|
สำหรับผู้หญิงสมัยใหม่การแต่งตัวหรือแต่งหน้าเพื่อเสริมบุคลิกภาพดูจะไม่ เพียงพอ การดูแลตนเองเพื่อความสวยงามกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างการตกแต่งเล็บจึงมาแรงไม่มีตก สังเกตได้จากร้านทำเล็บที่ผุดขึ้นตามห้างสรรพสินค้าหรือย่านชอปปิง แม้ว่าผู้หญิงจะเดินเข้าร้านทำเล็บเพื่อให้ช่างดูแลให้เสร็จสรรพ แต่ภาระและขั้นตอนการดูแลเล็บให้สวยและสุขภาพดีกลับเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระวังไม่ให้เล็บติดเชื้อรา!
|
|
สัญญาณบ่งบอก เล็บติดเชื้อ เล็บที่ ติดเชื้อราจะมีสีที่เปลี่ยนแปลงไปจากสีธรรมชาติ เช่น เปลี่ยนเป็นสีขาว สีเหลืองหรือสีเขียวคล้ำแซมเป็นจุดๆ ริ้วๆ ใต้เล็บ ส่วนเนื้อเล็บอาจหนาและแห้งหยาบ โดยรวมแล้วอาจไม่มีอาการคันหรือถ้าคันก็มีบ้าง แต่หากปล่อยทิ้งไว้จนอักเสบมากๆ เล็บอาจหลุดร่อนหรือติดเชื้ออักเสบ สร้างความเจ็บปวดได้ไม่น้อย
|
|
|
การรักษาและ ป้องกันเล็บติดเชื้อรา อันดับแรกต้องหมั่น สำรวจและสังเกตความผิดปกติของเล็บ โดยเฉพาะสาวๆ ที่ทาเล็บมือเล็บเท้าสารพัดสี หรือติดเล็บปลอม เสริมอะคริลิค ซึ่งควรหาสถานบริการตกแต่งเล็บที่สะอาดและมาตรฐาน ช่างเล็บมีความชำนาญ แต่ถ้าจะให้ดีไม่ติดเชื้อ อย่าทำจะดีที่สุด ตัดเล็บ ให้สะอาด ไม่กัดเล็บและรักษาความสะอาดของเล็บมือ-เท้า ด้วยการใช้แปรงขัดทำความสะอาดทุกวัน ใช้ผ้าเช็ดให้แห้งและอาจทาครีมบำรุงตาม ในกรณีที่จำเป็น ต้องสัมผัสน้ำทุกวัน ให้ใส่ถุงมือป้องกัน และอย่าลืมถอดถุงมือออกให้ระบายอากาศบ้าง เปลี่ยน ใส่รองเท้าฟองน้ำก่อนเดินบนพื้นห้องน้ำหรือห้องแต่งตัว ป้องกันไม่ให้เล็บเท้าติดติดเชื้อไวรัสหูด หรือติดเชื้อรา เพราะถ้าเป็นมากเล็บอาจหลุดร่อน กว่าจะรักษาให้เล็บกลับงอกเป็นปกติ ต้องใช้เวลากว่า 12 เดือน! หากสงสัยว่าจะเล็บ ติดเชื้อรา ให้เลิกทาหรือตกแต่งเล็บ และไปพบแพทย์ผิวหนังทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะจะยิ่งรักษายากและเสียเวลามากขึ้น (อาจต้องใช้เวลา 6 สัปดาห์-1 ปี ทีเดียว)
|
|
|
ขอ ขอบคุณข้อมูลจาก HealthToday
|
|
|
|