|
ชีวิตกึ่งสำเร็จอ้วน
ภาคแรก งานมหกรรมคนธรรมดาที่ชอบฟังเพลงธรรมดาชอบอ่านหนังสือธรรมดาชอบดูคอนเสิร์ตธรรมดาและชอบแสดงออกธรรมดา...ธรรมดา ถ้ามีใครตั้งชื่องานยาวยืดราวกับชื่อกรุงเทพฯเยี่ยงนี้แล้ว อันตัวงานที่เป็นเนื้อหนังมังสาแท้ๆนั้นมักจะถูกกักบริเวณอยู่ในกรอบเมฆเหนือศีรษะเสมอๆ นอกจากความยาวอันเกินกว่าจะเรียกร้องความสนใจของมนุษย์ภายใน15วินาที(ความยาวของสปอตโฆษณา)แล้ว ความธรรมดาก็มักจะถูกมองข้ามเรื่อยมา อุปมาเรื่อยเปื่อยไปก็เหมือนคนอ้วนที่มักจะเป็นฝ่ายพระรอง ขณะที่ใครผอมกว่า ขายาวกว่ามักได้รับเกียรติว่า สวย เซ็กซี่ น่าร้ากกก นั่นแหละ แต่สำหรับงานชื่อยาวพอดีๆที่มีความหมายตรงๆตัวว่า งานอ้วน เฟสติวัลครั้งที่5 ฝ่ายพระเอกตัวผอมจึงถูกลดวรรณะมาเป็นพระรองบ้าง (ด้วยความสะใจเล็กๆของชาวอ้วนทั่วราชอาณาจักรคนธรรมดาฯ ว่าแล้ว คนอ้วนคนหนึ่งที่กำลังว่างงานก็หยิบปากกาสีแดงวงวันที่ในปฎิทินรุ่น กรุณาฉีกแรงๆ ด้วยอาการนุ่มนวล เนิบนาบ วันที่ 5-6 เดือนลอยกระทง ปี05 ไปเป็นกุลีชั่วคราวงาน Fat Festival5 ... งาน Fat festival ครั้งที่ 5 จัดที่ แดนเนรมิต สวนสนุกอันกว้างใหญ่ของเราสมัยที่ส่วนสูงยังไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำของห้างแมคโคร มาวันนี้สวนสนุกที่ว่าเจ๋งมาก เท่ไปเลย กลายเป็นสวนโกคาร์ทโล่งๆ เมื่อพิจารณาด้วยระดับสายตา 150 ซม.ของเราแล้ว แดนเนรมิต ดูเล็กลงไปอย่างถนัดตา นึกไม่ออกว่างานมหกรรมดนตรี ซีดีและหนังสือทำมือปีนี้จะยัดเอาบู้ธจำนวนมากมายมหาศาลเข้าไปอยู่ในงานได้ยังไง แล้วก็มาถึงบางอ้อ..เหรอเมื่อคิดได้ว่า ปีนี้จำนวนบัตรเข้างานก็ลดลงครึ่งต่อครึ่งและเพื่อป้องกันชนกลุ่มน้อย(แต่มากันเยอะมาก)จากประเทศแซ้บจึงจำต้องขายบัตรในราคา 200 บาท...คิดได้อีกที คุณอ้วนคุณทำถูกแล้วล่ะ
แม้จะได้เหยียบย่างเข้ามาในดินแดนที่คุณอ้วนเนรมิตให้กลายเป็นแดนไฮเนเก้นสีเขียวอันเป็นเอกลัษณ์ แต่เงิน 200 ในกระเป๋ายังอยู่ดี เพราะอานิสงค์ของคุณพระศรีรัตนบัตรที่บ่งว่า กูมาขายหนังสือหน่าเว่ย หลังจากติด Wristband เครื่องหมายแสดงว่า กูเข้างานได้หน่าเว่ย เราก็สามารถระรื่นหลั่นล้าในงานได้ดั่งใจ ไม่ต้องโดนค้นกระเป๋า ไม่โดนคุณตำรวจเขม่น ไม่ไอ้นู่นไม่ไอ้นี่ สบายใจแฮ
ไม่ได้จบเอกการขาย ไม่ถนัดทางบัญชี แต่สองวันนี้ทั้งขายทั้งจดมือพันกันเป็นปลาหมึก ทั้งที่ตอนแรกก็ไม่มีใครกะเกณฑ์ว่าคนนี้ขายอะไรคนนี้จดอะไร แล้วแต่ว่าเราจะนั่งตรงไหน นั่งใกล้กระเป๋าก็ขายกระเป๋า ใกล้หนังสือก็ขายหนังสือ ใกล้แมกกาซีนก็ว่าไป คนนู้นหยิบใส่ถุงคนนี้ควานหาตังค์ทอน บางทีพริตตี้โชว์พุงเดินผ่านก็ชักกระดี้กระด้า มีเรื่องคุยกันสนุกสนานเฮฮาปาจิงโกะ วันแรกขายไปขายมาได้ตั้งสองหมื่นห้า สุดยอดไปเลย
Fat Festival ปีที่แล้วห้อยบัตร Staff อาบแดดล้อมคอกให้ Exotic Percussion กระหน่ำกลองสองวันขี้หูเต้นระบำวันละสองรอบ หมดเงินไปกับน้ำ น้ำ และน้ำ การระบายฉี่ออกทางผิวหนังถือว่าเป็นเรื่องปกติ การเข้าห้องน้ำในงานที่มีผู้คนรวมตัวกันหลายหมื่นไม่เป็นผลดีต่อชีวิตนัก ปีนี้ไม่ได้อาบแดดเพราะฝนเทลงมา ฝนเม็ดโตที่ร่วงพรูลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลกต้อนทุกชีวิตให้ไปสุมอยู่ตามบู้ธต่างๆที่พอจะมีร่มกันฝน ด้วยความที่หลังคาบู้ธส่วนใหญ่ขึงด้วยร่มไม้สีเขียวบางๆการยืนใต้ร่มทั้งอย่างนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการยืนกลางแจ้ง กลุ่มวัยรุ่นชายหญิงเนื้อตัวเปียกปอนอัดเบียดกันในบู้ธขนาด2X2ตร.ม.กลายเป็นภาพชินตาชวนให้นึกถึงมุขหนังไทยยามฝนตกต้องหลบในกระท่อมประมาณนั้น
วันแรกของงานคุณอ้วนจึงฉ่ำชุ่มอุ้มน้ำฝนด้วยประการฉะนี้ ปล. ความซวยมาเยือน กระเป๋าอินเดียทำพิษสีตกใส่เสื้อและกางเกง เกลียดจริงๆ
ภาคสอง เนื่องจากเมื่อวาน (5) หลายคนถามถึง โตเกียวไม่มีขา ไม่ขาดปาก วันนี้พี่อั้นกับเพชรเลยสนองนโยบายขนหนังสือที่ว่าและเล่มอื่นๆมาให้เพียบ ถึงจะจัดหนังสือช้ากว่าเมื่อวานแต่ทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางอย่างรวดเร็ว โชคดีที่น้ำฝนไม่กลืนหนังสือที่เราอุตส่าห์ยัดใส่ลังซ่อนไว้ใต้โต๊ะพร้อมกางผ้าใบคลุมไว้อีกชั้น มีแค่บางเล่มที่บวมน้ำไปบ้างก็ถือว่าไม่เสียหายมากมาย
แดดแรงส่องบู้ธเหมือนจะบอกเราว่า วันนี้พี่ไม่ตกจ้ะ แต่อย่ากระนั้นเลย ท้องฟ้าทางตะวันออกกลุ่มเมฆสีเทากำลังซ่องสุมกำลังอยู่อย่างเงียบๆ แมงปอสามสี่ตัวบินว่อนรับลมเย็น ท้องฟ้าทางตะวันตกสดใสมองเห็นเมฆสีขาวเหมือนไอติมรสกะทิไผ่ทอง เราภาวนากันว่าขออย่าให้ฝนตกเลย หรือถ้าตกพี่ช่วยตกเพลาๆได้มั้ย อ่ะ...ถ้าพี่ไม่เพลาๆ ตกเป็นตูนๆก็ได้ หมายถึงถ้าพี่จะตกหนักก็ขอให้หนักแป๊ปเดียว สงสารคนเดิน สงสารคนขาย สงสารศิลปินที่เค้าต้องขึ้นเล่นดนตรี ฯลฯ บ้างเหอะ นะ นะ
แต่ดูเหมือนว่าแรงภาวนาของเราจะส่งไปไม่ถึงพี่เมฆสีเทาที่ตอนนี้เคลื่อนตัวมาปกคลุมเหนือกบาลทั้งหมื่นแล้ว เป็นไปตามคาด ฝนเทลงมาอีกครั้ง เราเก็บหนังสือกันรวดเร็วก่อนที่จะยืนเบียดหลบฝนกันเหมือนเมื่อวาน วันนี้เราได้เห็นแฟชั่นใหม่ของงานที่ฮิตกว่า สูทและขนมิ้งค์ นั่นคือ เสื้อกันฝนและร่มหลากสี สำหรับพวกเราแก๊งค์ไม่กลัวฝนที่ไม่เตรียมอะไรมาต้านลมและฝนกันเลยใช่ว่าจะยอมเปียกเอาเท่ห์หรอกนะ แต่เรายึดความประหยัดเป็นที่ตั้ง ว่าแล้วก็กระชากถุงดำมาเจาะรูทำเสื้อกันฝนแบบDIYมาใส่กัน ประสิทธิภาพของมันไม่ต่างจากเสื้อกันฝนราคาแพงแม้ว่าดูๆไปแล้วเหมือนเพกวินผ่านศึกไปหน่อยก็ตาม
เสียงกลองดังมาจากไหนหนอ พี่พุฒวิ่งเล่นน้ำฝนผ่านมาบอกว่า Exotic Percussion กำลังเล่นอยู่ เจ๋งมากไปดูกันเถอะ เม็ดฝนบางลงแล้วเราเลยวิ่งไปดูกะเค้าตามกระแสแต่อนิจจากำแพงมนุษย์สูงท่วมหัวต่อให้กระโดดเหยงๆก็มองไม่เห็นเราเลยได้แต่ยืนฟังอยู่วงนอก ดีที่ปีที่แล้วได้ดูจนอิ่มก็เลยไม่ค่อยตื่นเต้นหรือเสียดายเท่าไหร่ แค่มาแชร์ความมันไปกับผู้คนรอบข้างพอประมาณแล้วกลับไปดูบู้ธของเราต่อดีกว่า
ขายหนังสือหลังฝนตก งานคุณอ้วนคราวนี้เผินๆเหมือนงานเกษตรแฟร์ ถนนเฉอะแฉะแต่ก็ยังมีคนเดินหนาตา เพชรใจดีมากมายอาสาเป็นตากล้องให้เรายืนถ่ายรูปคู่กับพี่อ้วน อาร์มแชร์ (เขินนะเนี่ย) พี่อ้วนน่าร้ากกก น่ารักจริงๆให้ตายสิโรบินสันสีลม เฮ้ออออออ!!!
ปีหน้ากูจะเดินอย่างเดียว ไม่เอาแล้ว Staff วาจานี้ลั่นไว้เองต่อหน้าพยานมากมาย แต่คราวนี้ทั้งคนลั่นทั้งพยานก็ไม่เห็นจะหลุดบ่วงกรรมอย่างว่าไปได้ ไม่เป็น Staff ก็จริงแต่กลายมาเป็นคนขายซะอย่างนั้น แต่งานนี้สนุกดี ถึงจะเปียกไปหน่อยก็เถอะ อย่างน้อยก็ไม่มีใครตีกันให้งานกร่อย ไม่ได้ดูคอนเสิร์ตใครเลย ได้ซีดี ได้ตุ๊กตาเมธีมาก็แค่นั้นเอง ไม่เสียดายอะไร ไม่รู้ว่าเพราะแก่แล้วไม่มีแรงเฮหรือว่าเบื่อขี้เกียจเดิน บางทีอาจจะทั้งสองอย่างแหละ ขายหนังสือ คุยกับคนซื้อ ทอนผิดทอนถูก เฮฮากับเพื่อนก็โอเคแล้ว (เข้างานก็ฟรี จะเอาอะไรอีก)
เก็บของกลับเมื่อฟ้ามืดและฝนซา เพิ่งจะรู้ว่าน้องที่ขายหนังสืออยู่ข้างกันคือ เจ้าของหนังสือ ผจญโลกล้านไมล์กับวัย18 น้องช่างดูสุขุมใจเย็นอารมณ์นิ่งไม่ไหวติงต่อสภาวะอากาศและอารมณ์ของผู้คนเลยจริงๆ เป็นข้อดีที่หาได้ยากในหมู่วัยรุ่นฮอร์โมนแตกซ่านทั้งหลาย เราเก็บของเสร็จน้องยังนั่งขายต่อสุดยอดมากมาย
ภาคแถม ไม่อยากจะลั่นวาจาอะไรแล้วงานนี้ สามปีสำหรับงานคุณอ้วนเราก็แขวนป้ายครบทุกตำแหน่งแล้วหนิ เหลือแค่ Artist เนี่ยแหละ ปีหน้ากูไม่เอาแล้วขายหนังสือ ไม่เดินแล้วด้วย กูจะเล่นดนตรี ...ก็ดีนะ...
Create Date : 11 พฤศจิกายน 2548 |
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2548 19:15:24 น. |
|
0 comments
|
Counter : 107 Pageviews. |
 |
|
|
| |
|
|