อยากเล่าเรื่องให้ฟังมากเลย เรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิตแบบ Low Cost ของเราเอง ที่เมือง บอสตัน เมืองที่ค่าครองชีพสูงพอๆกับ NYC (เราชอบนิวยอร์กมากๆนะ)
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า เราได้รับทุนจากที่ทำงาน เป็นเงินประมาณ 750000 ต่อปี (รวมค่าตั๋วเครื่องบินด้วย)คือ ก็ไม่พอหรอก ขนาดไม่ได้ใช้แบบอยู่เมืองไทย มันจะพอได้ไงค่าครองชีพแพงกว่าเราตั้งสามเท่าได้ โดยประมาณ เงินเดือนเราจาก 120000-170000 บาท ต่อเดือน ลดลงครึ่งนึงเลย แต่ค่าครองชีพแพงกว่าสามเท่า คุณพระคุณเจ้า มาอเมริการอบนี้เป็นรอบที่สามแล้ว รอบแรกมาแบบนักเรียนฝึกงาน ทุกอย่างฟรีหมด เลยไม่ค่อยสนใจมาก อยู่แค่เดือนเดียวด้วย รอบนี้มาในฐานะคนดูงาน
จากคนฐานะปานกลางในกรุงเทพ ต้องกลายเป็นคนชั้นกลางค่อนข้างล่าๆ (ถ้าดูตามลิสเงินเดือนแล้ว จะอยู่เกือบฐานะยากจนเลยทีเดียว) แต่ก็ดี ขายรถไปแล้วเพราะตอนแรกจะมาอเมริกาสองปี ตอนนี้ตัดสินใจแค่ปีเดียว เพราะแม่ไม่สบาย
อยู่อเมริกามา 7 เดือนแล้ว .. เดือนที่แปด เพิ่งเริ่มต้น จะเล่าเรื่องตอนที่ย้ายมาบอสตัน จากเมือง Pittsburgh ค่าครองชีพต่ำกว่านี้ครึ่งนึงอ่ะ เราก็ชอบนะ Pittsburgh ค่าหอประมาณ (เอาเป็นเงินไทยแล้วกันนะต่อจากนี้) ประมาณ 400 USD เป็นห้องสองห้องนอนนะ อาหารการกินก็ไม่แพง ยังมีชีวิตแบบคนมีตังค์อยู่ ตอนนั้นยัง อยู่บนหิ้งอยู่ อยู่มาสักพักเริ่มใช้เงินเป็น เลยเป็นที่มาของ การใช้ชีวิตแบบประหยัด (แอบมีฟุ่มเฟือยตอนกินอาหารไทยนี่หล่ะ) เอาเป็นข้อๆเลยแล้วกันเนาะ จะได้ไม่ลืม
ปล .. ไม่ค่อยมีรูปนะคะ เพราะพิมพ์ Mac รูปจาก iPhone มันใหญ่ต้องมาค่อยๆ Resize ขี้เกียจมากกก(แต่ถ้าโพสใน เฟสไม่ยั่นเลย) เอ๊า เวิ่นเว้อมานาน
ลุคเดิม : คุณนาย
ลุคใหม่ : เด็กมหาลัย (คนถามจุง เรียนที่ไหน อิชั้นอยากจะบอกว่า อีกไม่เกินห้าปี ก็จะสี่สิบแล้วค่า)
1. สมัครสมาชิกทุกอย่างที่สมัครฟรี ทุกร้าน ทุกห้าง ทุกยี่ห้อ(ที่เมืองเรา และที่ที่เราสนใจ)
บัตรสมาชิกร้านขายของชำ เช่น Giant Eagle, Target
บัตรร้านขายยาและของชำ เช่น RiteAid, CVS
บัตรร้านขายของทั่วไป เช่น Bestbuy, wallmart
สมัครสมาชิกเวป ขายของทั่วไป Coachfactory, TjMaxx, Oldnavy, Gap, Banana Republic, Uniqlo, Bed bath and Beyond, Macy's, C21 เค้าจะส่ง Deal ดีๆมาให้ทางเมลนะคะ
สมัครสมาชิก รถประจำทาง เช่น Greyhound Megabus (พวกนี้ถ้าเราเดินทางหลายครั้งแล้วจะลดค่าโดยสารได้ด้วยอ่ะ)
2. ซื้อของดูความคุ้มค่าทางการใช้งานด้วยไม่ใช่ซื้อเพราะป้ายแดง ลดล้างบาง บางที ซื้อมา ถึงแม้บางอันไม่ได้ใช้ หรือใช้ไม่ดี คืน ได้ แต่ถ้ามันไม่แพงมาก เราคงไม่มีกระจิตกระใจคืน (แม้ว่า Return ที่นี่จะดีมากก็เหอะ) เพราะฉะนั้น ใช้สมองเยอะๆ บางที เสื้อผ้า เราไปเดิน Macy ได้เสื้อผ้ามาจากส่วนลด Final cut ในราคาแบบบางที 5-7 เหรียญ แต่สุดท้ายมันใส่แล้วไม่สวย ไม่คุ้ม สู้ซื้อคุณภาพดีๆ สวยๆ ที่แพงหน่อย (แพงของเราก็ไม่เกิน 30 นะ) ยกเว้นเสื้อโค้ท ที่เทียบกับไทยแล้ว ซื้อดีๆไปเลย เพราะเวลาหนาวมันหนาวจริง ขนเป็ด แท้ของเรา คือ Abercrombie ตัวละ 120 ซื้อตอนลดกระหน่ำหกสิบเปอร์เซ็นต์ ใช้มาสี่เดือนเต็มๆ รักสุดๆ (ขนเป็ดไม่หลุดด้วย)
3. บางอย่างสามารถหาซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าหากไปซื้อSuperMarket จีนหรือแถว Chinatown แต่ เดี๋ยวก่อน ระวัง (เราอยู่บอสตันนะ) บางอย่างก็ไม่ถูกกว่า ต้องหัดจำราคาของที่ต้องการให้ขึ้นใจด้วย เ่ช่น กล้วยหอม เราเป็นอะไรที่ต้องกินอ่ะ ราคา ปอนด์ละ 0.69 USD เท่ากันทั้งที่ ร้านShaw และซุปเปอร์ของจีน ดังนั้น ไม่ต้องแบกร่างไป จานชาม ซื้อตาม discount store or thift store ถูกกว่า แน่นอน ไม่ต้องไปซื้อร้านจีนหรอก ที่ถูกกว่า ก็อย่างเช่น ผักบางอย่าง (ก่อนซื้อระวังพวกของที่อยู่ในกล่องด้วยนะ บางทีซุกซ่อนของเสียไว้ด้วย)
Hay Market ตลาดผักสดผลไม้ ใน Boston เปิดศุกร์ถึงอาทิตย์ ไปเดิน ช็อปผักสด(ต้องดูเหมือนกัน ) ด้านในๆถูกกว่าด้านหน้าแน่นอน บางทีได้ สตรอเบอรี่ ราคา กล่องใหญ่ๆ 1USD เอง
Strip District ตลาดเอเชีย ของ Pittsburgh ก็เช่นกัน ผักสดผลไม้ ถูกกว่าร้านใหญ่ๆในตัวเมืองแน่นอน พวกนี้ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์จะคึกคักกว่า ช็อปแบบพอเพียงอย่าเหลือจนเน่าเสียก็แล้วกัน
4.ร้านขายของมือสอง อร๊าย ถ้าเป็นตอนอยู่เมืองกรุง เราไม่เคยเข้า เพราะของเมืองไทย ไม่ต้องซื้อมือสอง มือหนึ่งก็ไม่ได้แพงอะไร แต่ถ้าเป็นเมืองBoston เมืองที่หอพักไม่เคยถูกกว่า 1000 USDขนาดเป็นห้องที่ต้องแชร์ ห้องน้ำห้องครัวนะ ถ้าห้องสตูดิโอ ไม่ต่ำกว่า 1500 ในย่านเมืองนะ ไม่นับนอกเมืองที่ไกลๆ เพราะแบบนี้ เราเลยต้องใช้ของบางอย่างมือสอง (เราศึกษาเรื่องร้านขายของมือสองมาระยะนึงแล้วนะ )
ร้านขายของมือสอง :
มีหลายแบบให้เลือกสรร บางร้านขายเฉพาะ เฟอร์นิเจอร์ บางร้านขายเฉพาะเสื้อผ้า บางร้าน ขายทุกสิ่ง ร้านที่เราไปมาหลายครั้งแล้ว คือ Goodwill มีน่าจะเกือบทุกรัฐ
ครั้งแรกไปเพราะจะเอาเสื้อผ้าไปบริจาค เออ ไปเจอของที่เค้าขาย บางอย่างเป็นของมือหนึ่ง แต่เค้าบริจาคให้มาขาย (เงินรายได้ของ Goodwill ก็จะเข้าไปช่วยคนยากจน ไร้ที่พักอาศัยอะไรแบบนี้)
สามเดือนก่อน เอาเสื้อผ้าไปบริจาคเยอะเหมือนกัน ส่วนมากเป็นแบรนด์เนมไทย เลยได้รู้จักร้าน เดินเข้าไปดู เตะตากับพวก จานชามแก้วน้ำ เพราะขอบอกว่า ของที่อเมริกา ร้านในพวก ทั่วๆไปหรือ Supermarket นี้อ่ะ แพงสุดๆไปเลย จานธรรมดา หรือแก้วน้ำ 2-5 USD
ที่ร้าน Goodwill ราคา แก้วน้ำ แก้วกาแฟ 0.65-0.85-1.1 USD แล้วเป็นแก้วใหม่หมดเลย (บางทีเค้าบริจาคกันเป็นกล่องเลยอ่ะ มีเป็นเซทก็มี แบบ แกะใหม่เลยนะ) ต้องค่อยๆเลือกดูเอา ส่วนใครถือมากๆ ตรงนี้ก็ข้ามไปเลย แต่เราเอามาล้างลวกน้ำร้อนสิบนาที ก่อนล้างอีกรอบแล้วค่อยใช้ เราไม่ถือ เพราะประหยัดตรงนี้ไปได้เยอะ
ช้อนก็มีนะ แต่เราเอาช้อนมาจากบ้านเลยไม่ต้องซื้อใหม่
จาน ก็ตาม ห้างทั่วไป ซุปเปอร์ ก็ประมาณ 4-10 เหรียญ (จานใบเดียวแบบ เข้าไมโครเวฟได้) ที่นี่ ราคาแพงกว่าแก้วนิดหน่อยแต่ก็ไม่หนีกันมาก เห็นไหม ประหยัดไปได้เลย เพราะคนเราปกติ ก็จะซื้อจานสอง แก้วน้ำหนึ่ง Mug หนึ่งแก้ว พูดเลย คุ้มมาก (ได้เข็มขัด AK มาด้วย เส้นนึง 3.9 ปกติ เส้นละ20 นะ อันนี้ราคายังติดอยู่เลย 55) ภูมิใจ
5. มาตามหาร้าน หนึ่งเหรียญ กันดีกว่า One Dollar Store or Dollar tree Shop ปกติอยู่เมือง Pittsburgh จะมีร้านหนึ่งเหรียญ คือ ทุกอย่างในร้าน จะประมาณหนึ่งเหรียญ อาจจะไม่เหรียญนึงพอดี แต่ก็จะไม่เกินสามเหรียญ ชื่อร้านคือ One Dollar นั่นเอง ก็งกค่ะ คือไปซื้อของใช้ ทิชชู่กล่อง น้ำยาล้างจาน ขนม แปรงขัดพื้น น้ำยาขัดพื้น ยาแก้ปวด ยาริดสีดวง (ซื้อจริงๆ) จากร้านหนึ่งเหรียญ ซื้อแล้ว ไม่เก็บเป็นความลับ บอกคนทั้งเมือง อิอิ
Boston จะมีร้านคล้ายๆกันเหมือนกัน คือ Dollar tree นะ เป็นร้านคล้ายๆกับโชห่วยบ้านเรา ทุกอย่างที่ตามหาได้ ในราคานี้ ที่ซื้อมาบ่อยๆคือไม้แขวนเสื้อ หกอันเหรียญนึง หาไม่ได้นะจ๊ะ ที่อื่น ลูกกลิ้งเสื้อWool ที่จัดระเบียบของ ตะกร้าใส่ของเข้าห้องน้ำ กล่องจิปาถะ น้ำยาล้างจาน และอื่นๆ มากมาย
6. พกขวดน้ำดื่มและอาหารกลางวันจ้า อันนี้แล้วแต่ความงก บางช่วงเรางก เราก็ทำ เพราะน้ำดื่ม เหรียญกว่าไม่ค่อยสู้เลย ปกติน้ำดิ่มไทย ขวดธรรมดาสิบบาท น้ำเปล่าบางร้านฟรี ปกติ ถ้าซื้อก็น้ำอัดลมหรือกาแฟเลย รู้สึกคุ้มกว่า จริงๆไม่ถูกนะ เพราะน้ำดืมสะอาดน่าจะดีกว่า แต่จะให้กินน้ำก๊อกก็ไม่ไหวนะเพราะ เคยมีน้องรูมเมท บอกว่า เคยเอาน้ำประปาไปต้ม แล้วเกิดตะกรันเยอะมาก กลัวเป็นนิ่วกันเลยทีเดียว ต้องซื้อเครื่องมากรองตลอด
อาหารกลางวันนอกบ้านประมาณ 5-10 เหรียญเลย ถ้าแพคไปเอง กินแบบสุดขั้วยังไงก็ไม่ถึงหรอก เหอเหอ
วันนี้เอาเท่านี้ก่อนแล้วกันนะ โทรหาแม่ก่อน ใครมีอะไรถามก็ส่ง ข้อความหรือ อยากรู้เรื่องอะไร ที่คิดๆไว้ก็มี 1.การใช้ Google ในต่างประเทศ
2.การเดินทางโดยรถสาธารณะ
อยากเขียนนะ เพราะตอนเรามาไม่มีใครให้อ่านเลย ฮ่าๆ เรียนรู้ผิดๆถูกๆด้วยตัวเองตลอด