มารู้จัก..มนุษย์ไม้บรรทัด











































































ระวังจะเป็นมนุษย์ไม้บรรทัดหรือคนเจ้าระเบียบ
ให้คนรอบข้าง .... นะ


เมื่อก่อนเราใช้ไม้เป็นวัสดุทำไม้บรรทัด
แต่ปัจจุบันไม้บรรทัดกลายเป็นพลาสติกบรรทัดไปเกือบหมดแล้ว
ไม้บรรทัดที่ทำด้วยไม้จริง ๆ จึงหาดูได้ยากขึ้นทุกวันแต่จะหา
มนุษย์ไม้บรรทัด หรือคนเจ้าระเบียบดูจะง่ายกว่า










บุคลิกภาพเจ้าระเบียบ (PERFECTIONIST)
ช่างน่าสนใจ รู้หลีก


คนที่มีบุคลิกภาพเจ้าระเบียบ (PERFECTIONIST)
หรือที่ผมให้ชื่อว่ามนุษย์ไม้บรรทัดนี้ พบว่าเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง
และมักพบในลูกคนโตมากกว่าลูกคนรอง ๆ ลงไป
เป็นเพราะว่าพ่อแม่จำนวนมากยังมีค่านิยมที่ให้ความสำคัญลูกชายมากกว่าลูกสาว
เพราะลูกชายจะเป็นผู้สืบสกุล ค่านิยมนี้เห็นได้ชัดจากวัฒนธรรมของชาวจีน
ที่มักให้ลูกชายคนแรกเป็นผู้นำครอบครัวในรุ่นถัดไป
หรือให้หลานชายคนโตเป็นผู้รับบทบาทสำคัญในพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น
ในพิธีสวดกงเต้กจะให้หลานชายคนโตแต่งกายไว้ทุกข็แบบเดียวกับคนรุ่นลูก
นอกจากนั้นชาวจีนแต่โบราณยังต้องการมีลูกแยกตามเพศอีกว่า
พ่อแม่คู่ใดที่มีลูกชาย 5 คน ลูกสาว 2 คน ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี
และเป็นยอดปรารถนา
ครอบครัวใดมีแต่ลูกสาวโดยไม่มีลูกชายนับได้ว่าไม่มีบุญวาสนา
ความสำเอียงนี้ก่อให้เกิดความคาดหวังของพ่อแม่
โดยแสดงออกในรูปของความเข้มงวดในการเลี้ยงดูต่อลูกชาย
โดยเฉพาะลูกคนโตให้ต้องมีภาระและความรับผิดชอบมากเป็นพิเศษ
ซึ่งเป็นผลให้เพศชายและลูกคนโตมีความโน้มเอียงในการเกิดบุคลิกภาพแบบเจ้า
ระเบียบมากขึ้น



นอกจากนั้นพ่อแม่ที่เคยมีประสบการณ์ชีวิตที่ไม่สมหวังมาก่อน เช่น
เคยเรียนไม่ดีและรู้สึกอับอาย หรือเคยขาดโอกาสในการเล่าเรียน
อาจเป็นเพราะปัญหาครอบครัวหรือปัญหาทางเศรษฐกิจ
จนรู้สึกว่าการขาดการศึกษาเป็นปมด้อยอย่างใหญ่หลวงในใจตน
ก็เป็นสาเหตุให้พยายามอบรมเคี่ยวเข็ญลูก ๆ
โดยเฉพาะด้านการเรียนเพื่อชดเชยความไม่สมหวังของตนเองในอดีต



พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยวิธีเข้มงวดกวดขันมากจนเกินไป
มักจะใช้การตำหนิบ่อยและวางกฎเกณฑ์มาก ๆ
ให้ลูกปฏิบัติเพราะต้องการให้ลูกทำอย่างที่ใจตนเองต้องการ
สิ่งเหล่านี้จะทำให้เด็กเครียดบางครั้งเกิดความรู้สึกกลัว
ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น และไม่กล้าแสดงออกเมื่อเกิดความรู้สึกคับข้องใจ
หากเด็กถูกกดดันมากเมื่อโตขึ้นอาจจะมีบุคลิกภาพแบบก้าวร้าวสมยอม (PASSIVE
AGGRESSIVE) หรือก้าวร้าวแบบเปิดเผย
เพราะรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่รักและครอบครัวไม่อบอุ่น หากเด็กปรับตัวได้ตาม
ควรจะมีบุคลิกภาพเป็นลักษณะเจ้าระเบียบ













คนบุคลิกเจ้าระเบียบจะมีลักษณะประจำดังต่อไปนี้


1) สนใจเรื่องต่าง ๆ ในรายละเอียดปลีกย่อยมาก
มักดูแลความสะอาดเรียบร้อยของร่างกายและเครื่องแต่งตัวเป็นอย่างดี
ทรงผมหวีเรียบแปล้ ใบหน้าสะอาดสะอ้าน
ผู้หญิงเจ้าระเบียบจะแต่งหน้าอย่างประณีตบรรจง เช่น
ประดิดประดอยเขียนคิ้วทั้ง 2 ข้างให้โค้งและมีขนาดเท่ากันเปี๊ยบ
ไม่ชอบให้เครื่องแต่งกายมีรอยยับย่น ไม่ชอบให้รองเท้ามีรอยถลอก
ผู้หญิงเจ้าระเบียบจึงมักใช้เวลาพิถีพิถันแต่งหน้าและแต่งตัวนานเป็นพิเศษ
และมักหงุดหงิดที่เห็นคนอื่นแต่งกายไม่เรียบร้อย
หรือขมวดคิ้วไม่พอใจหากเห็นคนรอบข้างไว้ทรงผมยุ่งกระเซิง












2) หมกมุ่นกับความรับผิดชอบมาก มีความยุติธรรมและคุณธรรมดีเลิศ
จะไม่ยอมผิดเวลานัดรวมไปถึงคาดหวังให้ผู้อื่นรักษาเวลานัดหมายดีไปด้วย
ซึ่งมักจะผิดหวัง
คนเจ้าระเบียบจึงทุ่มเทให้กับการทำงานมากจนขาดการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับ
ผู้อื่น












3) ใช้ชีวิตประจำวันซ้ำ ๆ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เช่น กินอาหารร้านประจำซ้ำ ๆ
หรือขับรถเส้นทางเดิม ๆ
ไม่ค่อยยอมรับความคิดเห็นของคนอื่นหรือวิวัฒนาการใหม่ ๆ
และต้องการให้คนอื่นทำตามความคิดเห็นของตนเองเสมอ จึงมีลักษณะดื้อรั้น


4) ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจเพราะกลัวผิด กลัวถูกตำหนิหรือผิดศีลธรรม



5) เครียดง่าย คนอยู่ใกล้ไม่รู้สึกอบอุ่นและไม่ชอบการพักผ่อนหย่อนใจ
เพราะฉะนั้นชีวิตส่วนตัวจึงแห้งแล้งไม่ค่อยมีความสุข











สัมพันธภาพกับคนรอบ ๆ
ตัวก็จะมีทั้งด้านดีและด้านด้อย











กับเจ้านาย


กับเจ้านาย
เจ้านายจะชอบตรงการทุ่มเทให้กับการทำงานและความรับผิดชอบดีเยี่ยม
แต่ไม่ชอบความดื้อรั้น ไม่ค่อยโอนอ่อนผ่อนตามและไม่ประจบ
(ตรงนี้เจ้านายเกลียดนัก)











กับเพื่อน ๆ


กับเพื่อน ๆ เพื่อนจะชอบที่ หากรับปากช่วยทำอะไรแล้ว
จะไม่คืนคำบิดพลิ้วและไม่เอาเปรียบเพื่อน แต่เนื่องจากคนเจ้าระเบียบ
เป็นคนไม่ค่อยเฮฮาครึกครื้นจึงมีเพื่อนน้อย











กับลูกน้อง


กับลูกน้อง ลูกน้องจะชอบตรงที่มีความยุติธรรมไม่ลำเอียง
แต่ไม่ชอบตรงที่เคร่งครัดกับกฎระเบียบมาก คอยจ้ำจี้จ้ำไชกับการงาน
แม้กระทั่งรายละเอียดจนลูกน้องอึดอัด และมักให้คำตำหนิมากกว่าคำชม
ทำให้ลูกน้องซึ่งกำลังคอยเงี่ยหูฟังคำชมผลงานต้องหน้าหงายเสมอ ๆ
เพราะเจ้านายช่างสรรหาข้อตำหนิจุดเล็กจุดน้อยมาจนได้










จริงจังไปหรือเปล่า


โดยรวมแล้วคนเจ้าระเบียบมักจะมีการงานที่มั่นคง เพราะไม่ใช่คนเหลวไหล
แต่มีความรับผิดชอบ ทุ่มเทให้กับงาน ละเอียดถี่ถ้วนและรักษาระเบียบวินัยดี
ปัญหาที่เกิดจึงเป็นปัญหาทางสังคม และสัมพันธภาพกับผู้อื่นมากกว่า
และที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด
ก็คือบรรยากาศในครอบครัวของคนเจ้าระเบียบไม่ค่อยอบอุ่น
ทั้งนี้เพราะคนประเภทนี้จะทำอะไรก็ดูจริงจังไปหมด มีการตำหนิบ่อย
ไม่ค่อยผ่อนคลาย ไม่ค่อยอ่อนหวานโรแมนติก
จึงมักทำให้คู่ชีวิตเกิดความรู้สึกไม่แน่ใจในความรัก
ลองว่าคู่ครองใดที่อยู่ด้วยกันโดยไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายรักตนหรือไม่ยังจะหา
ความสุขได้จากไหน











ปรับปรุงตังเองเถอะ


หากใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วเกิดรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังอ่านนิสัยใจคอของตน
เองอยู่ ก็อย่าได้รอช้าเลย
จงเร่งปรับปรุงตัวเองโดยลดความเป็นมนุษย์ไม้บรรทัดลงเสียบ้าง
และพยายามสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นให้มากขึ้น ชีวิตจะมีความสุขกว่าเดิม








Free TextEditor






































































































 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553    
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 23:16:06 น.
Counter : 285 Pageviews.  

วิธีประหยัดน้ำมัน คุณก็ทำได้





















































วิธีง่าย ๆ ที่คุณ เติมกระเป๋าตังส์ตัวเองได้
ด้วยตัวคุณ


1. ตรวจตราลมยางเป็นประจำ เพราะยางที่อ่อนเกินไปนั้น ทำให้

สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่ายางที่มีปริมาณลมยางตามที่มาตรฐาน

กำหนด


2. สับเปลี่ยนยาง ตรวจตั้งศูนย์ล้อตามกำหนด จะช่วยประหยัด

น้ำมันเพิ่มขึ้นอีกมาก


3. ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งเมื่อต้องจอดรถนานๆ แค่จอดรถติดเครื่อง

ทิ้งไว้ 10 นาที ก็เสียน้ำมันฟรีๆ 200 ซีซี


4. ไม่ควรติดเครื่องทิ้งไว้เมื่อจอดรถ ให้ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งที่

ขึ้นของ ลงของ หรือคอยคน เพราะการติดเครื่องทิ้งไว้ เปลืองน้ำมัน

และสร้างมลพิษอีกด้วย


5. ไม่ออกรถกระชากดังเอี๊ยด การออกรถกระชาก 10 ครั้ง สูญเสีย

น้ำมันไปเปล่าๆ ถึง 100 ซีซี น้ำมันจำนวนนี้รถสามารถวิ่งได้ไกล

700 เมตร


6. ไม่เร่งเครื่องยนต์ตอนเกียร์ว่างอย่างที่เราเรียกกันติดปากว่า

เบิ้ลเครื่องยนต์ การกระทำดังกล่าว 10 ครั้ง สูญเสียน้ำมันถึง 50 ซีซี

ปริมาณน้ำมันขนาดนี้รถวิ่งไปได้ตั้ง 350 เมตร


7. ตรวจตั้งเครื่องยนต์ตามกำหนด ควรตรวจเช็คเครื่องยนต์

สม่ำเสมอ เช่น ทำความสะอาดระบบไฟจุดระเบิด เปลี่ยนหัว

คอนเดนเซอร์ ตั้งไฟแก่อ่อนให้พอดี จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 10%


8. ไม่ต้องอุ่นเครื่อง หากออกรถและขับช้าๆ สัก 1-2 กม. แรก

เครื่องยนต์จะอุ่นเอง ไม่ต้องเปลืองน้ำมันไปกับการอุ่นเครื่อง


9. ไม่ควรบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด เพราะเครื่องยนต์จะทำงาน

ตามน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น หากบรรทุกหนักมาก จะทำให้เปลืองน้ำมัน

และสึกหรอสูง


10. ใช้ระบบการใช้รถร่วมกัน หรือคาร์พูล (Car pool) ไปไหน

มาไหน ที่หมายเดียวกัน ทางผ่านหรือใกล้เคียงกัน ควรใช้รถคัน

เดียวกัน


11. เดินทางเท่าที่จำเป็นจริงๆ เพื่อประหยัดน้ำมัน บางครั้ง

เรื่องบางเรื่องอาจจะติดต่อกันทางโทรศัพท์ก็ได้ ประหยัดน้ำมัน

ประหยัดเวลา


12. ไปซื้อของหรือไปธุระใกล้บ้านหรือใกล้ๆ ที่ทำงาน อาจจะเดิน

หรือใช้จักรยานบ้าง ไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ทุกครั้ง เป็นการ

ออกกำลังกายและประหยัดน้ำมันด้วย


13. ก่อนไปพบใคร ควรโทรศัพท์ไปถามก่อนว่าเขาอยู่หรือไม่ จะได้

ไม่เสียเที่ยว ไม่เสียเวลา ไม่เสียน้ำมันไปโดยเปล่าประโยชน์


14. สอบถามเส้นทางที่จะไปให้แน่ชัด หรือศึกษาแผนที่ให้ดี

จะได้ไม่หลง ไม่เสียเวลา ไม่เปลืองน้ำมันในการวนหา


15. ควรใช้โทรศัพท์ โทรสาร ไปรษณีย์ อินเตอร์เน็ท หรือใช้

บริการส่งเอกสาร แทนการเดินทางด้วยตัวเอง เพื่อประหยัดน้ำมัน


16. ไม่ควรเดินทางโดยไม่ได้วางแผนการเดินทาง ควรกำหนด

เส้นทาง และช่วงเวลาการเดินทางที่เหมาะสมเพื่อประหยัดน้ำมัน


17. หมั่นศึกษาเส้นทางลัดเข้าไว้ ช่วยให้ไม่ต้องเดินทางยาวนาน

ไม่ต้องเผชิญปัญหาจราจร ช่วยประหยัดทั้งเวลาและประหยัดน้ำมัน


18. ควรบับรถด้วยความเร็วคงที่ เลือกขับที่ความเร็ว 70-80

กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 2,000-2,500 รอบเครื่องยนต์ ความเร็วระดับ

นี้ ประหยัดน้ำมันได้มากกว่า


19. ไม่ควรขับรถลากเกียร์ เพราการลากเกียร์ต่ำนานๆ จะทำให้

เครื่องยนต์หมุนรอบสูงกินน้ำมันมาก และเครื่องยนต์ร้อนจัด

สึกหรอง่าย


20. ไม่ติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งที่จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น

เช่น การทำให้เกิดการต้านลมขณะวิ่ง หรือทำให้เครื่องยนต์ ไม่

สามารถถ่ายเทความร้อนได้ดี


21. ไม่ควรใช้น้ำมันเบนซินที่ออกเทนสูงเกินความจำเป็นของ

เครื่องยนต์ เพราะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยเปล่าประโยชน์


22. หมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ไส้กรองอากาศ

ตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อประหยัดน้ำมัน


23. สำหรับเครื่องยนต์แบบเบนซิน ควรเลือกเติมน้ำมันเบนซิน

ให้ถูกชนิด ถูกประเภท โดยเลือกตามค่าออกเทนที่เหมาะสมกับ

รถแต่ละยี่ห้อ (สังเกตจากฝาปิดถังน้ำมันด้านใน หรือรับคู่มือที่ปั้ม

น้ำมันใกล้บ้าน


24. ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศตลอดเวลา ยามเช้าๆ

เปิดกระจกรับความเย็นจากลมธรรมชาติบ้างก็สดชื่นดี ประหยัด

น้ำมันได้ด้วย


25. ไม่ควรเร่งเครื่องปรับอากาศในรถอย่างเต็มที่จนเกินความจำเป็น

ไม่เปิดแอร์แรงๆ จนรู้สึกหนาวเกินไป เพราะสิ้นเปลืองพลังงาน



.






Free TextEditor






































































































 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553    
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 23:13:31 น.
Counter : 306 Pageviews.  

ภาพสะท้อนของตัวเรา




















































เรื่องดี ดี มีประโยชน์เสมอ กับการเติมคุณค่า
ให้ข้อคิด แก่ชีวิต


มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง อาศัยอยู่บ้านหลังหนึ่ง ทุกๆเช้า
ภรรยาจะแอบมองดูเพื่อนบ้านจากหน้าต่างชั้นบนบ้าน
และวิ่งกลับมารายงานให้สามีฟัง



เพื่อนบ้านเรานี่ ซักผ้าไม่เป็นเลย เสื้อผ้าสกปรกเหลือเกิน
ไม่รู้เขาใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร หรือใช้วิธีซักอย่างไร

สามีก็ตอบว่า อย่าไปสนใจคนอื่นเขาเลย เราซักผ้าของเราให้สะอาดก็แล้วกัน



แต่ภรรยาก็ยังไปแอบดูเพื่อนบ้านอยู่ทุกเช้า จากหน้าต่างข้างบนบ้าน
และวิ่งกลับมารายงานสามีทุกเช้า เสื้อผ้าของเขาสกปรกอีกแล้ว...



ต่อมาวันหนึ่ง ภรรยาวิ่งลงมารายงานสามี ด้วยความแปลกประหลาดใจ
ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เสื้อผ้าของเขาขาวสะอาด
อยากจะรู้เหลือเกินว่า เขาเปลี่ยนมาใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร หรือทำอย่างไร..



สามีหัวเราะและกล่าวว่า นี่..ฉันรำคาญเธอเหลือเกิน
เมื่อเช้าฉันตื่นแต่เช้ามืด และไปเช็ดกระจกหน้าต่างให้ใสสะอาด..
ก่อนหน้านี้ กระจกมันสกปรก เธอมองออกไป ก็เห็นแต่ความ สกปรก..











มนุษย์เราชอบมองคนอื่น โดยผ่านจิตใจของเราออกไป
เมื่อจิตใจของเราสะอาด เราก็จะเห็นแต่ความดีงามรอบๆตัว


มนุษย์เราชอบมองคนอื่น โดยผ่านจิตใจของเราออกไป เมื่อจิตใจของเราสะอาด
เราก็จะเห็นแต่ความดีงามรอบๆตัว

แต่ถ้าจิตใจของเราสกปรก เราก็จะเห็นแต่ความสกปรกรอบตัว
การที่เราเห็นแต่ความเลวรอบๆตัวเรา

เราต้องเข้าใจว่า แท้ที่จริงแล้ว... สิ่งที่เราเห็น
มันเกิดขึ้นในจิตใจของเรา

และเราจะต้องหาทางฝึกจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์

ถ้าเราเห็นแต่สิ่งที่เลว จิตใจก็ไม่สงบ เราก็จะกลุ้มอกกลุ้มใจ มีความทุกข์
แต่ถ้าเราหัดมองในแง่ดี เราก็จะคิดแต่สิ่งที่ดี
จิตใจก็จะเบิกบานและมีความสุข...









หมายเหตุ.. บทความบทนี้ เขียนโดย.. ดร. อาจ-อง
ชุมสาย ณ อยุธยา



จากหนังสือ ชีวิตงาม เล่มที่ ๘ หน้าที่ ๔๑




ขออภัย บทความนี้ไม่ได้มีการขออนุญาตเผยแพร่จากเจ้าของผลงานโดยตรง
เราเจตนาเพียงเพื่อแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ความรู้สึกดีๆ ส่งต่อให้กับเพื่อน
ๆได้อ่าน ได้คิด เพื่อเป็นกำลังใจให้กันเท่านั้นค่ะ






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553    
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 23:12:04 น.
Counter : 510 Pageviews.  

ความสุขใกล้ตัว



















































ความสุข สิ่งที่ใคร ๆ ต่างไขว่ขว้า


คุณอยากได้กล้องถ่ายรูปแบบดิจิตัลสักตัวหนึ่ง

หลังจากหาข้อมูลมาหลายวันทั้งจากหนังสือพิมพ์และคนรู้จัก

ก็ตัดสินใจได้ว่าจะซื้อยี่ห้อและรุ่นอะไร

คุณใช้เวลา ๒-๓ วันในการหาร้านที่ขายถูกที่สุด

แล้วคุณก็พบร้านหนึ่งซึ่งขายต่ำกว่าราคาทั่วไปถึง ๒๕ %

คุณตัดสินใจควักเงิน ๗,๕๐๐ บาท แล้วพากล้องใหม่กลับบ้าน

ด้วยความปลื้มใจที่ได้ทั้งของดีและราคาถูก



แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ตั้งใจว่าจะไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง

แต่กลับพบว่าเขาเพิ่งซื้อกล้องยี่ห้อและรุ่นเดียวกับคุณ

แต่ซื้อได้ถูกกว่านั้น คือจ่ายไปเพียง ๕,๐๐๐ บาทเท่านั้น











คุณจะรู้สึกอย่างไร? ยังจะยิ้มได้อีกหรือไม่ ?


ถ้าคุณยิ้มไม่ออก ก็น่าถามตัวเองว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?

ก็คุณเพิ่งได้ของใหม่มา แถมจ่ายน้อยกว่าคนทั่วไป

อีกทั้งสินค้าก็มีคุณภาพและถูกใจคุณเสียด้วย

ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่คุณน่าจะดีใจมิใช่หรือ?

แต่ทำไมคุณถึงเสียใจหรือถึงกับโมโหตัวเอง

เป็นเพราะคุณไปเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านใช่หรือไม่?


คุณมีกล้องดีที่น่าพอใจ แต่ทันทีที่คุณไปเปรียบเทียบกับกล้องของคนอื่น

ความรู้สึกไม่พอใจก็เข้ามาแทนที่ คนเราไม่พอใจกับสิ่งที่ตนมีก็เพราะเหตุนี้


จึงมีผู้กล่าวว่าการเปรียบเทียบเป็นหนทางลัดไปสู่ความทุกข์

เคยสังเกตหรือไม่ว่า
มีคนจำนวนไม่น้อยที่มักคิดว่ารถของคนอื่นดีกว่ารถของตัว

แฟนของคนอื่นสวย(หรือหล่อ)กว่าแฟนของตัว ลูกของคนอื่นเก่งกว่าลูกของตัว

และอาหารที่คนอื่นสั่งมักน่ากินกว่าจานของตัว

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ชีวิตจะหาความสุขได้ยาก

แม้จะได้มามากเท่าไร ก็ไม่พอใจเสียที


อย่าว่าแต่ของที่ซื้อมาด้วยเงินของตัวเลย แม้ของที่เราได้มาฟรี ๆ

เช่น ได้โทรศัพท์มือ ถือมาฟรี ๆ ๑ เครื่อง

ที่จริงน่าจะดีใจ แต่เมื่อรู้ว่าคนอื่นได้รับแจกรุ่นที่ดีกว่าและแพงกว่า

จากเดิมที่เคยยิ้มจะหุบทันที
แถมยังจะทุกข์ยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่ได้รับแจกด้วยซ้ำ

นั่นเป็นเพราะไปเปรียบเทียบกับคนอื่นใช่ไหม ?

ทั้งๆ ที่ตนมีโชคแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าตนโชคไม่ดีเหมือนคนอื่น










ความทุกข์ของผู้คนสมัยนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะไป
มองคนอื่นมากเกินไป


เราจึงไม่เคยพอใจกับสิ่งที่มีหรือเป็นเสียที แม้ว่าจะสวยหรือหุ่นดีเพียงใด

ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองขี้เหร่ ผมไม่สลวย ผิวคล้ำไป

แถมวงแขนก็ไม่ขาวนวลเหมือนดารา

แต่เมื่อใดที่เราหันมาพอใจกับสิ่งที่ตนมี

มองเห็นแง่ดีของสิ่งที่มีอยู่และเป็นอยู่

ความสุขจะเพิ่มพูนขึ้นมามากมายทันที

จิตใจจะเบาขึ้น และชีวิตจะหายเหนื่อย

เพราะไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องวิ่งไล่ล่าหาซื้อสิ่งของต่าง ๆ มากมาย

เพียงเพื่อจะได้มีเหมือนคนอื่นเขา


พอใจในสิ่งที่เรามี

ภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น

เห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่กับตัว

นี้คือเคล็ดลับสู่ชีวิตที่เบาสบายและสงบเย็น


โดย พระไพศาล วิสาโล

คัดลอกจาก: //budpage.com/






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553    
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 23:11:02 น.
Counter : 357 Pageviews.  

มุมน่าคิด...เสน่ห์ผ้าขี้ริ้ว

















































ชีวิตของเรา ต่างอะไรกัน ผ้าขี้ริ้ว
(อีกมุมที่น่าคิด)



1.ผ้าขี้ริ้วยอมสกปรกเพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด
เสน่ห์ของคนอยู่ที่ยอมลำบากเพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุข
พ่อแม่ยอมเหนื่อยเพื่อให้ลูกหลานอยู่สุขสบายความสุขแท้ของคนคือการได้ยืนแอบ
ยิ้มอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ



2.ผ้าขี้ริ้วดูดซับความสกปรกได้ แต่ก็สลัดความสกปรกออกจากตัวได้ตลอดเวลา
เสน่ห์ของคนอยู่ที่รู้ตัวเองว่าสกปรก ถึงเวลาต้องชำระล้างแล้ว
มิใช่อมความสกปรกไว้แล้ว แกล้งบอกว่าตนเองสะอาด



3.ผ้าขี้ริ้วเป็นผ้าที่สะอาดที่สุด ในขณะที่คนมองว่าสกปรกที่สุด
เหมือนคนที่ฝึกหัดขัดเกลาตนเอง รู้จักถ่อมตนและอ่อนโยน
ไม่โอหังอวดดีให้เป็นที่รังเกียจหมั่นไส้ของคนอื่น เขาจะเป็นคนที่มีคุณค่า
ไม่ว่าจะมาจากสกุลใด การศึกษามากหรือน้อยก็ตาม เป็นผู้ใฝ่รู้แต่ไม่อวดดี
เหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง



4.ผ้าขี้ริ้วถึงจะเป็นผ้าไม่มีราคา แต่มีคุณค่ายิ่งใหญ่ได้
เหมือนคนที่พยายามทำตนให้มีคุณค่า ด้วยการทำงานมิใช่ด้วยการประจบ
ทำตนให้มีประโยชน์ ให้มีค่า ไม่ใช่งอมืองอเท้า
น้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาชะตาชีวิต
ต้องสร้างกำลังใจให้ตนเองอย่ารอคอยจากคนอื่น



5.ผ้าขี้ริ้วไม่เกี่ยงงอนว่าจะถูกใช้เช็ดถูอะไร
เหมือนคนที่ยอมตัวอาสาทำงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ปริปากบ่น รู้จักอาสาคน
อาสาทำงาน ต้องตั้งใจทำงานโดยไม่เกี่ยงงอน ไม่ว่าจะเป็นงานใด ๆ ก็ตาม
คนที่ตกงานเพราะไม่ยอมทำงาน



6.ผ้าขี้ริ้วยอมให้ถูกใช้งานในที่สกปรกที่สุด
เหมือนคนที่ยอมทำในสิ่งที่คนทั้งหลายรังเกียจ ที่เขาเห็นว่าเป็นงานชั้นต่ำ
แต่ก็ตั้งใจทำให้เป็นของมีค่าขึ้นมาได้ หรือยินดีในการบริการ
เหมือนคนที่อิ่มเอิบเมื่อได้บริการรับใช้คนอื่น รับใช้สังคม
ดีใจเมื่อคนยินดีมาใช้บริการความรู้ ความสามารถของตน
และยินดีที่ได้เสนอตัวเข้าไปบริการมากกว่าเข้าไปบริหาร



7.ผ้าขี้ริ้วพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลังความสะอาด
เหมือนคนควรพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จของคนอื่น
ต้องมีความพอใจที่จะทำงานปิดทองหลังพระ เป็นนายอินหรือนางอิน
ผู้ปิดทองหลังพระ มีความสุขและภูมิใจที่ได้มอบความสำเร็จให้คนอื่น
มีมากที่ผู้น้อยบางคน ทำงานแล้วทำให้ผู้ใหญ่เล็กลง ขณะที่ตัวเองโตขึ้น



8.ผ้าขี้ริ้วทนทานต่อการขัดถูซักล้างไม่เปราะบาง เหมือนคนที่มีความอดทน
ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหา แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็อดทนได้
เพื่อให้สำเร็จ ประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น มีจิตใจหนักแน่นไม่เปราะบางหักง่าย
คือไม่เป็นคนทุกข์ง่ายใจเบา แต่นิ่งและหนักแน่นคงดุจแผ่นดิน



9.ผ้าขี้ริ้วแม้จะถูกมองว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว แต่ไม่ทำตัวให้ขี้เหร่
เหมือนคนที่รู้ตัวเองว่า กำลังถูกึนปรามาสสบประมาท
จะต้องตั้งใจเอาชนะอุปสรรค ครงนั้นให้ได้ ไม่พ่ายแพ้ต่อคำปรามาสของผู้อื่น
รู้ตัวตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรและมีกำลังใจในสิ่งนั้น
มองเห็นคุณค่าจากสิ่งที่คนทั้งหลายมองว่าไร้ค่า
เมื่อมีปัญหาให้หัดมองสองด้านเสมอ
ผ้าขี้ริ้วมีเสน่ห์เพราะยอมสัมผัสกับสิ่งสกปรก









เราต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าและมองเห็นค่าของตัว
เองก่อน แล้วเราจะไม่รู้สึกท้อแท้หมดหวัง


ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน หากทนความทุกข์ยากลำบาก
ยอมสัมผัสกับงานที่ต่ำต้อยได้ก็จะมีเสน่ห์ และมีความหมาย
ทุกคนจึงควรพากเพียรพยายามสร้างเสน่ห์ให้กับชีวิต
อย่างที่ผ้าขี้ริ้วสร้างเสน่ห์ให้กับตนเอง คุณเห็นด้วยไหม
ที่ว่าเราต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าและมองเห็นค่าของตัวเองก่อน
แล้วเราจะไม่รู้สึกท้อแท้หมดหวัง






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553    
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 23:09:52 น.
Counter : 469 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.