จุดแท้จริงของความเป็นคน !










































จุดแท้จริงของความเป็นคน !


ข้าพเจ้าเคยพบ คนหลายคน ที่มีความรู้สึก ภายในใจ รุนแรง จนแสดงออกมา
ทางกายวาจา ว่า ท่านแน่ใจ เป็นที่สุดแล้ว ว่า ท่านเป็น คนเต็มเปี่ยม
ตามคำแปล หรือ ความหมาย ของคำว่า คน. ท่านหยิ่งตัวเอง



เพราะเหตุนี้ และเห็นว่า เรื่องที่พวกเพื่อนๆ นำมาคุย มาเล่า
ให้ฟังนั้น ยังต่ำเกินไป ไม่ถึงขีด ของความเป็นคน
หรือเป็นเรื่อง
ลัทธิครึ เก่าเกินสมัย เรื่องใด เรื่องหนึ่ง เท่านั้น































ทีนี้ ข้าพเจ้า ตั้งอกตั้งใจ พิจารณาดู
จุดแท้แห่งความเป็นคน


ของท่าน เหล่านั้นว่า คืออะไรกันแน่ ในที่สุด พบว่า จุดแห่งความเป็นคน
ของท่าน เหล่านี้ ตามที่ท่านเข้าใจ ก็คือ
การที่
ท่านสามารถ หารายได้ มากๆ ทำงานเบา มียศศักดิ์สูงๆ และสามารถหา
ความเพลิดเพลิน ทุกประการ มาให้แก่ตนได้
ตามวิธี หรือ ลักษณะ
ที่นิยมกัน ว่า เป็นการกระทำ ของคนชั้นสูง


หรือ จะสรุปให้ สั้นที่สุด ความเป็นคนของท่าน ก็คือ ความมีเกียรติ
อันสูงสุด นั่นเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ เข็มอันชี้ จุดแห่งความเป็นคน
ของท่าน ก็ได้ชี้บ่งไปยัง การได้ทำงาน ชนิดมีเกียรติมาก มีผลมาก นั่นเอง
และทำด้วยตัณหา คือ ความอยาก เป็นนั่น เป็นนี่.


ความเห็นอย่างแจ่มแจ้ง ได้ขยายตัว ออกไป ตามแนวนั้น อีกว่า คน คือ
สัตว์ชนิดหนึ่ง
ซึ่งเห็นแก่ตัวจัด เป็นทาส แห่งความ ทะเยอทะยาน ของตัว
ยิ่งกว่าสัตว์อื่นๆ ทุกชนิด และ คน คงมิใช่
สัตว์ที่เกิดมา เพื่ออิสรภาพ และ ความสุข อันสงบ



เพราะ ถ้าเกิดมา เพื่อความ สุข สงบ ก็คงไม่ยอมตน เป็นทาส
ของความเห็นแก่ตัว ที่บังคับ ให้ทำ ให้คิด เพื่อตัว ทุกๆ ชั่วโมง
แม้เวลาหลับ ก็ยังฝัน แม้บนเตียง ที่นอนเจ็บ ก็ยังครุ่นคิด เพื่อการหาสิ่ง
บำเรอตัว สัตว์ที่ไม่ใช่คน ย่อมได้รับ การพักผ่อน
หรือ ความสงบ ยิ่งกว่า สัตว์ที่เรียกว่า คน ประเภทนี้ มากนัก
































อีกอย่างหนึ่ง คนคือสัตว์ชนิดหนึ่ง


ซึ่ง ขยาย "พวงอัตตา" หรือ "พวงตัว"
ออกเรื่อยๆ โดยไม่มีเวลาสิ้นสุด และการขยายนั้น ก็เพื่อตนจะได้แบกไว้เอง
เท่านั้น ครั้งแรก มีอัตตาหรือ ตัวเพียงตัวเดียว พอ "ความเป็นคน"
มากขึ้น ก็มี ภรรยา สามี ลูกหลาน ข้าทาสบริวาร หรือ อันเตวาสิก
สัทธิวิหาริก พอกขึ้นเป็นพวง เมื่อสิ่งที่เรียกว่า "บุญ
บารมี"
มากขึ้น บริวารเหล่านั้น


ต่างก็มี การขยายพวงของตัว ออกไปๆ และพวงน้อยๆ เหล่านั้น รวมกันเป็น
พวงใหญ่ พวงเดียว อีกต่อหนึ่ง โดยมี อัตตา ตัวแรกนั่นเอง อ้าออกรับ
เป็นเจ้าของพวง ผู้มีเกียรติ หยิ่งตัวเอง เสมอว่า การที่สามารถ
หิ้วพวงใหญ่ๆ เช่นนั้น ไว้ได้นั้น เป็น "เกียรติอันสูงสุด" นี่เป็น
จุดหมายของความเป็นคน ปริยายหนึ่ง


ซึ่งน่าจะสรุปได้สั้นๆ ว่า เกียรติของความเป็นคน ก็คือ การเกิดมา
เพื่อแบกพวงอัตตา พวงใหญ่ๆ นั่นเอง กระมัง



อีกปริยายหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างจะเด่นอยู่มาก ก็คือว่า
คนได้แก่สัตว์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเอาเปรียบผู้อื่นเป็น และรู้สึกว่า
ผู้อื่นเอาเปรียบตนก็เป็น. ความรู้สึกเช่นนี้
เป็นความรู้สึกที่หาได้ยากในสัตว์ จำพวกนกหนู เมื่อ "ความเป็นคน"
ยังน้อยอยู่ ก็ไม่ค่อยรู้สึกว่าใครเอาเปรียบตน หรือ ลูบคมตน
เมื่อความเป็นคน ชนิดที่กล่าวนั้น มีมากขึ้น เรื่องนิดเดียว และ
ชนิดเดียวกันนั่นเอง


กลับเห็นเป็น เรื่องที่ ผู้อื่นลูบคมตน เอาเปรียบตน ไม่เคารพตน
ผู้เป็นหัวหน้าหมู่ อย่างใหญ่หลวง และมักหาเรื่อง ลงโทษ ลูกหมู่ หรือ
ลูกพวง เป็นการประดับเกียรติ ของตน ถ้าจะกล่าว อีกอย่างหนึ่ง ก็ได้ว่า คน คือ สัตว์ที่รู้จัก ผูกโกรธ หรือ แก้แค้น เพื่อนฝูง
ด้วยกัน
ในกรณีที่ สัตว์ซึ่งต่ำกว่าคน ทำเช่นนั้นไม่เป็น
จุดหมายของความเป็นคน ตามนัยนี้ น่าจะได้แก่ การไม่ยอมให้ใคร มาลูบคม
เล่นได้นั่นเอง































เมื่อข้าพเจ้า ได้สังเกต ลักษณะแห่งความเป็นคน
ของบรรดาท่าน


ซึ่งท่านแน่ใจตัวเองว่า ถึงขีดสุด ของความเป็นคน จนพบว่า ท่านหมายถึงอะไร
โดยนัย ที่กล่าวมาแล้ว ก็ยังไม่แน่ว่า ข้าพเจ้าเข้าใจ ท่านเหล่านั้น
ได้ถูกต้อง ทำให้ต้อง ซักซ้อม ดู อีกเป็นหลายครั้ง แต่ในที่สุด ก็ไม่พบอะไร



มากไปกว่านั้น จึงยุติว่า ความเป็นคน ตามความหมาย ธรรมดา เท่าที่มี
ที่เป็น กันอยู่ ในจิตใจมนุษย์ เรานั้น ไปได้ไกล เพียงแค่นั้นเอง แต่
อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ายังไม่พอใจว่า ความเป็นคน มีเพียง เท่านั้นเอง
น่าจะมี เป็นอย่างอื่น.



ทีนี้ เราจงชวนกัน มามองไปยัง บุคคลประเภท ที่ไม่มีอัตตา เห็นตนเอง
และผู้อื่น เป็นเช่นกับ พืชพรรณ ธัญญชาติ ซึ่งต่างก็
เกิดขึ้นแล้ว เจริญงอกงาม และดับไปในที่สุด
ตามเรื่องของตนๆ
พวงอัตตา ของคนประเภทนี้ ก่อขึ้นไม่ติด ครั้นหนักเข้า ตัวเองก็ไม่มี คน
หรือ สัตว์ก็ไม่มี ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ถือพวกถือพวง ไม่รู้สึกว่า ได้เกียรติ
หรือเสียเกียรติ ทำงาน เพียงเพื่อ


ความตั้งอยู่ได้ ของร่างกายนี้ เพียงเพื่อ ต้านทาน ธรรมชาติ
ใช้หนี้ธรรมชาติ ตามที่ปัญญา บ่งให้ทำ เฉพาะในด้านกาย เช่น พ่อแม่เลี้ยง
ตนมา ก็เลี้ยงตอบแทน เมื่อยังไม่หลุด ก็ต้องเลี้ยง ลูกหลาน ของตนเอง
ใช้หนี้ธรรมชาติ อันนี้ ไม่รู้สึกว่า มีใคร เสียเปรียบ ได้เปรียบ



ในโลกนี้ มีแต่ สิ่งทั้งหลาย ที่หมุนไป ตามเหตุ ตามปัจจัย
ยินดีที่จะให้อภัย กันเสมอ ถือหลักความจริง เป็นแนว แห่งการครองชีพ ไม่แสวง
"บุญบารมี" มาเพื่อใช้ อำนวยการ สำเร็จความใคร่ ให้แก่
ความทะเยอทะยานอยาก ของตน


ไม่อ้าออกรับ สิ่งทั้งหลาย มาเป็นของตน เหล่านี้ เมื่อเรามอง ซึ้งลงไปถึง
หัวใจของเขา เรากลับพบว่า จุดแห่งความเป็นคน ของเขานั้น ตรงกันข้าม
จากของคน จำพวก ที่กล่าวมาแล้ว ข้างต้น ในที่สุด ข้าพเจ้า ก็กระทบกันกับ
ปัญหาว่า ถ้าเช่นนั้น พวกไหนเล่า
เป็นคนที่แท้จริง ตามความหมาย ซึ่งอาจเป็นที่พอใจ ได้ด้วยกันทุกฝ่าย.























ขอขอบคุณ : เนื้อหา สาระ แง่คิด ดี ดี จาก ;
หนังสือ
ชุมนุมข้อคิดอิสระ พุทธทาสภิกขุ

โดย สำนักพิมพ์สุขภาพใจ








Free TextEditor







































































































Create Date : 24 มิถุนายน 2553
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 16:36:05 น. 0 comments
Counter : 331 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.