แปะก๊วยช่วยยับยั้งการเสื่อมของสมองและต่อต้านอนุมูลอิสระ




           สารสกัดแปะก๊วย 40 มิลลิกรัม
ที่มีสารออกฤทธิ์ทางด้านเภสัชวิทยาครบตามมาตรฐานสากลและควบคุมสารที่เป็นพิษ
ได้จริง โดยกระบวนการผลิตและควบคุมคุณภาพตาม GMP&ISO9001;Version2000
ของบริษัท ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย จำกัด ในเครือองค์การเภสัชกรรม
กระทรวงสาธารณสุข
ผู้บริโภคและผู้ป่วยที่ต้องการให้เลือดนำสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
มากขึ้นช่วยยับยั้งการเสื่อมของสมอง
รวมทั้งฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระสารพิษในร่างกายช่วยชะลอความแก่
จึงได้รับประโยชน์โดยไม่มีผลข้างเคียง





แปะก๊วย : ให้คุณอนันต์
มีโทษมหันต์


           อาจจะหาไม่ได้ง่ายนัก
สำหรับสมุนไพรธรรมชาติที่มีสรรพคุณครอบจักรวาลอย่าง "แปะก๊วย"
ที่มีต้นกำเนิดในประเทศจีน และใช้กันมานานกว่า 4,000 ปี มีการทดลอง ศึกษา
และวิจัยถึงการออกฤทธิ์มาแล้วหลายครั้ง
จนเป็นที่ยอมรับของวงการแพทย์ทั่วโลกว่ามีสรรพคุณมากมาย
แต่ขณะเดียวกันก็มีโทษมหันต์หากใช้ไม่ถูกวิธี

แปะ
ก๊วย : มีคุณอนันต์


           ใบแปะก๊วย
มีสารประกอบทางเคมีมากมาย แต่ที่สำคัญมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ เทอร์ปีนอยด์
(terpenoids) มีสารประกอบสำคัญชื่อ กิงโกไลด์ (ginkgolide) และบิโลบาไลด์
(bilobalide) และอีกกลุ่มคือ ฟลา-โวนอยด์ (flavonoids)
นอกจากนี้ยังพบในพวกสารสตีรอยด์ (steroids) อนุพันธ์กรดอินทรีย์และน้ำตาล

          
แต่ถ้ากลับไปมองในส่วนของสาร ที่ออกฤทธิ์ทางด้านเภสัชวิทยาแล้ว แปะก๊วย
จะมีฤทธิ์ทางเภสัช- วิทยาที่สำคัญและมีการนำมาใช้ทางคลินิกจำนวนมาก คือ
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
และยังสามารถชะลอความแก่ได้ ฤทธิ์การยับยั้งการเกาะตัวของ
เกล็ดเลือดทำให้การไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดแดง หลอดเลือดดำ
และหลอดเลือดฝอยดีขึ้น ฤทธิ์เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง
ทำให้ความสามารถในการทำงานและการตัดสินใจดีขึ้น
ฤทธิ์กระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไหลฉีดไปตามผิวหนังได้ดี
ฤทธิ์เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้
ฤทธิ์ยับยั้งการเกิดไลปิดเพอร
อกไซด์ ฤทธิ์ช่วยให้ความจำดีขึ้น ฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัว
ฤทธิ์เพิ่มการมองเห็น
และฤทธิ์ยับยั้งการเสื่อมของสมอง





เลือก
ใช้ไม่ดี มีโทษมหันต์


          
แปะก๊วยถึงจะมีสรรพคุณมากมาย แต่ในสารกลุ่มเดียวกันก็มีความเป็นพิษอยู่
ในตัวเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะสารกิโกลิก แอซิด (ginkgolic acid) ในกลุ่ม
ฟลาวานอยด์ ถ้ามากเกินกว่า 5 ส่วนในล้านส่วน (5PPM)
จะมีผลข้างเคียงต่อร่างกาย ทำให้ชีพจรเต้นเร็ว เนื่องจากสารในแปะก๊วย
บางตัวต้านฤทธิ์กันเอง เช่น ออกฤทธิ์ทั้งขยายและหดตัวหลอดเลือด ดังนั้น
ผู้บริโภค ที่ไม่ระมัดระวังอาจได้รับผลข้างเคียงทางระบบประสาท (ปวดหัว
มึนงง) ทางระบบ ทางเดินอาหาร (ท้องอืด ท้องเฟ้อ)
          
การแพ้ทางผิวหนัง (ผื่นคัน) และอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงได้อีกด้วย

สารสกัดแปะก๊วยที่ได้มาตรฐาน

          
จากพิษที่เกิดขึ้นของแปะก๊วยดังกล่าวจึงมีความจำเป็นที่ผู้ผลิตจะต้องขจัด
สาร พิษนี้ออกก่อน ตามขั้นตอนมาตรฐานการผลิตที่ดี (GMP)
และจะต้องควบคุมสารสำคัญออกฤทธิ์ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
ซึ่งในเภสัชตำรับของเยอรมันกำหนดไว้ว่า สัดส่วนของใบต่อสารสกัด 50:1
โดยน้ำหนักของ ginko biloba leaf extract ควรมีฟลาโวนไกลโคไซด์  (flavone
glycoside) ร้อยละ ๒๒-๒๗ เทอร์พีนแล็กโทน (terpine lactone) ร้อยละ 5-7
และสารที่อาจเป็นพิษ เช่น กิงโกลิก แอซิด (ginkgolic acid)
จะต้องควบคุมให้มีได้ไม่เกิน 5 ส่วนในล้านส่วน
ซึ่งวัตถุดิบแปะก๊วยที่จะได้มาตรฐานนี้จะต้องผ่านการสกัดด้วยเครื่องมือที่
ได้มาตรฐานจริงๆ






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 9:41:49 น.
Counter : 3405 Pageviews.  

สาหร่ายไม่ใช่แค่สีเขียวที่เคี้ยวอร่อย





  
นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอย่างมันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด
ที่สามารถนำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนอย่างแก๊สโซฮอล์ได้อย่างแพร่หลายแล้ว 
สาหร่ายก็เป็นพืชพันธุ์อีกชนิดหนึ่งที่กำลังแซงหน้ามาแรง 
ในฐานะแหล่งพลังงานทดแทนอันใหม่  ที่สามารถนำมาสกัดน้ำมันออกมาใช้ได้





          
สาหร่ายที่นำมาสกัดน้ำมันได้นั้น 
ไม่ใช่สาหร่ายที่รับประทานเป็นสลัดในอาหารญี่ปุ่น 
หรือเป็นอาหารว่างแผ่นดำๆ ที่เคี้ยวกรุบกรอบเค็มๆ มันๆ แต่เป็นจุลสาหร่าย
(Microalgae) ที่เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล้กคล้ายแบคทีเรีย 
ต้องส่องด้วยกล้องจุลทรรศจึงจะมองเห็น 
มีสีเขียวสามารถสังเคราะห์แสงเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นอาหารของ
ตัวเองได้  ปัจจุบันเริ่มมีการนำเอาจุลสาหร่ายมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม 
ทั้งการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล  การใช้บำบัดน้ำเสีย 
และการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นของเสียหลักของโรงงานอุตสาหกรรม 
โดยมีบริษัทผู้ผลิตจุลสาหร่ายไม่ตำกว่า 130 บริษัททั่วโลก





  ข้อดีของจุลสาหร่ายคือ 
ไม่ต้องใช้พื้นที่มากในการเพาะเลี้ยงเหมือนกับพืชอื่นๆ
และยังช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย 
และยังสามารถเพิ่มมูลค่าได้อีก  โดยนำไปผลิตสารเติมแต่งอาหาร เช่น
อาหารปลาที่จะช่วยให้เนื้อปลาแซลมอนออกมาเป็นสีส้มสวย เป็นต้น 
(ซึ่งสารเติมแต่งอาหารนี้มีราคาสูงกว่าน้ำมันไบโอดีเซลหลายเท่าตัว)
ขณะนี้บริษัทในกลุ่ม ปตท. คือ บริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
ก็อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยในเลี้ยงจุลสาหร่ายในระบบท่อซึ่งคาดว่าภายในอีก
2-3 ปี จะสามารถผลิตสารเติมแต่งอาหารในเชิงพาณิชย์ได้ 
ส่วนในการผลิตไบโอดีเซลนั้นยังมีต้นทุนสูงอยู่มาก 
ต้องรอดูต่อไปว่าราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นสูงต่อไปขนาดไหน 
และจะมีการค้นพบเทคโนโลยีใหม่ๆ อะไรต่อไปอีก 
ที่จะสามารถทำให้การผลิตเชิงพาณิชย์ของไบโอดีเซลจากจุลสาหร่ายเป็นไปได้






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 9:35:11 น.
Counter : 1094 Pageviews.  

ประโยชน์ของโทนเนอร์



ทราบหรือไม่ว่า
โทนเนอร์มีประโยชน์หลากหลายต่อสุขภาพผิว วันนี้มีเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ....

         -
โทนเนอร์แปลว่าปรับสภาพผิว
ไม่ใช่การบำรุงให้ใบหน้าชุ่มชื่นหรือได้ผลเทียบเคียงครีมบำรุง
แต่เป็นการเตรียมผิวก่อนทาครีม ซึ่งผลที่ได้แน่นอน คือ
ความสะอาดที่มั่นใจได้มากขึ้น และทำให้ผิวรู้สึกสบาย

         -
ถ้าผิวมีสิว เลี่ยงทันทีกับโทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์ เมนทอล และไซลิไซลิค
แอซิด ที่ยิ่งทำให้ผิวแห้ง และยิ่งเร่งการขับไขมันออกมามากขึ้น

        
- การเช็ดถู ควรเลือกใช้สำลีธรรมชาติที่อ่อนนุ่มประกอบกันด้วย
เช็ดผิวจากด้านล่างขึ้นด้านบน และทำอย่างเบามือที่สุด
เพื่อลดการเกิดริ้วรอยและการขยายของรูขุมขน

        
- ค่า PH ควรรักษาความเป็นกรดด่างของผิวหน้าให้สมดุล คือ
ค่าความเป็นกรดด่างของผิวที่เหมาะสมคือ 4-6 หรือมีความเป็นกรดเล็กๆ (1-6
คือเป็นค่ากรด และ 7-14 เป็นค่าด่าง)
โทนเนอร์ก็สำคัญที่ไม่ควรมีกรดมากเกินไปเพราะเป็นการขโมยออกซิเจนออกจากผิว
ทำให้ต่อมไขในทำงานหนักขึ้น และต้องใช้เวลาอีกกว่า 30 นาที
กว่าผิวจะปรับสภาพกลับมาตามเดิม

         - โทนเนอร์ช่วยให้ครีมบำรุงทำงานดีขึ้น
เมื่อใช้หลังล้างหน้าในการปรับให้ผิวรักษาความสมดุล ชุ่มชื่น
จากนั้นเมื่อทาครีมบำรุง ครีมจึงซึมซาบลงสู่ผิวง่ายขึ้น และลึกมากขึ้น
หากใช้ครีมบำรุงหลังโทนเนอร์ภายใน 1-2 นาที

         -
โทนเนอร์สามารถดัดแปลงได้
โดยนำชนิดที่ปราศจากแอลกอฮอล์ไปแช่เย็นแล้วนำมาฉีดพรมใบหน้าและลำตัว
เพื่อลดการขยายตัวของเส้นเลือด ผิวจะรู้สึกสบาย แถมยังได้บำรุงไปในตัว

        
- โทนเนอร์จะช่วยทำให้เครื่องสำอางติดทนขึ้น เพียงนำโทเนอร์ที่มีกลิ่นหอม
ชื่นใจ นำมาใส่ขวดที่มีหัวฉีด จากนั้นฉีดพรมบางๆ บนใบหน้าหลังแต่งหน้าเสร็จ
จะช่วยให้เครื่องสำอางที่ใช้ส่วนผสมจากแร่ธาตุ ทั้งหลายเกาะผิวได้ดี
และทำให้ผิวดูชุ่มชื่นขึ้น





        
รู้อย่างนี้แล้วหันมาใช้โทนเนอร์กันดีกว่า.






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 9:33:38 น.
Counter : 682 Pageviews.  

กินข้าวเหนียวมะม่วงมากระวังโรค




  ช่วงฤดูร้อนนี้บ้านเรามีผลไม้ออกมามากมาย
ยอดนิยมเวลานี้คือมะม่วง
ดินฟ้าอากาศเมืองไทยเหมาะสมที่จะปลูกมะม่วงกันมาก
ออกไปตามชนบทจะเห็นปลูกตามบ้าน มีทั้งเอาไว้กินเอง
แจกบ้านใกล้เรือนเคียงและไว้จำหน่าย
ว่าที่จริงมะม่วงถูกบังคับให้ออกได้ตลอดทั้งปี แต่รสชาติ
คนนิยมชอบตามฤดูกาลมากกว่าเพราะเป็นธรรมชาติมิได้มีการปรุงแต่ง
จึงมีคนกินช่วงนี้กันมาก

          
มะม่วงจะเริ่มออกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงปลายพฤษภาคม
จะเห็นวางขายกันมาก ราคาก็ถูก คนผ่านเห็นแล้วอดแวะซื้อไม่ได้
กินกันได้ทั้งครอบครัว เบียดผลไม้อื่นให้ยอดลดลงไปเลย
ซึ่งคนมักจะติดใจในรสชาติซึ่งมีหลายชนิดเลือกได้ตามใจชอบ ประเภทชอบดิบ ๆ
เปรี้ยว ๆ จิ้มพริกเกลือ กะปิ น้ำปลาหวาน รสจี๊ดจ๊าดถึงใจ ได้แก่
มะม่วงแรดแก้ว พิมเสน เขียวเสวย พวกน้ำปลาหวานเดี๋ยวนี้ทำสดเป็นชุด
บรรจุถุงเรียบร้อยเห็นนั่งล้อมวงหยิบจิ้มใส่ปากแบบไม่มีใครหยุดเลย

          
มะม่วงสุกที่นิยมกันมากคือ น้ำดอกไม้ ลูกโต เนื้อมาก รสหวานปนเปรี้ยวนิด ๆ
หากปล่อยจนสุกจะหวานเพิ่ม
ติดตลาดส่งออกต่างประเทศมากอกร่องสีเหลืองอ่อนกลิ่นหอมเนื้อหวานดี
จะมีเสี้ยนนิดหน่อย และยังมีพันธุ์อื่นๆ ให้เลือกอีกมากตามใจชอบ

          
ข้าวเหนียวมะม่วงต้องชมคนคิดสูตรนี้ รสชาติเข้ากันดีมาก
เห็นคนกินกันไม่ค่อยมีใครยั้งปากกินด้วยความสุขที่รสชาติเข้ากันดี
อร่อยถูกใจทั้งคนไทยและต่างชาติ กินกันได้ทุกวันคล้ายส้มตำ กินไม่เบื่อ
หน้าอย่างอื่นก็มี เช่น กุ้ง สังขยา ปลาแห้งกลอย กะฉีก และทุเรียน
แต่ดูแล้วสู้หน้ามะม่วงไม่ได้ ยังคงนำอยู่ตลอด

ส่วนประกอบหลัก ๆ คือ
ข้าวเหนียวมะพร้าว น้ำตาลทราย เกลือ
อาจเสริมกลิ่นโดยใช้ใบเตยรองข้าวเหนียวตอนนึ่ง แล้วโรยด้วยถั่วต่าง
ๆเม็ดเล็ก ๆ เช่น ถั่วเขียวหรือถั่วทองคั่ว ช่วยเสริมให้มีรสชาติขึ้น
เติมกะทิอยู่ข้าง ๆ รสจะกลมกล่อมหวาน มันเพิ่ม อมเค็มนิด ๆ
ทำให้รสชาติอร่อยกินได้มากขึ้น





           การแข่งขันสูตร แม่ค้าดัง ๆ
แต่ละเจ้ามักจะมีกลยุทธ์ออกมาต่อสู้กันเพื่อให้ลูกค้าชอบ เห็นเจ้าดัง ๆ
ทำกันมานานปี ทำข้าวเหนียวมูน ข้าวเหนียวมะม่วง
ล้วนเข้มทั้งหวานและมันเต็มที่
แต่ผู้บริโภคยุคใหม่ที่รักสุขภาพมักจะเริ่มเลือกแล้วหวานน้อยหน่อยก็ได้
กะทิที่ข้น ๆ มัน ๆ บางทีก็ไม่ใส่ หรือใส่เล็กน้อย อร่อยน้อยหน่อยก็ยอม
ข้าวเหนียวบางเจ้าจะคัดเอาเม็ดใหญ่ ไม่มีข้าวเจ้าปน
บางเจ้าก็เอาไปขัดกับสารส้มให้เกิดเงาแล้วค่อยล้างน้ำเอาสารส้มออกกะทิ
บางแห่งก็เลือกมะพร้าวแก่หน่อย น้ำกะทิจะเข้มข้น
บางเจ้าก็เลือกเป็นมะพร้าวน้ำหอมให้ติดกลิ่นหอมไปด้วย และมักจะคั้นสด ๆ
ไม่คั้นค้างคืนเทคนิคต่าง ๆ เหล่านี้เพื่อให้รสชาติอร่อยลูกค้าพอใจ

ด้านสุขภาพข้าวเหนียวมะม่วงแคลอรีจะสูงเพราะเพียบ
พร้อมด้วยน้ำตาลไขมันจากกะทิเป็นหลัก
เค็มก็รวมเข้าไปด้วยครบเครื่องคาร์โบไฮเดรตจากข้าวเหนียวก็สูง
ผู้ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวสุขภาพดีออกกำลังกายสม่ำเสมอคงไม่มีปัญหาอะไร
จะกินเท่าไรร่างกายก็ปรับตัวได้หากไม่ได้จะมีก็เรื่องน้ำหนักอย่างเดียว
กินบ่อย ๆทุกวันว่าง ๆ ลองชั่งน้ำหนักตัวดูไว้บ้าง

ผู้มีโรคประจำตัวอยู่ เบาหวาน
ไขมันสูงแคลอรีจากข้าวเหนียวมะม่วงจะไปทำให้น้ำตาลและไขมันเพิ่ม กินบ่อย ๆ
เป็นเดือนน้ำหนักตัวอาจเพิ่มแล้วความดันมักจะเพิ่มตาม
ความเค็มที่แฝงอยู่จะเป็นผลไม่ดีต่อไต
น้ำหนักเพิ่มโรคปวดข้อมักจะปรากฏอาการเพราะร่างกายต้องรับน้ำหนักมากขึ้นรวม
แล้วถ้าน้ำหนักเพิ่ม โรคต่าง ๆ ที่มีอยู่อาจต้องทำให้ใช้ยาเพิ่มขึ้นไปด้วย

          
ว่าที่จริงผู้ที่กินกันเห็น ๆ อยู่ก็มิได้มากมายนัก คงไม่มีผลกระทบมาก
ที่พูดมาเป็นเพียงทฤษฎีที่ต้องพึงระวังไว้ ไม่ถึงกับไปห้ามกันเสียเลย
ข้าวเหนียวมะม่วงจึงเป็นเมนูอาหารอย่างหนึ่งที่ท้าทายในพฤติกรรมของตัวเอง
ว่าจะมีสติอดกลั้นได้มากน้อยเพียงใด กินได้ กินให้พอดีตามสุขภาพร่างกาย
ตัวเราเองพอรู้ตามสัญชาตญาณ คงจะตอบได้ดีที่สุด
มิใช่แต่ละครั้งจะต้องกินจนอิ่มหรือแน่นจึงจะพอใจ





           ข้าวเหนียวมะม่วง
เมนูของหวานยอดฮิตในช่วงฤดูร้อน เห็นตอนเขาทำ
กะทิและน้ำตาลจำนวนมากได้หายลงไปในข้าวเหนียวมูนหมด จึงให้พลังงานแคลอรีสูง
สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่ เบาหวาน ไขมันสูง ความดันสูง
โรคหลอดเลือดตีบน้ำหนักกำลังจะเพิ่ม
จึงควรพิจารณาทานให้พอดีกับสุขภาพของตัวเองไว้ด้วย






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 9:32:01 น.
Counter : 988 Pageviews.  

10 อันตรายเมื่อเข้าข่าย อ้วน



          
นับวันที่เข็มบนหน้าปัดตราชั่งน้ำหนักเบนไปทางขวามากขึ้นเรื่อย ๆ
โรคร้ายมากต่อมากทั้งทางร่างกายและจิตใจ กำลังเดินตามหลังไปอย่างติด ๆ
และฆ่าคุณอย่างเลือดเย็นในที่สุด...
นี่คือเหตุผลสำคัญที่คุณต้องลดน้ำหนักเสียแต่วินาทีนี้

อ้วน ! อันตราย
เมื่อคำนวณน้ำหนักตัวและสัดส่วน
แน่ใจว่ากำลังอยู่ในข่ายน้ำหนักมากเกินพิกัด จนเข้าสู่ภาวะโรคอ้วน
(obesity) ก็ได้เวลาแล้วที่คุณต้องตั้งโปรแกรมลดน้ำหนักโดยด่วน
เพื่อเป็นการต่อชีวิตคุณให้ยาวขึ้น และป้องกันปัญหาที่อาจตามมามากมาย
อย่างน้อย ๆ ก็ 10 ประการต่อไปนี้


หัวใจ
วายวอด  

           พฤติกรรมการกินผิด ๆ
เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เช่น
กินอาหารที่มีปริมาณไขมันมากหรือมีคอเลสเตอรอล (ชนิดเลว: LDL) สูง ได้แก่
เนื้อสัตว์ติดมัน เครื่องในสัตว์ ไข่ นม เนย พืชบางชนิด ฯลฯ
เมื่อกินเข้าไปมาก ร่างกายเผาผลาญไม่หมด
ไขมันและคอเลสเตอรอลจะถูกเก็บไว้ในเซลล์ไขมัน
บางส่วนเวียนว่ายอยู่ในกระแสเลือด
ยิ่งนานวันระดับไขมันและคอเลสเตอรอลจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งหากไปตรวจเลือด แล้วพบว่าสูงเกินกว่า 200 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์
ถือเป็นระดับเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน

          
ผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง กินเวลานานและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งเป็นผลจากไขมัน และคอเลสเตอรอลในเลือดเข้าเกาะจับผนังหลอดเลือดหัวใจ
จนเกิดการอุดตัน ไม่สามารถผ่านเข้า-ออก เพื่อหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้
กระทั่งหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวายในที่สุด กรณีเดียวกัน
หากเกิดที่เส้นเลือดในสมองก็จะกลายเป็นอัมพาต
เกิดที่เส้นเลือดหล่อเลี้ยงไตก็เป็นโรคไตวาย

ความดัน
เลือดสูง

           โรคนี้ได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรเงียบ
เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการผิดปกติ
รู้ตัวอีกทีอาจรุนแรงถึงขั้นเส้นเลือดในสมองตีบตันและแตกได้ง่าย
กลายเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ เป็นโรคหัวใจโต เป็นโรคไต ปัสสาวะเป็นเลือด
ความรู้สึกทางเพศลดลง หรือตาบอด

          
แม้ความอ้วนไม่เชิงเป็นสาเหตุของโรคนี้เสียทีเดียว
แต่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความดันเลือดสูงกว่าระดับปรกติ
เนื่องจากพอน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น หัวใจจะทำงานหนักตาม
เพราะต้องส่งเลือดไปเลี้ยงให้ทั่วถึงทุกส่วนของร่างกาย ถ้าเทียบง่าย ๆ
หัวใจของคนผอมบีบตัวเพียงครั้งเดียว ก็ส่งเลือดไปเลี้ยงได้ทั่วตัวแล้ว
แต่หัวใจของคนอ้วนต้องบีบ 2 - 3 ครั้งจึงจะได้ผลเท่ากัน
การที่หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นอย่างนี้
จึงเป็นปัจจัยหนึ่งของโรคความดันเลือด สูง
ยิ่งถ้าบวกกับเป็นโรคไขมันอุดตันที่เส้นเลือดด้วยแล้ว
อาจเลวร้ายถึงกับหัวใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้

เบา
หวาน...โรคที่ไม่เบา และไม่หวานเลย

          
โรคเบาหวานมี 2 ชนิดด้วยกัน ที่พบเห็นบ่อย ๆ คือชนิดไม่พึ่งอินซูลิน
สาเหตุเกิดจากตับอ่อนของผู้ป่วยสามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้น้อย
ทำให้ร่างกายเผาผลาญน้ำตาลให้เป็นพลังงานได้ไม่หมด น้ำตาลในเลือดจึงสูงขึ้น
สถานการณ์อย่างนี้ไตต้องรับบทหนัก เพื่อกรองของเสียออกจากเลือด
นานวันเข้าไตอาจเสื่อมสภาพและเกิดโรคไตวายเรื้อรัง เท่านั้นยังไม่พอ
เบาหวานยังปัจจัยสำคัญ ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดตีบตันได้ในทุกส่วนของร่างกาย
(ยิ่งมีระดับไขมันและคอลเลสเตอรอลในเลือดสูงยิ่งเสี่ยงมาก) เช่น อัมพฤกษ์
อัมพาต โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ฯลฯ ต้อกระจก ตาบอดจากเบาหวานขึ้นตา
หมดความรู้สึกทางเพศ ชาหรือปวดร้อนตามปลายมือปลายเท้า
และความดันโลหิตสูงอีกด้วย

          
คนอ้วนส่วนมากชอบกินหวานเป็นชีวิตจิตใจ ยิ่งเอื้อต่อการเป็นโรคนี้มากขึ้น
แถมคนที่อ้วนมาก ๆ มักจะพบปัญหาเรื่องเหงื่อออกง่าย
เกิดความอับชื้นตามข้อพับต่าง ๆ ผิวหนังเสียดสีกันจนเกิดแผลมีเลือดออก
พุพอง ยิ่งคนอ้วนที่เดินไม่ได้ ต้องนอนอยู่ตลอดเวลาก็จะเกิดแผลกดทับได้ง่าย
หากเป็นโรคเบาหวานร่วมด้วยแล้ว แผลมักหายยากและติดเชื้อง่าย
ซึ่งอาจลุกลามจนต้องตัดอวัยวะบางส่วนทิ้งเลยทีเดียว

"มะเร็ง"
โรคไม่มีหัวนอนปลายเท้า

          
มะเร็งเกี่ยวข้องกับโรคอ้วนตรงไหน?
ก็ตรงที่คนอ้วนมีเซลล์ไขมันมากกว่าคนปรกติ
ซึ่งนอกจากเซลล์ไขมันจะเป็นแหล่งสะสมฮอร์โมนแล้ว
ไขมันเหล่านี้ยังสามารถกลายเป็นฮอร์โมนเพศได้
ดังนั้นยิ่งไขมันมากก็ยิ่งสร้างฮอร์โมนได้มาก ซึ่งจะไปกระตุ้นอวัยวะเพศ
ในผู้หญิงได้แก่ เยื่อบุโพรงมดลูก รังไข่ ต่อมและท่อน้ำนม
หรือที่ต่อมลูกหมากของผู้ชาย เมื่อถูกกระตุ้นนานเข้าอาจกลายเป็นเนื้อร้าย
โดยเฉพาะผู้หญิงอ้วน มักมีความเสี่ยงมะเร็งเต้านมสูงกว่ามะเร็งชนิดอื่น ๆ

          
เมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป
ผู้หญิงควรเข้ารับการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยวิธีแมมโมแกรม
และมะเร็งปากมดลูกอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
แต่ถ้าเป็นโรคอ้วนร่วมด้วยแล้วควรเพิ่มความถี่ให้มากขึ้น อย่างน้อย 6
เดือนครั้ง

ชีวิตนี้
หลับไม่เป็นสุข

          
สาเหตุที่คนอ้วนส่วนใหญ่มักนอนกรน
เพราะว่าเมื่อคนเราอ้วนขึ้นเนื้อเยื่อต่าง ๆ
ก็จะขยายขนาดขึ้นรวมถึงบริเวณช่องทางเดินหายใจ
จนถึงกับไปปิดกั้นทางเดินอากาศให้แคบลง เมื่อหายใจเอาอากาศเข้าไป
ผ่านช่องแคบ ๆ ก็จะเกิดเสียงดังขณะนอนหลับ
ที่น่ากลัวคือเมื่อรุนแรงมากขึ้นจนกระทั่งอากาศไม่สามารถผ่านเข้า -
ออกได้เลย กลายเป็นภาวะหยุดหายใจชั่วขณะ หากร่างกายขาดออกซิเจนบ่อย ๆ
เข้าก็อาจทำให้มีอาการขาดออกซิเจนเรื้อรัง มึนงง อยากจะนอนอยู่ตลอดเวลา
สมองตื้อ เฉื่อยชา ความคิดความอ่านแย่ลง บางคนถึงกับหมดสติ
หรือช็อกไปเลยก็มี

           หลายคนคงนึกไม่ถึงว่า
การนอนกรนยังเป็นต้นเหตุของโรคร้ายแรงต่าง ๆ มากมายด้วย
ไม่ว่าจะเป็นโรคความดันเลือดสูง โรคเส้นเลือดแดงตีบตัน
ซึ่งมักพ่วงโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคหัวใจมาด้วย โรคเบาหวาน โรคสมองเสื่อม
และสมรรถภาพทางเพศเสื่อม

ข้อ
เสื่อม

          
คำแนะนำของหมอที่รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
มักจะลงท้ายด้วยการให้ผู้ป่วยจำกัดอาหารมันและหวาน
เพื่อมิให้น้ำหนักเกินพิกัด หรือลดน้ำหนักในรายที่อ้วน
เพราะยิ่งน้ำหนักตัวมากขึ้น ภาระทั้งหมดจะไปอยู่ที่กระดูกทันที
กระดูกต้องทำหน้าที่อย่างหนักในการพยุงน้ำหนักตัวส่วนเกิน
มันจึงเสื่อมและผุเร็วกว่าปรกติ โดยเฉพาะข้อต่าง ๆ เช่น ข้อเท้า ข้อเข่า
ข้อสะโพก ข้อกระดูกคอ ข้อกระดูกสันหลัง ฯลฯ ก็พลอยได้รับวิบากกรรมนี้ด้วย
ทำให้เกิดอาการปวด ข้อบวม นั่งแล้วลุกไม่ขึ้น หนัก ๆ
เข้าอาจกลายเป็นโรคข้ออักเสบ บางครั้งร้ายแรงจนไม่สามารถเดินได้เลย

จิตป่วน
          
ผู้หญิงบางคนไม่อ้วนเลยสักนิด แต่ก็ยังพากันบ่นว่าตัวเองอ้วน
จึงตั้งหน้าตั้งตาลดความอ้วนโดยไม่คำนึงถึงขีดจำกัดทางด้านร่างกาย
สุดท้ายต้องมาสังเวยชีวิตด้วยโรคทางจิตใจที่ชื่อว่า บูลิเมียและอนอเร็กเซีย

ผู้ป่วยบูลิเมีย
จะมีอาการอยากกินอาหารอย่างมาก จนบังคับตัวเองไม่ได้
แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดและไม่สบายใจจึงต้องล้วงคอให้อาเจียน
กินยาถ่ายในทันที หรือสวนทวาร ฯลฯ คือทำทุกวิถีทางให้อาหารออกมา
แต่นานวันเข้าจะก่อให้เกิดความผิดปรกติของร่างกายอย่างมาก
ทั้งระบบขับถ่ายเสียศูนย์ ร่างกายขาดน้ำ ขาดสารอาหาร
และมีปัญหาการไหลเวียนของเลือด ซึมเศร้า มีปัญหาครอบครัว การเรียน การทำงาน
โรคนี้แม้จะรักษาให้หายโดยการบำบัดทางจิต แล้วก็สามารถกลับมาเป็นได้อีก

          
อีกโรคหนึ่งคืออนอเร็กเซีย
ผู้ป่วยมักรู้สึกมีปมด้อย
อับอายในรูปร่างของตนเองจึงพยายามไม่กินอะไรเลยเพื่อลดความอ้วน
ทำทุกวิธีเพื่อลดความอ้วน เช่นเดียวกับผู้ป่วยบูลิเมียเพราะมักจะคิดว่าตัว
เองอ้วนอยู่ตลอดเวลา ผลจากการกระทำนี้ส่งผลเสียต่อร่างกายคล้าย ๆ
กับผู้ป่วยบูลิเมีย รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน

เตียงหัก !
          
ปรกติคนที่มีรูปร่างอ้วน เวลาทำอะไรก็เคลื่อนไหวตัวไปมาลำบากอยู่แล้ว
ยิ่งถ้าเป็นการมีเพศสัมพันธ์ก็จะทำให้เคลื่อนไหวยากลำบากมากขึ้น
ไม่สามารถทำได้ทุกท่วงท่าที่ต้องการ
นอกจากนี้ผู้ชายที่มีรูปร่างอ้วนอย่างมากจะส่งผลให้อวัยวะเพศสั้นลง
ทำให้ขณะร่วมเพศไม่มีความสุขเท่าที่ควร
และที่สำคัญเสปิร์มไม่สามารถเข้าไปถึงไข่ของผู้หญิงได้ เป็นเหตุให้มีลูกยาก
ผู้หญิงก็เช่นกันถ้าอ้วนมาก
ไขมันสะสมบริเวณปากมดลูกก็จะมากทำให้ชั้นเนื้อหนาขึ้น
อวัยวะเพศชายไม่สามารถเข้าถึงเพื่อส่งเสปิร์มไปปฏิสนธิกับไข่ได้
และอัตราการตกไข่ของผู้หญิงอ้วน
ยังน้อยกว่าผู้หญิงที่มีน้ำหนักในเกณฑ์พอดีอีกด้วย
อีกทั้งต้องเจอปัญหาสมรรถภาพทางเพศเสื่อม หรือหมดความรู้สึกทางเพศไปเลย
ถ้าไม่เข้าใจกัน ก็อาจถึงกับต้องแยกทางกันหรือเตียงหักรักร้าวนั่นเอง

จะวางไว้
ตรงไหนดีล่ะ ?

          
นอกจากจะต้องคิดหนักเรื่องเสื้อผ้าและการแต่งตัวแล้ว
คนอ้วนมากมายโดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยมั่นใจ
มักไม่รู้จะวางตัวอย่างไรในวงสังคมหรือหมู่เพื่อนฝูง
ปัญหานี้กัดกร่อนและทำร้ายหัวใจพวกเขาอย่างมาก
เพราะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตัวเอง บุคลิกท่าทางต่าง ๆ ขัดเขิน ซึมเศร้า
ชอบคิดว่าไม่มีใครอยากคบด้วยจึงไม่ค่อยสมาคมกับใคร
กลายเป็นการโทษและตำหนิตัวเอง
ในที่สุดเป็นแรงกดนำไปสู่การลดความอ้วนด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง
หรือมีความผิดปรกติทางจิตใจได้

ทายาท อ้วน
          
เด็กจะซึมซับพฤติกรรมการกิน
และการใช้ชีวิตของพ่อแม่ที่เขาเคยชินมาตั้งแต่เกิด พ่อแม่ชอบกินหวาน
กินอาหารไขมันมาก และกินจุ เขาก็จะกินแบบเดียวกัน
พ่อแม่ไม่ส่งเสริมการออกกำลังกาย เขาก็จะไม่ชอบเล่นกีฬา
ยิ่งเด็กที่ชอบดูทีวี เล่นเกมคอมพิวเตอร์ และวีดีโอเกม
กิจกรรมการออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวของเด็กจะลดลง
สุดท้ายก็จะกลายเป็นเด็กอ้วน ซึ่งผลร้ายคือมีโรคต่าง ๆ ตามมารุมเร้า
และมีปัญหาในการเข้ากลุ่มเพื่อน ๆ บางครั้งโดนล้อเลียนเรียกชื่อไปต่าง ๆ
นานา เช่น เจ้าหมูอ้วน ตุ่มเดินได้ ฯลฯ เป็นปมด้อยฝังใจไปจนโต

 
เห็นโทษภัยมากขนาดนี้แล้วหันมาลดความอ้วนกันดีกว่าค่ะ
อย่ารอให้ฝันร้ายกลายเป็นจริงเลย แต่คนที่ไม่อ้วนคือ
น้ำหนักไม่เกินมาตรฐานก็ไม่มีเหตุผลต้องลดแต่ประการใด
เพียงควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์พอดี ไม่อย่างนั้นอาจส่งผลร้ายต่อร่างกายพอ ๆ
กับความอ้วนได้



ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากHealth&Cuisine






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 9:30:37 น.
Counter : 666 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.