Group Blog
 
All Blogs
 

สภาช่องคลอดร่วมฝูงเดียวกัน

หลังผลการเลือกตั้ง ส.ส. แม้รู้ว่าโอกาสลิบหรี่แต่ยังหวังเล็กๆว่าการเลือก ส.ว. จะมีมุขที่ทำให้เราเห็นอนาคตของประเทศชาติมีการเกลี่ยสรรหาผู้มีวุฒิภาวะมาเป็นส.ว.จากหลากหลายวิชาชีพและกลุ่มสังคมเพื่อพัฒนาชาติบ้านเมืองกันบ้าง...
แต่ที่ไหนได้...ผลแต่งตั้งชุด ส.ว. 2562 จากการจิ้มเลือก ของ ค.ส.ช. ที่เลือกพ้องเพื่อนพี่น้องในคอกเดียวกันเข้ามาอย่างเยอะอย่างหน้าเกลียดซะเหลือเกิน....เป็นโครงข่าย ‘สภาช่องคลอดร่วมฝูงเดียวกัน’ ต้อนเข้าคอกที่ยังมีกะลาครอบไว้อีกหนึ่งระดับเพื่อจำกัดวิสัยทัศน์บดบังบ้านเมืองให้คงอยู่ในสภาพคับแคบเปราะบางมองเห็นแต่ความเสื่อมถอยต่อไปในอนาคต.....
ช่างน่าอเนจอนาถใจจริงๆกับกลุ่มบรรดา ค.ส.ช. ที่มีแนวหน้าเป็นบุคคลผู้เบาปัญญา(สูงสุด)แต่มีกำลังและอำนาจพิเศษที่ได้รับแรงหนุนจากกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังวางแผนหลอกใช้สร้างกลไกเป็นขั้นเป็นตอนอย่างแยบยลด้วยอุบายไร้ยางอาย....และแม้เกิดกรณีผิดแผน (เช่นผลเลือกตั้ง ส.ส.) ก็สามารถอ้างความชั่วความเลวเป็นสิ่งถูกกฎหมายพร้อมจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ

ไม่รู้จะว่ายังไงจริงๆ

ได้แต่สมเพศตัวเอง




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2562    
Last Update : 22 พฤษภาคม 2562 15:52:25 น.
Counter : 556 Pageviews.  

เหตุผลที่พลเอกประยุทธ์เหมาะเป็นนายกฯ......

เมื่อกว่าห้าปีก่อนเราเคยสงสัยว่าทำไมนายสุเทพอยากได้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ เราก็ได้แค่ตั้งสมมติฐานว่าเพราะนายสุเทพอยากให้ทหารปฏิวัติเพื่อหาทางลงเท่านั้น แต่ทุกวันนี้เราเริ่มเชื่อมากขึ้นว่าเครือค่ายนกหวีดมีกลเกมที่แยบยลกว่านั้นมากนัก
ทำไมพลเอกประยุทธ์เหมาะกับการเป็นนายกฯในสายตาเหล่าเครือค่ายนกหวีด
แม้ว่าท่านจะเป็นคนที่อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ขาดวุฒิภาวะทางการเมือง อ่อนหัดทั้งการสื่อสารและสร้างปฏิสัมพันธ์ แม้จะพยายามฝืนแต่ก็ออกไปทางเสแสร้ง ผ่านชีวิตด้วยการท่องจำมากกว่าสร้างความเข้าใจให้ตัวเองและเป็นเหตุผลว่าทำไทท่านจึงมักพูดอย่าง แต่กลับทำอีกอย่างในหลายวาระ ทั้งในหลายๆกรณีก็กลายเป็นการลับกลอกจากหน้ามือเป็นหลังส้นเท้า
......เหล่านี้เป็นตัวอย่างเพียงส่วนหนึ่งที่ปราชญ์ทางการเมืองต่างประเมินว่าเป็นคุณสมบัติของผู้นำทางการเมืองที่อ่อนแอ.....
ทว่าคุณสมบัติเบื้องต้นแบบนี้แหล่ะ เหมาะนักหนาสำหรับเหล่าเครือค่ายและพลพรรคนกหวีดและกลายเป็นเหตุผลเดียวกับที่พรรค พปชร อยากได้พลเอกประยุทธ์เป็นผู้นำสืบต่ออำนาจอย่างนักหนา
เพราะรู้ว่าการได้คนที่เบาปัญญาแต่มีกำลังและอำนาจพิเศษมาช่วยสวมหัวหมาหน้ามังกรเพื่อคอยเสียมให้ทำโน้นนี่นั่นตามที่ตนต้องการแถมไม่ต้องรับหน้าเมื่อผิดย่อมสร้างความสนุกสุดบันเทิงได้สะใจคุณเธอยิ่งหนัก......
ได้แต่หวังว่าพลเอกประยุทธ์จะรู้ตัว ไม่ยอมเสียท่าจนสายเกินแก้ยิ่งไปกว่านี้  เมื่ออำนาจพิเศษที่เคยมีจะเริ่มหมดไปเรื่อยๆ.......เป็นอนิจจัง
 




 

Create Date : 23 มีนาคม 2562    
Last Update : 23 มีนาคม 2562 4:46:45 น.
Counter : 370 Pageviews.  

ห้าปีที่ผ่านมา...ไม่เสียปล่าว (ถ้าท่านรู้จักเรียนรู้)


ขณะที่นายกลุงตู่กำลังตัดสินใจทางเดินชีวิตทางการเมือง.......

เมื่อเรานึกถึงคำพูดที่ท่านกล่าวว่าเป็นห่วงบ้านเมืองถ้าท่านหรือพวกพร้องไม่ได้บริหารบ้านเมืองต่อ   อาจถูกฝ่ายประชาธิปไตยทำให้สิ่งที่ทำมาเกือบห้าปีสูญเปล่าเราฟังแล้วเห็นใจทั้งประเทศชาติและลุงตู่    เราจึงอยากฝากลุงตู่ให้พยายามทำความเข้าใจใหม่ดีกว่าว่าสิ่งที่ลุงกับพวกทำนั้นมันผิดเป็นการนำประเทศไปผิดทิศผิดทางอย่างไม่ต้องสงสัยใดๆทั้งสิ้น

ประเทศไทยได้เข้าสู่การปกครองแบบประชาธิปไตยมาแล้วเกินกว่าสามชั่วอายุคนปัญหาที่ประเทศนี้ก้าวไปไหนไม่ได้อย่างที่ควรเป็นก็เพราะความไม่แน่นอนในการปกครอง   เที่ยวเป่าประกาศต่อประชาโลกว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยแต่แทรกด้วยการปฏิวัติถี่บ่อยเหมือนเดินขึ้นเขาแล้วกลับกลิ้งตัวลงไปไหนก็ไม่รู้อย่างผิดที่ผิดทางที่แย่กว่าก็ชอบยกประเทศอื่นๆอย่างประเทศจีนว่ามีความมั่นคั่งอยากก็อปปี้ระดับดีเอนเอให้เสมือนเป็นน้องๆจีน    ท่านๆต้องทราบว่าประเทศจีนมีการพัฒนาไปในทิศทางนั้นมาแต่ไหนแต่ไรจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชก็เปลี่ยนเป็นสังคมนิยมเกือบทันที เกิดความซึมซับจนทำให้เกิดการรับรู้จากประชาชนมากพอจนแทบไม่ต้องปรับตัว(เพราะเคยยากลำบากมามากกว่านั้น)

เมื่อท่านเหมาเจอตุงเปลี่ยนเป็นการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์เพียงพรรคเดียวก็มีการระดมความคิดในแนวการปกครองในทิศทางเดียวมาตลอดซึ่งก็ไม่ได้เป็นมาอย่างราบรื่น  มีทั้งปัญหาอิทธิพลจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มหรือสร้างกระแสประชาธิปไตยที่เทียนอันเหมินแต่เพราะสามารถธำรงแนวทางอย่างเด็ดเดี่ยวในทิศทางสังคมนิยมจึงทำให้ประชาชนที่เติบโตมาในช่วงปฏิวัติ(ที่มีเพียงครั้งเดียว) เกิดการซึมซับกับการปกครองสังคมนิยมอย่างมีทิศทาง  ประกอบกับโชคดีที่ประเทศจีนมีรัฐบุรุษอย่างท่านเติ้งเสี่ยวผิงช่วยวางรากฐานดั่งผู้มองเห็นอนาคต....ต่างจากประเทศไทยที่ประกาศตัวเป็นประเทศประชาธิปไตยมาเกือบสามชั่วอายุคนจนเกิดการซึมซับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเกิดขึ้นกับคนส่วนมากไปแล้วแต่มีการปฏิวัติอย่างไม่ลืมหูลืมตาขาดสติไร้สำนึกแล้วยังกล้าดีอยากไปก็อปคนอื่นอย่างไร้ความรู้สึกนึกคิด

ว่าไปแล้วเกือบห้าปีที่ท่านกุมอำนาจและสร้างความล้มเลวต่างๆนาๆจากการบริหารประเทศของท่านคือผลประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับ เพราะท่านทำให้เราๆได้เรียนรู้และเข้าใจดีว่าการปกครองและการอยู่ร่วมกันที่ให้เราทุกคนมีสิทธิเสรีภาพมีความคิดเห็นหลากหลายย่อมเปิดมิติความคิดให้เข้าใจวิถีชีวิตของตัวเราและสามารถตรวจสอบซึ่งกันและกันได้ดีกว่าแทนการอ้างตนเป็นคนดีแล้วทำอย่างไรก็ได้....จนเด็กๆเยาวชนแยกไม่ออกว่าคนดีต่างจากคนชั่วคนเลวอย่างไรท่านทำให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้นว่าการรักษาการปกครองให้อยู่ในระบอบประชาธิปไตยอย่างมั่นคงและมีทิศทางจะทำให้ประเทศชาติมีความหวังในอนาคตมากกว่าการปฏิวัติที่เอาทรัพยากรของประเทศมาข่มขู่คนในชาติกันเอง (แทนที่จะทำหน้าที่ป้องกันภัยจากศัตรู).....ท่านช่วยทำให้เราเรียนรู้และเข้าใจมากขึ้นว่าก้าวก่ายเลือกทางเดินผิดๆของทหารและกลุ่มเผด็จการนิยมสร้างความยากลำบากให้กับชาวบ้านตาดำๆและสร้างความอัปยศต่างๆนาๆอย่างน่าละอายใจ ....สุดๆ

 

กล่าวโดยสรุปก็คือ...การปฏิวัติของ ค.ส.ช.ไม่สูญเปล่าหรอกเพราะท่านให้บทเรียนที่มีค่ายิ่งว่า....จะอย่างไรก็ตาม เราก็ควรรักษาการปกครองแบบประชาธิปไตยช่วยกันเดินทางนี้ไปในทิศทางนี้ด้วยกันแม้จะโซเซไปบ้างแต่ก็ต้องรักษาทิศทางที่ถูกต้องไว้และแก้ปัญหาต่างๆโดยเฉพาะการคอรัปชั่นด้วยครรลองและระบอบประชาธิปไตยที่มีความเป็นสากลและยอมรับได้จากประชาชนอย่างรู้เท่าทัน.....ไม่ใช่โดยวิธีพิเศษผิดปกติ(แล้วยังอย่างหนาอยู่) อย่างที่ลุง (ขี้) ตู่และพวกพ้องเป็น

 




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2562    
Last Update : 23 มีนาคม 2562 2:24:15 น.
Counter : 343 Pageviews.  

ระบบทหารจากเมียนม่าถึงไทยแลนด์



นางออนชานชูจีกำลังถูกกระแสตีกลับจากนานาชาติจากปัญหาโรฮินญา หน่วยงานและองค์กรหลายประเทศประนามอองชานด้วยข้อหาที่ไม่ยอมแสดงให้เห็น(ด้วยปาก) ว่าจะช่วยเหลือชาวโรฮินญาอย่างที่หลายๆฝ่ายคาดหวัง ทั้งๆที่สถานะภาพของออนซานก็ยังกะง่อนกะแง่นจากผลของสังคมประชาธิปไตยที่เหล่ากองทัพเมียนม่าสร้างโจทย์กำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆอย่างสารพัด [] ซับซ้อนที่ยากต่อการเอื้ออำนวยให้อองชานเป็นผู้นำประเทศอย่างแท้จริง จำต้องยอมอยู่กับระบบประชาธิปไตยแบบเอียงสู่กฎเกณฑ์ของกองทัพแทนที่จะใช้กลไกจากพลวัฒน์ของประชาชนอย่างแท้จริงด้วยระบบฝังยั่งรากเหง้าโคตระ [] ลึกแบบมดปลวกของระบบทหาร

ซ้ำร้ายกว่านั้น ในฐานะผู้นำประเทศ การจะทำอะไรก็ต้องได้รับการตอบรับและสนับสนุนจากประชาชนในประเทศเป็นสำคัญด้วยจะให้อองซานฝืนช่วยชาวโรฮินญาโดยที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนซึ่งบางส่วนก็แสดงให้เห็นว่ามีการต่อต้านชาวโรฮินญาอย่างหูดับตับไหม้ ประกอบกับกฎหมายที่ไม่เอื้ออำนวยให้ทำอะไรได้มากนักหากอองชานจะทุรันทำไปก็คงต้องถูกกักขังและอาจอยู่ในสถานะภาพที่ย่ำแย่กว่าในอดีตเนื่องจากไม่ได้รับแม้แต่ความเห็นใจจากคนเมียน ม่าด้วยกัน ระบบประชาธิปไตยของประเทศก็อาจต้องทดถอยกลับไปที่เดิมอย่างที่อองซานเคยบอกประมาณว่า “บางที่ก็ต้องยอมฝืนความรู้สึกผิดชอบชั่ว[]ดีเพื่อรักษาความคืบหน้าของระบอบประชาธิปไตยที่ได้รับมาบ้างเพื่อวันข้างหน้า “

พูดถึงความคับแค้นที่น่าเห็นใจออนซาน ก็อดกลับมานึกถึงระบบการเมืองในบ้านเราไม่ได้ด้วยแนวโน้มต้องการสืบทอดอำนาจด้วยกฎหมา(ย)ของผู้กุมอำนาจ รัฎฐาธิปัตย์ ที่นำโดยท่านผู้นำที่จะว่าไปแล้วมีอารมณ์ขัน (บางวัน)  และเมตตาธรรม (ต่อพวกตนและผู้ยอม)แต่มักมีอารมณ์แปรปรวนคุ้มดีคุ้มร้าย คุ้นเคยกับการออกคำสั่งและใช้อำนาจเกินขอบเขตโดยมี ม. 44 เป็นอาวุธ (แม้รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้กันแล้ว)สร้างความย้อนแย้งเป็นประสบการณ์ (ร้าย) ให้กับชีวิตเราๆท่านๆให้รู้ว่าแบบนี้ก็มีในโลก(ด้วยเหรอ) ทั้งยังเป็นคนที่มีความรู้สึกนึกคิดแบบเด็กๆ (จนมากเกินไป) ยินดีจนออกนอกหน้ากับคำเยินยอปอปั้นและไม่สามารถรับฟังความเห็นต่างได้แม้อาจยอมรับฟังก็เพียงจากพวกพ้องฝ่ายตนแต่กลายเป็นว่าหลายๆครั้งก็เพียงท่องจำข้อมูลที่มีคนอื่นถ่ายทอดให้โดยไม่เข้าใจเนื้อหาบริบทอย่างแท้จริงพอที่จะนำไปสู่การสร้างเป็นหลักการการบริหารประเทศซึ่งเห็นได้จากคำพูดและความเห็นที่ย้อนแย้งและขัดกัน อย่างกรณีคอรับชั่น และบัตรทองเป็นต้น

จากการบริหารประเทศกว่าสี่ปีของรัฐบาลนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งว่าระบบทหารคือปัญหาของประเทศใดๆก็ตามที่ไม่สามารถปลดปล่อยและแยกระบบทหารออกจากการเมืองการปกครองแม้ว่าเราจะเข้าสู่ช่วงเลือกตั้งแต่ก็ยังมีกลไกที่พยายามเอารัดเอาเปรียบ สร้างความวุ่นวายกับระบบการเลือกตั้งขนาดที่ก... ก็ไม่สามารถทำงานตามระบบและเป็นตัวของตัวเองได้

"เพื่อเห็นแก่อนาคตประเทศชาติได้โปรดหยุดระบบ ค.ส.ช.นี้เถอะ"

ทั้ง

การบริหารแบบ ค.ส.ช.

รัฐธรรมนูญแบบ ค.ส.ช.

และการเลือกตั้ง แบบ ค.ส.ช.

หรือแม้แต่การเอาเปรียบแบบ ค.ส.ช.




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2561    
Last Update : 4 ตุลาคม 2561 12:47:35 น.
Counter : 347 Pageviews.  

เปลี่ยนสมอง เปลี่ยนความคิด และชีวิต...







หลายสัปดาห์มาแล้ว.. นายกตู่กล่าวอะไรต่อมีอะไรตามสไตล์...อย่างสับเพเหระและให้ใครต่อใครรวมทั้งสื่อฯไปเปลี่ยนสมองใหม่กัน ทำให้เกิดประเด็นที่เราอยากทักในบันดล... แต่ติดงานประจำที่ต้องทำเพื่อหลีกหนีความยากจน...ตอนนี้ได้จังหวะมีเวลาก็ขอเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความจริงแท้ของสมองในแง่ที่อาจนำมาเทียบเคียงกับวิถีสังคมและการเมืองบ้านเราเผื่อเป็นแนวทางสำหรับท่านนายกตู่และเหล่าพี่น้องผองเพื่อนของท่าน...ได้เปลี่ยนความคิดโดยไม่ต้องถึงกับเปลี่ยนย้ายสมองกันหรอก...ทั้งนี้ไม่ขอกล่าวถึงรายละเอียดกายวิภาคของสมองที่ท่านนายกฯเกิดสับสนกับหัวใจซึ่งเราก็เข้าใจในตัวท่านนายกตู่ที่มีพื้นฐานความรู้จำกัด…เพียงแต่เราคิดยังไงก็คิด (ในแง่ดี) ไม่ออกว่าทำไมท่านอยากเข้ามาบริหารชาติบ้านเมืองด้วยกลไกกระทืบแผ่นดินด้วยรองเท้าบูธอีก...ทั้งๆที่ประวัติศาสตร์บ้านเราก็วนเวียนกับการทำรัฐประหารกันมาอย่างพร่ำเพรื่อและฉุดรั้งประเทศชาติไม่ให้ไปไหนกันไม่รู้กี่นับมาแล้ว...เฮ้อๆๆๆๆ

ขอเข้าเรื่องดีกว่า

สมองจัดเป็นอวัยวะที่มีความพิเศษแตกต่างจากอวัยวะอื่นๆของร่างกายได้รับการปกป้องอย่างเหลือเชื่อด้วยกลไกสุดมหัศจรรย์ทางธรรมชาติหลายๆรูปแบบ....ที่สำคัญที่สุดของหนึ่งในนั้นก็คือการสร้างตัวเองให้หลุดพ้นจากการรุกล้ำของเซลล์เม็ดเลือดขาว...ถ้าเปรียบเม็ดเลือดขาวก็คงไม่แคล้วเสมือนกับเหล่าทหารนั่นแหละ... ขณะที่สมองก็คือตัวตนและจิตวิญญาณของเราที่ทำหน้าที่คิดตัดสินใจและเลือกหนทางชีวิตซึ่งเปรียบไปก็คล้ายกับผู้บริหารบ้านเมือง...นั่นเอง

แม้เซลล์เม็ดเลือดขาวมีหน้าที่ในการช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมรวมทั้งเชื้อโรคต่างๆแต่ธรรมชาติก็ต้องการให้ดำรงอยู่ในขอบเขตของร่างกายที่ไม่เกี่ยวข้องกับสมอง ปกติแล้วเซลล์เม็ดเลือดขาวจะกำจัดทุกๆสิ่งที่เข้ามาในร่างกายที่เป็นสิ่งแปลกปลอมไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเชื้อโรคหรือไม่ก็ตามโดยไม่ทำลายเซลล์ของเราเอง (โดยตรง) เนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดขาวรับรู้ว่าเซลล์ต่างๆในร่างกายคือพวกเดียวกันเองอย่างไรก็ตามการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวจะมีปฏิกิริยาก้าวร้าวรุนแรงกับสิ่งแปลกปลอมและก่อให้เกิดผลกระทบกับอวัยวะต่างๆในบริเวณใกล้เคียง (ประหนึ่งช้างสารชนกันหญ้าแพรกก็กระจุยกระจาย) จนกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการทางพยาธิสภาพกับอวัยวะนั้นๆได้ด้วย...เพียงแต่ว่าผลกระทบข้างเคียงนั้นเมื่อเกิดกับอวัยวะอื่นๆที่ไม่ใช่สมองก็ยังอยู่ในระดับที่พอรับพอทนกันได้...แต่หากการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวเกิดขึ้นในสมองก็จะรุนแรงจนยากต่อการเยียวยาเนื่องจากเซลล์สมองมีความอ่อนไหวเป็นจุดยุทธศาสตร์ของชีวิต และมีการสร้างใหม่ช้ามากหรือแทบไม่สร้างเลย ดังนั้นสมองมีการสร้างกลไกขัดขวางไม่ให้เซลล์เม็ดเลือดขาวเข้ามาภายในซะเลย...และด้วยเหตุผลที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือเซลล์เม็ดเลือดขาวของร่างกายเราเองแท้ๆจะขาดสำนึกว่าเซลล์สมองก็คือส่วนหนึ่งของร่างกายเราเอง ดังนั้นหากมีอุบัติการใดๆก็ตามแต่ที่ทำให้เม็ดเลือดขาวเข้าไปในสมองได้เซลล์เม็ดเลือดก็จะทำลายเนื้อสมองของเราซะเอง.......(เอะๆ! อย่างที่ชอบพูดว่าทหารไม่ใช่นักการเมืองนั่นน่ะ)

อุปมาอุปมัย...หากท่านทหารทั้งหลายรับทราบและสามารถเข้าถึงปรัชญาความสมดุลย์และพอเพียงได้...ท่านก็ต้องเปลี่ยนวิธีคิดแบบทหารที่เข้ายึดบ้านเมืองด้วยการอ้างเหตุหรือโอ้อวดที่จะเปลี่ยนอะไรต่อมิอะไรเถอะท่านควรทำหน้าที่ของท่านเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องก้าวก่ายหน้าที่อื่นอันไม่ควรแม้จะมีเสียงยกยอปอปั้นให้ท่านหลงตัวเองก็ขอให้เป็นเพียงชั่วขณะ...อย่าถึงกับติดเป็นนิสัยสันดานเลย...ท่านต้องหยุดการก้าวก่ายและวิธีดำเนินการด้วยระบบทหารของท่าน...เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขี้นไม่ว่าช้าหรือเร็วก็คือการทำให้การความเสื่อมถอยของชาติบ้านเมืองเช่นเดียวกับที่สมองของเราเมื่อถูกเซลล์เม็ดเลือดขาวเข้ามารุกล้ำเมื่อไหร่ก็จะทำให้เกิดความเสื่อมของความคิดเกิดความจำเลอะเลือนและนำไปสู่จิตวิปลาส...แม้อาจทำให้ความเจ็บปวดหายไปเพียงชั่วขณะเพราะทำลายสมองส่วนที่รับรู้ความเจ็บปวดเท่านั้น..ไม่สามารถแก้ที่ต้นเหตุได้และในที่สุดเซลล์เม็ดเลือดขาวก็จะร่วมทำลายสมองตัวเองจนสิ้นเพราะเข้าใจว่าสมองคือศัตรูของตัวเอง...

แม้ว่า...พระพุทธเจ้ากล่าวว่าบัวมีสี่เหล่าและถูกกำหนดวิถีชีวิตตามแต่ที่เกิดมาและดำรงอยู่...แต่ท่านก็คงทราบได้ว่าบัวไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองได้เพราะบัวไม่สามารถเปลี่ยนสมองได้(เพราะไม่มี) แต่ท่านๆทั้งหลายครับ ท่านเปลี่ยนตัวเองได้ ท่านเปลี่ยนเถอะครับ อย่ายืดเยื้ออย่ายึดติด อย่าอ้างโน้นนี่นั่น....คืนชะตาชีวิตให้กับคนในชาติตามวิถีและครรลองไม่จำเป็นต้องอ้างความสงบ ความมั่นคง ทึกทักว่ามีใครอยากใครไม่อยากเลือกตั้งเพราะไม่ว่าจะมีฝ่ายไหนมากน้อยกว่ากันการเลือกตั้งก็คือการเริ่มต้นให้เราได้หลุดจากการทำลายตัวเราเอง...ถ้าหากยังทนทุรันกันต่อไป เราก็คงไม่มีเวลาที่จะเปลี่ยนสมองใหม่หรอก...นอกจากไปเกิดใหม่กัน

(*!) นอกจากสมองแล้ว อวัยวะที่สำคัญอื่นๆอย่างลูกตาและอัณฑะก็ไม่ยอมให้เซลล์เม็ดเลือดขาวรุกล้ำ




 

Create Date : 07 มีนาคม 2561    
Last Update : 8 มีนาคม 2561 14:28:32 น.
Counter : 467 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

ธีร์ พัชร
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ธีร์ พัชร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.