คุณเป็นสาวสีอะไร??
























สาวสี
แดง

 เกิดวันที่ 23ธันวาคม -
1มกราคมและ 25มิถุนายน - 4 กรกฎาคม
 คุณเป็นผู้หญิงที่น่ารักเลยมักจะตก
หลุมรักบ่อยๆ
 และคุณก็ชอบที่จะเป็นอย่างนั้นซะด้วยคุณเป็นคนที่สดใส
ร่าเริง
 แต่ก็มีโวยวายบ้างในบางครั้ง
 งานที่คุณถนัดคืองานที่เท
คแคร์ผู้คน
 จงภูมิใจเถิดว่าคุณเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขที่สุด
 สำหรับ
ผู้ชายที่คุณชอบคือผู้ชายไม่เรื่องมาก
 และทำให้คุณสบายใจทุกครั้งที่
อยู่กับเขา


สาวสีชมพู
 เกิด
วันที่ 24 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ และ 26กรกฎาคม -4 สิงหาคม
 สิ่งที่ดี
ที่สุดเท่านั้นเป็นสิ่งที่คุณต้องการ
 ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม
ต้องทำให้ดีที่สุด
 เป็นที่พึ่งของเพื่อนๆ
 คุณไม่ใช่คนที่พอใจอะไร
ง่ายๆและออกจะมองโลกในแง่ลบสักหน่อย
 และคุณเฝ้ารอใครบางคนที่จะทำชีวิต
รักของคุณเหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยาย


สาวสีส้ม
เกิดวันที่ 2
- 11 มกราคม และ 5 -14 กรกฎาคม
 คุณมีความรับผิดชอบต่องานและรู้วิธี
การจัดการกับคนที่คุณทำงานด้วย
 คุณมักเป็นคนเอาจริงเอาจัง
 มีจุด
มุ่งหมายในชีวิตและเป็นนักสู้
 ส่วนเรื่องความสัมพันธ์
 คุณออกจะ
เป็นผู้หญิงที่เชื่อคนยากสักหน่อย
 แต่เมื่อคุณเจอตัวจริง
คุณจะเชื่อใจเขาตลอดไป


สาวสี
เหลือง

 เกิดวันที่ 12-23
มกราคม และ 15-25 กรกฎาคม
 เจอแล้วสาวหวานตัวจริง
 แถมไร้เดียงสา
อีกต่างหาก ไว้ใจคนง่าย
 และมักจะเป็นผู้นำในกลุ่มเพื่อน
 คุณมักจะ
ตัดสินใจอะไรเองได้เสมอ
 และมักจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องด้วยสิ
 และ
ที่สำคัญคุณใฝ่ฝันที่จะพลรักที่สุดแสนจะโรแมนติก

สาวสีฟ้า
 เกิดวันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ และ 5-13 สิงหาคมและ 1-14
พฤษภาคม
 คุณไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองนัก อ่อนไหว และมีความเป็นศิลปินสูง
 และ
ชอบที่จะรักคนอื่น เรียกได้ว่าเสพติดความรักที่เดียวแหละ
 มีบ่อย ๆ
 ที่
คุณทำให้ความรักหลุดลอยไปเพราะคิดมักจะรักด้วยความรู้สึก






























สาวสีน้ำตาล
 เกิดวันที่ 19-28 กุมภาพันธ์ และ 24 สิงหาคม -2 กันยายน
 คุณ
นี่แหละเป็นผู้หญิง Hyper ของแท้ กระฉับกระเฉง และ Active
 ตลอดเวลา
 และ
คุณเป็นเพื่อนกับคนยาก แต่เป็นแฟนกับคนง่าย ไม่ใช่ใจง่าย
 แต่คุณชอบที่
จะรักคนอื่นมากกว่า
 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกผิดหวังกับอะไร
 คุณ
ก็ยินดีจะหันหลังให้กับมันและยิ้มกับชีวิตตัวเองอย่างรวดเร็ว

สาวสีเขียว
เกิดวันที่ 9-18
กุมภาพันธ์ และ 14-23 สิงหาคม
คุณคือผู้หญิงที่ปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ๆ
ได้ดี
บางครั้งคุณเป็นคนเงียบขรึม
แต่ก็พูดต3คุณออรงจนบางทีทำร้าย
ความรู้สึกคนอื่นเพราะคำพูดของคุณ
คุณชอบที่จะเป็นที่รัก ดังนั้น บ่อยๆ

ที่คุณจะคิดค้นวิธีน่ารักๆ
เรียกร้องความสนใจจากคู่รักของคุณ
แต่
โดยส่วนใหญ่ คุณมักจะใช้ชีวิตโสด
และคุณเป็นคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องเนื้อ
คู่เอามากๆ
ถ้าคุณแต่งงานคุณจะใช้ชีวิตเรียบง่ายและรักเดียวใจเดียว

สาวสีน้ำทะเล
เกิด
วันที่ 1-10 มีนาคม และ 3-12 กันยายน
สาวน้ำทะเลนี่แหละ สาวเจ้าอารมณ์
คุณ
จะเป็นคนอารมณ์แปรปรวน ทุกๆ 3 นาที
รักการท่องเที่ยวและเป็นคนขี้เหงา
เอามากๆ
คุณเป็นคนซื่อสัตย์ แต่ก็เชื่อคนง่าย
เป้นคนที่ค่อนข้างจะ
ผิดหวังในเรื่องความรักเอามากๆ
และมักเสียความรักไปอย่างง่ายๆ

สาวสีเขียวมะนาว
เกิดวันที่ 11-20
มีนาคม และ 13-22 กันยายน
คุณคือภูเขาไฟย่อยๆ เลยล่ะ เพราะเมื่อคุณเฉย
คุณ
จะเป็นผู้หญิงเงียบๆ
แต่ถ้าโมโหก็เอาไม่อยู่เหมือนกันออกจะขี้หึงนิดๆ
และ
ขี้บ่นหน่อยๆ
คุณไม่ใช่คนที่ยึดติดกับอะไร
แต่คุณมีบุคลิกพิเศษที่
ทำให้ผู้คนมักจะเชื่อถือคุณ
และเป็นที่นิยมชมชอบเสมอ

สาวสีดำ
เกิดวันที่ 21 มีนาคม

คุณคือผู้หญิงที่ชอบความท้าทายชนิดน่าหวาดเสียวทีเดียว
แต่ภายในใจ
ลึกๆ คุณไม่ค่อยชอบความเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่
ถ้าคุณตัดสินใจดำเนินชีวิต
อย่างไร
คุณก็จะใช้ชีวิตอย่าง3คุณออนั้นเป็นเวลานานกว่าจะเปลี่ยน
ชีวิต
รักของคุรจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นและมีอะไรแปลกๆ
ประเภท Surprise
อยู่เสมอ

สาวสีเขียวมะกอก
เกิด
วันที่ 23 กันยายน
สาวแสนอบอุ่นตัวจริง
แต่บางครั้งคุณก็เป็นคนใจ
อ่อนเกินไป
มักจะโอนอ่อนผ่อนตามครอบครัวหรือเพื่อนๆ เสมอ
อย่างไรก็
ตาม คุณเป็นผู้หญิงที่รู้จักตัวเอง
รู้จักอะไรผิดอะไรถูก
จิตใจดี
ร่าเริงแจ่มใส และไม่ใช่คนขี้อิจฉาแน่นอน

สาวสีม่วง
เกิดวันที่ 22-31 มีนาคม
และ 24 กันยายน - 3 ตุลาคม
คุณนี่แหละแม่สาวเจ้าอารมณ์
แต่เพราะ
ความเจ้าอารมณ์นี่เองที่ทำให้คุณเป็นคนน่าค้นหา
เสแสร้งไม่เป็น
คุณมักจะเป็นสาวเจ้าเสน่ห์ประจำกลุ่ม
แต่ก็มีบ่อยๆ
ที่คุณครองตำแหน่งสาวเอ๋อประจำกลุ่มด้วยเหมือนกัน
เพราะคุณมักทำเปิ่นๆ
เสมอ ขี้ลืมในบางครั้ง
ผู้ชายในฝันของคุณจะต้องเป็นคนที่ดูแล้วน่าเชื่อ
ถือ

สาวสีเงิน
เกิด
วันที่ 11-20 เมษายน และ 14-23 ตุลาคม
คุณนี่แหละสาวจินตนาการสูง
ขี้อาย
แต่ก็ชอบหาสิ่งแปลกใหม่ให้ชีวิต
คุณชอบทำอะไรที่ท้าทายความ
สามารถ เป็นคนเรียนรู้เร็ว
ชอบอะไรที่ได้มายากๆ
ความรักของคุณมักจะมีเรื่องยากๆ ให้แก้
และสับสนตลอดเวลา

สาวสีเขียวทหาร
เกิดวันที่
1-10 เมษายน และ 4-13 ตุลาคม
คุณคือผู้หญิงที่น่าสนใจและรักการใช้ชีวิต
ของตัวเอง
อารมณ์อ่อนไหว และมักรู้สึกกับทุกสิ่งที่เข้ามากระทบรอบๆ ตัว

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่อะไรใกล้ๆ ตัว
มักทำลายสมาธิคุณเสมอ
แต่
คุณก็น่ากลัวใช่ย่อยเหมือนกัน เพราะเมื่อคุณโกรธใคร
จะไม่ใช่เรื่องง่าย
เลยที่คุณจะยกโทษให้เขาคนนั้น

สาวสี
ขาว

เกิดวันที่ 21-30 เมษายน และ 24 ตุลาคม - 11
พฤศจิกายน
คุณมีฝันและเป้าหมายแน่นอนให้ชีวิตบางครั้งคุณเป็นคนขี้อิจฉา

และไม่ยอมทำอะไรซ้ำเดิม หรือเรียกว่าใจแข็งก็ว่าได้
คุณเป็นคนที่
มีความแตกต่างในตัวเองสูง
และมักตั้งความหวังไว้กับคนรอบข้างสูงเช่นกัน


สาวสีครีม
เกิด
วันที่ 25 พฤษภาคม - 3 มิถุนายน และ 22 พฤศจิกายน - 1
ธันวาคม
คุณ
มักจะเป็นผู้หญิงนักสู้ในหมู่เพื่อนๆ
ชอบการแข่งขันการเอาชนะ
มี
ความทะเยอทะยาน น่าเชื่อถือ ตกหลุมรักยากมาก
เพราะคุณเป็นคนเชื่อเรื่อง
รักแท้
ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยว่าหากคุรเจอผู้ชายที่ถูกใจแล้ว
คุณจะ
รักเขานานแค่ไหน

สาวสีทอง
เกิด
วันที่ 15-24 พฤษภาคม และ 12-21 พฤศจิกายน
คุณรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก
ร่าเริงแจ่มใส ทะเยอทะยาน
เป็นเรื่องยากสำหรับคุณที่จะหาคนถูกใจ
แต่
เมื่อไหร่ที่คุณเจอคนถูกใจ
คุณจะติดกับอยู่กับเขาไปนานแสนนาน

สาวสีเทา
เกิดวันที่ 4-13 และ 24
มิถุนายน และ 2-11 ธันวาคม
คุณคือผู้หญิงที่มีความดึงดูดทางเพศสูง
และมีค'b3วาม Active
สูงด้วย
จริงใจ
จนบางครั้งคุณเป็นคนเก็บอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
ชอบเรียกร้องความสนใจ
และ
เกลียดผู้ชายที่ไม่มีความเสมอต้นเสมอปลาย
อย่างไรก็ตาม
คุณคือผู้หญิงที่คารมดี
สามารถทำให้คนรอบข้างมีความสุข
ที่สำคัญคุณ
มีอารมณ์ขัน จนคนขำกลิ้งทีเดียว

สาวสี
เลือดหมู

เกิดวันที่ 14-23 มิถุนายน และ 12-22 ธันวาคม

คุณเป็นผู้หญิงที่ฉลาด และมักจะจัดการปัญหาต่างๆ
ตามวิธีการของคุณ

ออกเผด็จการหน่อยๆ ไม่ค่อยจะเชื่อมั่นในตัวเอง 
และไม่ค่อยแคร์
ความรู้สึกคนอื่นส่วนในเรื่องความรักคุณเป็นคนป่วยโรคฝังใจในรักเ 
ก่าขั้นโคม่าทีเดียว






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 19 เมษายน 2553    
Last Update : 19 เมษายน 2553 23:56:05 น.
Counter : 384 Pageviews.  

เหงา ว่างเปล่า "บ้าน"











































... ทำไม ความเหงา ... ถึงเข้ามาพร้อมกับ ..


ความว่างเปล่านะ..

คุณเคยถามตัวเองแบบนี้หรือเปล่า


ในวันที่เรา เหนื่อย ท้อ
ล้า .. อีกหลาย - หลายอารมณ์

หลาก
หลายความรู้สึก ..


เราจะนึกถึง บ้านเรา ... ที่บ้านมักมีแต่สิ่งที่ดีที่สุด..


ให้กับเราเสมอ เสมอ ...

ถึงแม้ในยามที่เรา มีความสุข
บางคนอาจไม่นึกถึงบ้าน ..


แต่ถ้าหาก ... ว่าวันนึงเรารู้สึกเหงา ..
ว่างเปล่า ..


สิ่ง
ที่เราคิดถึง มักจะเป็นบ้าน ...

ผิด
หวังจากความรัก .... หรือว่าจากสิ่งใดก็ตาม ..


เราจะกลับไปอยู่ภายใต้ชายคาเรือนของเราเอง .....


เพื่อที่จะพักรักษาใจ
ให้กลับเป็นเหมือนเดิม ..

สำหรับเราเหรอ

.... บ้าน คือ ที่ ที่ หัวใจ อยู่...








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 19 เมษายน 2553    
Last Update : 19 เมษายน 2553 19:15:57 น.
Counter : 438 Pageviews.  

ระวังขนมปังสุดฮิต นักวิจัยเตือนอันตราย




















































นัก
วิจัยเผยพบขนมกรุบกรอบกว่า 700 ชนิดสารพัดยี่ห้อที่วางขายล่อใจ
เจอแต่ส่วนผสมประเภทหวานจัด มันเยิ้ม เค็มปี๋ เสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูง
เบาหวาน หัวใจ


ระบุ "ขนม
ปังประเภทเม็กซิกันบัน
"

เปิบแค่ชิ้นเดียวให้พลังงานเกินกว่าความต้องการของร่างกาย
พบเด็กไทยกำลังมีปัญหาไขมัน น้ำตาลผิดปกติ เป็นผลจากความอ้วน
รศ.ดร.ประไพศรี ศิริจักรวาล หัวหน้าฝ่ายมนุษยโภชนา สถาบันวิจัยโภชนาการ
มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงผลการนำขนมและอาหารว่างประมาณ 700 ตัวอย่าง
ที่จำหน่ายในท้องตลาด
มาวิเคราะห์จากฉลากโภชนาการและส่วนประกอบเพื่อให้ทราบคุณค่าทางโภชนาการ
ภายใต้การแถลงข่าวเรื่อง
"ภัยขนมกรุบกรอบทำร้ายสุขภาพเด็กไทย"

จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
และเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน พบว่ามีเพียง 10%
ของขนมทั้งหมดที่ผ่านเกณฑ์โภชนาการ

แต่
ก็ไม่ได้ผ่านทั้งหมด เพราะใน 10% นั้นบางอย่างก็เค็มเกินไป หวานเกินไป
โดยสามารถแบ่งได้เป็น 5 กลุ่ม คือ


กลุ่มลูกอม
หมากฝรั่ง เยลลี่ พบมีน้ำตาลและสารให้ความหวานอื่น ๆ เป็นส่วนผสมจำนวนมาก
กลุ่มช็อกโกแลต มีไขมันกับน้ำตาลในปริมาณสูง กลุ่มถั่วและเมล็ดพืช
มีไขมันและโซเดียมมาก กลุ่มปลาเส้นปรุงรสต่าง ๆ ปลาอบกรอบ แม้จะมีโปรตีน
แต่มีโซเดียมสูง ยิ่งปรุงรสเข้มข้นก็ยิ่งมีโซเดียมมากขึ้น กลุ่มมันฝรั่งทอด
ข้าวเกรียบ ข้าวอบกรอบ ข้าวโพดอบกรอบ แป้งทอด จะเต็มไปด้วยโซเดียมและไขมัน
































"นอก
จากขนมกรุบกรอบยังมีขนมปังประเภทเม็กซิกันบันซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่าง
มากในขณะนี้


จากการเก็บตัวอย่างพบว่าปริมาณคุณค่า
ทางโภชนาการโดยเฉพาะในส่วนของไขมันมีปริมาณสูงมากพบว่าปริมาณสารอาหารที่ได้
รับต่อขนมปัง 1 ก้อน ให้พลังงานสูง 600 กิโลแคลอรี
เมื่อเทียบปริมาณที่ควรได้รับอยู่ที่ 200 กิโลแคลอรีต่อวัน
ปริมาณไขมันอยู่ที่ 32.5 กรัม คิดเป็น 50%
ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน (RDI) ไขมันอิ่มตัวอยู่ที่ 13.88 กรัม
คิดเป็น 69% ของปริมาณที่ต้องบริโภค ต่อวัน คอเลสเตอรอลอยู่ที่ 117
มิลลิกรัม คิดเป็น 39% ของปริมาณที่ต้องบริโภคต่อวัน ส่วนน้ำตาลอยู่ที่ 27.7 กรัม
ซึ่งปริมาณที่ต้องการไม่ควรเกินวันละ 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัมต่อวัน
หากทานเพียง 1 ก้อน ต้องวิ่งเร็วประมาณชั่วโมงครึ่ง หรือว่ายน้ำประมาณ 2
ชั่วโมง จึงสามารถเผาผลาญได้หมด
"
หัวหน้าฝ่ายมนุษยโภชนากล่าว รศ.ดร.ประไพศรี กล่าวต่อว่า ขนมกรุบ กรอบกว่า
90% มีคุณค่าทางโภชนาการน้อยมาก และเต็มไปด้วยสารอาหารที่เกินพอดี
ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะเน้นความมันกับรสเค็ม

จึงมีส่วนผสมที่ทำให้เกิดรสเค็ม อย่าง เกลือ ผงชูรส ซีอิ๊ว
น้ำปลา ในปริมาณสูงมาก ทั้ง ๆ ที่เด็กไม่ควรได้รับโซเดียมจากขนม
อาหารว่างไม่เกิน 200 มิลลิกรัม


น้ำมันไม่เกิน 5
กรัม ต่อวัน แต่การศึกษาพบเด็กได้รับโซเดียมจากขนมมากกว่าเกณฑ์ 3-4 เท่า
ส่วนผสมที่เป็นความอร่อยเหล่านี้เมื่อทานต่อเนื่องจะทำให้ไตทำงานหนัก เสี่ยง
ต่อโรคความดันโลหิตสูง และส่วนประกอบหลักของขนมกรุบกรอบประเภท แป้ง
ทำให้เด็กได้รับคาร์โบไฮเดรตสูง กลายเป็นเด็กอ้วน ฟันผุ

อนาคตเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ ด้าน
รศ.นพ.จิตติวัฒน์ สุประสงค์สิน หัวหน้าหน่วยสำนักงานวิจัย คณะแพทยศาสตร์
รพ.รามาธิบดี

และนักวิชาการจากเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวว่า
ประเทศไทยมีประชากรวัยเด็กประมาณ 10 ล้านคน มีเด็กอ้วนประมาณ 20%
หรือประมาณ 2 ล้านคน
ซึ่งครึ่งหนึ่งของเด็กอ้วนมีความเสี่ยงเรื่องความดันโลหิตสูง
ทุกวันนี้เด็กไทยจำนวนหนึ่งกำลังมีปัญหา
"เมตาบอลิคซินโดรม"
คือมีเมตาบอลิซึมผิดปกติ
มีความดันโลหิตสูง ไขมันผิดปกติ น้ำตาลผิดปกติ
สัมพันธ์กับภาวะที่ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน เป็นผลจากความอ้วน
มีความเสี่ยงเป็นเบาหวานได้ง่าย
ดังนั้นผู้ปกครองต้องช่วยสร้างวัฒนธรรมการกินของเด็ก เน้นให้กินพืชผัก
ผลไม้ อาหารปรุงเอง โรงเรียนควรมีแนวคิดเรื่องสุขภาพ
สร้างสภาพแวดล้อมที่ปราศจาก ขนม ของหวาน น้ำอัดลม.




















ขอ
ขอบคุณสาระดีดี จาก







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 19 เมษายน 2553    
Last Update : 19 เมษายน 2553 19:13:34 น.
Counter : 805 Pageviews.  

เรื่องดี ดีของ น้องชาย...และพี่สาว















ฉันเกิดในหมู่บ้านบน
ภูเขาที่ห่างไกลผู้คน

แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลาง
แดดที่ร้อนระอุ

ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3ปี

วัน
หนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้า

ที่เพื่อนๆของฉันมี
กันจากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง



พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง

โดยที่ในมือพ่อมีก้าน
ไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน

"ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด



ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน

พ่อจึงเอ่ย
ขึ้นว่า"ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"



พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น



ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้แล้วพูดว่า

"ผม
ขโมยเองครับ"



ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง

พ่อ
โกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด

จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย

พ่อ
นั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน

"ของคนในบ้านแกเอง
แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก

แกน่าจะโดนตีให้ตาย หัวขโมย"



คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้

หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด
แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย



กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก



น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า

"พี่ครับ
ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว"



ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้

ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความ
จริงกับพ่อ



หลายปีผ่านไปแต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง



ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย

ตอนนั้น
น้องของฉันอายุ 8ปี ส่วนฉันอายุ 11ปี...



เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น

เขาได้รับการตอบรับจาก
โรงเรียน

ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย

ก็
ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน



คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน



ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า "ลูกเราทั้งคู่เรียนดีเรียนดีมากนะ"



แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า

"แล้วเราจะส่งเสีย
ลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"



ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า

"ผมไม่
ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"



พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่

"ทำไมถึงคิดโง่ๆ
อย่างนี้ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน

พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียน
จนจบให้ได้"



คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ

ทั่วทั้งหมู่บ้านเพื่อ
ขอยืมเงิน



ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า

"ต้องให้
น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"



แต่ในขณะเดียวกัน

ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้

ใคร
จะรู้ได้ ... วันต่อมาในตอนเช้ามืด

น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไป
พร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น

และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อ
ประทังความหิว



ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉันขณะฉันกำลังหลับ

"พี่
ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....

ผมจะไปหางานทำ
แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"



ฉันนั่งอยู่บนเตียง

อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ...

ฉัน
ร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ
20ปี



ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน

รวมกับเงินที่น้องชายของฉัน
ได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเ

ป็นกรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้าง
...

ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3



วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก

เพื่อนร่วมห้อง
ของฉันได้เข้ามาบอกว่า

"มีชาวบ้านมาหาเธออยู่ข้างนอกแน่ะ"



ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???

ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของ
ฉันยืนอยู่

ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อ
สร้าง...

ฉันถามเขาว่า"ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"



น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้

ขืน
บอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"



ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง

และพยายามพูดด้วย
เสียงเครือๆในลำคอ

"พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไงเธอเป็นน้องของพี่
ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"



จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

เป็น
กิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน

แล้วพูดว่า"ผมเห็นสาวๆ
ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"



ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด

ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำ
แล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20ปี ส่วนฉันอายุ
23ปี



วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก

ฉันสังเกตเห็น
ว่าหน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว



เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก



หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า

"แม่ไม่ต้องเสียเงิน
เพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก

เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้าน
หรอกนะคะ"



แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า "แม่ไม่ได้จ้างหรอก

น้องชายลูกต่างหากวันนี้
เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน

ลูกยังไม่เห็นมือน้อง
หรอกเหรอ

น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"



ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา



ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ



ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม"ฉันถาม



"ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ

มีหินตกมา
ใส่เท้าผมเต็มไปหมด

แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะและ..."



น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด

เพราะฉันหัน
หน้าหนีเขาน้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ
23ปี ส่วนฉันอายุ 26ปี...



หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง

หลายครั้ง
ที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน...

แต่
ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ



ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง

แต่เมื่อออกไป
แล้วท่านไม่รู้จะทำอะไรดี

จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้าน
ตามเดิม



น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป...

เขา
บอกกับฉันว่า

"พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะผมจะ
ดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"



สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว

เราทั้งคู่อยากให้
น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท...

แต่น้องชายของฉัน
ก็ไม่รับตำแหน่งนี้

เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา



วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล

และตกลง
มาเพราะโดนไฟดูด

เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล



ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล

น้องชายของฉันขาหักต้อง
เข้าเฝือกที่ขา

... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า



"ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!

ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะ
ได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้ดูตัวเองซิ

เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว
ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"



คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด

ยังยืนยันความคิด
เดิมของเขา

"พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน

ส่วน
ผมมันการศึกษาต่ำถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ

คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็ม
ไปหมด"



น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย

ฉันบอกกับน้องว่า
"แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..."



"ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ"

น้องชายของฉัน
จับมือฉันไว้

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26ปี ส่วนฉันอายุ 29ปี...



เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30ปี

เขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่
บ้านเดียวกัน



ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า

"ใครคือคนที่คุณ
รักที่สุดในชีวิตนี้"



น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ"

และเขาก็เล่า
เรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้



"ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง

เราสองคน
พี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม. เพื่อเดินไปเรียนและเดินกลับบ้าน

วัน
หนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง

พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้าง
หนึ่ง

และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล

เมื่อ
เรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว

เธอไม่สามารถจับช้อนทาน
ข้าวได้ด้วยซ้ำ ... นับจากวันนั้น



ผมสาบานกับตัวเอง

ว่าตลอดชีวิตของผม
ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดีและจะทำดีกับเธอ"



เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว

สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับ
จ้องที่ฉัน



คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ... "ในโลกใบนี้

คนเดียวที่ฉัน
รู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"



ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้

น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของ
ฉันอีกครั้ง...


จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ

วันในชีวิตของคุณและเขา

คุณ
อาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ

แต่
สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง

..ไม่ว่าเขาคนนั้น
จะคือ

พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน

หรือแม้คนที่คุณ
ไม่รู้จัก ก็ตาม







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 19 เมษายน 2553    
Last Update : 19 เมษายน 2553 18:38:51 น.
Counter : 416 Pageviews.  

เผยรังนก 10 กระปุก ประโยชน์เท่าไข่ต้มใบเดียว!!!















กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค
ตั้งคณะทำงานศึกษารังนก ซุปสกัด มีประโยชน์จริงหรือ

เทียบรังนก 10
กระปุกมีประโยชน์เท่ากับไข่ต้มใบเดียว พ่วงชาเขียว อย.เผย

ขอความ
ร่วมมือไม่ตั้งตู้ขายในโรงเรียน



นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคไทยรักไทย ในฐานะประธานคณะ

กรรมาธิการ
การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่าที่ประชุมกรรมาธิการ

ได้
พิจารณาเครื่องดื่มประเภทรังนก เนื่องจากในเครื่องดื่มรังนกมีเปลือกไม้

ลักษณะ
คล้ายวุ้นเป็นส่วนผสมอยู่ด้วย แต่อัตราส่วนของรังนกมีอยู่ประมาณ 0.1

เปอร์เซ็นต์
ถือว่าน้อยมาก สิ่งที่กรรมาธิการมีความเป็นห่วงมากคือไม่มีประโยชน์

ต่อ
ร่างกาย หากเปรียบเทียบจะพบว่ารังนก 10 กระปุก เท่ากับรับประทาน

ไข่
ต้มเพียงใบเดียว!



นายวิชาญ กล่าวว่า กรรมาธิการจึงมีมติตั้งคณะทำงานขึ้นมาคณะหนึ่ง

โดย
มี นพ.เฉลิมชัย เครืองาม เป็นประธาน เพื่อศึกษาเรื่องดังกล่าว รวมทั้ง

ประเภท
ซุปไก่สกัดต่าง ๆ ด้วยว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายจริงหรือไม่ นอกจากนี้

ยัง
ได้ติดตามผลการศึกษาเครื่องดื่มประเภทชาที่มีราคาค่อนข้างสูง แม้ผู้ประกอบ

การ
จะลดขนาดของขวดให้เล็กลงแต่ราคายังคงเดิม



ทั้งนี้ จากการเชิญองค์การอาหารและยา (อย.)
มาชี้แจงเรื่องดังกล่าวยังระบุว่า

ไม่บริโภคชาเขียว
เพราะรู้ว่าชาเขียวไม่มีประโยชน์แต่ก็ยังให้ดื่ม พร้อมทั้งได้ทำ

หนังสือ
ไปถึงโรงเรียนทุกแห่งเพื่อขอความร่วมมือไม่ให้ติดตั้งเครื่องเพื่อขาย

เครื่อง
ดื่มดังกล่าวด้วย






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 19 เมษายน 2553    
Last Update : 19 เมษายน 2553 18:36:47 น.
Counter : 377 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.