รักตัวเองทุกวัน ก่อนที่จะไปรักและดูแลคนอื่น
Group Blog
 
All Blogs
 

ใช้ชีวิตแบบประหยัด (ค่าครองชีพแพงมากจ้า)

อยากเล่าเรื่องให้ฟังมากเลย เรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิตแบบ Low Cost ของเราเอง ที่เมือง บอสตัน เมืองที่ค่าครองชีพสูงพอๆกับ NYC (เราชอบนิวยอร์กมากๆนะ) 

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า เราได้รับทุนจากที่ทำงาน เป็นเงินประมาณ 750000 ต่อปี (รวมค่าตั๋วเครื่องบินด้วย)​คือ ก็ไม่พอหรอก ขนาดไม่ได้ใช้แบบอยู่เมืองไทย มันจะพอได้ไงค่าครองชีพแพงกว่าเราตั้งสามเท่าได้ โดยประมาณ เงินเดือนเราจาก 120000-170000 บาท ต่อเดือน ลดลงครึ่งนึงเลย แต่ค่าครองชีพแพงกว่าสามเท่า คุณพระคุณเจ้า มาอเมริการอบนี้เป็นรอบที่สามแล้ว รอบแรกมาแบบนักเรียนฝึกงาน ทุกอย่างฟรีหมด เลยไม่ค่อยสนใจมาก อยู่แค่เดือนเดียวด้วย รอบนี้มาในฐานะคนดูงาน 

จากคนฐานะปานกลางในกรุงเทพ ต้องกลายเป็นคนชั้นกลางค่อนข้างล่าๆ (ถ้าดูตามลิสเงินเดือนแล้ว จะอยู่เกือบฐานะยากจนเลยทีเดียว) แต่ก็ดี ขายรถไปแล้วเพราะตอนแรกจะมาอเมริกาสองปี ตอนนี้ตัดสินใจแค่ปีเดียว เพราะแม่ไม่สบาย 

อยู่อเมริกามา 7 เดือนแล้ว .. เดือนที่แปด เพิ่งเริ่มต้น จะเล่าเรื่องตอนที่ย้ายมาบอสตัน จากเมือง Pittsburgh ค่าครองชีพต่ำกว่านี้ครึ่งนึงอ่ะ เราก็ชอบนะ Pittsburgh ค่าหอประมาณ (เอาเป็นเงินไทยแล้วกันนะต่อจากนี้) ประมาณ 400 USD เป็นห้องสองห้องนอนนะ อาหารการกินก็ไม่แพง ยังมีชีวิตแบบคนมีตังค์อยู่ ตอนนั้นยัง อยู่บนหิ้งอยู่ อยู่มาสักพักเริ่มใช้เงินเป็น เลยเป็นที่มาของ การใช้ชีวิตแบบประหยัด (แอบมีฟุ่มเฟือยตอนกินอาหารไทยนี่หล่ะ) เอาเป็นข้อๆเลยแล้วกันเนาะ จะได้ไม่ลืม 

ปล .. ไม่ค่อยมีรูปนะคะ เพราะพิมพ์ Mac รูปจาก iPhone มันใหญ่ต้องมาค่อยๆ Resize ขี้เกียจมากกก(แต่ถ้าโพสใน เฟสไม่ยั่นเลย) เอ๊า เวิ่นเว้อมานาน 

ลุคเดิม : คุณนาย 

ลุคใหม่ : เด็กมหาลัย (คนถามจุง เรียนที่ไหน อิชั้นอยากจะบอกว่า อีกไม่เกินห้าปี ก็จะสี่สิบแล้วค่า) 


1. สมัครสมาชิกทุกอย่างที่สมัครฟรี ทุกร้าน ทุกห้าง ทุกยี่ห้อ(ที่เมืองเรา และที่ที่เราสนใจ) 
บัตรสมาชิกร้านขายของชำ เช่น Giant Eagle, Target
บัตรร้านขายยาและของชำ เช่น RiteAid, CVS
บัตรร้านขายของทั่วไป เช่น Bestbuy, wallmart 

สมัครสมาชิกเวป ขายของทั่วไป Coachfactory, TjMaxx, Oldnavy, Gap, Banana Republic, Uniqlo, Bed bath and Beyond, Macy's, C21  เค้าจะส่ง Deal ดีๆมาให้ทางเมลนะคะ 
สมัครสมาชิก รถประจำทาง เช่น Greyhound Megabus (พวกนี้ถ้าเราเดินทางหลายครั้งแล้วจะลดค่าโดยสารได้ด้วยอ่ะ) 

2. ซื้อของดูความคุ้มค่าทางการใช้งานด้วยไม่ใช่ซื้อเพราะป้ายแดง ลดล้างบาง บางที ซื้อมา ถึงแม้บางอันไม่ได้ใช้ หรือใช้ไม่ดี คืน ได้ แต่ถ้ามันไม่แพงมาก เราคงไม่มีกระจิตกระใจคืน  (แม้ว่า Return ที่นี่จะดีมากก็เหอะ) เพราะฉะนั้น ใช้สมองเยอะๆ บางที เสื้อผ้า เราไปเดิน Macy ได้เสื้อผ้ามาจากส่วนลด Final cut ในราคาแบบบางที 5-7 เหรียญ แต่สุดท้ายมันใส่แล้วไม่สวย ไม่คุ้ม สู้ซื้อคุณภาพดีๆ สวยๆ ที่แพงหน่อย (แพงของเราก็ไม่เกิน 30 นะ) ยกเว้นเสื้อโค้ท ที่เทียบกับไทยแล้ว ซื้อดีๆไปเลย เพราะเวลาหนาวมันหนาวจริง ขนเป็ด แท้ของเรา คือ Abercrombie ตัวละ 120  ซื้อตอนลดกระหน่ำหกสิบเปอร์เซ็นต์ ใช้มาสี่เดือนเต็มๆ รักสุดๆ (ขนเป็ดไม่หลุดด้วย) 

3.  บางอย่างสามารถหาซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าหากไปซื้อSuperMarket จีนหรือแถว Chinatown แต่ เดี๋ยวก่อน ระวัง (เราอยู่บอสตันนะ) บางอย่างก็ไม่ถูกกว่า ต้องหัดจำราคาของที่ต้องการให้ขึ้นใจด้วย เ่ช่น กล้วยหอม เราเป็นอะไรที่ต้องกินอ่ะ ราคา ปอนด์ละ 0.69 USD เท่ากันทั้งที่ ร้านShaw และซุปเปอร์ของจีน ดังนั้น ไม่ต้องแบกร่างไป จานชาม ซื้อตาม discount store or thift store ถูกกว่า แน่นอน ไม่ต้องไปซื้อร้านจีนหรอก ที่ถูกกว่า ก็อย่างเช่น ผักบางอย่าง (ก่อนซื้อระวังพวกของที่อยู่ในกล่องด้วยนะ บางทีซุกซ่อนของเสียไว้ด้วย) 

Hay Market ตลาดผักสดผลไม้ ใน Boston เปิดศุกร์ถึงอาทิตย์ ไปเดิน ช็อปผักสด(ต้องดูเหมือนกัน ) ด้านในๆถูกกว่าด้านหน้าแน่นอน บางทีได้ สตรอเบอรี่ ราคา กล่องใหญ่ๆ 1USD เอง 
Strip District ตลาดเอเชีย ของ Pittsburgh ก็เช่นกัน ผักสดผลไม้ ถูกกว่าร้านใหญ่ๆในตัวเมืองแน่นอน พวกนี้ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์จะคึกคักกว่า ช็อปแบบพอเพียงอย่าเหลือจนเน่าเสียก็แล้วกัน 

4.ร้านขายของมือสอง อร๊าย ถ้าเป็นตอนอยู่เมืองกรุง เราไม่เคยเข้า เพราะของเมืองไทย ไม่ต้องซื้อมือสอง มือหนึ่งก็ไม่ได้แพงอะไร แต่ถ้าเป็นเมืองBoston เมืองที่หอพักไม่เคยถูกกว่า 1000 USDขนาดเป็นห้องที่ต้องแชร์ ห้องน้ำห้องครัวนะ ถ้าห้องสตูดิโอ ไม่ต่ำกว่า 1500 ในย่านเมืองนะ ไม่นับนอกเมืองที่ไกลๆ เพราะแบบนี้ เราเลยต้องใช้ของบางอย่างมือสอง (เราศึกษาเรื่องร้านขายของมือสองมาระยะนึงแล้วนะ )

ร้านขายของมือสอง :

มีหลายแบบให้เลือกสรร บางร้านขายเฉพาะ เฟอร์นิเจอร์ บางร้านขายเฉพาะเสื้อผ้า บางร้าน ขายทุกสิ่ง ร้านที่เราไปมาหลายครั้งแล้ว คือ Goodwill มีน่าจะเกือบทุกรัฐ 

ครั้งแรกไปเพราะจะเอาเสื้อผ้าไปบริจาค เออ ไปเจอของที่เค้าขาย บางอย่างเป็นของมือหนึ่ง แต่เค้าบริจาคให้มาขาย (เงินรายได้ของ Goodwill ก็จะเข้าไปช่วยคนยากจน ไร้ที่พักอาศัยอะไรแบบนี้) 

สามเดือนก่อน เอาเสื้อผ้าไปบริจาคเยอะเหมือนกัน ส่วนมากเป็นแบรนด์เนมไทย เลยได้รู้จักร้าน เดินเข้าไปดู เตะตากับพวก จานชามแก้วน้ำ เพราะขอบอกว่า ของที่อเมริกา ร้านในพวก ทั่วๆไปหรือ Supermarket นี้อ่ะ แพงสุดๆไปเลย จานธรรมดา หรือแก้วน้ำ 2-5 USD 
ที่ร้าน Goodwill ราคา แก้วน้ำ แก้วกาแฟ 0.65-0.85-1.1 USD แล้วเป็นแก้วใหม่หมดเลย (บางทีเค้าบริจาคกันเป็นกล่องเลยอ่ะ มีเป็นเซทก็มี แบบ แกะใหม่เลยนะ) ต้องค่อยๆเลือกดูเอา ส่วนใครถือมากๆ ตรงนี้ก็ข้ามไปเลย แต่เราเอามาล้างลวกน้ำร้อนสิบนาที ก่อนล้างอีกรอบแล้วค่อยใช้ เราไม่ถือ เพราะประหยัดตรงนี้ไปได้เยอะ 
ช้อนก็มีนะ แต่เราเอาช้อนมาจากบ้านเลยไม่ต้องซื้อใหม่ 
จาน ก็ตาม ห้างทั่วไป ซุปเปอร์ ก็ประมาณ 4-10 เหรียญ (จานใบเดียวแบบ เข้าไมโครเวฟได้) ที่นี่ ราคาแพงกว่าแก้วนิดหน่อยแต่ก็ไม่หนีกันมาก เห็นไหม ประหยัดไปได้เลย เพราะคนเราปกติ ก็จะซื้อจานสอง แก้วน้ำหนึ่ง Mug หนึ่งแก้ว พูดเลย คุ้มมาก (ได้เข็มขัด AK มาด้วย เส้นนึง 3.9  ปกติ เส้นละ20 นะ อันนี้ราคายังติดอยู่เลย 55) ภูมิใจ 

5. มาตามหาร้าน หนึ่งเหรียญ กันดีกว่า One Dollar Store or Dollar tree Shop ปกติอยู่เมือง Pittsburgh จะมีร้านหนึ่งเหรียญ คือ ทุกอย่างในร้าน จะประมาณหนึ่งเหรียญ อาจจะไม่เหรียญนึงพอดี แต่ก็จะไม่เกินสามเหรียญ ชื่อร้านคือ One Dollar นั่นเอง ก็งกค่ะ คือไปซื้อของใช้ ทิชชู่กล่อง น้ำยาล้างจาน ขนม แปรงขัดพื้น น้ำยาขัดพื้น ยาแก้ปวด ยาริดสีดวง (ซื้อจริงๆ) จากร้านหนึ่งเหรียญ ซื้อแล้ว ไม่เก็บเป็นความลับ บอกคนทั้งเมือง อิอิ 
Boston จะมีร้านคล้ายๆกันเหมือนกัน คือ Dollar tree นะ เป็นร้านคล้ายๆกับโชห่วยบ้านเรา ทุกอย่างที่ตามหาได้ ในราคานี้ ที่ซื้อมาบ่อยๆคือไม้แขวนเสื้อ หกอันเหรียญนึง หาไม่ได้นะจ๊ะ ที่อื่น ลูกกลิ้งเสื้อWool ที่จัดระเบียบของ ตะกร้าใส่ของเข้าห้องน้ำ กล่องจิปาถะ น้ำยาล้างจาน และอื่นๆ มากมาย 

6. พกขวดน้ำดื่มและอาหารกลางวันจ้า อันนี้แล้วแต่ความงก บางช่วงเรางก เราก็ทำ เพราะน้ำดื่ม เหรียญกว่าไม่ค่อยสู้เลย ปกติน้ำดิ่มไทย ขวดธรรมดาสิบบาท น้ำเปล่าบางร้านฟรี  ปกติ ถ้าซื้อก็น้ำอัดลมหรือกาแฟเลย รู้สึกคุ้มกว่า จริงๆไม่ถูกนะ เพราะน้ำดืมสะอาดน่าจะดีกว่า แต่จะให้กินน้ำก๊อกก็ไม่ไหวนะเพราะ เคยมีน้องรูมเมท บอกว่า เคยเอาน้ำประปาไปต้ม แล้วเกิดตะกรันเยอะมาก กลัวเป็นนิ่วกันเลยทีเดียว ต้องซื้อเครื่องมากรองตลอด 
อาหารกลางวันนอกบ้านประมาณ 5-10 เหรียญเลย ถ้าแพคไปเอง กินแบบสุดขั้วยังไงก็ไม่ถึงหรอก เหอเหอ  

วันนี้เอาเท่านี้ก่อนแล้วกันนะ โทรหาแม่ก่อน ใครมีอะไรถามก็ส่ง ข้อความหรือ อยากรู้เรื่องอะไร ที่คิดๆไว้ก็มี 1.การใช้ Google ในต่างประเทศ 
2.การเดินทางโดยรถสาธารณะ
อยากเขียนนะ เพราะตอนเรามาไม่มีใครให้อ่านเลย ฮ่าๆ เรียนรู้ผิดๆถูกๆด้วยตัวเองตลอด 




 

Create Date : 03 เมษายน 2557    
Last Update : 3 เมษายน 2557 7:18:06 น.
Counter : 2649 Pageviews.  

ว่ากันด้วยเรื่องของชาลีการ์ด (2)

  ผ่านไปแล้ว สิบสี่วัน โดยประมาณ ในเมืองบอสตัน นี่เป็นเมืองที่ หกแล้วที่เราได้มีประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง 


บอสตัน : บรรยากาศทั่วไปค่อนข้างดี สงบสุข อาจจะเป็นเพราะเราอยู่ใกล้ๆแถว MIT มีแต่เด็กมหาวิทยาลัยและมีแต่คนหน้าตาดี มันฟินมากกกกนะ 

ค่าครองชีพ : สูงกว่า Pittsburgh ประมาณ 1.5 เท่าได้ แต่ค่ารถถูกกว่า และการคมนาคมดีกว่ามาก มีทั้งรถไฟฟ้า และรถเมล์ เลือกขึ้นได้ (ถ้าเคยขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้าในอเมริกามาแล้วจะชิวมาก) 

ค่ารถไฟใน บอสตัน 
เป็นเที่ยว  : 2 USD 
เป็น Pass 1day : 11 USD
     7 day : 18 USD 
    1 month : 70 USD 

ปกติ ถ้าเป็นธรรมดา จะได้เป็นบัตรกระดาษ แต่ถ้าอยากได้บัตรแข็งให้ไปรับได้ที่สถานี Downtown Crossing ด้วยความที่ บัตรแข็งมันแตะง่ายกว่า บัตรกระดาษต้องสอดแล้วดึงออกจากช่อง เลยไปรับมาเรียบร้อยแล้ว (สถานีอื่นไม่มีแจกนะ มีคนบอกว่า บางคนเก็บไปเป็นที่ระลึก)​

(ขี้เกียจแปะรูปไปไหมเนี่ย ฮ่าๆ) 

เอาหล่ะต่อๆ ชาลีการ์ดเนี่ย ทำให้เราประหยัดกว่าที่ Pittsburg เพราะตอนอยู่ Pitt ค่ารายเดือนรถโดยสารมันประมาณ 98 USD (มีแต่รถเมล์ล้วนๆ) 

ทดแทนค่าหอ ที่แพงกว่า Pittsburgh เกือบ สองเท่า (คุณพระ ) ราคาหอพักที่ Pittsburgh ส่วนมากจะเป็นห้องแบบ Studio สนนราคาประมาณ 500 -1000 กว่าๆ แล้วแต่ทำเลด้วย แต่บางที่อาจจะต่ำได้ถึง 400 กว่า USD/Month แถมบางที่ อย่างหอเก่าเรา รวม Utilities แล้วด้วยนะ 

ราคาหอที่ บอสตัน (Ref craiglist.boston)  ต่ำสุดที่เราหาได้ (ขึ้นกับทำเล ถ้า Cambridge // Longwood จะแพงมากเลยอ่ะ ) 1000 ขึ้นไป ถึงแม้ว่าจะแชร์ Bathroom //kitchen แล้วนะ 

ถ้าหอที่เป็นคนไทยแบ่งเช่าจะอยู่ไกล แต่ก็ถูกดีนะ บางที แค่ 400-500 เอง แต่ไม่ไหวอ่ะ ตอนนี้อาศัยน้องอยู่กว่าจะถึงทีทำงานก็ปาเข้าไปเกือบชมแล้ว แต่ หอใหม่ที่หาได้ ที่บอกว่าเป็นหอแม่ชีอ่ะ แค่ 700 USD included all utilities and Wifi ถือว่าถูกมาก สำหรับย่านใกล้ Longwood 

ข้อจำกัด ของ Our Lady guild House หรือบ้านพักหญิงเนี่ย คือ ห้ามผช เข้าไปเลย และ ห้ามทำครัวหลัง สีทุ่ม ห้ามมี เครื่องทำอาหารในห้องนอนเด็ดขาด ห้ามกลับหอหลังเที่ยงคืน (กลับหลังเที่ยงคืนจะโดนปรับ แต่ คงไม่น่าจะโดนนะ ) ราคา เจ็ดร้อยเนี่ยประหยัดไปได้เยอะเลย 

กว่าจะได้ห้องคือ  1 April  เลยต้องอยู่ห้องน้องไปก่อน จริงๆรู้สึกเกรงใจน้องมากอ่ะ แต่ก็ทนๆไป

ไม่มีรูป (จริงๆมีเยอะมาก แต่ขี้เกียจ รอมีอารมณ์ก่อนแล้วจะมาใส่ อิอิ) 

เอาเรื่องอะไรอีกดี Shopping ดีไหม ช็อปอย่างไรให้ประหยัดสุดๆ ในอเมริกา ... 




 

Create Date : 28 มีนาคม 2557    
Last Update : 28 มีนาคม 2557 6:43:58 น.
Counter : 636 Pageviews.  

กว่าจะนู่นนี่เสร็จ ปาเข้าไปสิบกว่าวัน ยังไม่ได้เที่ยวเพราะยังหนาว

  ตั้งแต่ เดินทางมาถึง มีปัญหากับการเดินทางเป็นพิเศษ รอบนี้ นั่งเครื่องกลับมาอเมริกา ตั้งแต่ วันที่ 12 มีนาคมแล้ว กว่าจะถึงบอสตันจริงๆ ก็ 12 พอดีเป๊ะเลย (ตอนแรกกะว่าถึงวันที่ 11 ตกเครื่องเลยกลายมาเป็น 12 จนได้ 

 มีประสบการณ์ การเข้าห้องเย็น จะมาเล่าให้ฟัง 

เข้าอเมริกาด้วย VISA B1 เป็นครั้งที่สามแล้ว สองครั้งแรกไม่มีปัญหาอะไร มีจดหมาย Invitation แต่ พอดีครั้งที่สอง กับครั้งที่สาม มันห่างกันแค่ไม่ถึงเดือน เลยโดนเรียกไปขอเอกสารเพิ่ม จริงๆ ใช้เวลาไม่น่าเกิน ยี่สิบนาที แต่ ด้วยความที่คนเยอะมาก ทำให้เราได้มีประสบการณ์การเข้าห้องเย็น 

สิ่งของที่เราเตรียมไป และทำให้ ผ่านเข้าเมืองได้
1.VISA, PASSPORT อันนี้ต้องมีอยู่แล้วนะ เพราะต้องตรวจ 
2. Invitation (มีกำหนดการวันไป และวันกลับชัดเจน) 
3. จดหมายรับรองการเป็นข้าราชการ 
4. ความมั่นใจพอสมควร (หงอไปจะโดนมันตะคอกใส่ ) 

คำถามที่โดนถาม  : 

1.มาทำอะไรที่นี่ หลายรอบจัง ... เราก็ตอบไป มาประชุม มาเรียน 
2. แล้วทำไมไม่ใช้ J1  เราก็อธิบายไปว่าเราเป็น Visiting Scholar ไม่ได้มาทำงาน ทำวิจัย 
เลยไม่สามารถขอ J1 ได้ (จริงๆตม ก็บ่นๆๆ แต่เราก็ทำหน้านิ่ง)
3. อยากมาอยู่เหรอที่เมกาเนี่ย มีบ้านมีครอบครัวที่นี่ไหม ?? ตอบว่าไม่มี แต่มีบ้าน มีครอบครัวที่เมืองไทย
4.แล้ว ถ้ากลับจากอเมริการอบนี้ (หกเดือน) จะมาอีกไหม ... ตอบตรงๆเลยว่าไม่
เลยต้องเอากระเป๋าใหญ่ รื้อเอกสารมา ว่าเอกสารครบถึงได้ไป 

เล่าต่ออีกนิด เจอคุณป้า อายุประมาณ หกสิบปลายๆ มาจากญี่ปุ่น กับเพื่อนๆ โดนตม เรียกสอบ เท่าที่รู้คือป้าอยู่มาประมาณสามชม พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ป้ายิ่มอย่างเดียวจนตมหมั่นไส้ 
(ไม่เข้าใจว่าจะหมั่นไส้ป้าทำไม) ตมด่าเป็นภาษาอังกฤษ แต่ไม่นำพาหรอก ป้าฟังไม่ออก !! ป้าโดนส่งกลับญี่ปุ่น ชัวร์ 
................................................................
อีกคนเป็นเกาหลี .. เป็นนักกฏหมาย มาเที่ยว คล้ายๆเรา คือเข้า อเมริกา ติดๆกันสองรอบ เลย โดนถาม แต่ด้วยความที่ เฮียแก ไม่อดทน ถามมากๆ แกขึ้นเสียงเลยว่า ไม่เข้าประเทศแล้ว ขอกลับเลยละกัน !! โอ้ว ดราม่าบังเกิด 
จะตีกับตมเลยทีเดียว เรียนจบอเมริกาด้วย แต่เดินทางมาด้วยวีซ่า B เหมือนกัน ดันบอกว่ามาเที่ยวตั้งหกเดือน โดนถามเยอะไป 
........................

อีกคนเป็นคนจีน พูดอังกฤษไม่ได้เลยนะ ดูจะมาทำงานในโรงงานเย็บผ้า แต่เหมือนเอกสารไม่ครบ ก็เลยต้องโดนเยอะเลย ตอนที่เราออกมา ทั้งสามคน(มาก่อนเรานะ) ยังไม่เสร็จเลยอ่ะ 
โดนอีกนานเราคิดว่า 
เป็นอุทาหรณ์นะ มาอเมริกา เตรียมเอกสารที่สำแดงได้ว่า เราจะกลับไปประเทศบ้านเกิดแน่ๆ เตรียมไว้แน่นๆซะ 

........................
พอเสร็จ ออกจากตม ก็ตกเครื่อง เอิ่ม แต่ยังดีทีได้ พี่ กราวด์สตาฟของ Korean Air ช่วยไว้ 

มาถึงแอร์พอร์ต ประมาณ หกโมงเช้า ที่บอสตัน นั่งแท๊กซี่มาบ้านน้องที่รู้จักกัน (อยู่กะน้องชั่วคราวรอหาบ้านใหม่ ) 

ค่า แท็กซี่ไม่แพงอย่างที่คิด คือประมาณ 30USD รวมทุกอย่างแล้ว ก็โอเคนะ 

บ้านของน้องเค้า (เป็นบ้านที่มีหลายๆห้อง เจ้าของบ้านปล่อยเช่า) 

Location : Cambridge 
Room : Furnished room (Shared Bathroom, Shared Kitchen) 

ห่างจากรถสาธารณะ ด้วยระยะทางน้อยที่สุดประมาณ 0.4 miles ไม่ไกล แต่ก็ไม่ใกล้นะ 
ราคา เช่าต่อเดือน 900 USD ส่วนตัวเราว่าแพงไป แต่น้องบอกว่าทำเลดี ราคานี้ ถ้าที่ Pittsburg นี่หา One Bedroom ได้เลยนะ ทำเลดีด้วย แต่เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่ เลยก็ตามนั้น 

เกรงใจน้องเหมือนกัน (รุ่นน้องทีทำงานเดียวกัน แต่น้องมาเรียนก่อน ปีนึง) 
เพราะห้องน้องมันเล็กมาก ๆ แต่น้องใจดีมาก ก็ให้เราอยู่ฟรี แต่เราก็ซื้อขนมมาให้ ทดแทนกันไม่ได้แต่ก็อยากทำ

ปกติ น้องไปทำงาน เก้าโมง กลับสองทุ่ม 
เวลาทำงานอิชั้น เจ็ดโมง ถึงห้าโมงเย็น  

เวลาน้องคุยโทรศัพท์กับที่บ้าน ก็ต้องมานั่งเกรงใจเรา (เราจองที่พักใหม่ได้แล้ว เดี๋ยวเข้าไปอยุ่แล้วจะรีวิวอีกที) 
อยากจะไปไหนก็ไม่ได้ เพราะอากาศ บางวันยังติดลบ สิบกว่าอยู่เลย ไม่ชอบเลยเบื่อๆ

เดือนหน้า April - May จะเป็นช่วง Vacation ของฝรั่ง อิชั้นก็จะไปเที่ยวด้วยเหมือนกัน อยากไป หลายที่ ตัดสินใจอยู่ เดือนนี้ ไปวิ่งยังไม่ได้ เพราะหนาว บางวัน ฝนตก และวันนี้ หิมะตกค่ะ 




 

Create Date : 26 มีนาคม 2557    
Last Update : 26 มีนาคม 2557 23:47:03 น.
Counter : 707 Pageviews.  

1  2  3  

หัวใจนักท่องเที่ยว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ผู้หญิงธรรมดา หน้าตาไปวัดได้ ตอนบ่ายๆ

ชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ

ทำงานน้อย อู้งานเยอะ

ว่างเมื่อไหร่จัดกระเป๋า
Friends' blogs
[Add หัวใจนักท่องเที่ยว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.