ตัวการทำร้ายผิว

แป้งขัดขาวและน้ำตาล
   
แป้งขัดขาวและน้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (Simple carbohydrate)
ที่มีโครงสร้างไม่ซับซ้อน สลายตัวง่าย ย่อยสลายเป็นกลูโคส
และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้รวดเร็ว มีมากในผลไม้รสหวาน น้ำผึ้ง อ้อย
น้ำตาลทราย นม โดยคาร์โบไฮเดรตกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีค่าดัชนีน้ำตาล
(Glycemic หรือ GI) สูง นั่นหมายความว่า หากรับประทานอาหารที่มี GI สูง
จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวดเร็วไปด้วย
   
อาหารกลุ่มนี้จะทำปฏิกิริยา Glycation
ส่งผลให้โมเลกุลของน้ำตาลเข้าไปเกาะกับโปรตีนในร่างกาย เช่น
ทำให้คอลลาเจนในผิวผิดรูปร่าง ทำให้เม็ดสีเพิ่มขึ้นกลายเป็นจุดด่างดำ
จนถึงกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน
ก่อให้เซลล์ผิวอักเสบและเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร ผิวจึงไม่สดใสเปล่งปลั่ง
กิน
อย่างไรผิวไม่เสีย
   
คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของร่างกาย
การงดรับประทานแป้งและน้ำตาลอย่างถาวรอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้
คุณจึงควรเปลี่ยนมารับประทานแป้งกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (Complex
carbohydrate) เช่น แป้งจากธัญพืช ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท แทน
เพราะมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ มีเส้นใยอาหารปะปน ทำให้ระดับน้ำตาลน้อยกว่า
นอก
จากนี้ควรเลี่ยงการบริโภคน้ำตาลหรือน้ำเชื่อม
โดยหันมากินน้ำตาลเทียมประเภทชูการ์แอลกอฮอล์ ซึ่งทำจากสาหร่ายสีน้ำตาล
ที่เดิมถูกนำมาใช้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานเพราะไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด
และไม่เป็นอันตรายกับร่างกายจึงนิยมใช้ในการทำอาหารมากขึ้น







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2553 11:07:27 น.
Counter : 322 Pageviews.  

เมนูลดน้ำหนัก



     อาหารกับการลดน้ำหนักเป็นของคู่กัน
เพราะอาหารที่เรารับประทานส่วนใหญ่มักจะมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ
ส่วนที่เหลือจึงสะสมเป็นไขมัน จนทำให้คุณอ้วนเกินไป และเป็นโรคต่างๆ
ได้ง่าย
ดังนั้น เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มอ้วน ควรจำกัดอาหารและออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ


     สูตรอาหารลดน้ำหนักหลายสูตรเน้นให้กินเฉพาะโปรตีน
ไม่กินคาร์โบไฮเดรต แต่บางสูตรให้กินแต่คาร์โบไฮเดรต แต่งดโปรตีน
ทว่ายังมีทางเลือกที่น่าสนใจอีกหนึ่ง คือ กินอาหารครบหมู่
แต่จำกัดปริมาณให้น้อยลง
และเลือกอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ


     Menu of the Month จึงขอแนะนำเมนูอาหารง่ายๆ
สำหรับผู้ต้องการลดน้ำหนักค่ะ


มื้อเช้า : น้ำ
เต้าหู้โอวัลติน-แซนด์วิชทูน่าโยเกิร์ต


มื้อกลางวัน : ปลา
จิ้มจุ่ม


มื้อเย็น : สลัด
กุ้งน้ำสลัดงาเปรี้ยว






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2553 0:47:16 น.
Counter : 285 Pageviews.  

สูตรบำรุงผิวแห้ง





















































หน้าหนาวใกล้เข้ามาแล้ว สิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกันคือ 'ผิวแห้ง' วันนี้ขอแนะนำเคล็ดลับการบำรุงผิว
เพื่อช่วยไม่ให้ผิวแห้งเป็นเกร็ดแลดูไม่น่ามอง

สูตร
ที่ 1
น้ำมันเมล็ดทานตะวัน 1 ถ้วย, นมสด 1 ถ้วย, น้ำผึ้ง 1 ถ้วย,
การบูร 1/4 ถ้วย  นำส่วนผสมทั้งหมดปั่นรวมกัน ผสมกับน้ำอุ่นประมาณ 1/2 ถ้วย
คนให้เข้ากัน จากนั้นเทผสมกับน้ำลงในอ่างอาบน้ำ นอนแช่ประมาณ 10-15 นาที
ให้ครีมซึมซาบเข้าสู่ผิว

สูตรที่ 2 ใช้น้ำมันงาทาผิวหนังเป็นประจำโดยทาชโลมทิ้งไว้สัก 20 นาที
แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น น้ำมันงามีชื่อเสียงมากด้านการบำรุงผิว
ทำให้ผิวที่เคยแห้งกร้านคล้ายตกกระกลับดูสดใสมีน้ำมีนวลได้
สำหรับผู้ที่ผิวหนังมักจะแตกแห้งตอนหน้าหนาว
หรือผู้สูงอายุที่ผิวขาดน้ำมันน่าลองใช้น้ำมันงาดูค่ะ

สูตรที่ 3 ใช้น้ำเมือกจากใบสดว่านหางจระเข้ 1 ส่วน
ผสมกับครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับผิวเราเอง 5 ส่วน ใช้ทาผิว
โดยผสมพอใช้ในแต่ละครั้ง ถ้าจะใช้อีกก็ผสมใหม่ จะได้ผลดี
ช่วยทำให้ผิวหนังที่แห้งหรือเหี่ยวย่นกลับชุ่มชื่น และเต่งตึง

สูตรที่ 4 เหยาะน้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะลงในน้ำ 2 ถังที่จะอาบ
ช่วยให้ผิวพรรณสะอาดหมดจด ไม่แห้ง ไม่หยาบกร้าน



เพียงเท่านี้
ผิวของคุณก็จะชุ่มชื่นดูมีน้ำมีนวลขึ้นทันตาเห็น

























ขอบคุณ มูลนิธิสุขภาพไทย และเดลินิวส์









Free TextEditor







































































































 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 23:45:11 น.
Counter : 333 Pageviews.  

เคล็ดลับ รักษาผิวสาว ให้สวยอยู่เสมอ























































  1. ทาครีมกันแดด : ผู้รู้เขาบอกว่า 80 %
    ของการเสื่อมของผิวหนังเกิดจากแสงแดด รังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดด
    เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอย เหี่ยวย่น

  2. ท่านอนทำให้เกิดริ้วรอย
    : โดยเฉพาะคนที่ชอบนอนซุกหน้ากับหมอนจะทำให้ใบหน้าด้านที่ตะแคงเข้าหาหมอน
    เกิดริ้วรอยมากกกว่าอีกด้าน ยิ่งพวกที่ชอบเอามือก่ายหน้าผาก
    ก็ยิ่งทำให้เกิดริ้วรอยมากขึ้น
    ซึ่งอาจหลีกเลี่ยงได้โดยเปลี่ยนมานอนหงายแทนหรือเลือกใช้หมอนที่อ่อนนุ่ม
    และใช้ปลอกหมอนเนื้อผ้าลื่นๆ อย่างผ้าซาติน จะสามารถแก้ปัญหาในจุดนี้ได้

  3. กินอาหารดีๆ
    อาหารที่ดี มีประโยชน์ และครบหมวดหมู่ จะช่วยให้ผิวพรรณสดใสได้
    โดยเฉพาะวิตามินเอ ซีและอี

  4. อดนอน ริ้วรอยมาเยือน
    การพักผ่อนไม่เพียงพอ นอกจากทำให้สุขภาพทรุดโทรมแล้ว ใบหน้าก็ดูหมองคล้ำ
    อิดโรย และถ้าคุณอดนอนบ่อย ๆจะทำให้ริ้วรอยมาเยือนก่อนวัย

  5. รู้จักผ่อนคลาย
    ความเครียดที่ไม่มีโอกาสผ่อนคลาย
    เปิดโอกาสให้สิวจู่โจมได้ง่ายๆถ้าไม่อยากให้เกิดสิว
    ซึ่งพลอยทำให้ใบหน้าไม่สดใส ควรหาวิธีผ่อนคลายความเครียด






























Free TextEditor







































































































 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 22:55:47 น.
Counter : 358 Pageviews.  

งาดำ...เมล็ดจิ๋วประโยชน์แจ๋ว!


































ช่วยบำรุงผม-ผิวสวย-กระดูก-หัวใจ

ก่อนหน้านี้ คลื่นความนิยมเจ้าพืชเมล็ดเล็กๆ อย่าง
“งาดำ” ก็ฟุ้งกระจายไปทั่วสังคมไทยคล้ายกับปรากฏการณ์ “ชาเขียว”
ที่เกิดกระแสโหมฮิตเป็นพักๆ
อันที่จริงทั้งชาเขียวและงาดำที่กำลังจะกล่าวถึงนี้ถือเป็นของดีมีประโยชน์
แต่ที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ก็คือ ลักษณะเฉพาะ “เทรนด์”
สุขภาพในประเทศไทยบ้านเรามักจะเป็นช่วงๆ และช่วงหนึ่งๆ ก็เพียงสั้นๆ
อะไรฮิตอะไรนิยมก็แห่ไปซื้อหา พอเลิกเป็นกระแสหรือมีตัวใหม่ออกมาแทน
ก็จะแห่ไปทำตามความนิยมในช่วงนั้นๆ
ทำให้การกินเพื่อบำรุงสุขภาพนั้นไม่ต่อเนื่อง



...งาดำเองก็ไม่ได้หนีพ้นปรากฏการณ์ฮิตเป็นพักๆ ดังกล่าวด้วย


  แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาจารย์สุกัญญา หงส์ประภาส
จากคลินิกเฉพาะทางการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลนครธน
ได้ให้ความรู้อันน่าสนใจยิ่งว่า “งา
ดำ
นั้นเป็นพืชที่มีประโยชน์มาก
และควรจะรับประทานอย่างต่อเนื่องในรูปแบบของอาหาร” เป็นประจำ
จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้มีต้นทุนมาก เมื่ออายุมาก ชราลง
ร่างกายจะแข็งแรงกว่าคนที่ละเลยไม่รับประทาน

งาดำเป็นอาหาร
สารพัดประโยชน์ ช่วยบำรุงหลายส่วนของร่างกาย ทั้งผม ผิวพรรณ เล็บ กระดูก
เพิ่มแคลเซียม ช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ บำรุงหัวใจให้แข็งแรง
มีกรดไขมันดีมาก
มีสารอาหารที่ดีต่อร่าง
กายหลายชนิด แม้คนที่ยังเด็กหรือไม่มีอาการป่วย
ก็ควรรับประทานเป็นประจำเพื่อสร้างต้นทุนทางสุขภาพที่ดีให้แก่ร่างกายตัวเอง
และสำหรับผู้หญิงที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยทอง งาดำจำเป็นมาก
เพราะจะช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุนได้ผลเนื่องจากมีแคลเซียมสูง”

          ผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนไทยรายนี้
อธิบายต่อไปอีกว่า การรับประทานงาดำ ควรรับประทานเป็นอาหาร
แทนที่จะรับประทานเป็นสารสกัด
ก่อนรับประทานควรนำมาคั่วให้โดนความร้อนสักนิด ควรคั่วไว้ใช้กะให้ได้ประมาณ
1 สัปดาห์ แบ่งออกมาคั่วและเก็บไว้ในขวดโหลที่แห้ง
เมื่อหมดแล้วค่อยคั่วใหม่ เพื่อให้ได้รับประทานงาคั่วใหม่ๆ หอมๆ ทุกสัปดาห์
เวลาเลือกซื้อควรเลือกซื้อยี่ห้อที่ดีสักหน่อย
มีการบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่มิดชิดเรียบร้อย
ไม่ควรซื้อที่แบ่งขายตามร้านของของชำ
เพราะอาจเสียงกับมูลแมลงสาปหรือแมงอื่นๆ จากการเก่าเก็บภายในร้าน
และไม่ควรซื้อแบบที่บดสำเร็จแล้วเนื่องจากอาจมีเชื้อราอะฟลาทอกซินติดมาด้วย


“การรับประทานงาดำไม่แนะนำให้โรยในข้าวหรือใส่กับเครื่องดื่ม
เพราะวิธีการรับประทานงาดำที่ดีที่สุดคือการเคี้ยว
หากเราโรยข้าวหรือใส่เครื่องดื่ม บางครั้งไม่ได้เคี้ยว
ร่างกายอาจจะดูดซึมไม่ได้เต็มที่ เข้าไปอย่างไรก็ออกมาอย่างนั้น
ดังนั้นต้องเคี้ยว ปกติก็รับประทานอยู่ ใส่กับขนมปังโฮลวีตทุกเช้า วันละ 10
ช้อน แต่ถ้าเป็นวัยรุ่น วันทำงาน ก็อาจจะไม่ต้องมากขนาดนี้
อาจจะประมาณวันละ 3-4 ช้อน หรือเดี๋ยวนี้เห็นเขาทำน้ำเต้าหู้งาดำขาย
อันนั้นก็รับประทานได้เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นวัยสู
งอายุหน่อยหรือเข้า
สู่วัยทองก็เพิ่มปริมาณให้มากหน่อย คือ อาจจะ 6-9 ช้อนก็ได้"

   และไม่ใช่เฉพาะแค่การรับประทานอย่างเดียว
อาจารย์สุกัญญา ยังให้ภาพคุณประโยชน์รอบด้านของงาดำเพิ่มเติมด้วยว่า
ในการรักษาผู้ป่วยโรคกระดูก ข้อ และเส้นเอ็น
แบบการแพทย์แผนไทยของโรงพยาบาลที่อาจารย์เป็นผู้ดูแลอยู่นั้น
ก็ได้นำเอาน้ำมันเมล็ดงามาใช้ทานวดเพื่อแก้อาการบาดเจ็บของเส้นเอ็นอีกด้วย

“ที่โรง
พยาบาล น้ำมันนวดจะใช้น้ำมันงานเป็นพื้นฐาน และจะนำสมุนไพรต่างๆ
มาผสมเพื่อปรุงเป็นยานวด
น้ำมันงาจะมีสรรพคุณช่วยนำพาฤทธิ์ยาสมุนไพรที่ถูกนำมาผสมอยู่ดูดซึมเข้าไป
รักษาเส้นเอ็นที่บาดเจ็บได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

         
แหม...ฟังดูประโยชน์รอบด้านทั้งกินทั้งทาแบบนี้
ไม่รีบออกไปซื้อมาลองเสริมสุขภาพกันไม่ได้เสียแล้ว...























บท
ความจากวิชาการดอทคอม








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 28 พฤษภาคม 2553 18:02:19 น.
Counter : 310 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.