เก็บไว้ก่อนจ้า
ที่นี่กรุงเทพฯ
นิดนึง
ดอกไม้ไฟ ในค่ำคืนหนึ่ง
วันแรก วันที่ 10 มิถุนายน 2549 ขอออกตัวก่อนเลยว่า ฝีมือการถ่ายภาพพลุ ยังอ่อนนัก ถ้าเป็นฟิล์มคงโดนพ่อดักตีกบาลแน่ ๆ กดมาเกือบ 200 ภาพดูได้ไม่กี่ภาพ แล้วก็เก็บไว้ดูเองอีกนิดหน่อยเท่านั้นเองบริเวณท้องสนามหลวง...กรรมจริง ๆ อุตส่าบอกคนนู้นคนนี้ว่า สะพานพระปิ่นเกล้า ดูชัดแน่ ๆ แต่เอาเข้าจริง ๆ เวลา 5 โมงเย็นกว่า ๆ ข้ามเรือจากศิริราช มองไปบนสะพานมีแต่หัวมนุษย์ ยิ่งฟ้ามืดลงเท่าไหร่ กองทัพสีเหลือง (ไม่ใช่พระนะเฟ้ย) ก็เริ่มหนาแน่นไปทุกอนาบริเวณ ใครอย่าบอกนะ "มองหาสิ่วะ ใส่เสื้อเหลืองอยู่ตรงต้นมะขาม" ต้นมะขามมีกี่ต้น แล้วคนเป็นพันเป็นหมื่นที่ใส่สีเหลือง ต่อให้ใส่เสื้อสีแดงก็หาไม่เจอง่าย ๆ หรอกตัดสินใจไม่เดินขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้า นั่งรอชมอยู่ที่สนามหลวงนี่ล่ะ อย่างน้อย ก็ได้ทั้งพลุ ทั้งวัดพระแก้ว สวยไม่สวยไม่รู้ ขอยิงไว้ก่อน นั่งรอแล้วรอเล่า จนคนรอเค้ารอกันไม่ไหวกลับไปก็เยอะ จากเวลาที่แจ้งไว้ 20.30 น. เลื่อนขึ้นไปเป็น 21.00น.เสียงบ่นปนเบื่อผู้คนอื้ออึงไปหมด แต่ทันทีที่พลุชุดแรกกระหน่ำยิงขึ้นมา เสียงเฮก็ดังขึ้น ทุกคนตั้งหน้าตั้งตา มองสีสันที่กำลังแต้มฟ้ายามราตรีอย่างมีความสุข ลืมเวลาแห่งการรอคอยที่รู้สึกว่ายาวนานแทบจะหมดสิ้น เสียงเฮและปรบมือดังเป็นระยะ เมื่อได้ชมดอกไม้ไฟชุดที่ถูกใจตัวเอง สำหรับคนถ่ายภาพ ไม่รู้ไม่สน กดลูกเดียว พลุยิงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเต็ม ๆ หลายคนกลับบ้านด้วยความอิ่มเอม แต่หลาย ๆ คน ยังคงติดอยู่บนถนนสายประวัติศาสตร์แห่งนั้น โชคดีที่บ้านอยู่ไม่ไกล ข้ามสะพานพระปิ่น แล้วกระโดดข้ามรั้วกั้นเกาะกลาง ขึ้น 68 มาลงจุดที่ใกล้บ้านที่สุดจากนั้นก็เรียก Taxi กลับบ้านนอนทันที (น้ำก็ไม่อาบ)
ขาว - ดำ เต็มหน้า ราคาจั๊กบาท 555
ทริปผลาญตังค์ปีก่อน เหลือกลับบ้าน 3 บาท สะใจวัยซนจริง ๆ หมามึนอาคารเก๊า เก่า (เป็นผับที่หลวงพระบาง)หม่องนี่คือโรงแรม มองเห็นวิวน้ำคาน (หลวงพระบาง)บรรยากาศยามเย็น ริมน้ำของ (หน้าวัดเชียงทอง หลวงพระบาง)พระประดับโคมช่วงเทศกาลออกพรรษาเก้าอี้ขี้เหงา (ร้านอาหารริมน้ำของ)ร้านไฟแดง ๆ (วังเวียง)ทำบุญ และ ให้ทานวังวน วนเวียน (วังเวียง)ไปแล้ว บ๊าย บาย