ทฤษฎีฮอร์โมน


ทฤษฎีฮอร์โมน
   ฮอร์โมนมีหลายชนิด
ทำให้ร่างกายมีชีวิตชีวา สดชื่น แข็งแรง แยกแยะเพศชัดเจน
เมื่ออายุมากขึ้นพันธุกรรมจะกำหนดให้ระดับฮอร์โมนลดลงโดยเพศชายจะลดลงอย่าง
ช้าๆ เมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป
ส่วนผู้หญิงโชคร้ายหน่อยที่ฮอร์โมนจะลดลงอย่างรวดเร็วเมื่ออายุย่างเข้า 35
ปีขึ้นไป จึงไม่แปลกที่จะมีตีนกา กระ ฝ้า ก่อนผู้ชายในวัยเดียวกัน
วัดได้จากระดับฮอร์โมน LH , FSH, Estradiol, Testosterone, Progesterone,
TSH, Free T4, Free T3, DHEA-S, IGF-1  ในกระแสเลือดลดลง

สาเหตุ
: ฮอร์โมนลดลงตามพันธุกรรมที่กำหนดตามอายุ เวลา
ร่วมกับพฤติกรรมบางอย่างในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน เร่งรีบ
ก่อให้เกิดความเครียดซึ่งเป็นตัวการสำคัญ ทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนได้น้อยลง
เช่น สูบบุหรี่ พักผ่อนน้อย วิตกกังวล  สังเกตุได้จากประจำเดือนมาไม่ปกติ

อาการ : อารมณ์หงุดหงิด ผิวแห้งมากขึ้น มีริ้วรอย กระ
ฝ้า สมาธิไม่ดี นอนหลับไม่สนิท อารมณ์ทางเพศลดลง กระดูกเปราะขึ้น
ตัวเตี้ยลง

การรักษา :
เสริมฮอร์โมนให้คืนสู่ระดับปกติที่ร่างกายเคยผลิตได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
เทียบเท่าขณะเป็นหนุ่มสาว  โดยไปพบแพทย์เพื่อฉีดหรือรับประทานฮอร์โมน


ข้อควรระวัง :



  • เนื่องจากเซลล์เสื่อมแล้วไม่สามารถฟื้นกลับมาได้
    จึงควรเพิ่มฮอร์โมนให้ร่างกายในขณะที่อายุยังไม่มาก
    เช่นในผู้ชายควรเพิ่มขณะอายุ 40-50 ปี (โดยประมาณ)
    ส่วนผู้หญิงควรเพิ่มขณะอายุ 30-40 ปีเพราะเซลล์ยังไม่เสื่อมมาก

  • การให้ฮอร์โมน
    จำเป็นต้องตรวจร่างกายว่าไม่เป็นเนื้องอกที่อวัยวะใด ๆ
    เช่นเอกซเรย์แมมโมแกรม ตรวจมะเร็งปากมดลูก มะเร็งต่อมลูกหมาก
    เสียก่อนและต้องติดตามระดับฮอร์โมนในเลือดไม่ให้มากเกินไป
    จึงควรอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด


   หากคุณอายุ 30-40 ปีไม่มีโรคประจำตัวใดๆ
ควรหมั่นสังเกตอาการตัวเองเป็นต้นว่า เหน็บชาง่าย เป็นจ้ำเลือดง่าย
อาจต้องได้รับวิตามินเสริม หรือมีปัญหาด้านผิวพรรณ เช่น ผิวแห้ง มีริ้วรอย
รวมถึงอารมณ์หงุดหงิดง่าย สมาธิไม่ดี หลับไม่สนิท
อาจต้องได้รับฮอร์โมนเสริม หรือคุณอาจได้รับการรักษาทั้ง 2 วิธี
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับฮอร์โมนและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในร่างกาย
โดยแพทย์จะเป็นผู้ดูแลให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย
ช่วยฟื้นฟูระบบการทำงานของร่างกายเสมือนวัยหนุ่ม-สาว
แต่พึงพิจารณาข้อควรระวังของแต่ละทฤษฎีก่อนตัดสินใจ







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2553 13:34:09 น.
Counter : 960 Pageviews.  

ทฤษฎีอนุมูลอิสระ

มีการ
วิจัยมาแล้วว่าอนุมูลอิสระทำให้เยื่อหุ้มเซลล์เสื่อมลง
เซลล์ป้องกันอันตรายได้น้อยลง เมื่อเกิดขึ้นในหลายๆ
เซลล์จึงทำให้อวัยวะนั้นเสื่อมลงก่อนวัยอันควร เช่น ผิวเหี่ยว
อวัยวะภายในเสื่อมลง มีผลให้ร่างกายดูแก่ชรา สามารถวัดได้จาก
สารต้านอนูมูลอิสระที่ลดลงจากระดับปกติ (วัยหนุ่ม-สาว)
ในกระแสเลือด ร่วมกับสารอนุมูลอิสระที่เพิ่มมากขึ้น

 
สาเหตุ
: ต้นเหตุที่ทำให้อนุมูลอิสระมีมากขึ้นได้แก่
พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเช่น สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า รับประทานไขมัน
น้ำมันปริมาณมาก ขบวนการเผาผลาญใช้พลังงานมาก
เกิดอนุมูลอิสระไปทำลายเซลล์ปกติ
หรือพักผ่อนน้อยเซลล์ซ่อมแซมตัวเองได้ไม่เต็มที่
ทำให้อนุมูลอิสระมีมากกว่าสารต้านอนุมูลอิสระ ร่างกายจึงแก่ก่อนวัยอันควร


อาการ
: มีอาการขาดสารวิตามิน เช่น หลอดเลือดเปราะ เหน็บชา
ความจำเสื่อม หงุดหงิดง่าย แต่กลับตรวจไม่พบว่าเป็นโรคอะไร
เมื่อมีอาการเป็นระยะเวลานาน จะนำไปสู่โรคชราทั้งหลาย เช่น
หลอดเลือดหัวใจอุดตัน มะเร็ง เป็นต้น

การป้องกันและรักษา
: รับประทานสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติเช่น ผัก ผลไม้และถั่ว
เพิ่มมากจนถึงระดับที่แนะนำต่อวัน RDA (Recommended Daily allowance)
เพื่อป้องกันการเกิดโรค หรือรับประทานปริมาณมากกว่าที่แนะนำจะช่วยบำรุง
แต่วิตามินบางชนิดอาจสะสมแล้วเกิดอันตรายได้จึงควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนใช้

ข้อควรระวัง :



  • เนื่องจากปริมาณวิตามินหรือสารต้านอนุมูลอิสระพบมากในผัก ผลไม้
    จึงควรรับประทานในปริมาณมาก ๆ จะช่วยป้องกันโรค
    แต่เป็นการยากที่จะเลือกหาซื้อในปริมาณมากและหลากหลายชนิดได้
    ประกอบกับอาจจะเสี่ยงต่อการสะสมยาฆ่าแมลงในร่างกายด้วย ขอแนะนำ
    ให้รับประทานวิตามินสกัดเสริมอาหารในรูปเม็ดหรือแคปซูลแทน
    โดยปริมาณรับประทานควรอยู่ในความดูแลของแพทย์

  • การออกกำลังกายเป็นการเพิ่มอนุมูลอิสระให้กับร่างกายมากขึ้น
    แต่ขณะเดียวกันช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและเพิ่มภูมิคุ้มกันเชื้อโรค
    ดังนั้นจึงควรรับประทานสารต้านอนุมูลอิสระไปพร้อมกันด้วยเพื่อให้ได้
    ประโยชน์สูงที่สุด







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2553 13:32:47 น.
Counter : 2403 Pageviews.  

ทำไมฝังเข็มที่ใบหน้าช่วยชะลอวัยได้ ?

เมื่อปัก
เข็มลงไปบนจุดลมปราณบนใบหน้าทำให้เลือดมาเลี้ยงใบหน้ามากขึ้น
แก้มมีสีอมชมพูสดใสตามธรรมชาติ
และกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าให้แข็งแรงเหมือนได้ออกกำลังกาย ยกกระชับขึ้น
นอกจากนั้นยังช่วยกระตุ้นให้อวัยวะภายในที่มีลมปราณเชื่อมกับใบหน้าให้แข็ง
แรงขึ้นอีกด้วย
นั่นคือการฝังเข็มเพื่อความงามเป็นวิธีการดูแลสุขภาพและความงามไปพร้อมกัน
แต่ไม่เหมือนกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เช่น เลเซอร์
โบท็อกซ์ ฉีดสารเติมเต็ม ศัลยกรรม หรือแม้แต่ยาทา
ที่รักษาแต่เพียงผิวพรรณภายนอก
อย่างไรก็ตามผลของการฝังเข็มจะทำให้ดูอ่อนเยาว์ได้มากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่
กับสุขภาพร่างกายของคุณด้วย ถ้าคุณสุขภาพแข็งแรงดี
ออกกำลังกายสม่ำเสมอก็จะได้ผลดีมาก บางท่านอาจดูอ่อนเยาว์ลงได้ถึง10 ปี
แต่หากสุขภาพเดิมไม่ค่อยแข็งแรงจะตอบสนองได้น้อยกว่า


**หมายเหตุ
จุดบนใบหน้าที่แสดง ไม่ใช่จุดฝังเข็มที่ถูกต้อง ไม่ควรนำไปปฏิบัติเอง
ควรปรึกษาแพทย์**






Free TextEditor




























 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2553 13:30:09 น.
Counter : 306 Pageviews.  

ผิวยกธงขาวเป็นอย่างไร?



การแพ้เครื่องสำอาง แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ แพ้จากสารเคมี
ถึงแม้สัมผัสปริมาณเล็กน้อยอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ทันที
และอีกประเภทหนึ่งคือ แพ้แบบระคายเคือง
เนื่องจากได้รับสารเคมีปริมาณมากเกินไป แสดงอาการแพ้ได้
ทั้งที่ใช้ปริมาณน้อยไม่เกิดอาการแพ้ใดๆ 

  
สาเหตุการแพ้อาจเกิดจากสารเคมีในเครื่องสำอางทำปฏิกิริยากับผิวคุณ
หรือผิวมีความไวผิดปกติต่อสารเคมีในเครื่องสำอางนั้น
แต่ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุใด ล้วนสร้างความเจ็บ ปวด คัน น่ารำคาญ


ทำอย่างไรเมื่อผิวแพ้?

  
ควรหยุดใช้ทันทีแล้วล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ภายใน 2-3
วันผิวของคุณจะกลับมาเนียนสวยเหมือนเดิม
หากคุณต้องการทราบว่าสารที่แพ้นั้นคืออะไร ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ
PATCH TEST ซึ่งเป็นวิธีทดสอบการแพ้สารเคมีบนผิวหนัง
โดยใช้สารเคมีที่สงสัยว่าแพ้ นำมาแปะติดลงบนหลังของผู้ป่วย ทิ้งไว้ 2
วันแล้วอ่านผล ถ้ามีอาการผื่นแดงขึ้นบริเวณที่ทดสอบแสดงว่าแพ้สารนั้น
ราคาตรวจขึ้นอยู่กับจำนวนสารที่สงสัยว่าแพ้ เริ่มต้นที่ 1,000-1,500
บาทต่อครั้ง ในโรงพยาบาลของรัฐบาล สามารถดูรายชื่อหมอผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ
ได้ที่ //www.thaiderm.net/

SAFETY FIRST

  
ปลอดภัยไว้ก่อนควรเลือกครีมบำรุงที่ได้มาตรฐานรับรองจาก อย.และ
ในผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายควรเลือกครีมที่ไม่มีสารที่ทำให้แพ้ผสมอยู่ 
เช่นไม่มีน้ำหอม (Fragrance free , Perfume free, Hypo-allergic,
Non-irritant, High tolerance, For sensitive skin)
และไม่มีสารที่ทำให้แพ้ผสมอยู่ (รู้ได้จากการตรวจ PATCH TEST) 
อายุหลังผลิตไม่เกิน 2 ปี  เนื้อครีมไม่จับตัวเป็นก้อน สี
และกลิ่นไม่เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญคือควรทาครีมตามเวลาที่ระบุเช่น
ไนท์ครีมควรทาบาง ๆ ตอนกลางคืน เพราะกรดเรติโนอิก (retinoic acid)
ที่ช่วยลดสิวและริ้วรอย มีผลทำให้ผิวบวมแดงเมื่อถูกแสงแดด
ส่วนครีมกันแดดควรทาทุกๆ 2-3 ชั่วโมง (SPF 15)
เพราะสารกันแดดจะช่วยปกป้องผิวได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น

  
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือควรหลีกเลี่ยง ฝุ่นละออง อาบน้ำอุ่น ซาวน่า
ว่ายน้ำ ลอกหน้า ขัดหน้าหรืออยู่ห้องแอร์นานกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน
และเพื่อริมฝีปากสวยๆ ควรหลีกเลี่ยงยาสีฟันที่มีฟองมากหรือผสมแอลกอฮอล์
ฟลูออไรด์เข้มข้นสูง มีรสเผ็ดซ่า ใช้ลิปสติกสีเข้ม มีกลิ่นฉุน
เลิกเลียริมฝีปาก อย่าลืมดื่มน้ำให้มากขึ้นด้วยนะคะ 







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2553 13:28:35 น.
Counter : 339 Pageviews.  

ผมร่วงเป็น หย่อมๆ

ผมร่วง
เป็นหย่อมๆ มีหลายสาเหตุได้แก่



  • โรค Alopecia areata -
    เกิดจากเม็ดเลือดขาวทำงานผิดปกติ ทำลายเซลล์รากผมของตนเอง
    ทำให้ผมร่วงเป็นหย่อม
    ถ้าเป็นรุนแรงอาจร่วงทั้งศีรษะรวมไปถึงขนคิ้วและขนตาด้วย
    พบได้ในผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือต่อมธัยรอยด์เป็นพิษ  การรักษา
    ควรใช้ยารักษาโรคที่เป็นอยู่ให้หาย ร่วมกับใช้ยาปลูกผมจากแพทย์

  • เชื้อรา - ราบนหนังศีรษะ
    ทำให้ผมร่วงเป็นหย่อมได้ มักติดมากับ หวี ผ้าเช็ดผม กรรไกร
    มีดตัดผมที่ใช้ร่วมกับคนอื่น ควรหมั่นสังเกตตนเองว่าหลังจากนั้นประมาณ 3-4
    สัปดาห์มีอาการคันหนังศีรษะ เป็นขุย เส้นผมหักกลางบ้างหรือไม่  การรักษา
    ควรปรึกษาแพทย์และใช้บาฆ่าเชื้อรา

  • รวบผมแน่นเกินไป - การมัดผม รัดผม ทรงหางม้า
    ถักเปีย ที่ตึงแน่นเกินไปจะมีผลกระทบต่อรากผมได้
    เพราะแรงดึงผมทำลายเนื้อเยื่อรอบๆ ที่ยึดรากผม เส้นผมอาจจะไม่ขึ้นอีก
    หรืออาจงอกเป็นเส้นหงิก งอ เปราะหักง่ายไม่สมบูรณ์ การรักษา คือ
    ใช้ยาปลูกผม ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2553 13:26:58 น.
Counter : 263 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.