เรื่องลับลับเกี่ยวกับความรัก











































































เรื่องลับลับเกี่ยวกับความรัก


มีความลับเกี่ยวกับความรักอีกมากมายหลายอย่างที่เรายังต้องค้นหากันต่อไป
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินเข้าใจยิ่งค้นหาก็จะทำให้เรารู้ซึ้งถึงคุณค่าของ
มันมากขึ้น








ความรักเริ่มจากความคิด


เพราะความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของความรักบางทีความรักก็ทำให้เราเปลี่ยนแปลง
ความคิดอย่างที่เคยเป็นต้องปรับปรุงในสิ่งที่เราเคยทำเพียงเพื่อให้เข้ากับ
ใครอีกคน








ความรักทำให้เกิดความเคารพ ศรัทธา


คุณไม่สามารถรักใครได้หรอกถ้าคุณไม่รู้สึกเชื่อมั่นเป็นอันดับแรกและคน
แรกที่คุณต้องศรัทธาเชื่อมั่น นั่นก็คือตัวคุณเอง









ความรักคือการให้


ถ้าคุณต้องการที่จะได้ความรักสิ่งที่คุณต้องทำก็คือรู้จักให้ด้วยยิ่งให้คุณ
ก็จะยิ่งได้รับ สูตรลับของความสุข
และทำให้มิตรภาพยืนยาวที่คุณควรจะจำเอาไว้เสมอก็คืออย่าถามว่าคนอื่นให้
อะไรคุณบ้าง แต่ให้ถามว่าคุณทำอะไรให้คนอื่นบ้างจะดีกว่า










ในความรักมีมิตรภาพซ่อนอยู่


อยากได้รักแท้ก็ต้องหาเพื่อนแท้ให้ได้ซะก่อนการจะรักกันได้ไม่ใช่แค่มองตา
แต่อยู่ที่ว่าต่างคนต่างมีอะไรที่ตรงกันรึเปล่าหากจะรักใครอย่างจริงใจคุณ
ควรจะรักในสิ่งที่เขาเป็นไม่ใช่แค่ภาพที่คุณเห็นมิตรภาพก็เหมือนกับปุ๋ยที่
ช่วยทำให้ความรักเบ่งบานเติบโตทุกๆวันนั่นเอง





























การสัมผัสกันจะช่วยสานต่อความรักให้ดีขึ้น


เคยรู้สึกดีใช่มั้ยเวลาที่มีใครมาโอบใหล่หรือกอดคุณการสัมผัสกันจึงเป็นการ
แสดงออกอย่างหนึ่งที่มีพลังช่วยทลายกำแพงแห่งความชิงชังไม่เข้าใจได้อีกด้วย
น่าแปลกที่มันสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์และท่าทีที่แข็งกร้าวให้เบาลงอย่างได้
ผล









อยากรักต้องรู้จักปลดปล่อย


ถ้าคุณรักใครจงปล่อยให้เขาเป็นอิสระบ้างคุณเองก็รู้สึกอึดอัดใช่มั้ยถ้าหาก
มีใครมาล่ามโซ่คุณ จงเรียนรู้ที่จะให้อภัยและลืมอดีต
ที่ไม่ดีมาก่อนปลดปล่อยความกลัวภายในใจให้ความยุติธรรม ลดทิฐิ
และเงื่อนไขต่างๆซะบ้าง

บอกตัวเองว่าแต่นี้ไปเราจะทิ้งความกลัวทั้งหมดและอดีตจะไม่มีผลอะไรต่อตัว
เราอีกนับจากวันนี้ไปเราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ซะที








ชีวิตจะเปลี่ยนไป
เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กว้างและซื่อสัตย์ต่อกัน


คุยกับคนที่คุณรัก อย่ากลัวที่จะพูดคำวิเศษ 3 คำว่า ฉัน
รักเธอ
อย่าปล่อยให้โอกาสผ่านไป
คุณควรจะบอกรักก่อนจะจากกันทุกครั้งเสมอเพราะบางทีคุณอาจจะได้เจอกันครั้ง
สุดท้ายก็ได้ใครจะไปรู้








แก่นแท้ของความรัก คือการไว้ใจกัน


ถ้าคุณไม่เชื่อใจกัน ใครคนนึงก็จะเป็นคนระแวง
กังวลและหวาดหวั่นส่วนอีกคนก็จะรู้สึกอึดอัดใจคุณไม่อาจรักใครจริงๆ
ได้ถ้าคุณไม่ไว้ใจเขาอย่างแท้จริง
สุดท้ายคือการเข้าใจ










สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 24 มิถุนายน 2553    
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 16:43:11 น.
Counter : 191 Pageviews.  

ปาปารัซซี่ มีที่มาอย่างไร รู้กันไหมเอ่ย





































































สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 24 มิถุนายน 2553    
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 16:40:23 น.
Counter : 385 Pageviews.  

เตือน!! กินเหล้าแต่เด็ก "เซ็กซ์เสื่อม"เร็ว!









































ผลวิจัยในออสเตรเลียชี้ว่า


การโหมดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะทำให้ผู้ดื่มเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
และทางการเตรียมเผยแพร่ข้อมูลนี้ในหมู่วัยรุ่น

ศูนย์วิจัยแอลกอฮอล์และยาเสพติดแห่งชาติของออสเตรเลีย แถลงว่า


ทางศูนย์มีนโยบายจะเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวในหมู่นักเรียนวัยรุ่นชายใน
ออสเตรเลีย
เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนเหล่านั้นลดละการโหมดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เนื่อง
จากค่านิยมผิดๆ ว่า ดื่มเหล้าหนักๆ
แล้วทำให้พวกเขาเป็นวีรบุรุษ



นักวิจัยประจำศูนย์เตือน


"การดื่มจัดเป็นดาบ 2 คม คืออาจช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ แต่ขณะเดียวกัน ก็
ทำให้ผู้ดื่มเสี่ยงต่อภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศด้วย"




















































สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 24 มิถุนายน 2553    
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 16:38:08 น.
Counter : 411 Pageviews.  

ไวต่อ..."ความสุข"










































ไวต่อความสุข

ชะตาชีวิตบางครั้งก็พลิกผันอย่างตั้งตัวไม่ติด
หาญมีอาชีพเป็นพ่อค้าเร่ขายของตามตลาดนัด วันดีคืนดี
ก็ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ ๑ ถึง ๒๐ ล้านบาท
เมื่อได้เงินมา
เขาเอาครึ่งหนึ่งเข้าธนาคารเพื่อเป็นทุนในระยะยาว


ที่เหลือให้ลูกสาว ๓ คนคนละ ๑ ล้านบาท อีก ๒ ล้านบาทนำไปซื้อรถกระบะ
และเตรียมซื้อที่ดินปลูกบ้าน ส่วน ๕ ล้านบาทที่เหลือ
เขาฝากไว้ในธนาคารสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน































เจอลาภก้อนโต แถมยังจัดการได้ดีมีหลักเกณฑ์

หาญน่าจะเป็นคนที่มีความสุขอย่างยิ่ง แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะทันทีที่ข่าวแพร่สะพัด ญาติ ๆ ก็มารุมล้อมขอเงินจากเขา
บางคนได้ไป ๔-๕ หมื่น บางคนก็ได้ไปเป็นแสน แต่หลายคนไม่พอใจ หาว่าให้น้อย
พากันต่อว่าต่อขาน

หนักกว่านั้นก็คือ บางคนขู่ว่าจะฆ่าทิ้งทั้งผัว
ทั้งเมีย หาญเครียดหนักจนตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่ลูกสาวพาส่งโรงพยาบาล
หมอล้างท้องทันจึงรอดตาย


ชีวิตจริงเรื่องนี้สอนว่า ถูกรางวัลที่ ๑ มิใช่โชคดีเสมอไป
ใครว่าได้เงินหลายสิบล้านแล้วชีวิตจะมีความสุข ก็หาไม่
บางครั้งกลับทำให้ทุกข์กว่าเดิม หาญไม่ใช่คนแรกหรือคนเดียวที่พูดว่า "เป็นพ่อค้าเร่ หาเช้ากินค่ำ ยังมีความสุขกว่าเป็นไหน ๆ"


หาญเคยรู้สึกไม่พอใจกับชีวิตพ่อค้าเร่จน ๆ เขาฝันจะเป็นเศรษฐีเงินล้าน
แต่ครั้นได้เป็นจริง ๆ เขากลับพบว่าชีวิตพ่อค้าเร่มีความสุขกว่าเยอะ
แต่เขามาค้นพบความจริงข้อนี้เมื่อความสุขดังกล่าวได้หลุดลอยไปแล้ว


ใช่หรือไม่ว่าคนเรามักเห็นคุณค่าของสิ่งใดก็ต่อเมื่อ
สิ่งนั้นสูญหายไปแล้ว
แต่ตอนที่สิ่งนั้นยังอยู่กับเรา
เรากลับไม่สนใจไยดี ชีวิตที่อิสระ ปราศจากอันตราย ไร้ความกังวลใจ
คบกันด้วยน้ำใจยิ่งกว่าผลประโยชน์ เป็นชีวิตที่มีความสุข
แต่ผู้คนมักจะคิดได้ก็ต่อเมื่อมันกลายเป็นอดีตไปแล้วอย่างที่เกิดกับหาญ































กัญญากลุ้มใจที่ตัวเองไม่ได้เลื่อนเป็นผู้จัดการ
เสียที


เธอหมกมุ่นกับเรื่องนี้จนไม่มีเวลาให้กับลูก ๆ แล้ววัน
หนึ่งเธอก็พบว่าลูกชายจากไปอย่างไม่มีวันกลับเพราะอุบัติเหตุ
เธอเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
ถึงตอนนั้นเองที่เธอตระหนักว่า
เมื่อครั้งลูกชายยังมีชีวิตอยู่นั้นนับเป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของเธอ
เป็นช่วงที่เธอน่าจะมีความสุข แต่เธอมาระลึกได้เมื่อสายไปแล้ว


จะไม่ดีกว่าหรือหากเราชื่นชมความสุขเหล่านั้น ขณะที่มันยังอยู่กับเรา
ที่จริงยังมีอีกหลายอย่างที่รอการชื่นชมจากเรา ขอ
เพียงแต่เราใส่ใจเท่านั้นเอง ปัญหาก็คือเรามักไม่ค่อยใส่ใจ

เพราะชอบไปจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่นที่อยู่นอกตัวหรือยังอยู่อีกไกล
การวางจิตวางใจแบบนี้ทำให้เราทุกข์ได้ง่าย ๆ
ทุกข์เพราะสิ่งที่อยากได้ยังมาไม่ถึง
ขณะเดียวกันก็ไม่ได้รับความชุ่มชื่นใจจากสิ่งที่มีอยู่แล้วกับตัว


ลองมาสำรวจดูว่าชีวิตของเราตอนนี้มีอะไรบ้างที่ควรชื่นชม ถ้านึกไม่ออก
ก็ลองไล่เลียงดูว่า สิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้
อะไรบ้างที่หากสูญไปจะทำให้เราทุกข์หรือย่ำแย่ ถึงตอนนี้เราจะพบว่ามีมากมาย
ทั้งรูปธรรมและนามธรรม เช่น สุขภาพดี อวัยวะครบ ๓๒ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง
คนรัก มิตรสหาย วิชาความรู้ กินอิ่มนอนอุ่น มีอาชีพการงาน
มีเวลาเป็นของตัวเอง ฯลฯ


แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้ ตอนนี้เราอาจไม่เห็นค่า
เพราะอยากได้อันใหม่ที่ดีกว่า

แต่ลองนึกดูว่าหากมีใครขโมยสิ่งเหล่านั้นไป เราจะรู้สึกอย่างไร เราไม่
ควรนึกเสียดายต่อเมื่อมันสูญหายไปแล้ว

แต่ควรจะชื่นชมหรือเห็นคุณค่าของมันขณะที่ยังอยู่กับเรา


การรู้จักชื่นชมสิ่งต่าง ๆ
ที่มีอยู่จะทำให้เราตระหนักว่าทุกวันนี้เราก็มีความสุขมากมายอยู่แล้ว
ความสุขไม่ใช่สิ่งที่ต้องชะเง้อหาจากอนาคต และไม่ต้องรอให้ถูกรางวัลที่ ๑
ก่อน แท้จริงความสุขมีอยู่กับเราแล้วทุกขณะ อย่างน้อย
ๆ เราก็ยังโชคดีกว่าคนอื่นอีกมากมายที่ไม่มีอย่างที่เรามี
































การรู้จักชื่นชมสิ่งต่าง ๆ ที่เรามีอยู่
รวมทั้งสิ่งที่อยู่รอบตัว


จะช่วยให้เราเป็นคนไวต่อความสุข แม้สิ่งดี
ๆเพียงเล็กน้อยก็สามารถบันดาลใจให้เป็นสุขได้

ปัญหาของคนทุกวันนี้ก็คือ ไวต่อความทุกข์มากกว่า

ใช่หรือไม่ว่าเรามักจะจดจำคนที่ตำหนิติเตียนเราได้ดีกว่าคนที่ชมเรา


ใครที่เอาเปรียบเรา เราจะจำเขาได้แม่นกว่าคนที่เอื้อเฟื้อเรา
คนที่เกลียดเราจะประทับแน่นในใจเราได้นานกว่าคนที่ชอบพอเรา ช่วงเวลาที่มีความสุขกายสบายใจจะไม่แจ่มชัดในความทรงจำเท่ากับ
ช่วงเวลาที่มีความทุกข์หรือเจ็บป่วย

เวลาได้เงินจะสุขไม่เท่ากับทุกข์เมื่อเสียเงิน แม้เป็นเงินจำนวนเท่ากัน

เป็นเพราะเราไวต่อความทุกข์หรือสิ่งที่เป็นลบ
เราจึงรู้สึกว่าแถวที่เราต่อคิวมักจะเคลื่อนช้ากว่าแถวอื่นเสมอ ทั้ง ๆ
ที่หลายครั้งแถวของเราเคลื่อนเร็วกว่าแถวอื่น
แต่เหตุการณ์อย่างนั้นเราจะจำได้น้อยกว่าเวลาที่แถวของเราเคลื่อนช้า คนที่ไวต่อความทุกข์จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโชคร้าย
แต่แท้จริงแล้วนั่นเป็นเพราะเขาด้านชาต่อสิ่งดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิตต่างหาก


อยากให้ชีวิตมีความสุข นอกจากทำความดีแล้ว
ต้องฝึกใจให้ไวต่อความสุขและรู้จักชื่นชมสิ่งดี ๆ
ที่เรามีอยู่ในตอนนี้ให้มาก ๆ




ไม่มีใครในโลกนี้ที่ได้ ๒๐ ล้านบาทมาเปล่า ๆ ฟรี ๆ ได้อย่าง
ก็ต้องเสียอย่าง(หรือหลายอย่าง) ดังนั้นก่อนที่อยากจะ
ได้อะไร
ถามตัวเองดูบ้างว่ามีอะไรบ้างที่อาจจะต้องเสียไปเพื่อแลกกับสิ่งนั้น
และเราพร้อมหรือยังที่จะเสียสิ่งเหล่านั้นไป























ขอขอบคุณ : ข้อมูลที่มีประโยชน์
โดย
คุณรินใจ

จาก budpage ดอทคอม







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 24 มิถุนายน 2553    
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 16:37:03 น.
Counter : 256 Pageviews.  

จุดแท้จริงของความเป็นคน !










































จุดแท้จริงของความเป็นคน !


ข้าพเจ้าเคยพบ คนหลายคน ที่มีความรู้สึก ภายในใจ รุนแรง จนแสดงออกมา
ทางกายวาจา ว่า ท่านแน่ใจ เป็นที่สุดแล้ว ว่า ท่านเป็น คนเต็มเปี่ยม
ตามคำแปล หรือ ความหมาย ของคำว่า คน. ท่านหยิ่งตัวเอง



เพราะเหตุนี้ และเห็นว่า เรื่องที่พวกเพื่อนๆ นำมาคุย มาเล่า
ให้ฟังนั้น ยังต่ำเกินไป ไม่ถึงขีด ของความเป็นคน
หรือเป็นเรื่อง
ลัทธิครึ เก่าเกินสมัย เรื่องใด เรื่องหนึ่ง เท่านั้น































ทีนี้ ข้าพเจ้า ตั้งอกตั้งใจ พิจารณาดู
จุดแท้แห่งความเป็นคน


ของท่าน เหล่านั้นว่า คืออะไรกันแน่ ในที่สุด พบว่า จุดแห่งความเป็นคน
ของท่าน เหล่านี้ ตามที่ท่านเข้าใจ ก็คือ
การที่
ท่านสามารถ หารายได้ มากๆ ทำงานเบา มียศศักดิ์สูงๆ และสามารถหา
ความเพลิดเพลิน ทุกประการ มาให้แก่ตนได้
ตามวิธี หรือ ลักษณะ
ที่นิยมกัน ว่า เป็นการกระทำ ของคนชั้นสูง


หรือ จะสรุปให้ สั้นที่สุด ความเป็นคนของท่าน ก็คือ ความมีเกียรติ
อันสูงสุด นั่นเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ เข็มอันชี้ จุดแห่งความเป็นคน
ของท่าน ก็ได้ชี้บ่งไปยัง การได้ทำงาน ชนิดมีเกียรติมาก มีผลมาก นั่นเอง
และทำด้วยตัณหา คือ ความอยาก เป็นนั่น เป็นนี่.


ความเห็นอย่างแจ่มแจ้ง ได้ขยายตัว ออกไป ตามแนวนั้น อีกว่า คน คือ
สัตว์ชนิดหนึ่ง
ซึ่งเห็นแก่ตัวจัด เป็นทาส แห่งความ ทะเยอทะยาน ของตัว
ยิ่งกว่าสัตว์อื่นๆ ทุกชนิด และ คน คงมิใช่
สัตว์ที่เกิดมา เพื่ออิสรภาพ และ ความสุข อันสงบ



เพราะ ถ้าเกิดมา เพื่อความ สุข สงบ ก็คงไม่ยอมตน เป็นทาส
ของความเห็นแก่ตัว ที่บังคับ ให้ทำ ให้คิด เพื่อตัว ทุกๆ ชั่วโมง
แม้เวลาหลับ ก็ยังฝัน แม้บนเตียง ที่นอนเจ็บ ก็ยังครุ่นคิด เพื่อการหาสิ่ง
บำเรอตัว สัตว์ที่ไม่ใช่คน ย่อมได้รับ การพักผ่อน
หรือ ความสงบ ยิ่งกว่า สัตว์ที่เรียกว่า คน ประเภทนี้ มากนัก
































อีกอย่างหนึ่ง คนคือสัตว์ชนิดหนึ่ง


ซึ่ง ขยาย "พวงอัตตา" หรือ "พวงตัว"
ออกเรื่อยๆ โดยไม่มีเวลาสิ้นสุด และการขยายนั้น ก็เพื่อตนจะได้แบกไว้เอง
เท่านั้น ครั้งแรก มีอัตตาหรือ ตัวเพียงตัวเดียว พอ "ความเป็นคน"
มากขึ้น ก็มี ภรรยา สามี ลูกหลาน ข้าทาสบริวาร หรือ อันเตวาสิก
สัทธิวิหาริก พอกขึ้นเป็นพวง เมื่อสิ่งที่เรียกว่า "บุญ
บารมี"
มากขึ้น บริวารเหล่านั้น


ต่างก็มี การขยายพวงของตัว ออกไปๆ และพวงน้อยๆ เหล่านั้น รวมกันเป็น
พวงใหญ่ พวงเดียว อีกต่อหนึ่ง โดยมี อัตตา ตัวแรกนั่นเอง อ้าออกรับ
เป็นเจ้าของพวง ผู้มีเกียรติ หยิ่งตัวเอง เสมอว่า การที่สามารถ
หิ้วพวงใหญ่ๆ เช่นนั้น ไว้ได้นั้น เป็น "เกียรติอันสูงสุด" นี่เป็น
จุดหมายของความเป็นคน ปริยายหนึ่ง


ซึ่งน่าจะสรุปได้สั้นๆ ว่า เกียรติของความเป็นคน ก็คือ การเกิดมา
เพื่อแบกพวงอัตตา พวงใหญ่ๆ นั่นเอง กระมัง



อีกปริยายหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างจะเด่นอยู่มาก ก็คือว่า
คนได้แก่สัตว์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเอาเปรียบผู้อื่นเป็น และรู้สึกว่า
ผู้อื่นเอาเปรียบตนก็เป็น. ความรู้สึกเช่นนี้
เป็นความรู้สึกที่หาได้ยากในสัตว์ จำพวกนกหนู เมื่อ "ความเป็นคน"
ยังน้อยอยู่ ก็ไม่ค่อยรู้สึกว่าใครเอาเปรียบตน หรือ ลูบคมตน
เมื่อความเป็นคน ชนิดที่กล่าวนั้น มีมากขึ้น เรื่องนิดเดียว และ
ชนิดเดียวกันนั่นเอง


กลับเห็นเป็น เรื่องที่ ผู้อื่นลูบคมตน เอาเปรียบตน ไม่เคารพตน
ผู้เป็นหัวหน้าหมู่ อย่างใหญ่หลวง และมักหาเรื่อง ลงโทษ ลูกหมู่ หรือ
ลูกพวง เป็นการประดับเกียรติ ของตน ถ้าจะกล่าว อีกอย่างหนึ่ง ก็ได้ว่า คน คือ สัตว์ที่รู้จัก ผูกโกรธ หรือ แก้แค้น เพื่อนฝูง
ด้วยกัน
ในกรณีที่ สัตว์ซึ่งต่ำกว่าคน ทำเช่นนั้นไม่เป็น
จุดหมายของความเป็นคน ตามนัยนี้ น่าจะได้แก่ การไม่ยอมให้ใคร มาลูบคม
เล่นได้นั่นเอง































เมื่อข้าพเจ้า ได้สังเกต ลักษณะแห่งความเป็นคน
ของบรรดาท่าน


ซึ่งท่านแน่ใจตัวเองว่า ถึงขีดสุด ของความเป็นคน จนพบว่า ท่านหมายถึงอะไร
โดยนัย ที่กล่าวมาแล้ว ก็ยังไม่แน่ว่า ข้าพเจ้าเข้าใจ ท่านเหล่านั้น
ได้ถูกต้อง ทำให้ต้อง ซักซ้อม ดู อีกเป็นหลายครั้ง แต่ในที่สุด ก็ไม่พบอะไร



มากไปกว่านั้น จึงยุติว่า ความเป็นคน ตามความหมาย ธรรมดา เท่าที่มี
ที่เป็น กันอยู่ ในจิตใจมนุษย์ เรานั้น ไปได้ไกล เพียงแค่นั้นเอง แต่
อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ายังไม่พอใจว่า ความเป็นคน มีเพียง เท่านั้นเอง
น่าจะมี เป็นอย่างอื่น.



ทีนี้ เราจงชวนกัน มามองไปยัง บุคคลประเภท ที่ไม่มีอัตตา เห็นตนเอง
และผู้อื่น เป็นเช่นกับ พืชพรรณ ธัญญชาติ ซึ่งต่างก็
เกิดขึ้นแล้ว เจริญงอกงาม และดับไปในที่สุด
ตามเรื่องของตนๆ
พวงอัตตา ของคนประเภทนี้ ก่อขึ้นไม่ติด ครั้นหนักเข้า ตัวเองก็ไม่มี คน
หรือ สัตว์ก็ไม่มี ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ถือพวกถือพวง ไม่รู้สึกว่า ได้เกียรติ
หรือเสียเกียรติ ทำงาน เพียงเพื่อ


ความตั้งอยู่ได้ ของร่างกายนี้ เพียงเพื่อ ต้านทาน ธรรมชาติ
ใช้หนี้ธรรมชาติ ตามที่ปัญญา บ่งให้ทำ เฉพาะในด้านกาย เช่น พ่อแม่เลี้ยง
ตนมา ก็เลี้ยงตอบแทน เมื่อยังไม่หลุด ก็ต้องเลี้ยง ลูกหลาน ของตนเอง
ใช้หนี้ธรรมชาติ อันนี้ ไม่รู้สึกว่า มีใคร เสียเปรียบ ได้เปรียบ



ในโลกนี้ มีแต่ สิ่งทั้งหลาย ที่หมุนไป ตามเหตุ ตามปัจจัย
ยินดีที่จะให้อภัย กันเสมอ ถือหลักความจริง เป็นแนว แห่งการครองชีพ ไม่แสวง
"บุญบารมี" มาเพื่อใช้ อำนวยการ สำเร็จความใคร่ ให้แก่
ความทะเยอทะยานอยาก ของตน


ไม่อ้าออกรับ สิ่งทั้งหลาย มาเป็นของตน เหล่านี้ เมื่อเรามอง ซึ้งลงไปถึง
หัวใจของเขา เรากลับพบว่า จุดแห่งความเป็นคน ของเขานั้น ตรงกันข้าม
จากของคน จำพวก ที่กล่าวมาแล้ว ข้างต้น ในที่สุด ข้าพเจ้า ก็กระทบกันกับ
ปัญหาว่า ถ้าเช่นนั้น พวกไหนเล่า
เป็นคนที่แท้จริง ตามความหมาย ซึ่งอาจเป็นที่พอใจ ได้ด้วยกันทุกฝ่าย.























ขอขอบคุณ : เนื้อหา สาระ แง่คิด ดี ดี จาก ;
หนังสือ
ชุมนุมข้อคิดอิสระ พุทธทาสภิกขุ

โดย สำนักพิมพ์สุขภาพใจ








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 24 มิถุนายน 2553    
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 16:36:05 น.
Counter : 331 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.