แด่คนที่เห็นแฟนดีกว่าพ่อ แม่














































....หลังวาเลนไทน์


วันที่ 14 กุมภา ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เหมือนคนทั่วไป

กุหลาบ ช็อคโกแลต คำบอกรัก

สามสิ่งนี้ต้องเวียนเข้ามาหาชีวิตผมเพื่อให้คนคนหนึ่งทุก ๆ

ปีในวันนี้


ก่อนวันที่ 14 กุมภา


ผมเดินออกจากบ้าน

ในมือมีผ้าเช็ดหน้าสีชมพูที่ต้องการเอาให้แฟนของผม

เธอเป็นหญิงสวยมาก เป็นดาวคณะของมหาลัยของเรา


ก่อนผมจะออกไปพบเธอ เธอโทรมาหาผม

ผมจึงวางผ้าเช็ดหน้าที่ผมบรรจงพับไว้บนโต๊ะ


หลังจากการพร่ำบอกรักกันด้วยถ้อยคำหวานหูเป็นเวลานานทีเดียว

ผมปรี่ออกจากบ้านไปหาเธอ

โดยไม่ลืมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น


ผมเห็นพ่อของผมถือมันออกมา ในผ้าผืนนั้นมีรอยเลือด

"พ่อ ทำอะไรหนะ" ผมโพล่งถามด้วยความโมโห


พ่อหน้าซีดทันที

" ไอ้เหมียวหนะ มันโดนกัด พ่อเลยเอาผ้าไปเช็ดเลือด"

"พ่อรู้ไหม ผมกำลังจะเอาไปให้แฟน ไ


พ่อเงียบ ผมเกลียดจริงๆ เวลาพ่อเงียบเมื่อจนกับปัญหา

ความโมโหสั่งผมให้ทำได้แม้กระทั่งจะตบหน้าพ่อ


พ่อเบือนหน้า

"พ่อขอโทษ มานี่....." พ่อยื่นมือมารับผ้าเช็ดหน้า

"พ่อจะเอาไปซักให้เอง"


ผมงอนพ่อถึงกับไม่ยอมคุยกับพ่อเป็นเวลานานพอควร ไม่ยอมลงจากบ้าน

เป็นเวลาเกือบทั้งสองวันที่ผมไม่เจอหน้า

ใคร หมกตัวอยู่กับห้อง มีเพียงแม่เท่านั้นที่คอยส่งข้าวให้ผม


ยามเมือ่ผมมองตาแม่ครั้งใดทุกครั้ง ดวงตาแม่จะแดงปรี่ด้วยน้ำตา

ผมเริ่มรู้สึกว่า บางทีผมอาจจะทำเกินไป


14 กุมภาพันธ์

ตั้งแต่ครั้งที่ผมเห็นแม่เสียใจ

ผมก็รู้สึกว่าผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า

ผมยอมออกมาจากห้อง


ผมไม่เห็นพ่อ

เดินออกมาที่บริเวณลานซักผ้า กาละมังยังมีผ้าที่ยังไม่ซักหลายผืน

ข้างๆ มีกองเลือดอยู่ และที่ราวตากผ้ามี

ผ้าเช็ดหน้าของผม ถึงจะล้างรอยเลือดไม่หมด

ก็ยังดีที่พ่อยังห่วงใยผม ยังแคร์ผมอยู่


พ่อ ผมอยากขอโทษครับ


หันหน้าจะกลับเข้าบ้าน ก็พบกับแม่ แม่ร้องไห้มาแต่ไกล

วิ่งมากอดผม

" พ่อเสียแล้วนะ "



ผมอึ้ง


แม่ลำดับเหตุการณ์ และทำให้ผมทราบว่า

พ่อป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจติดเชื้อ

รอยเลือดที่เห็นนั้นคือเลือดที่พ่อจาม

ออกมา พ่อมองไม่เห็น

"พ่อกำชับแม่มาตอนที่ลูกโกรธว่า อย่าบอกลูกเด็ดขาดว่าพ่อป่วย "

"ทำไมล่ะครับ"

"พ่อกลัวเราจะเสียใจ แล้วไม่ได้ออกไปเที่ยวกับแฟน"


ผมอึ้งเป็นครั้งที่สอง

"พ่อบอกแม่ด้วยว่า ถ้าพ่อเสียวันนี้ อย่าเพิ่งบอกลูก

ให้ลูกไปเที่ยวกับแฟนก่อน พ่อไม่อยากให้ลูกเป็นทุกข์ พลาด

โอกาสอย่างนี้เพราะพ่อคนเดียว

พ่อบอกด้วยว่าพ่อซักผ้าเช็ดหน้าให้แล้ว มันไม่สะอาดหรอก

แต่พ่อบอกว่าพ่อของลูกทำ

ดีที่สุดแล้ว"



ผมกอดแม่ ร้องไห้

วันนี้จะเป็นวันวาเลนไทน์ที่อยู่ในความทรงจำตลอดไป


พ่อครับ ผมขอโทษ.......



















Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553    
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 23:08:50 น.
Counter : 306 Pageviews.  

อย่าใช้ยางลบ...










































สมัยเด็กๆ ครูสอนศิลปะท่านหนึ่งสอนฉันเสมอว่า ...


เวลาเราใช้ดินสอวาดภาพ

เราห้ามใช้ยางลบ


ตอนนั้น ฉันไม่เข้าใจจุดประสงค์ของครูสักเท่าไหร่

รู้เพียงแต่ว่าเวลาฉันวาดภาพแล้วเส้นมันบิดเบี้ยว

ฉันก็อยากแก้ให้มันตรงสวย


แต่ทุกครั้งที่ฉันหยิบยางลบขึ้นมาเพื่อจะลบภาพนั้น

ครูของฉันก็จะเตือนถึงกติกานั้นเสมอ

สุดท้ายฉันจึงเลือกใช้วิธีต่อเติมภาพๆ นั้นไปตามจินตนาการ


เช่นถ้าฉันตั้งใจวาดรูปหน้าคน แต่ฉันเผลอวาดดวงตากลมโตเกินไป

ฉันก็จะใช้วิธีเปลี่ยนตากลมๆ นั้นเป็นแว่นตาแทน


แม้ตอนนั้นฉันจะไม่เข้าใจว่า

ทำไมฉันจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ

และแม้ฉันจะไม่เคยคิดวาดรูปหน้าคนใส่แว่นตามาก่อน

แต่ฉันก็ได้รูปหน้าคนตามที่ต้องการ แถมยังภูมิใจว่า

ฉันสามารถวาดภาพๆนั้นด้วยความมั่นใจ

และไม่ต้องใช้ยางลบลบภาพเลยสักครั้ง


เวลาผ่านไป ฉันโตขึ้น ฉันเรียนรู้ว่า สิ่งที่ครูสอนวันนั้น

แท้จริงแล้วมันปลูกฝังนิสัยหนึ่งให้กับฉัน นั่นคือ

การเข้าใจธรรมชาติของความผิดพลาด


ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนทุกคน

และในชีวิตหนึ่งนี้ก็มีหลายครั้งที่ฉันได้พบมันโดยไม่ตั้งใจ

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันยอมรับความผิดพลาดเหล่านั้น

และรวบรวมสติเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ก็คือ


การที่ฉันเข้าใจว่าธรรมชาติของความผิดพลาด คือการที่มันเกิดขึ้นแล้ว

จะคงอยู่อย่างถาวรฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ ลบความผิดพลาด

แต่ฉันจำเป็นต้องใช้สมองต่อเติมแก้ไขภาพวาดของฉันให้สมบูรณ์ด้วยตัวเอง


ดังนั้น ถ้าความผิดพลาดมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว

การที่เราจะมานั่งร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนขอแหกกฎ

เพื่อใช้ยางลบกลับไปลบแก้ไขมันนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้


สิ่งเดียวที่จะทำได้

ก็คือรู้จักพลิกแพลงแก้ไขสิ่งเหล่านั้นด้วยสติ

และวาดภาพของตัวเองต่อไปด้วยความระแวดระวังมากขึ้น

ทุกคนมีดินสอหนึ่งแท่งเพื่อจะวาดภาพชีวิตของเราให้สวยงาม


แต่เราไม่มียางลบสักก้อนที่จะเอาไปลบสิ่งที่เราทำผิดพลาดมาแล้วได้

ดังนั้นเราต้องตั้งใจ และมีสติทุกครั้งที่ลากเส้น

และถึงแม้ภาพที่เราวาดจะออกมาไม่เหมือนกับภาพที่เราฝันไว้สักเท่าไหร่

แต่มันก็มาจากมือของเรา เราควรจะภูมิใจกับมันได้เสมอ


ไม่ต้องกลัวหรอก แม้จะรู้ดีว่าสักวันหนึ่ง

เราอาจลากเส้นบิดเบี้ยวไปบ้างเพราะถึงอย่างไร ฉันเชื่อว่า

ถ้าสมองและหัวใจของเราทำงานอย่างเต็มที่

ภาพชีวิตของเราก็งดงามได้ โดยไม่ต้องใช้ยางลบ






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553    
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 23:07:42 น.
Counter : 343 Pageviews.  

เงินไม่สำคัญเสมอไป

















































เงิน ซื้อเตียงนอนได้ แต่ซื้อการหลับเป็นสุขไม่ได้


เงิน ซื้อกระดาษปากกาได้ แต่ซื้อความเป็นกวีไม่ได้


เงิน ซื้ออาหารดีๆ ได้ แต่ซื้อความอยากรับประทานไม่ได้


เงิน ซื้อความประจบสอพลอได้ แต่ซื้อความจริงใจไม่ได้


เงิน ซื้อการตามใจได้ แต่ซื้อความจงรักภักดีไม่ได้


เงิน ซื้อเพชรนิลจินดาได้ แต่ซื้อความงามไม่ได้


เงิน ซื้อความสนุกชั่วคราวได้ แต่ซื้อความสุขไม่ได้


เงิน ซื้อเพื่อนร่วมเดินทางได้ แต่ซื้อเพื่อนแท้ไม่ได้


เงิน ซื้ออำนาจราชศักดิ์ได้ แต่ซื้อปัญญาไม่ได้


เงิน ซื้ออาวุธยุทธภัณฑ์ได้ แต่ซื้อสันติสุขไม่ได้


เงิน ซื้อเมียที่สวยได้ แต่ซื้อแม่ที่ดีให้ลูกไม่ได้



**เงิน จะสำคัญเมื่อจำเป็นต้องใช้เท่านั้น**










โดย พระราชสุทธิญาณมงคล






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553    
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 23:06:19 น.
Counter : 224 Pageviews.  

้มองโลกในแง่ดี
















































มีขยะที่ต้องเก็บหลังงานปาร์ตี้เลิก

. . . . นั่นหมายความว่าเราได้อยู่กับเพื่อนๆ


มีภาษีที่ต้องจ่าย

. . . . หมายความว่าเรามีงานทำ


มีเสื้อผ้าคับเกินไป

. . . . หมายความว่าเรามีอาหารเพียงพอที่จะกิน


มีเงาตามหลังขณะเราทำงาน

. . . . หมายความว่าเราได้ออกไปรับแสงแดด


มีสนามหญ้าที่ต้องตัด / หน้าต่างที่ต้องทำความสะอาด / ท่อน้ำที่

ต้องซ่อม

. . . . หมายความว่าเรามีบ้านอยู่


เสียงด่ารัฐบาลที่เราได้ยิน

. . . . หมายความว่าเรามีเสรีภาพที่จะพูด


ได้ที่จอดรถที่ไกลที่สุดของพื้นที่จอด

. . . . นั่นหมายความว่าขาเรายังเดินได้


เสื้อผ้ากองใหญ่ที่ต้องซักรีด

. . . . หมายความว่าเรายังมีเสื้อผ้าใส่


รู้สึกเมื่อยล้าหลังการทำงานในแต่ละวัน

. . . . หมายความว่าเรายังทำงานได้น


เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นทุกเช้า

. . . . หมายความว่าเรายังมีชีวิตอยู่ด้


ได้เสียเวลาอ่านเมลล์นี้

. . . . " หมายความว่าเรามีเพื่อนที่ยังคิดถึงเรา "


.






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553    
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 23:05:12 น.
Counter : 249 Pageviews.  

...น้ำใจ...
















































"ลูกชายคุณอยู่ตรงนี้นะคะ"
นางพยาบาลพูดกับชายชราที่นอนอยู่บนเตียง


แต่กว่าเขาจะลืมตาขึ้นมาได้ เธอต้องพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้ง
เพราะว่าเมื่อคืนนี้โรคหัวใจเขากำเริบ ทำให้เขาหมดความรู้สึกตัวไป
เขาลืมตาขึ้นมาได้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถรับรู้อะไรได้มาก
เขาเห็นเพียงแค่เงาร่างชายหนุ่มในชุดทหารเรือยืนอยู่ข้างเตียงเขา


ชายชรายกมือขึ้นมา
ทหารเรือหนุ่มใช้มืออันแข็งแรงของเขาจับมือที่แสนบอบบางของชายชรา
กุมมือเขาไว้อย่างอ่อนโยน นางพยาบาลเอาเก้าอี้มาให้
ชายหนุ่มผู้เหน็ดเหนื่อยจึงนั่งลงข้างเตียงชายชรา










เขานั่งเฝ้าอยู่ข้างๆชายชราตลอดคืน


คืนนั้น ทหารเรือหนุ่มนั่งอยู่ในห้องป่วยที่มืดสลัว กุมมือชายชราเอาไว้
พูดคุยให้กำลังใจเขา แต่ชายชราผู้ซึ่งใกล้สู่จุดจบมิได้พูดอะไรสักคำ
ได้แต่ใช้มือที่ไร้เรี่ยวแรงนั้นจับมือชายหนุ่มไว้ตลอด
เสียงจากเครื่องอ็อกซิเจ็น, เสียงโครยครวญจากคนป่วยอื่นๆ
รึว่าเสียงจากคนที่เข้าๆออกๆห้องป่วยนั้น
ก็ไม่อาจจะกระทบกระเทือนชายหนุ่มได้ เขานั่งเฝ้าอยู่ข้างๆชายชราตลอดคืน


ทุกครั้งที่นางพยาบาลเข้ามาในห้องป่วย
ก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มพูดปลอบโยนชายชราอย่างแผ่วเบา
เวลาทั้งคืนนั้นมันช่างยาวนาน
หลายครั้งที่นางพยาบาลเรียกให้ชายหนุ่มงีบหลับพักผ่อนสักครู่
แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธทุกครั้งไป










ก่อนฟ้าสว่าง ชายชราก็สิ้นลม


ก่อนฟ้าสว่าง ชายชราก็สิ้นลม

ชายหนุ่มค่อยๆวางมือชายชรากลับลงบนเตียง แล้วเดินออกไปเรียกนางพยาบาลมา
เมื่อนางพยาบาลเข็นศพของชายชราออกไป และจัดการภารกิจอื่นๆอยู่
ชายหนุ่มก็ยืนมองอยู่เงียบๆ
จนนางพยาบาลทำอะไรเสร็จแล้วกลับเข้ามาในห้องป่วย
คิดว่าจะพูดปลอบโยนชายหนุ่ม ชายหนุ่มก็พูดตัดบทขึ้นมาก่อน


"เขาคือใครหรือครับ?" ชายหนุ่มถาม

นางพยาบาลได้ยินเข้าก็ตกใจไม่น้อย ตอบไปว่า "เขาคือพ่อของคุณนะ!"

"ไม่ใช่ครับ" ชายหนุ่มตอบ "ผมไม่เคยเห็นเขามาก่อน"

"ถ้างั้นตอนที่ฉันพาคุณมาพบเขา ทำไมไม่พูดก่อนล่ะ?"


"ผมคิดว่าคงมีอะไรผิดพลาดเล็กน้อย ถึงมีคนเรียกให้ผมรีบลาหยุดด่วน
เพราะในค่ายของผมมีสองคนที่ใช้ชื่อเหมือนกัน มาจากพื้นที่เดียวกัน
และเบอร์ประจำตัวก็คล้ายๆกันด้วย เ ขาถึงได้ส่งผมมาผิด" ชายหนุ่มอธิบาย
"แต่ผมรู้ว่าชายชราผู้นี้ต้องการพบลูกชายเขา แต่ทว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่
พูดได้อย่างเดียวก็คือ
ชายชราผู้นี้ป่วยหนักมากถึงขนาดดูไม่ออกว่าผมไม่ใช่ลูกชายเขา
เมื่อผมเห็นว่าเขาต้องการมีคนอยู่เคียงข้างเขามากเช่นนี้
ผมก็ตัดสินใจที่จะอยู่เฝ้าเขาจนกว่าเขาจะจากไป"







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553    
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 23:04:04 น.
Counter : 472 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.