกอบด้วย 2 – 3 โมดูล แต่ถ้าใครอยากได้บ้านที่มีขนาดใหญ่กว่านั้น ก็จะใช้มากกว่า 1 หน่วย ผู้ที่พักอาศัยในโครงการ Habitat ’67 นั้น ปัจจุบันก็ร่วมกันบริหารอาคารทั้งหมดเอง ในรูปแบบคอนโดมิเนียมของเรานั่นเอง แต่อาคารหลังนี้ มีมาก่อนที่จะมีคอนโดฯในเมืองไทย หลายสิบปี








หลังจากจบงาน Expo’67 สถานที่จัดงาน ก็ได้ใช้งานต่อมาแค่ไม่กี่ปี จนอาคารทั้งหลายเก่า ทรุดโทรมหมดสภาพไป เหลือบริเวณทั้งหมดให้เป็นเพียงสวนสนุก และที่พักผ่อนของชาวเมือง แต่ว่า อพาร์ทเม้นท์ Habitat ’67 แห่งนี้ ยังคงแข็งแรง สวยงาม และเป็นบ้านอันน่าอยู่ ของชาว Montreal ผู้โชคดีจำนวนหนึ่ง ต่อไปได้อีกนาน



เรียบเรียงจาก
//www.arch.mcgill.ca/prof/sijpkes/arch304/winter2001/cszasz/EEB/eeb_a1p2.html&h=596&w=513&sz=145&hl=th
//www.american-architecture.info/CANADA/MON/MON-002.htm&h=450&w=799&sz=94&hl=th




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2551    
Last Update : 20 สิงหาคม 2551 0:58:38 น.
Counter : 4378 Pageviews.  

ซื้อ condo ให้เขาเช่า ดีกว่าฝากเงินธนาคารจริงหรือ


“ผมเก็บเรื่องนี้มาฝาก เพื่อให้ได้รับข้อมูล หรือวิธีคิด แบบอื่น หรือคนอื่นดูบ้าง จะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจน และตัดสินใจได้รอบคอบขึ้นครับ”

TraveLArounD


ซื้อ condo ให้เขาเช่า ดีกว่าฝากเงินธนาคารจริงหรือ


ดอกเบี้ยเงินฝากระดับ 2.5 - 3.5% ถือได้ว่าต่ำ
บางคนรับไม่ได้ ทุกครั้งที่ดอกเบี้ยลดลง รัฐบาลก็จะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยลดภาษี อสังหาริมทรัพย์ สามารถซื้อ condo ได้ง่าย ดอกเบี้ยต่ำ ภาษีน้อยมาก

เราลองมาวิเคราะห์ว่า ซื้อ condo ได้ ผลตอบแทนการลงทุน เท่าไหร่

ทำงานธนาคาร ก็ยังไม่ทราบว่า ได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ จากการค้นคว้า เลยพบว่า

condo บางโครงการมีการนำเสนอให้ลูกค้าทราบเลยว่า ซื้อไว้ลงทุน ได้ผลตอบแทนดีกว่าฝากธนาคารอีก ทำให้มีคนซื้อ condo จำนวนมาก เพื่อเก็งกำไร มีแค่เงินจองเท่านั้น แล้วผ่อนธนาคารสัก 12 เดือน แล้วขายต่อก็มี แต่บางโครงการ ขายต่อยากมาก เพราะโครงการเปิดเฟส ใหม่ ไม่ต้องดาวน์ เงื่อนไขดีกว่ามาก

ผลตอบแทนการลงทุนของการซื้อ condo อยู่ที่ตัวเราเองต่างหาก

บาง คนมีแค่เงินจอง แล้วได้เป็นเจ้าของ condo นำไปปล่อยให้เช่า 7000-8000 บาท ต่อเดือน โดยคาดว่าจะได้เป็นเจ้าของ condo ฟรี คือคนเช่าผ่อนแทนไป ซึ่งวิธีนี้ ผมว่าฝันมากไป ใครจะมาเช่า condo เราแบบนี้ มีคนสักกี่คนที่มีปัญญาผ่อนต่อเดือนระดับนี้ โดยไม่ซื้อ condo เอง

หากลด ค่าเช่าจาก 8000 บาท เหลือ 4000-5000 บาท พอเป็นไปได้ เพราะ apartment ระดับที่มีคนอยู่มากจริง อยู่เป็นปีๆ ก็คือระดับนี้ อยู่ apartment ราคา 4 พัน เช่า condo ราคาเท่ากัน ดูดีมี grade มากกว่า

คำถามคือแล้วกำไรละ อีก 4 พันต้องผ่อนเองหรือ คำตอบคือ การลงทุนคุณก็ต้องมีเงินลงทุน ไม่ใช่จับเสือมือเปล่า
ผ่อนเองอีก 4 พัน ถือว่าเป็นการลงทุน กำไรมาจาก 2 ทางคือ
1. ขึ้นค่าเช่า (ปีละไม่เกิน 5-10%) วิธีนี้เป็นไปได้ยากมาก แพงมากเขาก็ย้ายออก ไปที่ใหม่ พวกนักศึกษานิยมทำกันมาก ย้ายไปเรื่อยๆ
2. กำไรจากการขาย condo อย่างน้อยต้องได้ไม่ต่ำกว่า 15% แนะนำให้ซื้อจากโครงการโดยตรง เพราะโครงการนี่แหละตัวดี มีหน้าม้ามาซื้อที่ละชั้น โครงการเต็มหมด แล้วนำไปปล่อยต่อทีละห้อง ขึ้นราคาทีละ 200,000 บาท ปั่นราคาขึ้นไป

สรุปได้ว่า ผลตอบแทนการซื้อ condo คือ กำไรจาการขายต่อ หากขายไม่ได้ก็ไม่มีกำไร อย่าลืม ดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารอีก 7-8% ต่อปี ค่าโอนอีก หลายคนได้กำไร แต่หลายคนก็ขาดทุน คิดให้ดีนะครับ

เพื่อนผมไปซื้อคอนโด เพียง 1 ห้อง ราคาหลักแสน ซื้อ 1 ห้อง ได้ทั้ง floor 40 ห้อง คือ floor นั้น มีเพื่อนผมอาศัยเพียง 1 ห้องเท่านั้น อยู่ได้ 1 เดือนเท่านั้น ต้องย้ายออก กลัวผี กลัวคนร้าย อย่าเชื่อโฆษณามาก ไปดูโครงการตอนกลางคืนจะเห็นว่า มีคนอาศัยจริงกี่ห้อง ดูไฟที่เปิดภายในห้องไง

Posted by 4BANK
//www.oknation.net/blog/bankbank/2008/08/06/entry-1




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2551    
Last Update : 8 สิงหาคม 2551 12:16:50 น.
Counter : 738 Pageviews.  

การเลือกซื้อคอนโดมิเนียม ( ตอน 4 : สภาพแวดล้อม )

การเลือกซื้อคอนโดมิเนียม ( ตอน 4 : สภาพแวดล้อม )


ในตอนนี้ จะไม่มีข้อมูลมากๆ เหมือนตอนก่อนๆ ที่เน้นเรื่องของห้อง และเรื่องของอาคาร เพียงแต่ มีประเด็นที่อยากจะให้พิจารณาเพิ่มเติม นอกจากองค์ประกอบอื่นๆ ที่ต้องพิจารณา คือประเด็นของสภาพแวดล้อม และอนาคตของสภาพแวดล้อม เป็นเรื่องของภายนอก ที่มันจะมากระทบเรา เรื่องนี้ บางที่เราจะเห็นแนวโน้มได้ชัดเจน แต่บางที่ถ้าเราไม่มีข่าวสารข้อมูล การจะคาดเดาอนาคต ก็คงยาก ต้องอยู่ที่ดวง

ผมจึงเอาภาพของต่างประเทศมาให้ดู เพื่อจะได้เห็นภาพพจน์ที่ว่า ว่าในอนาคตนั้น คอนโดฯที่เราจะซื้ออยู่อาศัย มันจะเป็นเช่นใด ที่จริงภาพของเมืองไทยก็มีเยอะครับ แต่ไม่อยากเอามาลง เพราะบางทีก็เหมือนเอาเขามาประจาน เลยเอาของคนอื่นมาให้ดูกัน (สบายใจ) ดีกว่า








ระดับของคอนโดฯนั้น จะระดับหรู ราคาถูก หรือแพง จะมีเรื่องทำเลที่ตั้งเป็นอันดับต้น ยิ่งอยู่ในทำเลการค้า ราคาก็ยิ่งสูง แต่ที่จะแนะนำนั้น ไม่ได้เน้นว่าจะต้องเป็นคอนโดฯมีระดับ หรือระดับไหน แต่ให้พิจารณาจาก “ความหนาแน่น” ของคอนโดฯมากกว่า ว่าในโครงการนั้นๆ มีจำนวนห้องมากน้อยแค่ไหน มีกี่อาคาร แต่ละอาคาร อยู่ชิดหรือห่างกันอย่างไร จะบดบังวิว หรือจะประจันหน้ากันหรือไม่ และมีที่ดินรอบๆโครงการมากน้อยแค่ไหน เหล่านี้ล้วนสำคัญต่อเราทั้งสิ้น เพราะหมายถึงทั้งความโปร่งโล่งสบาย ในการอยู่อาศัย และความเป็นสัดส่วน หรือส่วนตัว ของแต่ละห้อง








โครงการที่มีคุณภาพมาก เขาจะเว้นพื้นที่ไว้มาก สำหรับเป็นพื้นที่สีเขียว เป็นส่วนที่เว้นระยะห่างของอาคารไว้ เป็นส่วนกลาง ส่วนรวม เช่นสวน สระว่ายน้ำ แต่พื้นที่ว่างนี้ จะแคบเข้าเรื่อยๆ ในโครงการระดับรองๆลงไป บางโครงการ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็จริง แต่นอกจากห้องที่อยู่ริมแม่น้ำแล้ว ห้องอื่นๆ แทบไม่มีโอกาสมองเห็นแม่น้ำเลย แค่ช่องว่างระหว่างอาคาร ก็มองไม่ลอดแล้ว คุณภาพในการอยู่อาศัย จะดี น่าอยู่ ไปได้อย่างไร





นอกจากอาคารในโครงการจะชิด ติดกันเองแล้ว ที่ดินข้างๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะสร้างอาคารสูงได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัยแบบคอนโดฯ หรือถ้าอยู่กลางเมือง ก็อาจจะเป็นอาคารสำนักงานได้ด้วย ความหนาแน่นนี้จึงมีสิทธิ์ที่จะถูกหวยได้กันทุกคน





อาคารที่ได้เปรียบด้านนี้ที่สุด ในอนาคตรับรองว่าจะไม่โดนใครบัง คือที่ดินที่อยู่ติดกับสวนสาธารณะต่างๆ ของกทม.นั่นเอง เพราะการใช้ที่ดิน คงไม่มีโอกาสเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น นอกจากเป็นสวนอย่างเดียว นอกจากไม่มีใครบังแล้ว ยังได้วิวธรรมชาติ และอากาศที่ดีกว่าโซนอื่นๆทั้งหมดด้วย แต่น่าเสียดาย ในกทม.เรานี่คงมีสวนสาธารณะไม่กี่สวน และโครงการที่ติดสวนเหล่านี้ก็มีน้อยมาก(ในปัจจุบัน) โครงการส่วนใหญ่เขาจะไปเน้นความสะดวก ในการเดินทางมากกว่า จึงเฮกันไปทำโครงการที่ติดรถไฟฟ้ากันมากกว่า ซึ่งผมก็ถือว่าดีเป็นอันดับ 2 รองลงมา เพราะสะดวกแต่ไม่รับประกันความแออัด โครงการแบบนี้ ก็จะมีด้านที่ติดถนนเท่านั้น ที่จะโล่งกว้างกว่าด้านอื่น และคงไม่มีอะไรมาบดบังในระยะใกล้ได้







ที่น่ากลัวกว่านั้น นอกจากจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวไปบางส่วนแล้ว ถ้าเกิดอาคารติดกัน เป็นอาคารที่ไม่มีการควบคุมส่วนกลาง หรือควบคุมภายนอกอาคารแล้ว ถ้าใครเคยไปฮ่องกง คงนึกภาพออก เพราะเขาตากผ้ากันนอกหน้าต่างเต็มไปหมด บางที่ก็ติดแอร์กันระเกะระกะ บางที่ก็ต่อเติมกันสาด หรือปิดหน้าต่าง ระเบียง และยิ่งถ้าอาคารเก่าๆด้วยแล้ว ก็ดูไม่จืดทีเดียว อาคารที่มีปัญหาทางนี้ ส่วนใหญ่จะมีปัญหาของผู้อยู่อาศัยและนิติบุคคลที่ไม่มีการควบคุมจัดการ ผู้อยู่อาศัย ทำให้ไปเดือดร้อนเพื่อนบ้าน











ดูจากรูปแล้ว ก็เอาไว้จินตนาการไว้ล่วงหน้าด้วยนะครับ ว่าคอนโดฯที่คุณกำลังจะซื้อ จะมีโอกาส หรือแนวโน้ม เป็นอย่างที่ว่านี้ไหม แล้วค่อยตัดสินใจ 




TraveLAround


ปล. ท่านที่เพิ่งเข้ามาชมบล็อกใหม่ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ค้นดูหัวเรื่องได้ง่ายที่ group : นานา สาระ๑๐๐๐ เพราะเรื่องต่างๆ เขียนไว้ กว่า 1430 เรื่องแล้ว

หมายเหตุ : ขณะได้มี website อื่นๆหลายwebsite ได้นำเอาเรื่องที่ผมเขียนไว้ ไปลงต่อในลักษณะของเนื้อหาโดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ถ้าต้องการบทความใดไปใช้ ขอให้ติดต่อขออนุญาต ก่อนทาง Email :nana_sara1000@ymail.com มิฉะนั้นจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ส่วนผู้ที่ต้องการนำเรื่องไปโพสต่อ เพื่อเผยแพร่โดยมิใช่ทางการค้า ขอให้ติดต่อขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนโพส




 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2556 22:40:42 น.
Counter : 1560 Pageviews.  

การเลือกทำเลที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ

การเลือกทำเลที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ

เราสามารถแบ่งโซนของที่อยู่อาศัย ตามเขตการปกครองของทางราชการ และการจัดระบบการเดินทางขนส่ง ที่ดูแลกทม.อยู่คือสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพฯมหานคร โดย แบ่งโซนของทำเลที่อยู่อาศัยออกเป็น 6 โซนหลักๆ เพื่อช่วยในการเลือกหาที่อยู่อาศัยและตัดสินใจเลือกได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการ โดยเฉพาะความสะดวกในการเดินทาง ไปทำงานหรือไปสถานศึกษาของคนในครอบครัว

เราจึงได้แบ่งโซนออกเป็นกลุ่มใหญ่ 6 กลุ่มหลัก โดยมีพื้นที่ใจกลางเมืองเป็นพื้นที่ ที่หนาแน่นที่สุด และแพงที่สุด ที่สำคัญคือเป็นแหล่งงานหลัก มีสำนักงานต่างๆ จำนวนมาก แต่เนื่องด้วยเป็นพื้นที่ธุรกิจที่มีราคาแพง ปัจจุบันจึงมีความนิยมลดลง เพราะรูปแบบที่อยู่อาศัย จะมีราคาแพงมากและมีพื้นที่ใช้สอยเล็กลง เหลือรูปแบบหลักๆ คือคอนโดมิเนียม ที่ราคาต่อตารางวา ขึ้นไปถึงหลักแสนทีเดียว พื้นที่โซนนี้ได้แก่




โซนที่ 1 กรุงเทพฯชั้นใน
เป็นย่านที่มีผู้อาศัยหนาแน่น ย่านธุรกิจ และที่อยู่อาศัยราคาสูง รวมเขตต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งประกอบไปด้วยเขตดังต่อไปนี้ บางรัก ราชเทวี สาธร บางคอแหลม ยานนาวา สัมพันธ์วงศ์ ปทุมวัน พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย ดุสิต พญาไท ดินแดง ห้วยขวาง คลองเตย วัฒนา คลองสาน




โซนที่ 2 กรุงเทพฯและปริมณฑลย่านทิศเหนือ
ย่านทิศเหนือ จะมีทำเลที่อยู่อาศัยที่น่าสนใจตามแนวถนนสายหลัก อาทิเช่น ถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดีรังสิต วัชรพล รามอินทรา ลำลูกกา ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยพื้นที่สีเขียวของผังเมืองกรุงเทพมหานคร เป็นที่อยู่อาศัยที่นิยมกันในอดีต เพราะเป็นพื้นที่ที่สามารถเดินทางติดต่อ ไปทางจังหวัด ทั้งเหนือและอีสาน ปัจจุบันจะมีพื้นที่สำคัญที่กำลังขยายตัวอย่างมาก คือย่านแจ้งวัฒนะ เพราะมีการขยายหน่วยราชการต่างๆขนาดใหญ่ และมีสะพานที่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางฝั่งปทุมธานีได้สะดวก จึงมีแนวโน้มที่ดี มากกว่าทำเลอื่นๆในโซนนี้ ซึ่งประกอบไปด้วยเขตตอนเหนือของกรุงเทพ ได้แก่ จตุจักร ลาดพร้าว บางซื่อ หลักสี่ บางเขน ดอนเมือง สายไหม และบางอำเภอของจังหวัดปทุมธานี ได้แก่ ลำลูกกา อำเภอเมือง ลาดหลุมแก้ว ธัญบุรี คลองหลวง และอำเภอปากเกร็ด ในจังหวัดนนทบุรี




โซนที่ 3 กรุงเทพฯและปริมณฑลย่านตะวันออก
ย่านตะวันออก จะมีทำเลที่อยู่อาศัยที่น่าสนใจในย่าน วังทองหลาง สุขาภิบาล บึงกุ่ม มีนบุรี และส่วนหนึ่งของจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นแหล่งงานจำนวนหนึ่ง มีโรงงานต่างๆ ที่อยู่อาศัยในโซนนี้ แต่ก่อนจัดว่าเป็นที่อยู่อาศัยที่มีราคาที่ดินที่ถูกที่สุด ของกรุงเทพฯ เพราะไกลจากกรุงเทพฯชั้นในมาก แต่ปัจจุบัน เมื่อมีการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ จึงมีการหาที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ราคาจึงเริ่มขยับตาม แต่ก็ยังมีพื้นที่ว่างอีกมาก ให้พัฒนา ที่อยู่อาศัยฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯโซนนี้ ประกอบด้วยเขต วังทองหลวง บางกะปิ บึงกุ่ม คันนายาว สะพานสูง มีนบุรี ลาดกระบัง คลองสามวา หนองจอก และอำเภอในจำหวัดฉะเชิงเทรา ได้แก่ บางน้ำเปรี้ยว และ อำเภอเมือง




โซนที่ 4 กรุงเทพฯและปริมณฑลย่านตะวันออกเฉียงใต้
ย่านตะวันออกเฉียงใต้ จะมีทำเลที่สำคัญคือเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้สูงและมีเขตธุรกิจหลักคือแนวถนนศรีนครินทร์ และมีที่อยู่อาศัยฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของใจกลางเมือง คือเขต สวนหลวง และ บางนา-เทพารักษ์ เขตนี้มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนด้านใต้ลงมามีเขตบางพลีสมุทรปราการ เป็นแหล่งงาน ที่มีโรงงานจำนวนมาก แต่สภาพแวดล้อมในบางจุดจะไม่ค่อยดี เนื่องจากมลภาวะจากโรงงานจำนวนมาก ผู้ที่พักอาศัยอยู่ในเขตนี้จึงเป็นผู้ที่จำเป็นต้องทำงานอยู่ใกล้แหล่งงาน ซึ่งประกอบไปด้วยเขตบางคอแหลม ยานนาวา วัฒนา คลองเตย สวนหลวง พระโขนง บางนา ประเวศ และอำเภอในเขตสมุทรปราการ ได้แก่ อ.เมือง บางพลี และบางปะกง




โซนที่ 5 กรุงเทพฯและปริมณฑลย่านทิศใต้
ย่านใต้ จะมีทำเลที่น่าสนใจ คือ ถนนพระราม 2 และมีการพัฒนาถนนที่คู่กันอยู่คือเพชรเกษม ที่เป็นเส้นทางไปยังภาคใต้ โซนนี้จะมีการขยายตัวของย่านพักอาศัยใหม่ๆในเขต ย่านหนองแขม และบางบอน เพราะเป็นพื้นที่ใหม่ ที่สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ง่ายขึ้นทางถนนตัดใหม่จากตากสินและมีแนวรถไฟฟ้าวิ่งมาจ่ออยู่ด้วยแล้ว ส่วนด้าน สุขสวัสดิ์ และ พระประแดง ก็เป็นแหล่งงานของโรงงานจำนวนมาก เช่นเดียวกับฝั่งสมุทรปราการ ซึ่งสามารถเดินทางเชื่อมถึงกันได้สะดวกแล้วด้วยวงแหวนด้านทิศใต้ ส่วนกระทุ่มแบน และ สมุทรสาคร ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่ยังไกลเกินไป ยังไม่ได้รับความนิยม ถึงฝั่งใต้ บริเวณปากอ่าวไทย โซนนี้ประกอบด้วยเขต หนองแขม ภาษีเจริญ บางแค จอมทอง ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ บางบอน บางขุนเทียน และอำเภอในอำเภอในจังหวัดสมุทรสาคร ได้แก่ กระทุ่มแบน บ้านแพ้ว อำเภอเมือง




โซนที่ 6 กรุงเทพฯและปริมณฑล ย่านตะวันตกเฉียงเหนือ
ย่านตะวันตกเฉียงเหนือเป็นย่านที่มีความเจริญเติบโตสูงเช่นกัน เพราะเป็นย่านที่ติดต่อไปทางจังหวัดภาคใต้ และเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่ดี ด้วยอากาศและสภาพแวดล้อม เช่นย่านปิ่นเกล้า-ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา บางบัวทอง และ นนทบุรี ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยตะวันตกเฉียงเหนือ ของกรุงเทพ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานในย่านนี้ เพราะการเดินทางเข้าพื้นที่ชั้นในยังไม่สะดวกเท่าที่ควร ต้องรอจนกว่าระบบขนส่งมวลชน เช่นรถไฟฟ้าจะพัฒนาเสร็จ ซึ่งก็คงใช้เวลาอีกหลายปี การติดต่อเข้าพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน จึงยังมีข้อจำกัด อยู่แค่สะพานปิ่นเกล้า และสะพายซังฮี้ ซึ่งการจราจรก็หนาแน่นอย่างทีเห็น โซนนี้ประกอบไปด้วยเขต ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ธนบุรี บางพลัด และอำเภอในจังหวัดนนทบุรี ได้แก่ บางบัวทอง บางกรวย บางใหญ่ ไทรน้อย อำเภอเมือง



กรุงเทพฯมหานคร ถือว่าเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่าประเทศเล็กๆบางประเทศเสียอีก เช่นเกาะสิงคโปร์ ก็ยังเล็กกว่ากรุงเทพฯของเรา คนกรุงเทพฯเองก็คุ้นเคยกับโซนที่ตัวเองอยู่ ถ้าข้ามโซนไป ก็เหมือนคนแปลกถิ่น การหาที่อยู่อาศัยใหม่ หรือย้ายที่อยู่อาศัย จึงต้องมีข้อมูลที่ละเอียดพอ ที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้เร็ว และง่ายขึ้น และโซนที่อยู่อาศัยต่างๆ จะมีทำเลที่อยู่อาศัยเด่นๆ ในหลายแห่งด้วยกันเพราะความกว้างนี่เอง
การรู้ข้อมูลในในโซนต่างๆ จึงจะช่วยให้คุณสามารถนำข้อมูล ข่าวสาร และการพัฒนาต่างๆในแต่และโซน มาวิเคราะห์ได้ว่ามีทิศทางการพัฒนาเป็นอย่างไร ตรงความต้องการของคุณหรือไม่ เพื่อความสะดวกในการมองหาที่อยู่อาศัยในทำเลนั้นๆ ให้ตรงความต้องการของคุณและครอบครัวมากที่สุด นั่นเอง

เมื่อรู้ทำเลต่างๆอย่างคร่าวๆแล้ว ตอนต่อไป เราก็จะไปดูรายละเอียดของแต่ละโซนกัน ว่ามีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างไร ทั้งปัจจุบันและอนาคต แนวโน้มการขยายตัวหรือความเจริญในแต่ละโซน และการต่อเชื่อมกับโซนต่างๆ ว่าสะดวกหรือไม่ อย่างไร 


TraveLArounD



ปล. ท่านที่เพิ่งเข้ามาชมบล็อกใหม่ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ค้นดูหัวเรื่องได้ง่ายที่ group : นานา สาระ๑๐๐๐ เพราะเรื่องต่างๆ เขียนไว้ กว่า 1430 เรื่องแล้ว

หมายเหตุ : ขณะได้มี website อื่นๆหลายwebsite ได้นำเอาเรื่องที่ผมเขียนไว้ ไปลงต่อในลักษณะของเนื้อหาโดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ถ้าต้องการบทความใดไปใช้ ขอให้ติดต่อขออนุญาต ก่อนทาง Email :nana_sara1000@ymail.com มิฉะนั้นจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ส่วนผู้ที่ต้องการนำเรื่องไปโพสต่อ เพื่อเผยแพร่โดยมิใช่ทางการค้า ขอให้ติดต่อขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนโพส

ข้อมูลจาก
สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพฯมหานคร
Suyyest
//www.geocities.com/dohome2003/Html/Suyyest5.html




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2556 22:39:33 น.
Counter : 20472 Pageviews.  

การซื้อบ้านเพื่อลงทุน

การซื้อบ้านเพื่อลงทุน

เขียนเรื่องการซื้อคอนโดฯไปแล้ว แต่ไม่แนะนำให้ซื้อเพื่อลงทุน นอกจากซื้อเพื่ออยู่เอง ถ้าจะซื้อเพื่อลงทุน จะแนะนำให้ซื้อที่ดิน หรือบ้านจะดีกว่า เพราะเงื่อนไขต่างๆ มันผิดกัน โดยเฉพาะเรื่องของราคา ซึ่งคอนโดฯนั้นแพงไม่ค่อยสมเหตุสมผล และปล่อยทิ้งไว้เฉยๆไม่ได้ ค่าใช้จ่ายมันเกิดตามตลอดเวลา ผิดกับบ้าน หรือที่ดิน มันไม่มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นระหว่างที่ยังไม่ขาย เราลองมาดูปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องกันดู

การซื้อบ้านเพื่อลงทุนนั้น ในแง่มุมนี้เมื่อพิจารณาเปรียบกับการลงทุนอย่างอื่น ที่ไม่มีความเสี่ยง เช่นการฝากเงิน มีอัตราดอกเบี้ยฝากประจำอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3% ต่อปี อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรก็อยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงกัน ถ้าต้องการผลตอบแทนมากกว่านี้ นอกเหนือจากลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว (มีความเสี่ยงสูง) การลงทุนซื้อบ้านให้เช่าหรือขายต่อก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนทุกอย่างจะต้องมีความรู้ขั้นพื้นฐานที่จำเป็น ในกรณีของการซื้อบ้านเพื่อลงทุนนั้นก็เช่นกัน จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด เพราะเป็นเงินจำนวนไม่น้อย

วงเงินในการลงทุน
เงื่อนไขเบื้องต้นก็คือ เงินที่จะมาลงทุนนั้นต้องเป็นเงินออมส่วนหนึ่ง อาจจะประมาณ 1 ใน 4 ของเงินที่มีอยู่ และควรทำตามหลักการพื้นฐานของการกระจายความเสี่ยงคือ นำเงินลงทุนทั้งหมดมาหาร 4 แล้วเอาส่วนหนึ่งมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าหรือขายต่อ

ดูทำเล ราคา และเวลาเหมาะสม
เมื่อจัดสรรเงินได้แล้ว ประเด็นต่อไปคือ จังหวะเวลาและการคัดเลือก เรื่องเวลา ตอนนี้ก็น่าพิจารณาในการซื้อบ้านเพื่อลงทุน เพราะสามารถอาศัยประโยชน์จากมาตรการส่งเสริมการซื้อที่อยู่อาศัยจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ค่าโอน, ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ รวมทั้งภาษีก็ลดลง เงื่อนไขการกู้ของธนาคาร และอัตราดอกเบี้ยต่ำได้อย่างดี เพราะเป็นปัจจัยที่ทำให้ซื้อง่ายขายคล่อง

ส่วนการคัดเลือกต้องดู 2 ประเด็นหลักคือ ดูทำเลเพื่อวิเคราะห์สภาพคล่องในการซื้อขาย และพิจารณาราคาเชิงเปรียบเทียบ

ซื้อบ้านคือซื้อทำเล
เรื่องทำเลที่ตั้งนับเป็นปัจจัยหลักที่จะเป็นตัวกำหนดราคาของอสังหาริมทรัพย์ทุกชนิด ราคาจึงมาจากทำเล นั่นคือ แม้บ้านจะมีหลากรูปแบบ, ชนิด, ประเภท และประโยชน์ใช้สอยที่แตกต่างกันกัน แต่รากฐานสำคัญที่สุดคือทำเลที่ตั้ง สาระสำคัญของทำเลก็คือ
1. ความสะดวกสบายในการเดินทางเข้าออกไปยังสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่ตัวบ้านเลย เช่นโครงการที่ติดถนน บ้านที่ไม่เข้าซอยลึก เดินเข้าออกได้
2. ที่ตั้งใกล้สถานที่สำคัญที่เจริญหรือพัฒนาแล้ว ถ้าอยู่นอกเมืองราคาก็ต้องถูกกว่าในเมืองแน่นอน แต่ถ้าอยู่ในเมืองการอยู่ติดอาคารสถานที่ใหญ่ๆ ย่านธุรกิจการค้า หรือชุมชนที่คนอยู่หนาแน่น พวกนี้เป็นเรื่องพื้นฐานที่เรามองเห็นง่าย
3. การใช้ประโยชน์จากระบบสาธารณูปโภคสาธารณูปการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่นระบบขนส่งมวลชนสมัยใหม่ โรงพยาบาล โรงเรียน
4. ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน เป็นข้อที่คนพิจารณามากตอนซื้อบ้าน บ้านในโครงการจะได้เปรียบบ้านเดี่ยวที่กระจายอยู่นอกโครงการ เพราะระบบรักษาความปลอดภัยที่ดูดีกว่า แต่บ้านในโครงการก็ไม่มีใครการันตีได้ว่า ปลอดภัย 100 % เพราะไม่ว่าโครงการระดับไหนก็โดนลองของมาหมดแล้ว แต่ราคาบ้านในโครงการย่อมแพงกว่าบ้านทั่วไป เพราะเขาลงทุนในส่วนกลางมาก ราคาก็ต้องบวกต้นทุนเหล่านี้เข้าไป การเลือกซื้อบ้านที่ไม่ได้อยู่ในโครงการก็ดูจากสภาพแวดล้อมได้ เช่นบ้านรอบๆมีลักษณะอย่างไร ดูดี หลังใหญ่ หรือทรุดโทรม ซอยเปลี่ยวหรือมืด ถ้าเราดูแล้วไม่น่าอยู่ คนอื่นก็เหมือนกับเราละครับ

หากตั้งใจซื้อเพื่อลงทุน ให้เช่าหรือขายต่อ ก็ต้องดูทำเลที่สามารถให้เช่าและขายต่อได้สะดวกเป็นเบื้องต้น ทำเลสำหรับซื้อบ้านเพื่อลงทุน มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ ตามลำดับความสำคัญ
1. มีความต้องการเช่าของนักลงทุนและนักธุรกิจต่างชาติสูง อาทิเช่น ทำเลย่านเช่าของฝรั่งและญี่ปุ่น แถวเพลินจิต สุขุมวิท สีลมและสาทร เป็นต้น แต่ทำเลดังกล่าวการซื้อบ้านเดี่ยวคงเป็นไปได้ยาก เพราะราคาจะสูงเกินลงทุนไปแล้ว คงต้องหันมาลงทุนพวกคอนโดฯแทน ยูนิตนึงก็หลายล้านแล้ว
2. มีความต้องการเช่าของคนที่ต้องการความสะดวกในการเดินทางในเขตตัวเมือง อาทิ ทำเลย่านสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน อย่างนี้ควรดูทำเลที่จะมีการสร้างระบบในอนาคต จะยังพอซื้อหรือทำกำไรได้ เพราะราคายังไม่สูง และยังไม่ขยับเท่าไหร่นัก แต่ต้องเล็งตำแหน่งที่ใกล้ตัวสถานีให้มากที่สุด ตอนนี้ก็ยังไม่มีระบุชัดเจนให้ดูเสียด้วย มีแต่ตำแหน่งคร่าวๆเท่านั้น
3. ทำเลที่มีความต้องการเช่าของนักเรียนนักศึกษา หมายถึงทำเลที่ใกล้สถาบันการศึกษา หรือเดินทางไปสถาบันการศึกษาสะดวก ต้องเป็นสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงพอสมควร เพราะจะมีผู้ปกครองจากต่างจังหวัดที่มีฐานะดี มาซื้อหรือเช่าเพื่อความสะดวกในการส่งลูกหลานเรียนหนังสือ
4. ทำเลที่มีความต้องการเช่าของคนทำงานในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ ระหว่างรอบนอกกับชั้นใน นั่นคือ อยู่นอกเขตถนนรัชดาภิเษกออกไป แต่ไม่ออกนอกเขตการเดินทางของถนนรามอินทรา แจ้งวัฒนะ นวมินทร์ งามวงศ์วาน เป็นต้น ทำเลเหล่านี้มีแหล่งจ้างงานใหม่ๆ เกิดขึ้นจากการโยกย้ายหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ รวมไปถึงการเกิดขึ้นของกิจการโมเดิร์นเทรดต่างๆ ที่เห็นชัดเจนกว่าเพื่อนคือสายแจ้งวัฒนะ กำลังก่อสร้างสถานที่ราชการใหม่ เป็นที่ตั้งของกระทรวงหลายกระทรวง เป็นแหล่งงานใหญ่ในอนาคต และจะมีระบบการเดินทางที่ขยายตัวอีกมาก ปัจจุบันสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ปากเกล็ดเสร็จแล้ว การขยายตัวไปฝั่งปทุมธานียังมีการเติบโตอีกมาก หรือการขยายตัวทางด้านตะวันออกทางสนามบินสุวรรณภูมิ ก็มีการตื่นตัวอย่างมาก

เหตุผลหลักๆ ทั้ง 4 ข้อนี้ เป็นตัวชี้แนะทิศทางของการซื้อที่อยู่อาศัย เมื่อพิจารณารอบคอบแล้ว การตัดสินใจต้องรวดเร็ว ซื้อทันทีที่พร้อม หรือมีความต้องการ แต่ก็ควรเหลียวมองสิทธิประโยชน์ที่ควรได้อย่างถี่ถ้วนด้วย

รูปแบบของอสังหาฯจะมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาไปตามทำเลที่ตั้ง
การซื้อบ้านเพื่อการลงทุนจำเป็นต้องมีหลักยึดในการเลือกประเภทที่อยู่อาศัย

หลักการพื้นฐานคือ
เนื่องจากทำเลจะเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดรูปแบบทั้งโดยนักบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงรูปแบบที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ต้องการของตลาด โดยรูปแบบจะสัมพันธ์กับราคาและประโยชน์ของพื้นที่ใช้สอย

ทำเลในย่านที่นักลงทุนและนักธุรกิจต่างชาติต้องการเช่าหรือซื้อต่อ หากเป็นเขตธุรกิจมักจะเป็นคอนโดมิเนียมขนาดประมาณ 75 ตารางเมตรขึ้นไป คือใหญ่กว่าแบบ studio มีมากกว่า 1 ห้องนอน

ทำเลที่หาตลาดจากคนต้องการความสะดวกในการเดินทางภายในเขตตัวเมืองด้วยรถไฟฟ้า จะเป็นคอนโดมิเนียมที่ขนาดเล็กลง เป็นแบบstudio หรือเป็นทาวน์เฮ้าส์

ส่วนทำเลที่จะหาตลาดจากสถาบันการศึกษาและแหล่งจ้างงานเขตกรุงเทพฯนอกแนวถนนรัชดาภิเษก(วงแหวนรอบกลาง) จะเป็นทาวน์เฮ้าส์(รองรับสถาบันการศึกษา) หรือตึกแถวเพื่อทำอพาร์ทเม้นท์(รองรับตลาดแรงงาน) ก็ได้ และยังอาจพิจารณาบ้านเดี่ยวเป็นตัวเลือกได้อีก

แนวคิดก็คือเลือกรูปแบบที่อยู่อาศัยที่จะซื้อเพื่อลงทุนให้สอดคล้องกับทำเล อันหมายถึงสอดคล้องกับความต้องการของผู้ที่จะเช่าหรือซื้อต่อ

ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจะเป็นการลงทุนที่กำไรสองต่อ
ถ้าตัดเรื่องการเงินออกไป การซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยนั้น ย่อมเป็นหลักประกันความมั่นคงให้แก่ครอบครัวอย่างดี ขณะเดียวกัน การที่จะต้องย้ายบ้านด้วยเหตุผลต่างๆนั้น อาจมีได้เสมอ โดยเฉพาะเรื่องของครอบครัวที่ขยาย ต้องการพื้นที่เพิ่ม หรือการย้ายสถานที่ทำงาน เช่นย้ายข้ามจังหวัด อย่างนี้ โอกาสที่จะต้องเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยก็มีได้ ดังนั้นหากเราจะต้องมีการขายบ้านหลังที่ 1 ไปซื้อหลังที่ 2 การซื้อ-ขายบ้าน ในแบบเพิ่มมูลค่าจะมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เราต้องเลือกซื้อบ้านอย่างชาญฉลาดโดยใช้เหตุผลในด้านการลงทุน ประกอบการตัดสินใจ ใช้หลักการมองหาทำเลที่ตั้งของบ้านใหม่ให้อยู่ในพื้นที่ ที่ความเจริญของเมืองจะขยายตัวกลืนเข้ามาในทำเลพื้นที่บ้านที่จะซื้อ ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผังเมืองตลอดจนข้อมูลโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคและนโยบายเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับพื้นที่นั้นๆ ของรัฐบาลหรือส่วนราชการท้องถิ่น

หากได้มีการศึกษาและวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนและรอบคอบ โดยใช้หลักเหตุและผลซื้อบ้านเพื่อเพิ่มมูลค่าบ้านในการตัดสินใจด้วย จะทำให้บ้านหลังนี้ในอนาคตหากขาย จะขายได้ราคาสูงขึ้น ซึ่งบางทีการขายบ้านหลังนี้ ไปซื้อบ้านที่ใหญ่กว่าหลังใหม่ในอนาคต เราอาจจะแทบไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม เพราะบ้านหลังเก่าขายได้ราคาสูงเนื่องจากอยู่กลางเมืองไปเสียแล้ว

สรุปก็คือเราขายได้ราคาที่สูงขึ้น และได้อยู่ฟรีมาหลายปี มีกำไร 2 ต่อ ทั้งใช้ฟรีไม่ต้องเช่า แถมเหลือเงินไปซื้อใหม่ใหญ่กว่าเดิม(แต่คงต้องไกลออกไป) ในบางกรณีหลังจากขายแล้วใช้เงินซื้อบ้านหลังใหม่ไปแล้วยังมีเงินเหลือไว้ใช้ทำการค้าหรือไว้ใช้ยามแก่อีกด้วย

รู้ข้อมูลล่วงหน้าเรื่องภาษี
รายจ่ายการลงทุน ไม่ได้มีแต่ค่าอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะรายจ่ายที่ต้องระวัง และศึกษา คือนำมาบวกรวมต้นทุน คำนวณการลงทุนด้วย คือเรื่องภาษี โดยเฉพาะหลังจากให้เช่าระยะหนึ่งแล้วสามารถขายต่อได้ ภาษีที่หลายคนมักจะลืมนึกถึงก็คือ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เนื่องจากมาตรการส่งเสริมให้มีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์นั้น รัฐบาลไม่ได้ผ่อนปรนเรื่องนี้
วิธีคิดภาษีเงินได้จะหักค่าใช้จ่ายเหมาจากเงินที่ขายได้โดยคิดจากจำนวนปีที่ถือครองดังนี้
ถือครอง 1 ปีหักได้ ร้อยละ 92
ถือครอง 2 ปีหักได้ ร้อยละ 84
ถือครอง 3 ปีหักได้ ร้อยละ 77
ถือครอง 4 ปีหักได้ ร้อยละ 71
ถือครอง 5 ปีหักได้ ร้อยละ 65
ถือครอง 6 ปีหักได้ ร้อยละ 60
ถือครอง 7 ปีหักได้ ร้อยละ 55
ถือครอง 8 ปีขึ้นไป ร้อยละ 50
เมื่อหักค่าใช้จ่ายในสัดส่วนดังกล่าวแล้วเงินที่เหลือถือเป็นรายได้สุทธิแล้วหารด้วยจำนวนปีที่ถือครองได้เท่าไร ให้คำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้ต่อปี สุดท้ายคูณด้วยจำนวนปีที่ถือครองจะได้เป็นจำนวนเงินภาษีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องจ่ายทั้งหมด

ทบทวนก็คือ นับจำนวนปีถือครองมาหักเหมาค่าใช้จ่าย เหลือเป็นรายได้สุทธิรวม ให้เอาจำนวนปีถือครองมาหารได้เป็นรายได้ต่อปี แล้วคำนวณภาษีที่ต้องเสียใน 1 ปี สุดท้ายเอาจำนวนปีที่ถือครองมาคูณ จะเป็นเงินภาษีรวมที่ต้องจ่าย
จำนวนปีที่ถือครองจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงคาบต่อระหว่างปี ตัวอย่างเช่น ธันวาคมกับมกราคมที่เป็นคนละปี เวลาคิดภาษีไม่ได้ต่างกัน 1 เดือนแต่ห่างกัน 1 ปี เท่ากับมีสิทธิหักเหมาค่าใช้จ่ายลดเพิ่มขึ้น โปรดพิจารณาหลักการหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาคิดตามจำนวนปีที่ถือครองอีกครั้ง
ส่วนมาตรการล่าสุด การลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์และห้องชุดพักอาศัย และอาคารสำนักงาน เหลือเพียง 0.01% เพื่อสนับสนุนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ก็เป็นโอกาสดีที่จะลดรายจ่ายการซื้อขาย ลงไปได้อีกในช่วงนี้ (แต่การลดการเรียกเก็บค่าธรรมข้างต้น ดำเนินการแต่เฉพาะในโครงการจัดสรร อาคารชุดหรืออาคารสำนักงานเท่านั้น โดยไม่รวมที่ดินเปล่าในโครงการจัดสรร และไม่รวมส่วนการจดทะเบียนขายฝาก โอนชำระหนี้ และโอนชำระหนี้จำนองของอสังหาริมทรัพย์ในโครงการจัดสรร)

ภาษีธุรกิจเฉพาะ
ปัจจุบัน ถ้าเราถือครองอสังหาริมทรัพย์ไม่เกิน 5 ปี จะต้องเสียภาษีตัวนี้ ซึ่งเป็นภาษีอีกตัวหนึ่งที่มียอดเสียสูงพอสมควร สำหรับบ้านหรือที่ดิน เมื่อคำนวณตามเปอร์เซ็นต์แล้วอาจจะไม่สูงมากเพราะราคาประเมินจะมีการปรับตามราคาตลาด แต่ถ้าเป็นคอนโดฯจะสูงมาก เพราะราคาประเมินคอนโดฯจะสูงมาตลอด ก่อนนี้เมื่อเราขายบ้านได้ ภาษีนี้จะไปยื่นเสียภายหลัง (ใครไม่ไปเสีย ก็โดนเรียกตัวจนได้ เพราะกรมที่ดินจะส่งรายชื่อการซื้อขายไปให้กรมสรรพากร แล้วเขาก็จะตามมาไล่เก็บเอา บวกดอกเบี้ยที่ค้างจ่ายตามระยะเวลาที่ค้างด้วย) แต่ปัจจุบันต้องเสียตอนโอนกันเลย ช่วงนี้เป็นโอกาสทองแล้ว เพราะรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.0 เหลือแค่ 0.1 % เท่านั้น ใครที่รอจังหวะอยู่ ก็รีบตัดสินใจเลยครับ ถ้าหมดมาตรการนี้แล้ว ในภายหลังก่อนขายต้องตรวจสอบค่าโอนและภาษีให้ละเอียดก่อนโอน

การซื้อบ้านเพื่อลงทุนเลือก ถ้าเลือกทำเลได้ถูกจะสร้างกำไรได้มาก แต่ต้องใจเย็นรอระยะเวลาการพัฒนาของเมือง นี่เป็นข้อหนึ่งที่ไม่เหมาะกับการกู้ยืมซื้อ ควรใช้เงินเก็บมาซื้อ เพราะดอกเบี้ยมันเดินไปเรื่อย จนบางทีเรารู้สึกว่ามันวิ่งเร็วจริงๆ ไม่ใช่แค่เดิน และต้องรู้เรื่องกฎหมายเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านภาษี (วางแผนการเสียภาษี ไม่ใช่เลี่ยงภาษีหรือโกงภาษี) และเสียภาษีให้ถูกต้อง จะได้ไม่มีปัญหาเดือดร้อนถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังพร้อมค่าปรับจนกำไรหดหาย ทั้งยังไปเพิ่มความเสี่ยงในการถูกตรวจสอบการเสียภาษีอื่นๆอีกด้วย



TraveLArounD





ปล. ท่านที่เพิ่งเข้ามาชมบล็อกใหม่ ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ค้นดูหัวเรื่องได้ง่ายที่ group : นานา สาระ๑๐๐๐ เพราะเรื่องต่างๆ เขียนไว้ กว่า 1430 เรื่องแล้ว

หมายเหตุ : ขณะได้มี website อื่นๆหลาย website ได้นำเอาเรื่องที่ผมเขียนไว้ ไปลงต่อในลักษณะของเนื้อหา โดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ถ้าต้องการบทความใดไปใช้ ขอให้ติดต่อขออนุญาต ก่อนทาง Email : nana_sara1000@ymail.com มิฉะนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ส่วนผู้ที่ต้องการนำเรื่องไปโพสต่อ เพื่อเผยแพร่ โดยมิใช่ทางการค้า ขอให้ติดต่อขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนโพส

ข้อมูลจาก
//www.msn.co.th
ศุภวิศวร์ ปัญญาสกุลวงศ์
thaihomemaster.com 




 

Create Date : 11 เมษายน 2551    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2556 22:38:06 น.
Counter : 2768 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

travelaround
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]





ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ


เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย

แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์

ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email :– nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที

Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.


Website counter
: Users Online









ที่ดินเชียงใหม่ ทางไปแม่ริม ใกล้ศาลากลาง และสนามกีฬา 700 ปี ติดน้ำปิง ในหมู่บ้านเพชรริมปิง พื้นที่ 667 ตารางวา @ 14,000.- บาท สภาพแวดล้อมดี สนใจติดต่อ โทร. 0859559950



DESIGN PLACE CO.,LTD. รับออกแบบ และตกแต่งภายใน บ้านพักอาศัย ในแบบไทย และไทยร่วมสมัย



มรดก ฉบับที่ 1

มรดก ฉบับที่ 2

มรดก ฉบับที่ 3

มรดก ฉบับที่ 4

มรดก ฉบับที่ 5

มรดก ฉบับที่ 6

มรดก ฉบับที่ 7

ช่วยสนับสนุนการจัดทำ BLOG ด้วยการซื้อหนังสือ "มรดก" 1ชุด 7เล่ม (หนังสือเก่า) ในราคาชุดละ 700 บาท (รวมค่าส่งทางไปรษณีย์)

สนใจสั่งซื้อทาง E-mail :- nana_sara1000@ymail.com



New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add travelaround's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.