"ความสามัคคีปรองดอง เป็นกำลังอย่างสูงสุดของชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ความสามัคคีของคนในชาติ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และทำให้สังคมไทย ร่มเย็นเป็นสุข" พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สนใจลงโฆษณา ในพื้นที่ข้างบน ติดต่อ email : nana_sara1000@ymail.com
Home Lover’s Corner นานา สาระ๑๐๐๐ นานา สารพัด พระพุทธประวัติ ภาคพิเศษ
Travel Around the World Real Estate Buyer's Guide สุขภาพกาย สุขภาพใจ Pets & Animals
ปางพระพุทธรูปตามพุทธประวัติ Horoscope 12 ราศี พระพุทธศาสนา World of Beautiful Musics
เรื่องของการนอน กับสุขภาพ

มีคนหลายๆคนนอนดึก ด้วยสาเหตุต่างๆกันไป เช่นทำงานดึก เที่ยวดึก เล่นinternet ดึก และอีกสารพัด แต่ไม่ว่าจะนอนดึกด้วยกรณีใดๆ ก็ไม่ดีต่อสุขภาพทั้งนั้น ไม่ต้องมีใครบอกหรอกครับ ร่างกายมันจะฟ้องออกมาเอง ขอบตาทั้งสองข้างของคุณนั่นไง มันจะมีสภาพเป็นหมีแพนด้าได้เหมือนมาก

การนอนดึกเป็นเหตุให้อายุสั้น เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง ร่างกายจะอ่อนล้าและทรุดโทรมลงเรื่อยๆ เพราะร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ระบบร่างกายจะรวนไป เช่น ระบบการย่อยอาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อง่าย อาหารย่อยไม่ดี ระบบปัสสาวะ จะเข้าห้องน้ำถี่ เพราะร่างกาย overload ต้องการน้ำมาก ระบบเหงื่อ คนนอนดึกเหงื่อจะไม่ค่อยออก ของเสียตกใน สิวฝ้าขึ้น ไตทำงานหนัก เหล่านี้เป็นสาเหตุให้ร่างกายทรุดโทรมทั้งสิ้น




ลองมาดูช่วงเวลาปกติของร่างกายมนุษย์ที่มีปฏิกิริยาภายในกัน

เวลา 5.00 - 7.00 นาฬิกา : ได้เวลาตื่นนอน
ร่างกายจะตื่นตัว ระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย จะค่อยๆ ขับเคลื่อนการทำงานขึ้นทีละน้อย หลอดเลือดหดตัวแคบลงหัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น ฮอร์โมนหลายชนิดทั่วร่างกายจะหลั่งออกมา ซึ่งหนึ่งในนั้นมีฮอร์โมนที่กระตุ้นให้ร่างกายมีอารมณ์ทางเพศรวมอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นใครที่ยังมัวแต่นอนขี้เกียจอยู่กับที่นอนในตอนนี้ก็เท่ากับทำให้ระบบของร่างกายที่ปกติจะดำเนินไปตามเวลาทำงานผิดพลาด ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของวันใหม่และสูญเสียความตื่นตัวไปตลอดทั้งวันเลย

เวลา 7.00 - 10.00 นาฬิกา : เวลาอาหารเช้า
ร่างกายต้องการอาหารเช้าที่ดี และมีคุณค่าทางโภชนาการโดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายได้รับเข้าไปจะถูกเผาผลาญให้กลายเป็นพลังงานอย่างรวดเร็วหากรับประทานยาแก้ปวดในช่วงหลังอาหารเช้า ยาก็จะออกฤทธิ์ระงับปวดได้ดี คุณผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งที่มดลูกหากได้รับประทานยารักษาโรคดังกล่าวในช่วงเวลานี้ โอกาสที่จะช่วยระงับยับยั้งโรคก็จะเพิ่มสูงขึ้น หลอดเลือดจะหดแคบลง ดังนั้นเวลาออกกำลังกายตอนเช้าๆ ก็อย่าหักโหมมากนักเพราะอาจทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไม่ทันจนถึงขั้นหัวใจวายได้ แต่สำหรับบางคนก็อาจไม่เกิดอาการเช่นนั้นก็ได้ ต้องคอยสังเกตตัวเอง ส่วนคนที่สูบบุหรี่ หากงดสูบมวนแรกของวันนี้เสียได้ก็จะดีมาก

เวลา 10.00 - 12.00 นาฬิกา : พละกำลังเต็มเปี่ยม
ในช่วงเวลานี้ของแต่ละวัน ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายและจิตใจจะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลา 11 โมงเช้า จะเป็นเวลาที่ดีที่สุดของระบบการทำงานของหัวใจและไหลเวียนของโลหิต ความสามารถในการเรียนรู้ ทางด้านการคิดและการพูด จะมีความคล่องแคล่วว่องไวอย่างล้นเหลือ เราจะรู้สึกมีสมาธิ และมีความคิดสร้างสรรค์มากเป็นพิเศษ ส่วนใครที่มีงานสำคัญ หรือการสอบที่ต้องทำในช่วงเวลานี้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็มักจะออกมาดี

เวลา 12.00 - 14.00 นาฬิกา : เวลาพักกลางวัน
หลังจากช่วงเวลาแห่งจุดสูงสุดผ่านพ้นไป ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายจะค่อยๆลดลง ซึ่งก็พอดีกับเวลาที่เราจะต้องรับประทานอาหารกลางวันเพื่อเติมพลังงานให้แก่ตัวเองอีกครั้ง และในช่วงที่ร่างกายกำลังย่อยอาหารให้กลายเป็นพลังงานอยู่นี้ หากได้งีบหลับสัก 15 นาที หรือออกไปเดินเล่นสักพักในที่ที่มีอากาศปลอดโปร่ง ก็จะช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น หากใครไม่มีโอกาสได้พักหลังอาหารมื้อเที่ยงด้วยกิจกรรมดังกล่าวนั้นเลย การทำงานช่วงบ่ายก็อาจจะไม่มีสมาธิในการทำงาน

เวลา 14.00 - 17.00 นาฬิกา : ช่วงอึดต่อความเจ็บ
ในช่วงเวลานี้ประสิทธิภาพของร่างกายจะกลับฟื้นคืนขึ้นมาใหม่ เมื่อเวลาผ่านไปได้สักประมาณตอนบ่ายสามโมงผิวพรรณของเราจะมีเลือดมาหล่อเลี้ยงเพิ่มมากขึ้นและมีเหงื่อออกง่ายกว่าช่วงเวลาอื่นๆ หากมีนัดกับหมอเพื่อทำฟันในช่วงเวลานี้จะดี เพราะว่าจะรู้สึกเจ็บปวดน้อยกว่าช่วงเวลาอื่นๆเนื่องจากเป็นเวลาที่ฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟีนหลั่งออกมามาก จึงสามารถช่วยกดความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ได้ นอกจากนั้น ช่วงเวลานี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับออกกำลังกายเพื่อบริหารกล้ามเนื้อ ทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการบำบัดทางกายภาพอีกด้วย

เวลา 17.00 - 20.00 นาฬิกา : ช่วงเวลาสบายๆ
ความกระตือรือร้นของระบบทำงานภายในร่างกายจะค่อยๆ ถดถอยลง
อีก ทั้งอุณหภูมิความร้อนภายในกายก็จะลดลงด้วย ประมาณเวลา 17 นาฬิกาประสาทรับรู้กลิ่นและรสชาติของอาหารจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปฏิกิริยาต่อความเครียดจะไม่ค่อยมี และสำหรับผู้ป่วยด้วยโรคกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป โรคปวดข้อหรือโรคภูมิแพ้ เวลา 19 นาฬิกาจะเป็นเวลาซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการรับประทานยา เพื่อบำบัดรักษาอาการของโรคดังกล่าว

เวลา 20.00 - 22.00 นาฬิกา : เวลาแห่งความรู้สึก
ในช่วงเวลานี้ปฏิกิริยาของร่างกายอาจมีความไวต่อสิ่งเร้า อีกทั้งประสาทสัมผัสยังเปิดรับรสสัมผัสที่อ่อนโยน เสียงเพลงที่แว่วหวาน และกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่มาปลุกเร้าอารมณ์ได้ดียิ่งกว่าในช่วงเวลาอื่นๆ นอกจากนั้นการได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วงนี้ก็จะช่วยก่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ควรดื่มมาก แค่พอหอมปากหอมคอเพื่อให้คืนนี้สามารถหลับได้อย่างมีความสุข

เวลา 22.00 - 01.00 นาฬิกา : ได้เวลาเข้านอน
ในช่วง 4 ทุ่ม 5 ทุ่ม เที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง นับเป็นช่วงเวลาที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะเรียกน้ำย่อยในกระเพาะให้หลั่งออกมาอีกด้วยการรับประทานอาหารใดๆ ทั้งนี้เพราะการทำงานของอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย กำลังจะเข้าสู่ความสงบนิ่ง หลังจากที่ได้ทำงานจนอ่อนล้ามาตลอดทั้งวันแล้ว ฉะนั้นช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาดีที่จะเข้านอน อย่างไรก็ตาม ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะยังไม่เข้านอนตามไปด้วย แต่จะทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็งต่อไป ด้วยเหตุนี้เชื้อโรค ของเสียและสารพิษจะถูกจัดการลำเลียงไปทำลายทิ้งที่ตับ และทุกๆคืน เซลล์เนื้อเยื่อและเซลล์ผิวต่างๆ ก็จะถูกซ่อมแซมให้กลับฟื้นตัวแข็งแรงขึ้นหรืออาจมีการสร้างเสริมขึ้นใหม่ด้วย

เวลา 01.00 - 05.00 นาฬิกา : ช่วงนิทราสนิท
หนึ่งชั่วโมงหลังเที่ยงคืนเป็นช่วงเวลาแห่งการหลับลึกที่แสนสุข ของผู้ที่สามารถทำตามตารางแห่งสุขภาพที่สาธยายมานี้ได้สำเร็จ และในช่วงนี้นี่เองเป็นเวลาที่มนุษย์เราจะฝัน ซึ่งคืนหนึ่งๆ อาจฝันได้ถึงสองสามครั้ง แต่ก็ไม่เสมอไปที่เราจะสามารถจดจำความฝันได้ในทุกครั้งหรือทุกเรื่อง นอกจากนั้น การทำหน้าที่ของตับในการขจัดสารพิษ อย่างเช่น แอลกอฮอล์ ก็จะมาถึงจุดสูงสุด และสำหรับใครบางคนที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด ช่วงเวลานี้ก็จะมีอันตรายสูงสุดเช่นกัน เพราะ 80% ของผู้ป่วยอาการจะกำเริบในช่วงนี้ ฉะนั้นจะต้องตระเตรียมสเปรย์หรือยาฉีดขยายหลอดลมเอาไว้ใกล้ๆตัว จะได้หยิบฉวยทันท่วงที พอใกล้รุ่งเช้า เส้นเลือดใต้ผิวก็เริ่มจะหดตัวลงอีกครั้ง อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น... และแล้วกลไกการทำงานของอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย จะค่อยๆ ตื่นขึ้นมาทำงาน ต้อนรับเช้าวันใหม่ ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่นาน..



นี่คือช่วงเวลาตามปกติของคนเรา เป็นการทำงานตามธรรมชาติของร่างกายของเราที่มีเรื่องของเวลา เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถ้าเราไม่สามารถควบคุมตัวเราให้ทำตามตารางเวลาธรรมชาตินี้ได้ ก็ต้องหาทางแก้ไข ชดเชยอย่างอื่นแทน เพื่อปรับสมดุลของร่างกายให้เป็นปกติมากที่สุด ซึ่งการแก้ไขนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวของคุณเองว่าจะควบคุมเวลานอน ได้มากแค่ไหน ลองดูกันเป็นลำดับไป

1. อันดับแรกต้องบริหารเวลาของคุณเสียใหม่ เพราะบางทีคุณยังบริหารเวลาไม่ดี บางช่วงอาจะปล่อยเวลาทิ้งไปเฉยๆ บางช่วงก็ต้องเร่งรีบกว่าปกติ การบริหารเวลาดีๆหรือการจัดตารางเวลา จะทำให้มีเวลาว่างขึ้นหรือเวลาพักผ่อนมากขึ้น

2. ลดหรือเปลี่ยนแปลงอาหาร ควรลดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ก่อนนอน อาหารเหนียวๆ เพื่อไม่ให้ลำไส้ทำงานหนัก เพราะแม้เราหลับไปแล้ว แต่ลำไส้ไม่หลับ ยังคงย่อยอยู่ต่อไป พอตื่นขึ้นมาจึงเพลีย ให้ทานไข่ นม แทนพวกเนื้อสัตว์ ก็จะพอถูไถไปได้ มิฉะนั้นท้องจะผูกเป็นประจำริดสีดวงทวารจะถามหา หรือถ้าเป็นไปได้ ก่อนนอนก็ไม่ควรทานอาหาร (พวกเราหลายคนเวลาท้องหิวจะนอนไม่หลับ แต่การทานก่อนนอนนี่ เป็นสาเหตุให้อ้วนอันดับหนึ่งเลย) สำหรับอาหารค่ำ ควรเลือกอาหารจำพวก ปลานึ่ง ผักนึ่ง และผลไม้ที่ย่อยง่าย หลีกเลี่ยงอาหาร ที่มีไขมัน ผลิตภัณฑ์จากหมูเนื้อ เครื่องเทศ และ เครื่องปรุงรส ควรลดปริมาณอาหาร และกลูไซด์ (อินทรีย์สาร ในคาร์โบไฮเดรต) ในมื้อค่ำพยายามหลีกเลี่ยงน้ำตาล ของหวานที่หวานจัด น้ำผึ้ง น้ำอัดลม… เพราะเสี่ยงที่จะเสริมให้โลหิต มีปริมาณกลูโคส ต่ำกว่าปกติในตอนกลางคืน และก่อนนอนอย่าดื่มน้ำมากเกินไป (แต่ระหว่างวันควรดื่มน้ำมากๆ)

3. การออกกำลัง ถ้าเรานอนดึกควรออกกำลังหน้าท้อง ให้ท้องเกิดกำลัง จะได้รีดอุจจาระออกมาได้เร็ว ทานเสร็จแล้วอย่านอนทันที ให้เดินสักครึ่งชั่วโมง เพราะพอขาได้เดิน ลำไส้มันก็ต้องทำงานไปกับขาด้วย จะช่วยทำให้ย่อยได้ดีขึ้น ท้องจะผูกน้อยลง ผื่นคันก็จะหาย ดื่มน้ำให้มากพอและออกกำลังกายให้เหงื่อออกให้ได้ คนนอนดึกเหงื่อจะไม่ค่อยออก สิวฝ้าขึ้น ของเสียตกใน มันก็จะไปออกทางปัสสาวะแทนไตเลยทำงานหนัก ควรงดออกกำลังกายในตอนเย็นหลังเลิกงาน เพราะการออกกำลังกาย ช่วงหัวค่ำจะทำให้ร่างกายสดชื่นตื่นตัว และนอนไม่หลับ นอกจากการทำสมาธิ หรือฝึกชี่กง(ลมปราณ) ซึ่งเหมาะมากสำหรับสงบความคิดจิตใจ และขจัดความอ่อนเพลีย ทำให้หลับสบาย

4. จัดเวลานอนให้สม่ำเสมออย่านอนผิดเวลา ทุกวันควรเข้านอนเวลาเดิมเป็นประจำ อย่างเช่น ปกตินอน4ทุ่ม ก็ขอให้นอน 4 ทุ่มทุกวัน มิฉะนั้นจะเกิดความเสี่ยงที่จะง่วงนอนผิดเวลา

5. ไม่เอาพิษเข้าร่างกาย เช่นไม่ควรสูบบุหรี่ก่อนเข้านอน เพราะจะทำให้การนอนหลับไม่มีคุณภาพ หรือไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน เพราะมันจะเข้าไปขัดขวางการนอนหลับ ทำ ให้ลุกตื่นขึ้นมากลางดึกซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ

6. หาเวลางีบ หรือพักผ่อนช่วงสั้นๆ เพราะเมื่อหลับตา คุณจะสามารถตัดข้อมูล ไม่ให้เข้าสู่สมองได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ หรือการพักเพื่อลดความเหนื่อยล้า สามารถทำง่ายๆ ด้วยการนั่งสบายๆ อยู่บนโต๊ะทำงานของคุณ หนุนศีรษะบนแขนที่ไขว้กัน หรือ นอนท่าเหยียดยาว หลับตาและปล่อยตัวตามสบาย สัก 5 นาที



นอกจากไม่ควรนอนดึกแล้ว ก็ต้องนอนให้เพียงพออีกด้วย อย่างต่ำวันละ 6 ชั่วโมง และผู้ที่อายุมาก ก็ควรมีเวลานอน มากขึ้นตามไปด้วย เพราะตอนหลับนั้น ร่างกายจะมีระบบซ่อมแซมส่วนสึกหรอของอวัยวะต่างๆของเรา ให้สมบูรณ์หรือปกติ แต่บางคนมีเวลานอนมาก แต่หลับน้อย ก็จะถือว่าพักผ่อน ไม่เพียงพอเช่นกัน ปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับก็หลายประการเช่น

1. อย่าเข้านอนเพราะว่า "ถึงเวลานอนแล้ว" แต่เมื่อถึงเวลา เช่นเกิดอาการหาวนอน อาการแสบตา ความรู้สึกประเภท "ลานหมด" หัวจะทิ่มลงท่าเดียว หนังตาเริ่มหย่อน ความรู้สึกว่าจะหลับแล้ว ตอนนี้แหละรีบนอนเลย..
2. เครื่องดื่ม ผสม แอลกอฮอล์ กาแฟ น้ำชา จะเป็นตัวทำลายความง่วง เพราะบางครั้ง ระบบเผาผลาญของเราบางคน ต้องใช้เวลาสิบสอง ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเพื่อกำจัดฤทธิ์กาแฟ เพียงถ้วยเดียว
3. เสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ขัดขวางการนอนหลับ
4. ความคิด ความห่วง กังวลต่างๆ เช่นเรื่องงานหรือครอบครัวอย่านำมาคิดก่อนนอน เพราะว่าความกังวล จะทำให้คุณนอนไม่หลับ
5. อาการไม่สบายต่างๆ เช่นปวดหัว ปวดฟัน ฯลฯ



ซึ่งถ้าคุณประสบกับปัญหาดังกล่าวแล้ว ลองดูวิธีการต่างๆเหล่านี้ มีหลายข้อมาก ลองดูซิว่าข้อไหนที่จะสยบอาการนอนไม่หลับลงได้ และหวังว่าคุณคงไม่ต้องทำทั้งหมดนี้ ถึงจะหลับนะครับ

1. จัดสภาพแวดล้อมในห้องนอนให้เหมาะสม เช่น สีผนังห้องนอน ควรใช้สีอ่อน หรือใช้สีฟ้ากลางๆ เป็นสีสำหรับ การนอนที่ดีที่สุด แสงสว่าง ควรลดไฟฟ้าในห้องนอนของคุณ หรือปิดตาสักครู่ก่อนดับไฟ จะช่วยให้ร่างกายปรับความสมดุลง่ายขึ้น โดยช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงคือ 2-3 นาที และปฏิบัติกลับกันในตอนเช้า อุณหภูมิภายในห้องนอน ควรให้อยู่ประมาณ 25 องศาเซลเซียส ตรวจสอบทิศทางการวางเตียงนอน ให้ศีรษะหันไปทาง ทิศเหนือ เท้า ไปทางทิศใต้ ตามทิศทางของคลื่นแม่เหล็กโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าให้ศีรษะหันไปทางทิศตะวันออก
2. เตียงนอน หรือที่นอน เป็นเรื่องสำคัญ เลือกฟูก ขนาดที่นอนใหญ่หน่อย เป็นควีนไซส์ หรือ เป็น คิงไซส์ ได้ก็ดี และให้แข็งหน่อย อย่านุ่มเกินไป จะทำให้ปวดหลัง
3. ไม่ควรนำต้นไม้ใบเขียวไว้ในห้องนอน เพราะต้นไม้ที่อยู่ภายในห้องนอนจะมาแย่งออกซิเจนเรา ถ้าอยากได้ต้นไม้มาตั้งในห้องนอนจริงๆ ก็ควรเป็นต้นไม้ปลอมดีกว่า
4. บอกเลิกกิจกรรมทุกอย่าง สามชั่วโมงก่อนนอน เรื่องที่คร่ำเคร่งและใช้ความคิด หยุดอ่านหนังสือถ้ามันจุดจินตนาการของคุณให้ทำงาน ผลักดันให้ฝัน หรือใช้ความคิดใคร่ครวญ
5. ดื่มเครื่องดื่ม ชาสมุนไพร ที่มีคุณสมบัติในการกล่อมประสาทอย่างชาคาโมมายล์ ลาเวนเดอร์….จะช่วยให้นอนหลับได้
6. รับประทาน แอปเปิ้ล ผักกาดหอม และผลิตภัณฑ์จากนม เป็นอาหารที่เป็นเพื่อนกับความง่วง เพราะประกอบด้วยสารหลักในตัวยาที่ออกฤทธิ์ วิตามินแล เอ็นไซม์ ที่เป็นสื่อกลางช่วยให้ง่วงเหงาหาวนอน ควรเลือกผลิตภัณฑ์จากนมที่ย่อยได้ง่ายที่สุด อย่างโยเกิร์ต (นมเปรี้ยว) นมข้น และ เนยแข็ง สีขาว ดีกว่าพวกเนยแข็งที่ ไขมันสูง และผ่านการหมักเชื้อ สำหรับอาหารค่ำ แต่ควรรับประทานแต่หัวค่ำ และรอให้ผ่านไปสัก 2-3 ชั่วโมงหลังอาหารมื้อนั้น แล้วจึงค่อยนอน ควรหลีกเลี่ยงการเข้านอน ขณะยังย่อยอาหารอยู่ หรือเดินย่อยอาหารมื้อค่ำสกหน่อย ก่อนการเข้านอน
7. การหาว จะช่วยผ่อนคลายได้ และทำให้อยากนอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าได้ยืดแขนยืดขาด้วย



8. อาบน้ำร้อน การทำเช่นนี้มี ปฏิกิริยากล่อมประสาทให้ง่วงนอนได้(สำหรับแปดในสิบหน) วิธีการคือ เพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นจาก 35 ถึง 39 องศาเซลเซียส และคุณสามรถเติมสมุนไพรสกัด ลงในอ่างน้ำร้อนได้ แต่เพื่อความเพลิดเพลินเท่านั้น เพราะมีเพียงความร้อนเท่านั้นที่จะทำปฏิกิริยา หรือคุณเพียงแต่แช่เท้าในน้ำร้อนก็ได้ ซึ่งจะต่อเนื่องถึงอุณหภูมิของร่างกาย และมีผลผ่อนคลายกลุ่มร่างแหเส้นประสาท เส้นโลหิต หรือหลอดน้ำเหลือง ให้ปฏิบัติก่อนเข้านอน
9. วารีบำบัด สปาบางแห่งเสนอ วิธีบำบัดที่ช่วยสำหรับการนอนหลับ ประกอบด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โดยการแช่น้ำในอ่างที่ผสมหัวน้ำมัน ดอกลาเวนเดอร ์จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
10. ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ วิธีนี้ช่วยลดภาวะตึงเครียด สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ การนอนง่ายคือบังคับควบคุมความรู้สึกของสายตาและไม่คิดอะไร ขณะนอนหลับ ระบบสัมผัสทั้ง 5 ของเราจะได้พักผ่อนเต็มที่ เริ่มผ่อนคลายจากการมองก่อน แล้วเริ่มผ่อนการรับกลิ่น การรับรส การสัมผัส และสุดท้ายการได้ยินลง จนคลายระบบสัมผัสทั้งหมด
11. ควบคุมการหายใจ ร่างกายจะเพิ่มการหายใจในระดับทรวงอกเอง หายใจเข้าช้าๆ และลึกๆ โดยใช้ท้อง แบบสบายๆ ไม่ต้องฝืนและ ต่อเนื่องกัน จากนั้นหายใจออกแล้วหยุดไว้สองวินาที ก่อนหายใจใหม่อีกครั้ง การหยุดช่วงสั้นๆ ทำให้ระบบประสาทสงบลง ให้ปฏิบัติการหายใจ ในท่านอนเหยียดยาวก่อนนอน
12. ทำสมาธิ หรือผ่อนคลายตัวเองด้วยการหลับตา จินตนาการถึงการอาบน้ำฝักบัวเย็นฉ่ำที่ราดรดลงมาจาก ศีรษะแล้วไหลไปตามลำคอ นำพาความเครียดทั้งวันที่ผ่านมา ให้ไหลไปตามทางน้ำ หรือใช้วิธีหายใจลึกๆ ผสานกับการคิดแต่ในแง่ดี เช่น -ฉันยอมหลับอย่างวางใจ -ฉันรู้สึกผ่อนคลายเต็มที่ (คล้ายกับจะสะกดจิตตัวเอง)
13. วางมือทั้งสองข้างบนหน้าท้อง ความร้อนจากมือช่วยผ่อนคลาย อวัยวะภายในช่องท้องที่ขวางการไหลเวียนพลังงาน
14. อ่านหนังสือ หนังสือบางอย่างสามารถเรียกความง่วงได้ เพราะการอ่านจะทำให้เกิดสมาธิขึ้น ไม่ต้องไปคิดวอกแวก แต่อย่าเลือกประเภทที่เป็นพวกนิยายตื่นเต้น หวาดเสียว สืบสวน กำลังภายใน เดี๋ยวอ่านมันจนวางไม่ลง จบเอาเช้าพอดี หนังสือธรรมะนี่น่าจะเหมาะกว่าอย่างอื่น
15. สังเกตสิ่งที่ทำแล้วหลับได้ดี เพื่อจะได้นำมาใช้ใหม่ ในค่ำคืนที่นอนไม่หลับสักที แต่ถ้าบ่อยๆ มุขที่ใช้เริ่มฝืด ก็ลองเปลี่ยนวิธีอื่นๆ วนไปเรื่อยๆ



นี่ขนาดยังไม่ได้ลงมือทำซักข้อเลยนะ พิมพ์จะเสร็จก็ง่วงแล้ว (หาววววว..........) ที่จริงน่าจะมีวิธีเยอะกว่านี้อีก ใครมีเทคนิคดีๆ เพิ่มเติมเข้ามาเป็นความรู้ให้เพื่อนๆ หน่อยนะครับ วันนี้ขอลาไปนอนก่อน

Goodnight………..




เรียบเรียงและข้อมูลจาก
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ



Create Date : 15 ธันวาคม 2550
Last Update : 15 ธันวาคม 2550 13:39:31 น. 3 comments
Counter : 1869 Pageviews.

 
ได้ความรู้ดีมากเลย ครับ


โดย: wildbirds วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:14:53:25 น.  

 
แล้วถ้าเป็นคนชอบนอนเยอะล่ะ จะอันตรายต่อสุขภาพมั้ย
เพราะเราชอบนอน
หลับง่าย หลับดาย มากๆ


โดย: dog....bok bok วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:15:39:39 น.  

 
คนหลับง่ายนี่ดีนะครับ ตนโบราณเขาว่าเป็นคนมีบุญ
แต่อย่าเอาแต่นอน เหมือนบังอรก็แล้วกัน


โดย: travelaround (travelaround ) วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:17:31:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

travelaround
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]





ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ


เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย

แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์

ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email :– nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที

Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.


Website counter
: Users Online









ที่ดินเชียงใหม่ ทางไปแม่ริม ใกล้ศาลากลาง และสนามกีฬา 700 ปี ติดน้ำปิง ในหมู่บ้านเพชรริมปิง พื้นที่ 667 ตารางวา @ 14,000.- บาท สภาพแวดล้อมดี สนใจติดต่อ โทร. 0859559950



DESIGN PLACE CO.,LTD. รับออกแบบ และตกแต่งภายใน บ้านพักอาศัย ในแบบไทย และไทยร่วมสมัย



มรดก ฉบับที่ 1

มรดก ฉบับที่ 2

มรดก ฉบับที่ 3

มรดก ฉบับที่ 4

มรดก ฉบับที่ 5

มรดก ฉบับที่ 6

มรดก ฉบับที่ 7

ช่วยสนับสนุนการจัดทำ BLOG ด้วยการซื้อหนังสือ "มรดก" 1ชุด 7เล่ม (หนังสือเก่า) ในราคาชุดละ 700 บาท (รวมค่าส่งทางไปรษณีย์)

สนใจสั่งซื้อทาง E-mail :- nana_sara1000@ymail.com



New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add travelaround's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.