โฮ้...ดีกว่าโบท็อกซ์?













































StriVectin SD มาแรงแซงโค้ง


คุณผู้หญิงหลายคนคงรู้จักโบท็อกซ์กันแล้วนะคะ
ที่ว่ากันว่าช่วยลบเลือนริ้วรอยบนใบหน้าได้ผลชะงัด
แต่ครีมตัวใหม่ที่ว่านี้เขาออกมาประกาศว่าดีกว่าโบท็อกซ์ค่ะ


ครีมตัวที่ว่านี้ชื่อ StriVectin SD
ทีแรกเขาทำตลาดในฐานะตัวยาที่ช่วยแก้ปัญหาหน้าท้องลาย อกลาย เช่น
ในสตรีหลังคลอดบุตร
แต่ความสำเร็จที่แท้จริงของครีมตัวนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ผลิตเพิ่มสรรพคุณเข้า
ไปอีกข้อว่าช่วยลบรอยตีนกาได้ด้วย .


StriVectin กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นสู่อันดับหนึ่งในตลาดโดยไม่ยากเย็น
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเพราะแคมเปญที่อ้างว่าดีกว่าโบท็อกซ์นั่นเอง
ทั้งที่ราคาต่อหลอดสูงถึง 135 ดอลล่าร์ เฉพาะที่ขายตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ
ทำเงินได้สูงถึง 43
ล้านดอลล่าร์ทีเดียวซึ่งไม่เคยมีผลิตภัณฑ์ไหนทำได้ขนาดนี้มาก่อน










ว่าแต่มันดีกว่าโบท็อกซ์จริงๆ หรือ?


หลังจากใช้ StriVectin เป็นเวลา 6 เดือน
สุภาพสตรีท่านหนึ่งบอกว่าช่วยผิวที่แห้งให้ดูดีขึ้น
เธอรู้สึกว่ามันดูดีขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ไม่ถึงกับลบเลือนริ้วรอยจนเห็นได้อย่างชัดเจนอย่างข้อความโฆษณา


ดร.เจฟฟรีย์ โดเวอร์ ศัลยแพทย์ทางด้านผิวหนังอธิบายว่า
โบท็อกซ์เป็นตัวยาที่หยุดยั้งริ้วรอยบนใบหน้าได้จริง
การเอาครีมชนิดนี้มาเปรียบกับโบท็อกซ์ออกจะเกินจริงไปหน่อยเพราะครีมดัง
กล่าวยังไม่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา
และยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนว่ามันจะดีกว่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์
ทั่วไปด้วยซ้ำ ในฐานะแพทย์ผิวหนัง
คุณหมอโดเวอร์แนะนำให้คุณสุภาพสตรีหาครีมที่มีตัวยาซึ่งผ่านการรับรองแล้ว
มากกว่า เช่น เรติน-เอ ซึ่งสามารถลบเลือนริ้วรอยบาง ๆ ที่ผิวหน้าได้จริง


คุณหมอย้ำว่า
ข้อเท็จจริงก็คือครีมที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้โดยทั่วไปสามารถให้ความชุ่ม
ชื้นกับผิวพรรณและทำให้ผิวดูดีขึ้นชั่วคราวอยู่แล้ว
คุณผู้หญิงที่ไม่ค่อยมีสตางค์จะใช้มอยส์เจอไรเซอร์ธรรมดาก็ได้ ใช้บ่อย ๆ
ก็ดูดีเองค่ะ







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553    
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 22:01:31 น.
Counter : 239 Pageviews.  

5 อันดับงานยอดแย่















































เวลาปิดเทอมที เด็ก ๆ ฝรั่งมักหางานพิเศษทำเป็นรายได้ไว้ใช้ส่วนตัว
และงานที่ทำนั้นบางครั้งก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวเด็กเองด้วย


ดังนั้นสันนิบาตผู้บริโภคแห่งชาติ หรือ (NCL)
ของสหรัฐอเมริกาจึงได้ทำการศึกษาและจัดอันดับงานยอดแย่เพื่อเป็นข้อมูลให้
รัฐบาลปรับปรุงสภาพการทำงานต่อไป และห้าอันดับงานยอดแย่ในปี 2003 ก็ได้แก่


1.งานขับหรือควบคุมรถยกของ (forklift) และแทรกเตอร์
รวมทั้งผู้ที่ต้องทำงานเกี่ยวข้องอยู่แถว ๆ รถที่ว่านี้ด้วย
เพราะในสหรัฐอเมริกาพบว่าอุบัติเหตุในไร่นาที่เกี่ยวข้องกับแทรกเตอร์ทำให้
มีการเสียชีวิตมีสูงสุด


2.งานที่ต้องทำตามลำพังดึก ๆ ดื่น ๆ
เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับสองในหมู่วัยรุ่น ได้แก่ งานตามร้านอาหาร
ร้านขายปลีก การเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากการถูกจี้ปล้นแล้วฆ่าทิ้ง


3.คนงานก่อสร้าง เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับสามในหมู่คนงานวัยรุ่น
ซึ่งงานที่ทำมักเกี่ยวกับการมุงหลังคา งานผนัง งานไฟฟ้า งานคอนกรีต
ที่เสียชีวิตมักเป็นเพราะการตกจากที่สูง ถูกไฟฟ้าช้อต ถูกวัสดุแข็ง ๆ
หล่นทับ


4.ทำงานในที่สูง ต้องปีนบันไดหรือขึ้นนั่งร้าน
อุบัติเหตุร้ายแรงและการเสียชีวิตเพราะตกจากที่สูงมักอยู่ที่ความสูง 6
ฟุตขึ้นไป โดยอาจตกจากบันได นั่งร้าน หลังคา


5.พนักงานเร่ขายสินค้า มักมีการรับเด็ก ๆ และวัยรุ่นไปเร่ขายสินค้าเช่น ขนม
ขายสมาชิกนิตยสาร และอื่น ๆ โดยการไปเคาะประตูขายตามบ้านหรือตามถนน
ซึ่งไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล


อย่างไรก็ดี ผู้ปกครองพึงตระหนักว่า
งานทุกงานอาจมีอันตรายอยู่บ้างไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
ไม่เพียงแต่เฉพาะห้าอย่างที่กล่าวมานี้เท่านั้น
ผู้ปกครองจึงควรช่วยเด็กพิจารณาก่อนสมัครงานและถ้าเป็นไปได้ควรดูสถานที่ทำ
งานของเด็กก่อนอนุญาตให้ทำ



ข้อมูลจาก วารสารฉลาดซื้อ







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553    
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 21:58:32 น.
Counter : 188 Pageviews.  

ระวังโฆษณาบ้านเก่าแลกบ้านใหม่















































ลักษณะพิเศษของการใช้ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่คือ
มันจะเป็นที่สะดุดตาของผู้คนที่ผ่านสัญจรไปมาบนท้องถนน
แต่แน่นอนว่าคุณจะไม่สามารถอ่านหรือใช้เวลานาน ๆ
เพื่อพิจารณาป้ายโฆษณานั้นได้
นอกจากความรู้สึกสะดุดใจและนั่นอาจเป็นที่มาของปัญหา



คุณอัจฉรา ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องเตือนใจนี้เล่าว่า
วันหนึ่งดิฉันขับรถผ่านไปทางบางใหญ่ -
นนทบุรีเผอิญได้เห็นป้ายโฆษณาขายบ้านของโครงการหนึ่งเข้า
มีข้อความตัวเป้งบนป้ายว่า บ้านเก่าแลกบ้านใหม่ แหมน่าสนใจน้อยเสียที่ไหน
คุณอัจฉราจับปากกาจดเบอร์โทรศัพท์ได้ก็รีบติดต่อสอบถามรายละเอียดทันที


คุณอัจฉรา : สวัสดีค่ะ โครงการฯ ขึ้นป้ายว่าบ้านเก่าแลกบ้านใหม่ได้
ใช่ไหมคะ


พนักงานโครงการฯ : ค่ะ เงื่อนไขก็คือ คุณต้องนำบ้านมาฝากขายกับบริษัทฯ
มีค่าบริการฝากขายและหากสนใจบ้านในโครงการฯ ของเรา
คุณสามารถจองและดาวน์ได้ทันที


คุณอัจฉรา : อ้าวไม่เห็นเหมือนที่บอกในโฆษณาเลย บ้านเก่าแลกบ้านใหม่
ก็ต้องหมายถึงเราเอาบ้านเก่าของเรามาแลกกับบ้านใหม่ในโครงการฯ ของคุณซิ
อาจต้องจ่ายเพิ่มหรืออะไรก็ว่าไป แต่นี่คุณรับฝากขายแค่นั้น
ทำไมไม่โฆษณาว่ารับฝากขายบ้านล่ะ


พนักงานโครงการฯ : ..


อย่างนี้ไม่ชอบมาพากลแล้วคุณอัจฉราเลย ร้อง
ให้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคช่วยจัดการให้ด้วย
อย่างนี้เข้าข่ายโฆษณาหลอกลวงนะคะ ทางมูลนิธิฯ
น่าจะได้เตือนให้คนอื่นไม่ไปหลงเชื่อโฆษณานี้


เพื่อให้เกิดความกระจ่าง มูลนิธิฯ ได้ทำหนังสือถึงบริษัทบ้านดังกล่าว
ทำให้ทราบว่า บริษัทมีการรับแลกบ้านเก่ากับบ้านใหม่จริง
แต่เงื่อนไขค่อนข้างซับซ้อนไม่ง่าย ๆ ตรงไปตรงมาเหมือนบนป้ายโฆษณานัก
รายละเอียดคือ


1.บ้านที่บริษัทจะให้เข้าร่วมโครงการจะต้องอยู่ในทำเลที่บริษัทเป็นผู้
พิจารณาความเป็นไปได้ในการตัดสินใจซื้อ (หมายความว่าไม่ได้กำหนดพื้นที่ไว้
สุดแล้วแต่บริษัทจะพิจารณา)


2.ในด้านราคาของบ้านที่จะนำมาแลก
จะไม่ใช่ราคาที่ผู้เป็นเจ้าของบ้านผู้กำหนดเอง
แต่เป็นราคาที่บริษัทพิจารณาต่อรองแล้วเห็นว่าสามารถรับซื้อได้
ซึ่งหากเจ้าของบ้านตกลงก็จะทำการซื้อ แต่หากไม่ตกลงบริษัทมีบริการเพิ่มคือ
รับฝากขาย ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่หากขายได้บริษัทจะคิดค่านายหน้าร้อยละ 3
ของราคาขาย


3.บ้านที่ทางบริษัทตกลงซื้อและเจ้าของบ้านมีความประสงค์ที่จะซื้อบ้านใน
โครงการของบริษัท
บริษัทจะตรวจสอบภาระหนี้ที่มีอยู่กับธนาคารของเจ้าของบ้านและตรวจสอบเครดิต
ของเจ้าของบ้านว่ามีความสามารถที่จะกู้สถาบันการเงินได้เท่าไหร่


หากเจ้าของบ้านผ่านการตรวจสอบสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้เมื่อรวมกับ
เงินที่ได้จากการรับซื้อบ้านเดิมเพียงพอที่จะซื้อบ้านในโครงการของบริษัท
บริษัทจึงจะตกลงซื้อบ้าน(เก่า)
แต่หากเจ้าของบ้านไม่สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้
หรือกู้ได้น้อยไม่พอกับราคาบ้านใหม่ บริษัทจะแนะนำให้ขายฝากดีกว่า


สนใจโฆษณาแล้ว ก็ต้องใส่ใจเรื่องรายละเอียดด้วยนะคะ โฆษณาที่ดูง่าย ๆ ตรง ๆ
แบบนี้แหละ เงื่อนไขซับซ้อนวุ่นวายจริง ๆ







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553    
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 21:57:06 น.
Counter : 292 Pageviews.  

ทำไมไม่มีคนมาจีบ?













































ทำไมไม่มีคนมาจีบ?? (ตามหลักการตลาด)




คุณๆประสบกันบ้างรึเปล่าว่า ในชีวิตไม่มีคนมาจีบ ทั้งๆที่หน้าตาดี
หรือไม่ก็ ทำไมไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเค้าหว่า?...


บางทีหน้าตาดีของเรา นิสัยดีของเรา อาจไม่ตรงกับใจเขา
ถ้าเอาหลักการตลาดมาอธิบายก็ต้องบอกว่า
สินค้าดีไม่ใช่จะการันตีว่าจะขายดีเสมอไป




Product มันเป็นแค่ P ตัวที่หนึ่ง ยังต้องดู Price (ราคา), place
(ช่องทางการจัดจำหน่าย), และ Promotion ควบคู่ไปด้วย




* Price *


ของเราไม่ได้หมายถึงสินสอด
แต่หมายถึงสิ่งที่เขาต้องจ่ายเพื่อมาจีบหรือเป็นแฟนเรา
บางคนตั้งกำแพงเยอะว่าแฟนฉันต้องแบบนั้นแบบนี้ เจ้ากี้เจ้าการ
เปลี่ยนแปลงชีวิตแฟนใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว ขี้หึง จุกจิก...
แบบนี้แปลว่าคุณตั้งราคาคุณไว้สูง คนจะเข้าหาคุณต้องมีรถขับ ต้องรวย
ต้องหล่อ อันนี้ก็ถือเป็นราคาที่คุณตั้งไว้เหมือนกัน




* Place *


คือช่องทางการจัดจำหน่าย แต่ประยุกต์มาอธิบายได้ว่า
คุณมีช่องทางให้เขาพบปะเจอะเจอได้มากแค่ไหน บางคนมีชีวิตอยู่สองที่
คือบ้านกับมหาวิทยาลัย บางคนอยู่เฉพาะเฝ้าโต๊ะกลุ่มโต๊ะเดียว เกาะเพื่อนแจ
แถมยังไม่เคยทำกิจกรรมอะไรเลย เลิกปุ๊บกลับบ้าน มีรถที่บ้านมารับ
ไม่มีใครรู้จักพบเห็นอะไรดีๆในตัวคุณเท่าไหร่
หรือมีคนชอบแต่ไม่เคยมีโอกาสแม้แต่จะได้ยิ้มให้ เคยไหมครับเห็นโฆษณาในทีวี
แล้ววิ่งไปดูในห้าง ไม่มีขาย ร้านปากซอยก็ไม่มี ที่ไหนก็ไม่มี
จนไม่อยากซื้อแล้ว




* Promotion *


อันนี้ถ้าดีจริง แจ๋วจริง ไม่ต้องใช้มากหรอกครับ Promotion
ทางการตลาดหมายถึงการส่งเสริมการขาย พวกประชาสัมพันธ์ การสร้างภาพต่างๆ
การลดแลกแจกแถม .. ประเภทจีบวันนี้ดูหนังฟรีสองเรื่อง อย่างคนแถวนี้
เธอก็ลุกมาทำไดอารี่ เอารูปสวยๆปิ๊งๆของเธอไปแปะไว้
ผมก็อนุมานเอาว่าเธอจะทำโปรโมชั่นตัวเธอเอง การเป็นนักกีฬา เป็นหัวหน้าห้อง
เป็นลีดเดอร์ เป็นคนเรียนเก่ง แล้วได้รับการยกย่องเชิดชู
เป็นตัวแทนนักเรียน ได้รางวัลโน่นนั่นนี่ ล้วนแล้วแต่เป็นการ Promotion
ในเชิง PR ครับ




สมัยนี้เขาว่ากันไปถึง P ตัวที่ห้าที่หกแล้ว คือ...


* Packaging *


ถ้าประยุกต์มาก็น่าจะหมายถึง บุกลิค หน้าตา การแต่ง ตัวการพูดจา
อะไรที่ดูได้ ฟังได้ ตัวที่หกคือ People
ปกติหมายถึงคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสินค้าบริษัทนั้นๆ แต่กรณีที่เราคุยกัน
ผมว่ามันคือเพื่อนที่คุณคบหาอยู่ พ่อแม่ พี่น้อง
ซึ่งจะส่งผลถึงภาพพจน์คุณด้วย สมมติมีคนมาจีบคุณ
เป็นพวกครอบครัวเหลิมๆเนี่ย เอามั้ยล่ะ.. ง่า.. อย่าคิดมาก
ผมหมายถึงนายชาเหลิม เหิมเกริม รองนายกสมาคมนักปั่นจิ้งหรีดแห่งประเทศไทยนา






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553    
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 21:56:01 น.
Counter : 203 Pageviews.  

เวลากับความรัก












































มีครูกับลูกศิษย์นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งใกล้กับสนามหญ้าอันกว้างใหญ่


ทันใดนั้นลูกศิษย์คนหนึ่งก้อถามขึ้นมาว่า


ลูกศิษย์:อาจารย์คับผมสงสัยจังเลยว่า เราจะหาคู่แท้เราเจอได้ไงคับ
อาจารย์บอกผมหน่อยได้ไหมคับ?


อาจารย์:(เงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะตอบ) "อืม มันเป็นคำถามที่ยากนะ
ในขณะเดียวกันมันก็เป็นคำถามที่ง่ายเหมือนกันนะ "


ลูกศิษย์:(นั่งคิดอย่างหนัก) "อืม?....งงอะไม่เข้าใจ"


อาจารย์:"โอเคงั้นเธอลองมองไปทางนั้นนะตรงนั้นน่ะ
มีหญ้าเยอะแยะเลยใช่ไหม
เธอลองเดินไปหาหญ้าต้นที่สวยที่สุดแล้วเด็ดมาให้ครูสิ
ต้นเดียวเท่านั้นนะแต่ว่าเวลาเธอเดินเนี่ย
เธอต้องเดินไปข้างหน้าอย่างเดียวนะห้ามเดินถอยหลัง เข้าใจไหม "


ลูกศิษย์: "ได้เลยครับจานรอสักครูน่ะครับ "(ว่าแล้ว
ก้อวิ่งตรงไปยังสนามหญ้า)


หลังจากนั้นไม่นาน....


ลูกศิษย์: "ผมกลับมาแล้วครับจาน "


อาจารย์: "อืม...แต่ทำไมครูไม่เห็นต้นหญ้าสวยๆ ในมือเธอเลยหละ "


ลูกศิษย์: "อ๋อคืองี้ครับจาน ตอนที่ผมเดินไปแล้วผมเจอต้นหญ้าสวยๆเนี่ย
ผมก้อก้อคิดว่าเออเดี๋ยวก้อคงเจอต้นที่สวยกว่านี้
ดังนั้นผมก็เลยไม่เด็ดมันแล้วผมก็เดินไปเรื่อ
รู้ตัวอีกทีมันก็สุดสนามหญ้าแล้วครับ
จะเดินกลับก้อไม่ได้เพราะจานสั่งห้ามไว้ "


อาจารย์: "นั่นแหละคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชีวิตจริงหละ "


เรื่องนี้ต้องการที่จะสื่ออะไรกับเรา ต้นหญ้าก็คือคนที่อยู่รอบๆตัวคุณ
ต้นหญ้าที่สวยงามก็คือคนที่คุณชอบ หรือคนที่ดึงดูดคุณนั่นแหละ


ทุ่งหญ้าก็คือเวลา
เวลาที่คุณจะหาคู่แท้ของคุณอย่ามัวแต่เปรียบเทียบแล้ว
คิดว่าคงจะมีที่ดีกว่านี้เพราะถ้าคุณ
มัวแต่เปรียบเทียบคุณจะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์


อย่าลืมว่า"เวลาไม่เคยย้อนกลับ"


ไม่ใช่แค่ความรักเท่านั้นเรื่องนี้ยังสามารถใช้ได้กับ
การหาคนที่จะมาทำงานร่วมกับคุณในชีวิตหรือ


แม้กระทั่งงานที่เหมาะสมกับคุณดังนั้น มันจึงเป็นสัจธรรมที่ว่า


"จงรักและไขว่คว้าโอกาสที่คุณมีในขณะนี้ อย่ามัวแต่เสียเวลา


บางครั้งคนเราก็มีโอกาสเลือกแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น"



.






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553    
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 21:54:53 น.
Counter : 272 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.