เคล็ดลับดูแลสิว
สิวเกิดจากสาเหตุหลัก คือ ฮอร์โมนที่ทำให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น รองลงมาคือ ความเครียด เครื่องสำอาง และอาหาร คนส่วนใหญ่คุ้นชื่อของสิวหลากประเภทก็จริง แต่พอเจ้าเม็ดสิวผุดขึ้นบนใบหน้ากลับบอกประเภทของสิวไม่ได้ ทำให้ไม่รู้วิธีการดูแลสิวอย่างตรงจุด เราจึงนำแบบทดสอบที่จะพาคุณไปหาคำตอบว่า สิวที่กำลังกวนใจคุณอยู่นั้น เป็นสิวประเภทไหน แล้วมีวิธีใดที่จะช่วยให้คุณดูแลสิวได้อย่างถูกวิธี [ทำแบบสำรวจลักษณะสิวบนใบหน้าได้ในฉบับ] เมื่อทราบแล้วว่า สิวที่คุณเป็นอยู่จัดในประเภทไหน ก็ถึงเวลาที่จะรักษาสิวด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้ - สิวอักเสบ เป็นสิวที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียทำ
ให้เกิดอักเสบรุนแรง สิวประเภทนี้จะมีอาการบวมแดงและเป็นหนอง การรักษาจึงต้องกินวิตามินเอร่วมกับทายากลุ่ม Clindamycin เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เมื่อเป็นสิวประเภทนี้ควรงดอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล และผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งช่วยกระตุ้นการอักเสบมากยิ่งขึ้น - สิวอุดตัน เป็นสิวที่พบมากประมาณ 70
เปอร์เซ็นต์ของคนที่เป็นสิว ได้แก่ สิวหัวขาว สิวหัวดำ เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน ฮอร์โมนช่วงใกล้ประจำเดือน ความเครียด แพ้เครื่องสำอาง วิธีการรักษาควรทายากลุ่ม Tretinoin (Retin-A) เพื่อลดการระคายเคือง ควรล้างหน้าก่อนทายา 10-15 นาที ส่วนยากินจะเป็นกลุ่ม Retinoids เช่น Roaccutane,Isotretionoin ช่วยลดปัญหาผิวมัน และละลายสิวอุดตันได้ดี ข้อควรจำอีกอย่างของคนที่เป็นสิวประเภทนี้ คือ ไม่ควรแกะสิว หรือล้างหน้าบ่อยเกิน 2 ครั้งต่อวันเพราะจะยิ่งกระตุ้นให้สิวเกิดติดเชื้อ ลุกลามเป็นสิวอักเสบต่อไป - สิวผดหรือสิวเทียม เป็นสิวเม็ดเล็กๆ ไม่มีหัวสิว
พบมากในบริเวณทีโซน เกิดจากความร้อน แสงแดด และเครื่องสำอาง ข้อควรปฏิบัติสำหรับคนที่เป็นสิวประเภทนี้คือ ไม่ควรรบกวนสิวด้วยการล้างหน้า ถู แกะ เกา เพราะสิวผดจะยุบในเวลา 5-6 ชม. แต่สำหรับคนที่มีสิวผดมากอาจใช้ยากลุ่ม Benzoyl Peroxide ความเข้มข้น 2.5% ทาทิ้งไว้ 5-20 นาทีแล้วล้างออกหรือทายากลุ่ม Tretinoin (Retin-A) จะช่วยลดการเกิดสิวผดได้ - สิวเสี้ยน
การรักษาสิวเสี้ยนอาจใช้แผ่นลอกสิวที่มีสารยึดติดผิวชั้นหนังกำพร้า (Adhesive Substance) และส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ทำให้สิ่งอุดตันและหนังกำพร้าบริเวณนั้นลอกหลุดได้ง่ายขึ้น หลังจากลอกสิวเสี้ยนคุณอาจสังเกตเห็นรูขุมขนกว้าง แต่อาการนี้จะเกิดเพียงชั่วคราวและรูขุมขนบนผิวหน้าจะกลับสู่สภาพเดิมในที่ สุด เนื่องจากผิวหน้าของเรามีต่อมไขมันอยู่มาก เมื่อมีแผลเป็นจากสิว ผิวหน้าจะเยียวยาตัวเองจนรอยสิวจางลง หากแต่ต้องใช้เวลานาน การทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินซี ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้รอยสิวลบเลือนเร็วขึ้น วิธีการดูแลสิวนี้เหมาะกับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ หากทำแล้วอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
Free TextEditor
Create Date : 30 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2553 11:18:50 น. |
|
0 comments
|
Counter : 312 Pageviews. |
|
|