เลือกกินอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว
















































"เลือกกินตามสภาพผิว เพื่อผิวสวย"

นักโภชนาการบอกว่าผิวเป็นอวัยวะกำจัดของเสียที่
ใหญ่ที่สุด

แต่มีอาหารบางอย่างที่ขัดขวางกระบวนการกำจัดของเสียตามธรรมชาติของผิว
ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีผลกระทบต่อสีและสภาพผิว
อย่างไรก็ตามทุกคนจำเป็นต้องระวังในการกินอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันอิ่มตัว
น้ำตาล คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ เพราะอาหารจำพวกนี้ไม่มีประโยชน์ต่อผิวเลย

วิธีเลือกอาหารที่ปกป้องผิวก็มีเท่านี้ไม่ยุ่งยาก
แต่เมื่อคุณเริ่มคิดถึงสภาพผิวที่แตกต่างกันไปของแต่ละคนแล้ว
เรื่องก็ชักจะซับซ้อนขึ้น
นักโภชนาการบอกว่าทุกอย่างที่คุณกินจะส่งผลต่อผิวซึ่งจะแตกต่างกันไปตามสภาพ
ผิวนั้นๆ เช่น ขณะที่คนผิวมันต้องการไขมันจากอาหารน้อยกว่า
แต่คนผิวแห้งต้องการไขมันชนิดดีเพิ่มขึ้น
ซึ่งหาได้จากถั่วเปลือกแข็งต่างๆและเนื้อปลาติดมัน
หรือคุณไม่ควรกินเนื้อแดงเลยถ้ามีผิวมันมาก
ขณะที่คนผิวแพ้ง่ายก็ควรกินเนื้อแดงมากขึ้น









อาหารที่เหมาะกับสภาพผิว

ผิวแห้ง

เพิ่ม :: ปลาที่มีน้ำมัน เช่น ปลาแมคเคอเรล ปลาแซลมอน
และปลากะตัก รวมถึงเมล็ดธัญพืช
และถั่วเปลือกแข็งชนิดต่างๆเพื่อให้ผิวได้รับไขมัน "ชนิดดี"
ที่สำคัญหลายชนิด
ลด :: ไขมันประเภทมาร์การีน ฟาสต์ฟู้ด และอาหารสำเร็จรูป
และเลิกกินมันฝรั่งทอด บิสกิต และน้ำตาลมะพร้าว
เหตุผล :: ผิวของคุณกำลังขาดกรดไขมันสำคัญหลายตัว ซึ่งเป็นไขมัน
"ชนิดดี" ที่รักษาความนุ่มชุ่มชื้นของผิวเอาไว้
อาหารที่แนะนำให้เพิ่มนั้นจะมีไขมันหลัก 2 ชนิด คือ โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6

ผิวมัน

เพิ่ม :: ผลไม้และผักสดเพื่อทำให้ผิวชุ่มชื้น โดยเฉพาะสับปะรด
และมะละกอ รวมทั้งอะโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง และเมล็ดธัญพืช
ลด :: อาหารที่อุดมไปด้วยไขมันอิ่มตัว ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์นมเนย
เนื้อแดง และของทอด "อาหารเลว" เหล่านี้จะยิ่งทำให้สภาพผิวแย่ลง
เหตุผล :: ที่แนะนำให้กินพวกนี้น้อยลง
เพราะมันรบกวนสมดุลของไขมันในเยื่อหุ้มเซลล์ผิวหนังที่ละเอียดอ่อน
ซึ่งจะไปกระตุ้นให้ผิวผลิตไขมันมากเกินไป

ผิวแพ้ง่าย

เพิ่ม :: วิตามินเอ และซี ซึ่งพบมากในแครอท มะม่วง และกีวี
กินเนื้อสัตว์ ข้าวโอ๊ต และถั่วเปลือกแข็งให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มธาตุสังกะสี
ลด :: อาหารรสจัด เช่น พริก การแพ้อาหารอาจเป็นผลเสียต่อผิว
ดังนั้นคุณควรปรึกษานักโภชนาการ
ตัวการที่ทำให้ผิวแพ้อาจเป็นผลไม้รสเปรี้ยวหรือผลิตภัณฑ์นมเนย
เหตุผล :: อาหารรสจัดจะทำให้ระบบการย่อยของร่างกายระคายเคือง
ซึ่งทำให้เยื่อบุอักเสบได้
ผลก็คือทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตื่นตัวซึ่งเป็นสาเหตุของอาการหน้า
แดง และผดผื่น การแพ้อาหารชนิดอื่นก็ทำให้เกิดปัญหาคล้ายกัน

ผิวถูกแดดเผา

เพิ่ม :: ผลไม้ที่มีสีรุ้งซึ่งอุดดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
(ผลไม้ที่มีผิวสีแดงและเขียวเข้ม) รวมถึงปลาและสัตว์น้ำที่มีเปลือกเช่น
กุ้ง หอยแครง ซึ่งมีธาตุสังกะสีมาก
ลด :: เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง เช่น ชา กาแฟ
หรือน้ำอัดลมและเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์

เหตุผล ::
สารต้านอนุมูลอิสระและธาตุสังกะสีจะปกป้องและซ่อมแซมรวมทั้งรักษาผิวที่ถูก
แดดเผา
ส่วนคาเฟอีนและแอลกอฮอล์จะทำให้ผิวสูญเสียน้ำและอาจทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตา
และทำให้ผิวซีดเซียว

4 วิธีปกป้องผิว


1. ดื่มน้ำมากๆ ประมาณ 2 ลิตรต่อวัน คุณไม่ควรรู้สึกหิวน้ำเลย
เพราะมันเป็นอาหารที่ร่างกายเตือนว่าคุณกำลังขาดน้ำอย่างมาก


2. กินไขมันชนิดดีประมาณ 1 ส่วนทุกวัน
เช่นปลาที่มีน้ำมันหรือถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดธัญพืชสัก 1 กำมือ


3. ลดกาแฟ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอื่นๆ


4. คุณรู้มาก่อนแล้ว แต่บอกซ้ำอีกครั้งว่าให้กินผลไม้และผักสดอย่างน้อย
2 ส่วนต่อวัน










สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 24 มิถุนายน 2553    
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 17:41:16 น.
Counter : 349 Pageviews.  

เล่นพนัน ยิ่งคร่ำเคร่งยิ่งทรุดโทรมหนัก




























































สื่อมวลชนในสหรัฐฯรายงานว่า


มีการศึกษาพบว่า ผู้ที่หลงมัวเมาในการพนัน
ทอดลูกเต๋าหรือเล่นพนันอย่างใดอย่างหนึ่ง ปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 5 หน

จะเป็นผู้ที่มีสุขภาพตกอยู่ในความเสี่ยงอันตราย
การศึกษาพบว่าพวกเขามักจะมีปัญหาสุขภาพหนักกว่าผู้ที่เสี่ยงโชคน้อย
ครั้งกว่า








ศาสตราจารย์แนนซี เปตรี ของคณะจิตวิทยา


แห่งศูนย์สุขภาพมหาวิทยาลัยคอนเนกติกัต หัวหน้าคณะศึกษา กล่าวว่า
ผู้ที่เล่นการพนัน จะยิ่งเสี่ยงกับการเจ็บไข้ได้ป่วยบางอย่างหนักขึ้น ที่สำคัญก็คือ ยิ่งเสี่ยงทางพนันมากขึ้น
ก็ยิ่งเสี่ยงกับสุขภาพเลว มากเท่านั้น

เพราะยิ่งคร่ำเคร่งกับการพนันมากเท่าใด
ก็ยิ่งน่าจะไม่ค่อยได้ทำสิ่งซึ่งเป็นการบำรุงรักษาสุขภาพมากเท่านั้น





























คณะนักวิจัยได้ศึกษาข้อมูล


จากผลการสำรวจถึงการบริโภคแอลกอฮอล์
และอาการที่เกี่ยวเนื่องในแง่ระบาดวิทยา ของชาวอเมริกัน 43,000 ราย ได้
พบว่ามีคนมากถึง 1 ใน 4 ต่างก็เล่นการพนัน ตั้งแต่เล่นไพ่
ไปจนถึงเล่นลอตเตอรี่
และการพนันในวงการกีฬากันทั้งนั้น








ผลการศึกษาพบว่า

คนที่เล่นการพนันปีละไม่ต่ำกว่า 5 หน
มีอัตราการป่วยด้วยโรคความดันโลหิต โรคอ้วนและโรคพิษสุราเรื้อรังระดับสูง

ทั้งยังสูบบุหรี่และเคยเข้าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเมื่อปีกลายมาแล้วด้วย
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลยังไม่อาจบอกได้ว่า การเล่นพนันทำให้เสียสุขภาพ
หรือเป็นเพราะการมีสุขภาพที่เลว เลยทำให้หันไปเล่นการพนัน.










สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 24 มิถุนายน 2553    
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 17:39:55 น.
Counter : 338 Pageviews.  

ระวัง! กุหลาบนอก มีพิษ ดูไม่ดี ดมอาจถึงตาย !!!










































ดอกกุหลาบ ถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งแห่งความรัก


. . . แต่!!!หลายคนอาจคาดไม่ถึงกับมหันตภัยที่แฝงมาในดอกไม้งดงามดังกล่าว
โดยสำนักข่าวเอพี ได้รายงานว่า ในวันแห่งความรัก หรือวันวาเลนไทน์
คนส่วนใหญ่อาจคาดไม่ถึงเวลาซื้อดอกกุหลาบให้คนรัก

เพราะกุหลาบเหล่านี้จะถูกฉีดด้วยสเปรย์ ถูกจุ่ม
หรือฉีดพ่นด้วยสารเคมีที่อาจทำให้ผู้รับเสียชีวิตได้






























รายงานข่าวแจ้งว่า


กุหลาบมรณะเคลือบสารพิษเหล่านี้ ส่วนใหญ่มาจากแถบซาวันนา
แปลงดอกไม้ที่อยู่รายรอบกรุงโบโกตา ประเทศโคลัมเบีย
โดยประเทศดังกล่าวมีการใช้ยาฆ่าแมลงในระดับที่สูงมากถึงขั้นอันตรายตาม
มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (ฮู)

เนื่องจากรัฐบาลโคลัมเบียไม่ได้ออกกฎหมายควบคุมการใช้ยาฆ่าแมลงใน
เรือนกระจกที่ปลูกดอกไม้ ทำให้ระดับการใช้สารพิษมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น






























อย่างไรก็ตามเคยเกิดกรณีตัวอย่างที่เป็นผลมาจาก
สารพิษในดอกไม้มาแล้ว


เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2546 เกิดกรณีคนงาน 200 คนของโรงงานฟลอเรส
อโปเซนโตส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพราะเป็นลม และเจ็บปวดในช่องปาก ซึ่งทาง
การคาดว่าจะเป็นผลมาจากการใช้ยาฆ่าแมลงในปริมาณเกินกว่าที่กำหนดไว้
แต่กลับลงโทษปรับบริษัทนี้เพียง 5,770 ดอลลาร์เท่านั้น































เอ้า!!! ใครที่คิดจะซื้อดอกกุหลาบ


ให้แฟน ก็คิดให้ดีก่อนนะจ๊ะ เพราะแทนที่คุณจะได้มอบความรักให้เขา แต่(อาจ)
กลายเป็นมอบความตายให้ก็ได้ . . . แถมตอนนี้ ราคาดอกกุหลาบในเมืองไทย
ราคาก็พุ่งกะฉูดซะด้วย! เฮ้อ . . .






























สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 24 มิถุนายน 2553    
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 17:37:15 น.
Counter : 338 Pageviews.  

มาทำ ทาโกยากิ กินกันครับ ง่ายม๊ากก









































ส่วนผสม


1. แป้งทาโกะ 1 ถุง

2. ไข่ไก่ 2 ฟอง

3. น้ำเปล่า 7 ถ้วยตวง

4. ทาโกะ (ปลาหมึกยักษ์ญี่ปุ่น) หั่นสี่เหลี่ยมเต๋า

5. ขิงดองญี่ปุ่นหั่นฝอยเล็กๆ

6. ต้นหอมซอย

7. ปลาแห้งญี่ปุ่น (สำหรับโรยหน้า)

8. ซอสหวาน สำหรับทาโกะยากิ

9. สาหร่ายผง

10. มายองเนส

11. น้ำมันพืชสำหรับเช็ดเตา






























วิธีทำ


1. ค่อยๆผสมแป้ง 1 ถุงกับน้ำและไข่ไก่ จนเนื้อแป้งเนียนละเอียด

2. ตั้งเตาขนมครกจนเริ่มร้อน เช็ดเตาด้วยน้ำมันพืช (เพื่อไม่ให้ขนมครก
ติดเตา)


3. หยอดแป้งลงไปจนเต็ม

4. ใส่ส่วนผสมของปลาหมึก ต้นหอมซอย ขิงดอง ลงไป

5. รอจนด้านล่างสุก ใช้ไม้จิ้มพลิกกลับด้านรอจนสุกอีกแล้วกลับด้าน ได้
ขนมครกลูกกลมๆกลิ้งไปมาจนสุกทั่ว


6. ตักใส่จานราดด้วยมายองเนส และซอสทาโกะยากิ โรยหน้าด้วยปลาแห้งและ
สาหร่ายผง









สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 24 มิถุนายน 2553    
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 17:36:18 น.
Counter : 651 Pageviews.  

กินกระเทียมอย่างไรได้คุณค่ามากที่ สุด ??

























































นักวิจัยสองชาติค้นพบ


เคล็ดของการปรุงอาหารด้วยกระเทียม
ให้ได้คุณค่าอันเป็นคุณประโยชน์แก่ร่างกายมากที่สุด ต้องทุบกระเทียมให้
แหลกเสียก่อนใช้


นักวิจัยคลอเดีย อาร์.กัลมารินนี


กับคณะในอาร์เจนตินาและที่อเมริกา ได้รายงานผลการศึกษา ในวารสาร เคมี
วิทยาทางอาหารและการเกษตร
ว่า สาเหตุที่ต้องทุบกระเทียมให้แหลกก่อน
ไปปรุงอาหารนั้น
ก็เพื่อไม่ให้คุณค่าที่เป็นคุณแก่ร่างกายของสารประกอบในกระเทียมสูญเสีย








คณะนักวิจัยชุดนี้ได้พบ


เมื่อหันมาศึกษาอิทธิพลของความร้อนในการปรุงอาหาร
กับสารประกอบทางเคมีที่มีคุณค่าในกระเทียม แทนการศึกษา ของคณะนักวิจัย
ก่อนหน้านี้ ที่มักทำแต่กับกระเทียมดิบๆ เท่านั้น































ในการศึกษาคณะนักวิจัยได้พบว่า เพียง

ถูกความร้อนแค่เพียงไม่กี่นาที คุณค่าของสารประกอบของกระเทียม
จะสูญเสียลงแทบหมด
โดย เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้กระเทียมใส่ลงไปทั้งหัว จึงควรทุบมันให้ แหลกเสียก่อน
กระเทียมที่ถูกทุบหรือสับให้แหลก











พวกเขาเชื่อว่า

การเตรียมทุบกระเทียมขึ้นก่อน จะประกอบอาหาร
จะช่วยให้สารอัลลินนาสได้ทำงาน
ก่อนจะโดนถูกความร้อนฆ่าฤทธิ์ของเอนไซม์ลงเสีย
รายงานได้แนะนำว่า จึง
ควรปล่อยกระเทียมที่โดนทุบก่อนจะใช้ปรุงทิ้งไว้นานสัก 10 นาที
จะยิ่ง
ช่วยส่งเสริมให้เกิดการสร้างสารประกอบเหล่านั้นสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ก่อนที่จะโดนถูกความร้อนฆ่าฤทธิ์ลง.









สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 24 มิถุนายน 2553    
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 17:35:21 น.
Counter : 400 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.