10 วิธีคืนสมดุลจิตใจสลายความเครียด











































1.
ฟังเพลง หามุมสงบ

นั่ง
ปล่อยใจให้ล่องลอยอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วฟังเพลง เบา ๆ โดยเฉพาะเพลงจำพวก
Meditation ซึ่งเดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลากหลายแบบตามความต้องการ
ทั้งเสียงของดนตรี บรรเลงหรือเสียงธรรมชาติ
จำพวกเสียงคลื่น..เสียงน้ำตก..เสียงนกร้อง
รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคื่นสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์
ในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ เชียวล่ะ

2. ฉายเดี่ยวดูภาพยนตร์

ขอแนะนำให้ฉายเดี่ยวแล้วตีตั๋วดูหนังดีๆ สักรอบ
เพราะการไปดูหนังเนี่ยเป็นวิธีที่เวิร์คที่สุดที่จะปลดปล่อยความรู้สึกให้
ล่องลอยอย่างเป็นอิสระไม่จมอยู่กับปัญหา
แถมระบายความอัดอั้นตันใจได้อย่างเห็นผล
แต่ต้องถามตัวเองก่อนนะว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เช่น
ถ้าอยากร้องไห้ก็ไปดูหนังรักเศร้าเคล้าน้ำตาแล้วก็ร้องไห้ออกมาซะให้พอ
หรือถ้าเครียดจัดก็จงไปดูหนังตลกแล้วหัวเราะให้หลุดโลกไปเลย


3. โทรหาเพื่อนรู้ใจ

อย่าคิดว่าตัวเองจะแก้ปัญหาทุกปัญหาได้ดีไปซะหมด
หัวใจสาวมั่นแม้จะแกร่งเพียงใดก็ยังต้องการที่พึ่งพิงเสมอ
ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสันคนแล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้
เพราะการมีคนรับฟังและให้คำปรึกษา
จะทำให้ชีวิตที่เอียงกะเท่เร่เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น
อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า ไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลกไงล่ะ


4. เขียนไดอารี่

การเขียนไดอารี่เปรียบเสมือนการเปิดประตูอารมณ์ที่ปล่อยให้
ความอัดอั้นตันใจต่างๆ
ได้ไหลลงสู่หน้ากระดาษอย่างเป็นอิสระและเป็นส่วนตัวที่สุด
เพราะการถ่ายเทความรู้สึกในใจออกมา จะทำให้จิตใจปรับสมดุลได้เร็วขื้น
อีกทั้งระหว่างการเขียนไดอารี่นั้นยังถือเป็นการทบทวนความรู้สึกตัวเองที่ดี
ที่สุดด้วย ส่วนข้อดีสุดเลิศอีกข้อก็คือ
ไดอารี่เป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ที่สุด
เพราะรับฟังเราเสมอและไม่เคยเอาความลับไปบอกต่อไงล่ะ


5. พลังแห่งการสัมผัส

ลองมองหาใครสักคนช่วยโอบกอดหรือสัมผัสเบา ๆ
เวลารู้สึกเหนื่อยล้าดูสิ เพราะร่างกายคนเราเวลาถูกสัมผัสเนี่ย
จะทำให้เกิดฮอร์โมนที่ชื่อ "อ๊อกซี่โทชิน"
ซึ่งมีผลในการลดระดับความเหนื่อยและความเครียด
ช่วยให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

6. สร้างอารมณ์ขัน

พยายามมองหาเพื่อนที่มีอารมณ์ขันช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อ
เหี่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง เพราะคนที่หัวเราะง่ายจะมีสุขภาพจิตที่ดี
เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลง
(ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด)
แถมยังช่วยเสริมสร้างระดับของ "อิมโมโนโกลบูลินเอ"
ซึ่งเป็นสารแอนตี้บอดี้ที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกด้วยนะ
เพราะฉะนั้นหัวเราะเข้าไว้ แล้วจะดีเอง


7. สูดกลิ่นหอม

รู้หรือเปล่าว่า...กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์มีผลในการ
ช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว
แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียด ๆ
ก็ลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้สิ อย่างกลิ่นกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์
หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยในน้ำอุ่นกำลังดี
แล้วนอนแช่ตัวให้เพลินสักครึ่งชั่วโมงก็ได้
กลิ่นหอมจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ

8. ไปตากอากาศ

หาเวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์กับชีวิตท่ามกลางธรรมชาติสัก
พัก สิ หายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด
แล้วก็นอนให้มากที่สุดเท่าที่อยากจะนอน
เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่แบบไม่ทราบสาเหตุเนี่ยมันมาจาก
ชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป เพราะฉะนั้นหลบไปนอนตากน้ำค้างดูดาวเสียบ้าง
หัวใจจะได้ชาร์จพลังได้ดีขึ้น


9. หาสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน

ลองหาสัตว์เลี้ยงสักตัวมาเป็นเพื่อนเล่นก็ไม่ เลวนะ
เพราะการให้เวลากับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด คุยเล่น หยอกล้อกับมันเสียบ้าง
จะช่วยให้จิตใจอันแสนจะฟุ้งซ่าน สงบลงได้
แถมรู้จักการให้และมองโลกในแง่ดีมากขึ้นอีกต่างหาก
ที่สำคัญยังช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วยนะ

10. จินตนาการแสนสุข

อีกทางเลือกสำหรับการบรรเทาความหดหู่ในส่วนลึก
เป็นการดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบัน ทำได้โดยหลับตาแล้วหายใจลึก ๆ
จากนั้นก็สร้างจินตนาการถึงความฝันที่วาดหวังเอาไว้
หรือแม้แต่ความหลังอันแสนสุขที่เคยมีการดึงความสุขจากจินตนาการมาใช้จะ ทำ
ให้เกิดพลังสร้างสรรค์ในหัวใจ
และยังช่วยสลายความเครียดข้างในได้เป็นอย่างดี ทำแบบนี้เงียบ ๆ สัก 5 นาที
รับรองรู้สึกดีแบบทันตาเห็น








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 19 เมษายน 2553    
Last Update : 19 เมษายน 2553 17:02:40 น.
Counter : 481 Pageviews.  

โรคอ้วนทำให้มะเร็งรังไข่ลุกลามเร็ว ขึ้น













































      
คณะนักวิจัยในสหรัฐพบว่า
ผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ที่เป็นโรคอ้วนมักมีอาการลุกลามเร็วกว่าและเสียชีวิต
มากกว่าผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ที่ไม่เป็นโรคอ้วน




      
ผู้เชี่ยวชาญทราบกันแล้วว่า
โรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งบางชนิด
แต่งานวิจัยของศูนย์การแพทย์ซีดาร์-ไซนาย
ที่ลงพิมพ์ในวารสารมะเร็งชิ้นนี้บ่งชี้ว่า
โรคอ้วนยังอาจทำให้มะเร็งบางชนิดลุกลามเร็วขึ้นอีกด้วย
สันนิษฐานว่าเกิดจากการที่เซลล์ไขมันผลิตฮอร์โมนหรือโปรตีนที่เร่งให้เซลล์
มะเร็งรังไข่ลุกลามเร็วขึ้น คณะนักวิจัยศึกษาประวัติผู้ป่วยมะเร็งรังไข่
216 คน
โดยเปรียบเทียบผู้ป่วย
35 คนที่เป็นโรคอ้วนกับผู้ป่วย 108
คนที่มีน้ำหนักตัวสมส่วน พบว่าหลังรับการรักษามะเร็งแล้ว


      
โรคอ้วนทำให้มะเร็งกำเริบใหม่เร็วขึ้นและผู้ป่วยเสียชีวิตเร็วขึ้น
พวกเขาจะวิจัยต่อไปเพื่อหาคำตอบที่แน่ชัดว่าโรคอ้วนมีผลต่อการลุกลามของ
มะเร็งอย่างไร

ผลการศึกษาก่อนหน้านี้พบ
ว่า ผู้ป่วยโรคอ้วนมีสารประกอบที่เรียกว่า ฮอร์โมนคล้ายอินซูลิน
หรือไอจีเอฟ
1 มากกว่าคนผอม ยิ่งมีสารประกอบตัวนี้มาก
ยิ่งมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น
แต่ละปีในอังกฤษตรวจพบผู้ป่วยมะเร็งรังไข่รายใหม่ประมาณ
6,800
คน พบได้ในสตรีทุกวัยแต่ส่วนใหญ่มักพบในวัยหลังหมดรอบเดือน
มะเร็งชนิดนี้ตรวจพบได้ยาก ผู้ป่วยส่วนใหญ่ตรวจพบในระยะสุดท้าย และร้อยละ
70
มักเสียชีวิตภายใน
5 ปีหลังตรวจพบ


      
ด้านศูนย์วิจัยมะเร็งอังกฤษระบุว่า
โรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งหลายชนิด ทั้งมะเร็งลำไส้
มะเร็งมดลูก มะเร็งถุงน้ำดี มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งเต้านม
สำหรับสตรีวัยหมดรอบเดือน
จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ได้ด้วย
อย่างไรก็ดี งานวิจัยชิ้นนี้กลุ่มตัวอย่างยังน้อยเกินไป
จำเป็นต้องวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลอีกครั้ง








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 19 เมษายน 2553    
Last Update : 19 เมษายน 2553 17:00:54 น.
Counter : 447 Pageviews.  

ดูแลผิวด้วยเกลือ














































เกลือ
ถึงจะขึ้นชื่อว่า เค็ม แต่ก็มีประโยชน์ สามารถนำมาดูแลผิวได้
วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน...



- ลดรอยช้ำรอบดวงตา
ด้วยวิธีง่าย ๆ
โดยผสมเกลือ 1 ช้อนชาในน้ำร้อน 1/2 ถ้วย ใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำเกลือ
ปิดตาไว้สัก 5-10 นาที รอยช้ำรอบดวงตาจะค่อย ๆ จางลง



- ลดความมันบนใบหน้า

โดยเริ่มจากใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนพอหมาดมาปิดหน้าไว้สัก 3-5 นาที
เพื่อช่วยเปิดรูขุมขนก่อน แล้วจึงค่อยใช้เกลือ 1 ช้อนชา ผสมน้ำ
ใส่ขวดสเปรย์ฉีดพ่นน้ำผสมเกลือให้ทั่วใบหน้า
จากนั้นก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้แห้ง



-
เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวพรรณ
โดยใช้เกลือ 1/2 ถ้วย
ผสมลงในอ่างอาบน้ำ แช่ตัวประมาณ 15-20 นาที จากนั้นเช็ดตัวให้แห้ง
แล้วทาโลชั่นให้ทั่วร่างกาย เกลือจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยิ่งขึ้น



- ขัดผิวให้สวยใส
โดยใช้เกลือผงถูตัว
แล้วใช้ฟองน้ำหรือผ้าขนหนูขัดให้ทั่วตัว
จะช่วยให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออกมา
ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกายด้วย



- ผ่อนคลายอาการเมื่อยล้าที่เท้า

โดยผสมเกลือประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะลงในน้ำอุ่น แล้วแช่เท้าทั้งสองข้างไว้
จะช่วยให้รู้สึกคลายความเมื่อยล้าได้

รู้อย่างนี้แล้ว ลองนำไปปฏิบัติตามกันดูได้.




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เด
ลินิวส์





Free TextEditor







































































































 

Create Date : 19 เมษายน 2553    
Last Update : 19 เมษายน 2553 16:57:39 น.
Counter : 273 Pageviews.  

"ฝรั่งอบแห้ง"สามารถควบคุมน้ำหนักได้










































         
ฝรั่งอบแห้งชนิดแท่ง  ที่เกิดจากแนวคิดของ บูชิตา พงษ์พัว และ สุนิสา
พ่วงบุญมาก สองนักศึกษาสาวจาก ม.เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตโชติเวช
สาขาอาหารโภชนาการ-พัฒนาผลิตภัณฑ์
นอกจากจะเป็นอาหารเช้าที่ไม่ต้องเสียเวลานั่งรับประทานแล้ว
ยังเหมาะแก่การคุมน้ำหนักด้วย

บูชิตา
เล่าให้ฟังว่า ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปชนิดแท่งจากฝรั่งอบแห้งนี้
มีขั้นตอนกรรมวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยาก มีส่วนผสมประกอบคือ
ฝรั่งอบแห้ง
, ข้าวพอง,
ซูคราโลส, แบะแซ,
น้ำ
ผึ้งและน้ำเปล่า
ให้เริ่มด้วยนำน้ำผสมกับสารให้ความหวานซูคราโลส
น้ำผึ้งและแบะแซ ต้มให้เดือดทิ้งไว้
2 นาที
จากนั้นนำฝรั่งอบแห้งผสมกับข้าวพองคนให้เข้ากัน
แล้วนำชุดความหวานเทลงคนให้ทั่ว ให้สารความหวานเกาะติดที่เนื้อฝรั่ง
จากนั้นตักใส่ถาดนำไปขึ้นรูปและผนึกถุงเป็นขั้นตอนสุดท้าย

 ด้าน
สุนิสา
หนึ่งในผู้วิจัยเสริมว่าผลิตภัณฑ์ฝรั่งอบแห้งชนิดแท่งนี้เหมาะเป็นอาหารเช้า
รับประทานร่วมกับนมข้นได้เป็นอย่างดี และไม่เพียงแต่เป็นอาหารเช้า
ยังเป็นอาหารขบเคี้ยวได้ทุกเวลาเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

เรื่องของคุณค่าทางโภชนาการ สุนิสา
บอกว่าช่วยเรื่องการขับถ่าย
ที่สำคัญกว่านั้นฝรั่งอบแห้งนี้ไม่ใช้น้ำตาลทรายแต่ใช้สารให้ความหวานซูครา
โลสแทน จึงมีคุณสมบัติพิเศษคือ ให้ความหวานแต่ไม่ให้พลังงาน
เหมาะสำหรับผู้ต้องการควบคุมน้ำหนักและผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 19 เมษายน 2553    
Last Update : 19 เมษายน 2553 16:55:36 น.
Counter : 355 Pageviews.  

สูบบุหรี่ตอนท้องเสี่ยงทำลูกอ้วน













































มีผลให้ขาด
อาหารระหว่างอยู่ในครรภ์ กินเพิ่มขึ้นหลังคลอด

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยถึงรายงานที่พบว่า
เด็กที่คลอดจาก มารดาที่สูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์
มีโอกาสที่จะเป็นเด็กอ้วนมากกว่าเด็กที่มารดาไม่สูบบุหรี่เกือบ
3
เท่า ว่า ศ.เซนตาโร ยามากาตา และคณะแพทยศาสตร์ยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น
เป็นผู้ทำการศึกษาดังกล่าว โดยจากการติดตามหญิงญี่ปุ่น จำนวน
1,000
คน ที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่คลอดจนเด็กมีอายุ
9-10
ขวบ
ซึ่งรายงานดังกล่าวมีกำหนดจะได้รับการเผยแพร่ในวารสารทางการแพทย์
ในอเมริกาในเดือน ธ.ค.
นี้

รายงาน
สรุปว่า การสูบบุหรี่ของมารดา
แม้เพียงแต่ในระยะแรกของการตั้งครรภ์จะส่งผลต่อสุขภาพของเด็กในระยะยาว

ทั้งนี้เด็กที่มีน้ำหนักเกินมักจะเติบโตต่อไปเป็นผู้ใหญ่ที่อ้วนด้วย
แม้จะไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่สันนิษฐานว่าการสูบบุหรี่ของแม่
ทำให้เด็กในครรภ์ขาดอาหาร
การขาดอาหารระหว่างที่อยู่ในครรภ์ทำให้เด็กกินมากขึ้นหลังคลอด ทั้งนี้
รายงานเดียวกัน พบว่าเด็กที่คลอดจากมารดาที่มักจะไม่กินอาหารเช้า
มีโอกาสที่จะเป็นเด็กอ้วน
2.4
เท่าของเด็กที่มารดากินอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมอ

ศ.นพ.ประกิต
กล่าวว่าการสูบบุหรี่ของมารดาทำให้เด็กในครรภ์ได้รับออกซิเจนน้อยลง
ขณะที่นิโคตินในควันบุหรี่ทำให้เส้นเลือดของทารกหดตัว
ทำให้เลือดไปเลี้ยงทารกลดลง ทารกจึงรับอาหารและออกซิเจนได้น้อยลง
ซึ่งโดยเฉลี่ยทารกที่คลอดจากมารดาที่สูบบุหรี่จะมีน้ำหนักน้อยกว่าทารกที่
คลอดจากมารดาที่ไม่สูบบุหรี่สองขีด อย่างไรก็ตาม
วัยรุ่นหญิงไม่ควรลองหรือริเริ่มการสูบบุหรี่
เพราะผู้หญิงที่ติดบุหรี่มักจะเลิกยากกว่าผู้ชายแม้จะตั้งครรภ์และอยากจะ
เลิกสูบก็ตาม







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 19 เมษายน 2553    
Last Update : 19 เมษายน 2553 16:53:37 น.
Counter : 369 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.