เก็บหนังสือเก่า...ไม่ให้ขึ้นรา




































เก็บหนังสือเก่าไม่ให้ขึ้นรา

ใครที่ชอบอ่านหนังสือเก่า
และอยากเก็บหนังสือเก่าไว้อ่านได้นาน ๆ
วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีการรักษาหนังสือไม่ให้ขึ้นรามาฝาก....


































กระดาษที่ใช้ทำหนังสือสมัยก่อนจะมีความเป็นกรด
เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ อากาศและความชื้นจะทำปฏิกิริยาทางเคมี
ทำให้กระดาษเปื่อยและขาดในที่สุด


ส่วนราที่เกิดขึ้นกับหนังสือเป็นจุด ๆ เรียกว่า "ฟ็อกซิ่ง"เป็น
ปฏิกิริยาทางเคมี ส่วนวิธีที่จะลบราบนกระดาษออกนั้นทำได้ยากมาก
ต้องใช้วิธีการฟอกกระดาษ และต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ
ไม่เช่นนั้นกระดาษจะเสียหายได้ง่าย

































สำหรับวิธีที่ดีที่สุด คือ

ป้องกันหนังสือจากความชื้น
ต้องเก็บไว้ในที่อุณหภูมิต่ำ ความชื้นต่ำ
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสถานที่เก็บว่าตั้งอยู่ตรงไหน ถ้าอยู่ติดน้ำ
ต้องนำหนังสือไว้ชั้นบนสุด
แต่ถ้าเก็บใส่กล่องก็ควรใส่ถุงกันความชื้นและหมั่นเปลี่ยนเมื่อหมดอายุ
เป็นต้น












สำหรับห้องสมุดส่วนใหญ่ที่เจอปัญหานี้ ทางแก้ คือ


การถ่ายต้นฉบับไว้เพื่อนำไปพิมพ์ใหม่โดยใช้กระดาษปลอดกรด
หรือเก็บในไมโครฟิล์ม หรือสแกนแล้วเก็บในคอมพิวเตอร์


รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมดูแลหนังสือเก่า ๆ
ให้ดี เพราะจะได้มีหนังสือไว้อ่านไปนาน ๆ.












ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ
โดย:
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 เมษายน 2553    
Last Update : 13 เมษายน 2553 21:04:01 น.
Counter : 269 Pageviews.  

ความรักและความคาดหวัง
































































































































Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 เมษายน 2553    
Last Update : 13 เมษายน 2553 20:58:51 น.
Counter : 324 Pageviews.  

สักวา...ปู่มหาลัย
















































สั
ปู่ มหาลัย


สักวามาเขียนกลอนตอนเหงาๆ..

ตอนเศร้าๆ ทำไมต้องเป็นแบบนี้..
เขียนทีไรออก Tone Sad Bad ทุกที..
หรือเพราะฉันมี kee เลี่อย เต็มกระบาล..

เรียนก็พาลนั่งหาวสัปหงก..

เดินงกๆ แบกตำราจนหนักใหล่..
ใส่แว่นตาหนาเตอะ..ไม่เท่าไร..

ดันไปเรียนผิดตึกอีก. -*- กำ จริงจริง..

เห็นผู้หญิงผู้ชายเขาเดินเคียง..

เรียงเป็นคู่ๆ ดูแล้วดาชักร้อนผ่าว..
ไอ้เรามันแก่แล้ว.. เลยชักหนาว..

กลัวเป็นข่าวกินหญ้าอ่อน..เดี๋ยวอ่อนใจ..

นักศึกษามหาลัย..สมัยนี้..

อุดมการณ์มันไม่มี..เหลือใช่ไหม..
เรียนแล้วเที่ยว เที่ยวแล้วเรียน..เก่งไม่เบา..

แล้วก็ตกเอา ตกเอา อยุ่ทุกเทอม..






























ประเดิมฤกษ์ ปู่ Senior นั่งศึกษา..

เด็กถามว่าลุงๆ มาจากไหน..
ฟังแล้วเซ็งเปิดจับจิต... เดือดในใจ..

ฃ่วยเรียกพี่จะได้ไหม... เดี๋ยวมีเคือง..

เรื่องของเรื่องมันก็ไม่ยากนี่หว่า..

รู้อย่างนี้ออกมาเรียน.. ตั้งนานแล้ว...
มัวนั่งบื้อเดาตำราไม่มีแวว..

เพื่อนกี่คนๆ เขาจบแล้ว..เสียตั้งนาน..

พาลคิดไปแล้ว..ก็ปลงๆ สังขาร..

นี่แหละชีวิตมีหวานและมีขม..
เรียนเรียนไปไม่ได้งานกันออกจม..

มาเตะฝุ่นกินลมกันมากมาย..

บ่นกันไปตาม Style นายติ๊งต๊อง..

มานั่งจ้อง monitor ตามประสา..
จบเมื่อไรคงจะได้...มีเฮฮา..

ให้รู้ว่า ตูก็มีดี เหมือนกันนน

อยากให้ฝันมันเป็นจริงต้องไขว่คว้า..

ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ จริงไหม..
ตราบชีวิตไม่จบสิ้น..ดิ้นกันไป..คิดมากไม...
ปล่อยวางไว้ดีกว่าเอย...






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 เมษายน 2553    
Last Update : 13 เมษายน 2553 20:56:49 น.
Counter : 361 Pageviews.  

รักแบบไหนเป็นแบบของคุณ





































































1. ความรักแบบเสน่หา (Eros)

ความรักเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต แม้จะไม่มากพอที่จะทำลายตนเอง


รู้สึกถูกใจอีกฝ่ายตั้งแตแรกเห็นคล้ายรักแรกพบ ความดึงดูดใจซึ่งกัน

และกันแสดงออกมาทั้งคำพูดและการแสดงความใกล้ชิด

อยากเจอกันทุกวันถ้าเป็นไปได้ วาดฝันเกี่ยวกับอีกฝ่ายไว้งดงาม

และไม่ได้คาดการณ์ถึงอุปสรรคใด ๆ

คู่รักประเภทนี้พยายามพัฒนาสัมพันธภาพกับคู่ของตนอย่างรวดเร็ว

โดยการเปิดเผย ซื่อสัตย์ และจริงใจ ใส่ใจคู่รักมากเป็นพิเศษ

แต่ไม่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหรือกลัวว่าจะมีคู่แข่ง































2. ความรักแบบไม่ผูกมัด (Ludus)


ความรักเป็นเกมชนิดหนึ่งเพื่อความบันเทิงของทั้งสองฝ่าย
หลีกเลี่ยงการผูกมัด

สามารถผลัดเปลี่ยนคู่ไปได้เรื่อย ๆ
พยายามที่จะไม่สร้างความผูกพันทางอารมณ์อย่างลึกซึ้งกับใคร

เพื่อรักษาความเป็นอิสระของตน
ถึงแม้จะไม่ต้องการทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด

แต่การโกหกและความไม่จริงใจถือว่าเป็นการเล่นตามกติกา

ที่มีความรักแบบนี้จะไม่หึงหวงหรือแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ

และอาจเห็นชอบให้คู่ของตนมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้

ทั้งนี้เพื่อสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์ของตน









3. ความรักแบบมิตรภาพ (Storge)

ความรักพัฒนามาจากมิตรภาพ เป็นความรู้สึกรักใคร่

อันเนื่องมาจากการคบหากันมาเป็นเวลานาน ไม่ได้มีความรู้สึกตื่นเต้น
เร่าร้อน

แต่เน้นการที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกันและมีกิจกรรมร่วมกัน

ความรักเป็นสิ่งที่มั่นคงที่ผนวกเข้าไปกับการดำรงชีวิตตามปกติ































4. ความรักแบบลุ่มหลง (Mania)

ผู้ที่มีความรักแบบนี้จะใฝ่หาความรัก
แต่เชื่อว่าความรักเป็นความเจ็บปวด

ปรารถนาความใกล้ชิด และต้องการความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ

ต้องการให้คู่รักของตนแสดงความรักมากกว่าปกติ
เมื่อใดที่คู่ไม่ได้แสดงความใส่ใจ

หรือไม่แสดงความรัก ตามที่ปรารถนาอาจจะทำร้ายตนเพื่อเอาชนะความรัก

คู่รักประเภทนี้เชื่อว่าเมื่อปราศจากความรักจากอีกฝ่าย
ชีวิตก็ไม่มีคุณค่าอีกต่อไป










5. ความรักแบบมีเหตุผล (Pragma)

เป็นความรักที่ตั้งอยู่บนรากฐานของความเป็นจริง

ผู้ที่มีความรักแบบนี้จะแสวงหาคู่ที่เหมาะสมกับตนมากที่สุด

เชื่อว่าความสัมพันธ์จะราบรื่นก็ต่อเมื่อคู่รักสามารถตอบสนองความต้องการ
พื้นฐานของกันและกัน


ได้แสวงหาคนที่มีลักษณะคล้ายตนหรือต่างจากตน แต่ช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาด

การเลือกคู่จะมีลักษณะคล้ายรักเผื่อเลือก
ทั้งนี้ก็เพราะคาดหวังสัมพันธภาพที่ยั่งยืน





























6. ความรักแบบเสียสละ (Agape)


เป็นความรักที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว
ต้องการเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับมีความห่วงใย

และคำนึงถึงความสุขของคู่รักเป็นสำคัญ โดยไม่ใส่ใจกับความต้องการของตนเอง "
การให้ "


เป็นปัจจัยสำคัญของความรักแบบนี้

นักจิตวิทยาได้ทำการศึกษาพบว่า


ในชีวิตจริงคู่สมรสจะมีรูปแบบความรักที่คล้ายคลึงกัน

เมื่อเปรียบเทียบระหว่างคู่ที่มีความสัมพันธ์ยาวนานกับคู่ที่เลิกราไป

พบว่าประเภทแรกจะมีความรักแบบเสน่หาสูงกว่า

และมีความรักแบบไม่ผูกมัดต่ำกว่าประเภทหลัง

รูปแบบของความรักอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

และลักษณะของบุคคลที่เรามีความสัมพันธ์ด้วย
















Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 เมษายน 2553    
Last Update : 13 เมษายน 2553 20:53:06 น.
Counter : 562 Pageviews.  

โกรธยังไง.....ก็ยังรักเธอ!?

















































แม้ไม่ว่าจะมีปากมีเสียง
มีอารมณ์ขุ่นเคืองกับหวานใจในเรื่องเล็กหรือใหญ่และอยากเถียงให้ชนะขนาดไหน
ก็ตาม แต่ถ้ายังอยากอยู่ด้วยกันต่อไปล่ะก็
ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณผู้ชายพึงระลึกไว้เสมอ


1.นิ่งไว้ก่อนเมื่อมีอารมณ์


สิ่งแรกที่ต้องทำคือสงบสติอารมณ์และความฉุน
เฉียวเอาไว้ให้มิด
เพราะถ้าคุณระเบิดอารมณ์สิ่งที่คุณพูดออกมาก็จะไม่มีความหมายอื่นนอกจากยิ่ง
ทำให้เกิดรอยแผลลึกกันเข้าไปอีก
คุณจึงต้องนิ่งมีสติไว้ให้มั่นและหาโอกาสอธิบายถึงเหตุผลของคุณในจังหวะที่
เหมาะสมตามทำนองว่าพูดน้อยแต่ต่อยหนัก


2.เหตุผลสำคัญที่สุด


เวลาที่คนเราเถียงกันนั้นไม่ใช่เพื่อเอาชนะ
กันเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อทำความเข้าใจในเหตุผลของกันและกัน
จะมีประโยชน์อะไรที่เราเถียงชนะ
แต่เจ้าหล่อนไม่ยอมรับไม่ยอมเข้าใจในเหตุผลของเรา



ดังนั้นจึงต้องจำไว้ให้มั่นว่าห้ามหลุดคำ
รุนแรงหรือหยาบคายออกมา เพราะจะทำให้เกิดทั้งกำแพง
ทำให้การให้เกียรติหรือเคารพในกันและกันลดน้อยลง
ที่ต้องทำก็คือต้องกลั่นกรองถ้อยคำแต่ละคำที่จะพูดว่าเหมาะสมหรือ
ไม่ใช่เติมเชื้อไฟลงไปอีก
การใช้เหตุผลอธิบายที่มาที่ไปของสิ่งที่เราจำต้องกระทำในเวลาที่เหมาะสม
ทำให้เราเข้าใจกันได้ในที่สุด

































3.เถียงให้ถูกที่-ถูกเวลา

การเถียงกันในที่สาธารณะนอกจากจะเสียหน้า
แล้วยังเสี่ยงต่อการประจานความผิดกันต่อหน้าธารกำนัล
ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาลุกลามต่อไปได้อีก แถมเรื่องความขัดแย้งระหว่างคน 2 คน
นั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกคุณ เก็บเอาไว้ไปเถียงกันในที่รโหฐานดีกว่า


ทุกครั้งที่เรามีปากมีเสียงกัน
หากเราเถียงกันอย่างมีสติพยายามทำความเข้าใจ รู้จักยอมรับข้อดีข้อเสีย
นิสัยใจคอที่แตกต่าง รวมถึงให้อภัยซึ่งกันและกัน เราจะค่อยๆ
รู้จักรู้ใจและผูกพันกันมากยิ่งขึ้นกลายเป็นความรักที่แข็งแกร่งขึ้น


4.ทำผิดขอโทษ-รู้จักให้อภัย และการปรับตัว
คือทางรอดของรัก


แม้ว่าจะรักกันมากเพียงใดก็ตาม
แต่หลายครั้งที่ความรักล่มเรากลับพบว่าสาเหตุสำคัญนั้นไม่ได้อยู่ไกลตัวแต่
อยู่ภายในตัวของเราเอง เพราะเรามีตัวตนของเราเองมากเกินไป
จึงไม่เข้าใจและไม่รู้จักวิธีการที่จะยอมรับคนอื่น


การทำผิดแล้วขอโทษจากใจ
และรู้จักให้อภัยก็เป็นทางออกที่ดี แต่ถ้าต้องขอโทษ
ต้องยกโทษให้กันในเรื่องเดิมๆ บ่อยๆ มันคงไม่เวิร์กหรอก
ทางที่ดีเมื่อทะเลาะกันทุกครั้งเราก็ควรเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าหากันด้วย








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 เมษายน 2553    
Last Update : 13 เมษายน 2553 20:51:08 น.
Counter : 294 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.